ไขข้อข้องใจดราม่าศึกชิง ‘กิมจิ’ ระหว่างจีน vs. เกาหลี สรุปใครเป็นเจ้าของกันแน่?

อันนยองฮาเซโยค่ะชาว Dek-D…คราวก่อนพี่เยลลี่ได้นำเสนอเรื่องดราม่าระหว่างประเทศเกาหลีใต้และจีน กับประเด็น 'ชุดฮันบก' ที่ต่างฝ่ายต่างบอกว่าเป็นวัฒนธรรมของตัวเอง จนเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงจากชาวเน็ตทั้ง 2 ชาติ ซึ่งความเก่ายังไม่ทันหาย แต่ล่าสุดก็มีประเด็นใหม่เข้ามาสร้างความบาดหมางอีกรอบ เพราะดราม่าครั้งนี้มีต้นตอมาจากเรื่อง 'กิมจิ' ซึ่งถือเป็นอาหารประจำชาติของเกาหลีเลยก็ว่าได้ ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และคุณค่าทางโภชนาการทำให้ผักดองรสเผ็ดเปรี้ยวชนิดนี้ถือเป็นเครื่องเคียงที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะอาหารของชาวโสมขาว ต่อมาเมื่ออาหารเกาหลีเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้นจึงมีการส่งออกกิมจิไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกเรียกได้ว่าเป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารที่ชาวเกาหลีภูมิใจกันมากทีเดียวค่ะ 

แต่ล่าสุดก็เกิดประเด็นดราม่าขึ้นอีกระหว่างเกาหลีกับจีน เมื่อสื่อฯ จีนรายงานว่ากิมจินั้นไม่ใช่ของเกาหลีแต่เป็นของจีนค่ะ! หลังจากที่มีรายงานข่าวออกไปชาวเน็ตทั้งสองฝ่ายต่างก็คอมเมนต์ตอบโต้กันอย่างดุเดือดทันที มีอะไรเกิดขึ้นบ้างไปดูกันเลยค่ะ!

 

กิมจิ มาจากจีนจริงดิ?        

อย่างที่หลายคนทราบกันดีว่า ทั้งจีนและเกาหลีนั้นมีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่หนาว จึงทำให้การปลูกผักนั้นเป็นไปได้ยาก และจะปลูกได้แค่บางฤดูเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิดการถนอมอาหารเอาไว้เพื่อกินในฤดูอื่นๆ นั่นเองค่ะ และนั่นจึงทำให้เกิดผักดองในรูปแบบ 'กิมจิ' ของเกาหลี ฟากจีนก็มีเมนูที่เรียกว่า 'พ่าวช่าย'  ซึ่งเป็นอาหารจีนสไตล์เสฉวน สองเมนูนี้เหมือนกันคือใช้ผักกาดและผักอื่นๆ มาหมัก แต่ความต่างคือ วัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงรส พ่าวช่ายจะไม่มีส่วนผสมของพริกป่น ส่วนกิมจิที่เราคุ้นเคยกันนั้นจะปรุงด้วยพริกป่นทำให้มีสีแดงน่ากินนั่นเองค่ะ 

รูป Kimchi (กิมจิ) ผักดองของเกาหลี
รูป Kimchi (กิมจิ) ผักดองของเกาหลี
Photo credit:  www.unsplash.com 

อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าว Global Times ของจีนรายงานว่า ตอนนี้เมนูผักดองของจีนได้ผ่านการรับรองจากองค์การระหว่างประเทศว่าด้วยการมาตรฐาน หรือ the International Organization for Standardization (ISO )เรียบร้อยแล้ว ทั้งยังบอกอีกว่าการรับรองครั้งนี้ส่งผลให้จีนเป็นผู้นำเรื่องมาตรฐานสากลในการผลิตกิมจิเช่นกัน

หลังจากมีการรายงานข่าวออกไป โลกออนไลน์ของเกาหลีก็ร้อนระอุทันทีค่ะ!..มาดูกันว่าชาวเน็ตคอมเมนต์ตอบโต้เรื่องนี้ยังไงบ้าง?        

