ตามรอย 2 ข่าวใหญ่ในรัสเซีย 'ลูกสาวฆ่าพ่อ & ภรรยาถูกสามีตัดมือทิ้ง' ซึ่งมาจากประเด็น 'ความรุนแรงในครอบครัว'

                  สวัสดีค่ะชาว Dek-D … ช่วงที่ผ่านมาในโซเชียลมีเดียมีประเด็นเรื่อง “ความรุนแรงในครอบครัว” ให้ติดตามกันอยู่ไม่น้อยเลย บางคนอาจจะมองว่าการดุด่าหรือลงไม้ลงมือเล็กน้อยไม่น่าเป็นปัญหาอะไร แต่การยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอาจส่งผลเสียในระยะยาวแถมร้ายแรงขึ้นอีกด้วยค่ะ ซึ่งประเด็นนี้เองก็เป็นปัญหาที่ประเทศรัสเซียด้วยเช่นกัน หนำซ้ำยังรุนแรงมากๆ จนมีชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งออกมาประท้วงเลยทีเดียว ถ้าอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก็เลื่อนลงมาอ่านกันได้เลยค่ะ

 

Photo Credit:
https://www.freepik.com/
 
            ประเด็น “ความรุนแรงในครอบครัว” หรือ Domestic Violence ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนไม่ใช่น้อยเลยค่ะ หลายคนอาจเข้าใจว่าความรุนแรงที่ว่านี้จะต้องถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันจนเลือดตกยางออก แต่จริงๆ แล้วแค่ข่มขู่ให้กลัว หรือทำร้ายจิตใจด้วยคำพูดก็นับเป็นความรุนแรงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นสามีกระทำต่อภรรยา หรือพ่อแม่ทำกับลูกก็ใช่ทั้งนั้น
 
            เมื่อเกิดความรุนแรงในครอบครัวขึ้น ผู้ที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเหยื่อให้หลุดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ก็คือเจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  จะเห็นได้ว่าหลายประเทศเลยที่จับลูกเล็กแยกออกจากพ่อแม่ที่ใช้ความรุนแรง  เพราะเค้าให้ความสำคัญเหยื่อในเหตุการณ์นี้มากที่สุดค่ะ ต้องยอมรับว่าสำหรับบางครอบครัวแล้วการอยู่กับพ่อแม่แท้ๆ ไม่ได้การันตีถึงสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยทั้งต่อร่างกายและจิตใจของเด็กแม้แต่น้อย
 
                 อย่างไรก็ตามที่รัสเซียกลับไม่เป็นเช่นนั้น เวลามีคนแจ้งเหตุความรุนแรงในครอบครัวตำรวจก็มักจะทำเมินเฉย มองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเมื่อปี 2017 รัฐบาลรัสเซียได้ลดทอนความเป็นอาชญากรรมของความรุนแรงในครอบครัวลง หรือพูดง่ายๆ ก็คือการทำร้ายร่างกายกันระหว่างคนในครอบครัวไม่ถือว่าเป็นความผิด หากเหยื่อไม่บาดเจ็บถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้หญิงรัสเซียที่เป็นเหยื่อความรุนแรงก็เลือกที่จะสู้กลับและเรียกร้องให้มีการออกกฎหมายใหม่เพื่อยับยั้งการเกิดความรุนแรงดังกล่าว             

 

ดมิตริและมาการิตา
Photo Credit: https://www.bbc.com/
 
            “มาการิตา เกรเชอวา” คือเคสนึงที่สะท้อนให้เห็นถึงความเมินเฉยต่อความรุนแรงในครอบครัวของสังคมรัสเซียค่ะ เธอมีสามีชื่อ “ดมิตริ” และมีพยานรักด้วยกัน 2 คน ทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนและเริ่มเดตกันหลังจากเรียนจบ แรกเริ่มทุกอย่างก็ดูดี ติดที่ดมิตริเป็นคนโมโหง่ายมากแม้แต่กับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ครั้งนึงเค้าเคยขู่ว่าจะฆ่าเธอหากเธอไม่ซื่อสัตย์ต่อกันด้วย
 
            แต่ว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มสั่นคลอนตอนที่มาการิตาเริ่มทำงานในแผนกโฆษณาที่สำนักงานหนังสือพิมพ์เซอร์ปูคูฟ เพราะดมิตรินั้นแม้ว่าจะเรียบจบปริญญามาแต่ก็หางานได้แค่คนขับรถยก เค้าจึงรู้สึกไม่พอใจทั้งเรื่องงานและหึงหวงภรรยากับเพื่อนร่วมงานผู้ชายด้วย เมื่อบรรยากาศในบ้านเริ่มเย็นชาและห่างเหินกันมากขึ้น มาการิตาจึงบอกว่าทั้งคู่ควรแยกทางกัน แต่ดมิตริก็ทำเมินไม่สนใจ
 
