ส่อง 4 ‘เสาไฟอัจฉริยะ’ จาก 3 ประเทศ ไม่ได้ตั้งไว้สวยๆ แต่ฟังก์ชันอเนกประสงค์!

สวัสดีค่ะชาว Dek-D ทุกคน ในปัจจุบันโลกเราหมุนไปพร้อมกับการพัฒนาแบบก้าวกระโดดของอุปกรณ์ไอทีหลากหลายแบบ พี่เมนี่เลยอยากชวนทุกคนไปเปิดหูเปิดตาดูพัฒนาการด้านสาธารณูปโภคของประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจกัน 

อย่างเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนที่ไทยเราคงเห็นประเด็นที่คนพูดถึง ‘เสาไฟกินรี’ ที่สร้างขึ้นมามากมายในหลายพื้นที่ แต่กลับไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานเท่าที่ควร (นี่ยังไม่รวมถึงเสาไฟบางแห่งที่มีแต่เสาและหลอดไฟแต่กลับใช้งานไม่ได้นะ) ในขณะที่หลายๆ ประเทศตอนนี้เค้าได้พัฒนาฟังก์ชันของเสาไฟเพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบมากขึ้น เรียกว่าเป็นอีกโจทย์การแข่งขันเพื่อสร้างเมืองแห่งอนาคตกันเลยทีเดียว  // สำหรับวันนี้เราคัดมาให้ 4 เสาไฟจาก 3 ประเทศมาให้ชมกันว่าแต่ละที่จะเจ๋งขนาดไหน!

1. Korea

เชื่อว่าตอนนี้น้องๆ หลายคนคงอยากบินไปเที่ยวเกาหลีกันใจจะขาดแล้วใช่มั้ย และถ้าคราวหน้าได้กลับไป เราอาจจะต้องร้องว้าวในความไม่หยุดพัฒนาในหลายๆ เรื่องของ 'กรุงโซล' เกาหลีใต้ ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Smart City หรือเมืองอัจฉริยะ ได้มีแพลนที่จะติดตั้ง ‘Smart Poles’ (S-Poles) หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ‘เสาไฟฟ้าอัจฉริยะ’ นั่นเอง ล่าสุดทางเกาหลีได้ลองติดตั้งไปแล้ว 26 เสา ใน 6 แห่งของเมือง แต่ละที่ก็จะมีฟังก์ชันต่างกันออกไปตามความต้องการของจุดต่างๆ

โดยเจ้าเสาไฟตัวนี้ทำได้สารพัดประโยชน์เลยค่ะ เป็นทั้งเสาไฟริมถนน ไฟจราจร เครื่องตรวจจับสภาพสิ่งแวดล้อม เช่น ค่าฝุ่นและอุณหภูมิ เครื่องนับจำนวนคนเดินเท้า ยังไม่พอค่ะ ความล้ำคือเสาไฟนี้ยังสามารถใช้ชาร์จโทรศัพท์ และยังมีเป็นจุดกระจายสัญญาณ Wi-Fi อีกด้วย เรียกว่าสมมงกับ Smart City ไปเลย (นี่แค่น้ำจิ้มนะคะ) เรียกว่าคุณสมบัติครบมากกก 

และนอกจากนี้เค้ายังวางแผนที่จะพัฒนาอีกเวอร์ชันที่สามารถชาร์จแบตโดรนและยานพาหนะไฟฟ้า รวมทั้งตรวจจับการทำผิดกฎจราจร เช่น การจอดในที่ห้ามจอดได้อีกด้วย อมกก

………..

2. Las Vegas (USA)

ข้ามน้ำข้ามทะเลจากเกาหลี มาดูต่อกันที่ ‘เมืองลาสเวกัส’ แห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งที่นี่เค้าก็มีเสาไฟสุดปังที่มาพร้อมกับฟังก์ชันใส่ใจสิ่งแวดล้อม มาในรูปแบบของเสาไฟพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานก้าวเดินของคน ความดีงามนี้ต้องยกเครดิตให้กับเมือง และบริษัท Ego-Planet ที่ผลิตเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมเลยค่ะ เรียกว่าประชาชนเสียภาษีแล้วได้ใช้ประโยชน์เสาไฟกันคุ้มสุดๆ และเป็นมิตรกับโลกอีกต่างหาก

นอกจากนั้นยังมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เวลาที่คนเดินผ่านไฟก็จะติด แต่เวลาไม่มีคนไฟก็จะดับเองอัตโนมัติ (ปังมาก) และยังตอบรับกับชีวิตในโลกไอทีที่ทุกคนต้องชาร์จโทรศัพท์และใช้ Wi-Fi ทั้งช่วยประหยัดงบ ประหยัดพลังงาน แล้วยังดึงประโยชน์จากสิ่งรอบตัวอย่างการเดินออกมาใช้ได้อย่างฉลาดสุดๆ 

………..