“นี่มันเรื่องไร้สาระมาก เป็นโจรขโมยวัฒนธรรมของเราชัดๆ!” ความเห็นของชาวเน็ตบนเว็บไซต์ ‘Naver’ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมมากในเกาหลี

            “ฉันอ่านข่าวที่จีนบอกว่ากิมจิเป็นของตัวเอง แล้วตอนนี้ก็กำลังสร้างมาตรฐานกิมจิสากลขึ้นมาอีก ไร้เหตุผลสุดๆ อะ!” โพสต์โดยแอคเคานต์ คิมซลฮา เนติเซนชาวเกาหลี

รูป Pao cai (พ่าวช่าย) ผักดองของจีน
รูป Pao cai (พ่าวช่าย) ผักดองของจีน
Photo credit: www.blog.themalamarket.com

ส่วนชาวเน็ตจีนก็ไม่ยอมแพ้ต่างโพสต์แสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้บนเว็บไซต์ชื่อดังอย่าง ‘Weibo’ โดยมีความเห็นไปในทางเดียวกันก็คือ กิมจิเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมการกินของจีน ทั้งๆ ที่เมนูพ่าวช่ายนั้นมีต้นกำเนิดจากมณฑลเสฉวน และจะเสิร์ฟพร้อมอาหารสไตล์เสฉวนเท่านั้น และไม่ได้เป็นที่นิยมถึงขนาดที่ขาดไม่ได้ในทุกๆ มื้ออาหารเหมือนกิมจิของเกาหลี

            “งั้น...ถ้าไม่ได้มาตรฐานตามนี้ (มาตรฐานที่รองรองโดยISO) ก็ไม่ถือว่าเป็นกิมจิน่ะสิ”

          “ขนาดการออกเสียง(ของกิมจิ) ยังมาจากภาษาจีนเลย...อย่างอื่นก็ไม่ต้องเถียงแล้ว” คอมเมนต์จากชาวเน็ตจีนในWeibo

 Note: คำว่า Xinqi อ่านว่า ซินชี ในภาษาจีนแปลว่าเผ็ด/เปรี้ยว คล้ายกับการออกเสียงคำว่า Kimchi (คิมชี) ของเกาหลี

 

ทางด้านกระทรวงเกษตรฯของเกาหลี (MAFRA) ก็ออกแถลงการณ์ถึงประเด็นนี้เช่นกัน โดยบอกว่ามาตรฐาน ISO ที่รับรองการผลิตพ่าวช่ายของจีนไม่ได้ครอบคลุมถึงกิมจิของเกาหลี และการรายงานข่าวโดยไม่แยกกิมจิออกจากพ่าวช่ายนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะสมอย่างมาก หลังจากมีแถลงการณ์ออกไปก็เป็นอันว่ารับรู้กันว่ากิมจิยังเป็นของคนเกาหลีอย่างที่เราๆ เข้าใจกันมา แต่ประเด็นนี้ก็ทำเอาชาวเกาหลีไม่พอใจกันมากทีเดียวค่ะ เพราะว่ากิมจิถือเป็นวัฒนธรรมการกินที่สะท้อนวิถีชีวิตชาวเกาหลีโดยตรงและยังมีการพัฒนาคิดค้นสูตรการทำกิมจิมากมายจนทำให้เครื่องเคียงชนิดนี้มีความหลากหลายมากขึ้นในปัจจุบัน 

ไหนๆ ก็เล่าดราม่าเรื่องกิมจิแล้ว ก็อยากพาไปเปิดโลกวัฒนธรรมอาหารกันหน่อยค่ะ มาดูกันว่า กิมจิของเกาหลีมีกี่แบบ? (มีแค่แบบที่ทำจากผักกาดขาวอย่างเดียวมั้ยนะ?)

‘กิมจิ’ มีแบบไหนบ้าง? มีแค่กิมจิสีแดงจริงหรือ?’

จุดเริ่มต้นของการทำกิมจิในเกาหลีเกิดจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นซึ่งกินระยะเวลานานทำให้ไม่สามารถเพาะปลูกผักได้ ดังนั้นชาวเกาหลีโบราณจึงมีกรรมวิธีการถนอมอาหารโดยการนำผักต่างๆ มาแช่ด้วยน้ำเกลือแล้วล้างให้สะอาด จากนั้นจึงนำเครื่องปรุงซึ่งประกอบด้วยพริกป่นเกาหลี กระเทียม ขิง กุ้งหมักและอื่นๆ มาคลุกเคล้ากับผักแล้วนำไปเก็บไว้ในภาชนะซึ่งฝังเอาไว้ใต้ดิน ด้วยอากาศที่หนาวเย็นเปรียบเหมือนตู้เย็นธรรมชาติ จึงทำให้ผักไม่เน่าเสียแต่จะเปลี่ยนรสชาติไปเป็นรสเปรี้ยวแทน (ในปัจจุบันจะเก็บในตู้เย็นแทนค่ะ) คนเกาหลีจึงนิยมทำกิมจิครั้งละจำนวนมากเพื่อเก็บเอาไว้กินตลอดทั้งปีและยังนำกิมจิมาทำอาหารชนิดอื่นอีกด้วย