            เรื่องเริ่มแย่ลงเมื่อเธอนำใบหย่ากลับมาด้วย ทำเอาดมิตริโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง มีอยู่คืนนึงเค้าลงมือทำร้ายเธอด้วยค่ะ ซึ่งบ้านที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเป็นอะพาร์ตเมนต์แบบห้องนอนเดียว ทำให้ลูกๆ ตื่นขึ้นมาเห็น พอครั้งต่อมาก็ใช้มีดขู่ เธอจึงไปแจ้งตำรวจ แต่แทนที่ตำรวจจะรีบดำเนินการให้ กลับบอกว่าจะติดต่อกลับมาใน 20 วัน ซึ่งเธอก็แย้งว่าถึงเวลานั้นสามีคงพยายามฆ่าเธอไปแล้ว 20 ครั้ง แต่ตำรวจก็อธิบายว่าพวกผู้หญิงชอบมาแจ้งความและก็มาถอนแจ้งทีหลัง ทำให้งานมันเยอะโดยใช่เหตุ

 

Photo Credit:
https://www.bbc.com/
 
            หลังจากนั้น 5 วัน ดมิตริก็เสนอว่าจะไปส่งเธอที่ที่ทำงาน แต่พอถึงเวลาจริงๆ เค้ากลับขับรถตรงไปที่ป่า ลากเธอลงมาจากรถ จากนั้นก็หยิบขวานออกมาจากรองเท้าบูทและสับมือเธอทิ้งทั้งสองข้าง! เสร็จแล้วก็พาเธอไปส่งที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลท้องถิ่น ก่อนจะเดินทางไปมอบตัวที่สถานีตำรวจและสารภาพความผิด (ช็อกมากแม่…)
 
            โชคดีที่มือข้างซ้ายของมาการิตายังทำการผ่าตัดต่อกลับเข้าไปใหม่ได้ แต่ก็ใช้เวลาผ่าตัดไปถึง 9 ชั่วโมง ส่วนมือข้างขวานั้นเธอได้มือเทียมมาจากเยอรมนี โดยมีคนช่วยเหลือระดมทุนบริจาคให้เป็นจำนวน 6 ล้านรูเบิล (ประมาณ 2,535,700 บาท)
       
 

Photo Credit:
https://www.bbc.com/
 
            แม้มาการิตาไม่ได้ต้องการชื่อเสียงหรือต้องการให้คนมาสนใจกับเรื่องราวของเธอเท่าไหร่นัก แต่ทนายของเธอบอกว่าถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นข่าวในช่อง National TV ดมิตริก็คงจะได้รับโทษในคุกแค่ 3-5 ปีเท่านั้น ดังนั้นเธอจึงทำตามคำแนะนำของทนาย โดยออกหนังสือเกี่ยวกับช่วงที่เธอรักษาตัวชื่อว่า 'Happy without hands' เธอบอกว่า “เพื่อจะให้มั่นใจว่าเค้าอยู่ในคุกนานกว่านั้น ฉันต้องการความช่วยเหลือจากสื่อ” ซึ่งท้ายที่สุดแล้วดมิตริก็ถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 14 ปีค่ะ
 
                   แต่ว่าเรื่องของมาการิตาไม่ใช่ข่าวความรุนแรงในครอบครัวเพียงข่าวเดียวที่สร้างกระแสลุกฮือของผู้ประท้วง ยังมีเรื่องของ "ครอบครัวคาเชเทอรยัน" อีกเคสนึงที่สะท้อนถึงประเด็นความรุนแรงในครอบครัวที่รัสเซีย  3 พี่น้อง "คริสตินา", "แองเจลินา" และ "มาเรีย" ซึ่งตอนนั้นอายุ 19 ปี, 18 ปี และ 17 ปีตามลำดับ ลงฆ่ามิเคลผู้เป็นพ่อตายโดยแทงเข้าที่อกและคอหลายสิบแผล!

 

Photo Credit:
https://torontosun.com/
 
            วันเกิดเหตุนั้นมิเคลเดินทางกลับมาจากคลินิกจิตเวช เมื่อมาถึงก็ดุด่าลูกสาวทั้ง 3 คนว่าอะพาร์ตเมนต์รก แล้วก็ใช้สเปรย์พริกไทยฉีดเข้าไปที่หน้า ทำให้คริสตินาลูกสาวคนโตที่เป็นโรคหืดหอบถึงกับเป็นลม ตกดึกคืนนั้น 3 พี่น้องจึงตัดสินใจฆ่ามิเคลขณะหลับโดยการใช้ค้อน มีด และกระป๋องสเปรย์พริกไทยขวดเดียวกันกับที่ถูกฉีดใส่หน้า ก่อนจะแกล้งสร้างแผลให้ตัวเอง ทำเป็นว่าผู้เป็นพ่อนั้นเป็นคนเริ่มใช้มีดลงมือทำร้ายก่อน แล้วจึงเรียกตำรวจและรถพยาบาลมา แต่ในวันต่อมาก็ถูกจับได้และยอมรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าค่ะ
 
            เรื่องนี้ฟังดูรุนแรงมาก T _ T แต่ว่ามันมีที่มาที่ไปอยู่ค่ะ ทนายของทั้ง 3 คนและสำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซียแถลงว่า 3 พี่น้องนั้นถูกมิเคลคุกคามทางเพศ รวมถึงถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจมาเป็นระยะเวลาหลายปี อารีเลียที่เป็นแม่ก็เสริมว่า มิเคลจะทรมานลูกสาวตอนกลางคืน ไม่ยอมให้ทั้ง 3 คนได้นอนหลับ รวมถึงถือกระดิ่งคอยเรียกให้แต่ละคนไปหาและรับใช้ตามที่ตัวเองต้องการอีกด้วย

 

Photo Credit:
https://soles.org.es/
 
              นอกจากนี้ยังมีหลักฐานเป็นข้อความข่มขู่ปรากฏบนโทรศัพท์และในเฟซบุ๊กด้วย มิเคลขู่ฆ่าและคุกคามทางเพศลูกทั้ง 3 คนรวมถึงภรรยาตัวเอง “ฉันจะอัดพวกแกทุกเรื่องนั่นแหละ ฉันจะฆ่าแก” แถมหาว่าทั้ง 3 คนมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนชายอีกต่างหาก ด่าว่า “แกมันคือโสเภณี และแกก็จะต้องตายอย่างโสเภณี”  
 
                 จากคำให้การนั้นทั้ง 3 คนถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจ รวมถึงถูกคุกคามทางเพศมาเป็นเวลาอย่างน้อย 4 ปีก่อนลงมือ หนึ่งในทนายของ 3 พี่น้องกล่าวว่า “เราคิดว่าพวกเค้าไม่มีทางเลือก ผู้เป็นพ่อนั้นทำให้ลูกสาวรู้สึกสิ้นหวัง ทั้งชีวิตเหมือนตกอยู่ในนรก เราไม่สามารถเปรียบเทียบพวกเค้ากับคนอื่นๆ ที่มีสุขภาพกายและจิตมั่นคงได้ เด็ก 3 คนนี้ป่วยทางจิตใจอย่างรุนแรง เป็น Abuse syndrome (โรคทางจิตใจที่เกิดจากการถูกรังแก) และ PTSD (ภาวะป่วยทางจิตจากเหตุการณ์รุนแรง) ส่วนนี้เราได้รับการยืนยันจากการทดสอบทั้งหมดแล้ว”

 

Photo Credit:
https://www.bbc.com/
 
               แม้ว่าผลการสอบสวนจะมีมูลหลังเป็นเช่นนี้ แต่ว่าเคสนี้ก็ไม่ได้รับการผ่อนผันแต่อย่างใดค่ะ อัยการยังยืนยันว่าทั้ง 3 คนจะต้องถูกรับโทษ โดยคริสตินาและแองเจลินาโดนข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรอง ต้องรับโทษจำคุก 20 ปี ส่วนมาเรีย น้องสาวคนเล็กได้รับโทษแยก  เพราะว่าไม่ได้ลงมือฆ่าด้วยโดยตรงและในขณะที่เกิดเหตุยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ว่าชาวรัสเซียบางส่วนจะออกมาประท้วงว่าการกระทำของทั้ง 3 คนเป็นการป้องกันตัวในรูปแบบหนึ่ง แต่บางส่วนก็บอกว่าการตัดสินนั้นยุติธรรมแล้ว
 
            อย่างไรก็ตามจากการสำรวจในปี 2019 พบว่าผู้หญิงที่ถูกจับในข้อหาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนในช่วงปี 2016-2018 นั้น เกิดจากการป้องกันตัวเองจากการถูกทำร้ายมากถึง 80% เลยค่ะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ชาวรัสเซียกำลังต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิมด้วยเช่นกัน

 
            อ่านข่าวแล้วก็รู้สึกสลดใจนะคะ T _ T แต่ที่จริงแล้วในประเทศไทยเองก็มีประเด็นนี้อยู่ไม่ใช่น้อยเลย ถือเป็นประเด็นสำคัญที่เราควรให้ความสนใจและใส่ใจกันมากๆ เพราะความรุนแรงไม่ว่าจะทางร่างกายและจิตใจไม่ส่งผลดีอะไรเลยค่ะ :(


 
Sources:
พี่เยลลี่
พี่เยลลี่ - Columnist อักษรศาสตร์ เอกมโน โทติ่ง หิวชานมตลอดเวลาและเป็นทาสลูกน้องแมว

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น