3. San Diego (USA)

ถ้าพูดถึงเรื่องการจราจรสิ่งหนึ่งที่เป็นปัญหาเลยก็คือเรื่องอุบัติเหตุทั้งบนท้องถนนและทางเท้า ดังนั้นใน 'เมืองซานดิเอโก' รัฐแคลิฟอร์เนียแห่งอเมริกา จึงได้ติดตั้งเสาไฟที่ช่วยเซฟความปลอดภัยให้ชาวเมือง และไม่ใช่แค่เรื่องฟังก์ชันการใช้งาน ต้องบอกว่าเรื่องการดีไซน์ก็ปังไม่แพ้กัน มีการออกแบบให้ดูย้อนยุคเรโทรๆ เพิ่มกิมมิกและความโรแมนติกเข้าไปอีกด้วย // เรียกว่าแค่ยืนโพสท่าถ่ายรูปกับเสาไฟก็อัปลง IG ได้เลย

และที่บอกว่าช่วยเพิ่มความปลอดภัยนั้น เป็นเพราะเสาไฟนี้จัดเต็มไปด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ตั้งแต่การหาพื้นที่จอดรถ ระบบตรวจจับสภาพแวดล้อม จนถึงระบบตรวจสอบการเกิดอุบัติเหตุด้วยภาพและเสียง ที่จะคอยแจ้งให้กับตำรวจรู้แบบ real-time เมื่อมีเหตุร้ายแรง อย่างเช่น ถ้ามีรถชนกัน หรือเสียงกระจกแตก ก็จะส่งสัญญาณไปทันทีเลยค่ะ แถมยังต่อกับระบบตรวจจับที่มาของเสียงปืนอีก 

โดยข้อมูลพวกนี้จะถูกนำไปใช้ประโยชน์ต่อ ทั้งการพัฒนาแอปพลิเคชันและระบบอื่นๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับคนในเมือง รวมถึงทำให้การจราจรราบรื่นมากขึ้น เพราะสามารถหาพื้นที่เสี่ยงเกิดอันตรายบ่อยๆ หรือดูว่าที่ไหนรถติดเยอะๆ ได้นั่นเองค่ะ

ถึงแม้จะดูมีประโยชน์ใช้สอยจนแอบร้องว้าว แต่อย่างไรก็ตาม ชาวเมืองซานดิเอโกออกมาประท้วงกันเยอะในเรื่องประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัว  เนื่องจากเสาไฟนี้เก็บข้อมูลทั้งภาพวิดีโอและเสียงเอาไว้หมด หลายๆ คนเลยไม่สบายใจ มองว่าเป็นการบุกรุกความเป็นส่วนตัว และลดทอนเสรีภาพในการพูด เพราะถูกบันทึกการกระทำทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา

………..

4. Singapore

มาถึงประเทศสุดท้ายที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเราอย่าง ‘สิงคโปร์’ เมื่อไม่กี่ปีก่อนเสาไฟส่วนใหญ่ที่นี่ได้เปลี่ยนไปใช้ไฟแบบ LED ที่ช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 25% มีอายุการใช้งานยาวขึ้น รวมถึงสามารถปรับระดับความสว่างได้ตามสถานการณ์อีกด้วย เช่น ตอนตี 3 ไฟอาจหรี่ลง แต่พอมีรถวิ่งมาก็จะสว่างขึ้นได้เอง หรือเวลามีหมอกลงก็เปลี่ยนโหมดการใช้งานได้ เรียกว่ายิงนัดเดียวได้นกสองตัวเลยละค่ะ

ต้องบอกว่าแค่นั้นก็ถือว่าล้ำมากแล้ว แต่เค้าก็ยังไม่หยุดพัฒนาค่ะ ในปัจจุบันบริษัท Technolite มีการคิดค้นเสาไฟฟ้าอัจฉริยะชื่อว่า ‘I-Core’ ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากถูกสร้างด้วยอะลูมิเนียมรีไซเคิล แทนการใช้เหล็กชุบสังกะสีแบบเดิม แล้วยังใส่ฟังก์ชันเหมือนเสาไฟอัจฉริยะของประเทศอื่นๆ เข้าไปด้วย ทั้งการตรวจสอบสภาพอากาศ อุณหภูมิ ความชื้น ระบบนับก้าวเดินของคนเดินเท้า วัดระดับแสงและเสียงรอบข้าง

………..

เห็นแบบนี้แล้วหลายๆ คนคงอยากให้มีเสาไฟอัจฉริยะในไทยกันบ้างกันแน่ๆ อย่างที่เรารู้กันว่าตามท้องถนน แค่มีเสาไฟฟ้าธรรมดาที่ทำงานได้ดี แบบไม่ติดๆ ดับๆ ก็บุญแค่ไหนแล้ว ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกเองก็สำคัญ เพราะเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ แต่สิ่งที่ลืมไม่ได้เลยคือเรื่องการจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าต้องใช้งบแบบไม่สมเหตุผล แต่ทำได้แค่นั้น ก็ฟังดูไม่ค่อยคุ้มเลยเนอะ ว่ามั้ยคะทุกคน? :)