ประเภทของกิมจิที่ชาวเกาหลีนิยมในปัจจุบัน เช่น

1. 배추김치 (แพชูกิมจิ) หรือ กิมจิผักกาดขาว ก็คือกิมจิที่ทำจากผักกาดขาวนั่นเองค่ะ ถ้าเป็นแบบดั้งเดิมควรจะทาเครื่องปรุงบนผักกาดทีละใบและต้องไม่ใช้มีดหั่นใบผักนะคะ ควรจะฉีกด้วยมือมากกว่าเพราะคนเกาหลีแอบกระซิบมาว่ารอยฉีกจะทำให้เครื่องปรุงจับตัวกับผักได้ดีกว่านั่นเองค่ะ //จดๆ 

รูปกิมจิผักกาดขาว
รูปกิมจิผักกาดขาว
Photo credit: www.maangchi.com

            2. 깍두기 (กักดูกี) หรือ กิมจิหัวผักกาด ชื่อก็บอกแล้วใช่มั้ยล่ะคะว่าหัวผักกาดต้องเป็นวัตถุดิบหลักแน่นอน วิธีการทำผักดองชนิดนี้ก็ไม่ซับซ้อนเลยค่ะ แค่นำหัวผักกาดมาหั่นเป็นลูกเต๋าแล้วก็คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงก็จะได้กิมจิที่ทั้งกรอบทั้งอร่อยแล้ว

รูปกิมจิหัวผักกาด
รูปกิมจิหัวผักกาด
Photo credit: www.jamieskitchen.ca

3. 나박김치 (นาบักกิมจิ) หรือ กิมจิแบบน้ำ กิมจิชนิดนี้มีความพิเศษกว่าชนิดอื่นๆ อย่างชัดเจนเลยค่ะเพราะจะเติมน้ำลงไปตอนหมักกิมจิด้วย ส่วนรสชาติก็จะหวานกว่าเพราะใส่เนื้อลูกแพร์กับแอปเปิลเข้าได้ด้วยนั่นเองค่ะ

รูปกิมจิแบบน้ำ
รูปกิมจิแบบน้ำ
Photo credit: www.koreanbapsang.com

4. 오이소박이 (โออีโซบักกี) หรือ กิมจิแตงกวา เป็นการนำแตงกวามาผ่าเป็นสี่ส่วนแต่ไม่ทำให้ขาดออกจากกันแล้วคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ส่วนตัวแล้วพี่มายมิ้นท์ชอบกิมจิชนิดนี้เป็นพิเศษเลยค่ะเพราะจะมีทั้งความกรอบของผิวแตงกว่าและความนุ่มของเนื้อแตงกวา กินกับข้าวร้อนๆ อร่อยสุดๆ ไปเลยค่ะ

รูปกิมจิแตงกวา
รูปกิมจิแตงกวา
Photo credit: www.jbplaza.com

5. 백김치 (แพกกิมจิ) หรือ กิมจิสีขาว กิมจิชนิดนี้พิเศษมากๆ เพราะจะมีแค่สีขาวของผักกาดขาวเท่านั้นไม่มีการใส่พริกป่นในการทำเครื่องปรุง รสชาติที่ได้จึงเป็นรสเปรี้ยว เค็ม และหวานค่ะ แม้ดูๆ ไปแล้วจะคล้ายกับผักดองพ่าวช่ายของจีนอยู่บ้างแต่เครื่องปรุงก็ยังแตกต่างกันอยู่ดีค่ะ

รูปกิมจิสีขาว
รูปกิมจิสีขาว
Photo credit: www.koreanbapsang.com

อาหารของแต่ละชาตินั้นมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศ นอกจากนี้ประเทศซึ่งตั้งอยู่ใกล้กันก็อาจเกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกินได้ค่ะ จึงไม่แปลกเลยที่ประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนกับเกาหลีจะมีเมนูอาหารที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง 

อย่างไรก็ตามข้อมูลของกิมจิที่เอามาฝากทุกคนเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นค่ะ เพราะที่จริงแล้วประเทศเกาหลีมีกิมจิมากกว่า 100 ชนิดเลยทีเดียวซึ่งมีทั้งแบบที่ทำจากผักและทำจากเนื้อสัตว์ เยอะมากเลยใช่มั้ยล่ะคะ? ถ้าใครที่เคยกินกิมจิชนิดอื่นๆ นอกจาก 5 ชนิดนี้ลองคอมเมนต์แชร์ความเห็นกันได้นะคะว่ารสชาติเป็นยังไง อร่อยหรือเปล่า? และชอบแบบไหนกันบ้าง ส่วนเรื่องราววัฒนธรรมต่างแดนคราวหน้าจะเป็นอะไร พี่มายมิ้นท์ฝากติดตามทางเว็บไซต์และช่องทางอื่นๆ ของ Dek-D กันด้วยนะคะ^^

 

Source:https://www.bbc.com/news/world-asia-55129805https://english.visitkorea.or.kr/enu/FOD/FO_ENG_2_1.jsphttps://mykoreankitchen.com/baek-kimchi-non-spicy-white-kimchi/https://www.reuters.com/article/us-southkorea-china-kimchi/south-koreans-chinese-clash-on-social-media-over-chinese-style-kimchi-winning-international-certificate-idUSKBN28A2NQhttps://www.theguardian.com/world/2020/dec/01/stealing-our-culture-south-koreans-upset-after-china-claims-kimchi-as-its-own https://www.maangchi.com/recipe/tongbaechu-kimchihttp://jamieskitchen.ca/product/mellow-diced-radish-kimchi-%EC%9D%B5%EC%9D%80-%EA%B9%8D%EB%91%90%EA%B8%B0/https://jbplaza.com/goods/view?no=1591https://www.fsnews.co.kr/news/articleView.html?idxno=34293https://unsplash.com/photos/M_mDgb8guhAhttps://blog.themalamarket.com/sichuans-naturally-fermented-pickles-pao-cai/https://www.youtube.com/watch?v=J4BL8CTdwbo&feature=youtu.beDSC_2956-e1414810864405.jpg (650×435) (koreanbapsang.com)

 

 

 

 

 

พี่มายมิ้นท์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

จักรพรรดิ_หน่อง Member 4 ธ.ค. 63 17:50 น. 1

จริงๆ ก็เหมือนเกาหลี ได้เอาวิธีการทำอาหารหมักดองแบบจีนมาพัฒนาให้เป็นกิมจิแบบเกาหลี จะมองว่ามีรากฐานจากจีนก็ได้ แต่สูตรทำแบบเกาหลีก็น่าจะเป็นของเกาหลี ก็เหมือนอาหารอีกหลายๆ อย่างที่เกาหลีได้อิทธิพลมาจากญี่ปุ่น (และญี่ปุ่นก็มีรากฐานอาหารหลายอย่างมาจากจีนอีกเช่นกัน) จึงมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศที่อาจมีรากฐานมาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง แบบ รามเกียรติ์ไทย โขนไทย ก็ได้อิทธิพลมาจากอินเดีย มาจากการดัดแปลง รามายณะ แต่ก็ไม่ได้เหมือนซะทีเดียวเอามาทำเป็นโขนแบบไทย การแสดงแบบไทย เนื้อหาอิงแบบไทย ...

0
กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

จักรพรรดิ_หน่อง Member 4 ธ.ค. 63 17:50 น. 1

จริงๆ ก็เหมือนเกาหลี ได้เอาวิธีการทำอาหารหมักดองแบบจีนมาพัฒนาให้เป็นกิมจิแบบเกาหลี จะมองว่ามีรากฐานจากจีนก็ได้ แต่สูตรทำแบบเกาหลีก็น่าจะเป็นของเกาหลี ก็เหมือนอาหารอีกหลายๆ อย่างที่เกาหลีได้อิทธิพลมาจากญี่ปุ่น (และญี่ปุ่นก็มีรากฐานอาหารหลายอย่างมาจากจีนอีกเช่นกัน) จึงมองว่าเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศที่อาจมีรากฐานมาจากแหล่งใดแหล่งหนึ่ง แบบ รามเกียรติ์ไทย โขนไทย ก็ได้อิทธิพลมาจากอินเดีย มาจากการดัดแปลง รามายณะ แต่ก็ไม่ได้เหมือนซะทีเดียวเอามาทำเป็นโขนแบบไทย การแสดงแบบไทย เนื้อหาอิงแบบไทย ...

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด