สวัสดีค่ะชาว Dek-D วันนี้จะพาไปรู้จักอีกทางเลือกการเรียนต่อ ม.ชั้นนำที่ไม่ไกลจากบ้านเรา นั่นคือสถาบัน “The Hong Kong University of Science and Technology" (HKUST) แห่งเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ที่นี่โดดเด่นด้านวิชาการและงานวิจัยที่เข้มข้นในหลากหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นสาย Engineering (วิศวกรรมศาสตร์), Sciences (วิทยาศาสตร์), Business (ธุรกิจ) และ Humanities & Social Sciences (มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์) และอื่นๆ เพียบ และแม้ว่าจะเพิ่งก่อตั้งมาเพียง 30 ปี แต่ปัจจุบันได้ก้าวมาอยู่อันดับต้นๆ ของโลก ทั้งครองอันดับ 34 บน QS World University Rankings 2022 และขึ้นแท่นอันดับ 2 จากการจัดอันดับกลุ่มมหาวิทยาลัยที่อายุการก่อตั้งน้อยกว่า 50 ปี โดย QS Top 50 Under 50 Rankings ปี 2021 อีกด้วย!
“คนไทยหลายคนอาจมองฮ่องกงเป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยว แต่อาจไม่รับรู้ว่ามีมหาวิทยาลัยที่ฮ่องกงถูกจัดอันดับสูงๆ เยอะมาก รวมถึง HKUST ก็ครองอันดับต้นๆ เทียบเท่ากับมหาวิทยาลัยในอเมริกา อย่าง University of California, Berkeley และ New York University แต่ค่าเล่าเรียนถูกว่าครึ่งต่อครึ่ง”
— นายพิสิฐชัย เชาวนจินดา (ปิแอร์) ศิษย์เก่าโรงเรียนนานาชาติทรีนิตี้
และนักศึกษา ป.ตรี HKUST ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
ทุกวันนี้ในประเทศไทยมีนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์เก่งๆ จำนวนมาก แต่หากได้ติดปีกด้วยทักษะด้านการตลาดและความรู้ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็น Skill สำคัญที่ขาดไม่ได้ในยุคนี้ รวมถึงติดอาวุธด้วยการเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำ ก็จะช่วยให้ได้คอนเนกชันพร้อมก้าวสู่ตลาดงานระดับ Global ได้
"ปิแอร์" นักศึกษาชั้นปี 3 หลักสูตร 2 ปริญญา ด้านเทคโนโลยีและการจัดการ (Dual Degree Program in Technology & Management) ของ HKUST เล่าว่า "ผมสนใจด้านวิศวะมากก็จริง แต่ผมก็เชื่อว่าความรู้ด้านธุรกิจสำคัญมาก ก็เลยตัดสินใจเรียนหลักสูตรที่ผสมผสานความรู้ทั้งสองด้านนี้เข้าด้วยกัน อย่างแผนที่กำลังเรียนตอนนี้ก็ได้ช่วยให้ได้เปิดมุมมองทั้งด้านการบริหารธุรกิจควบคู่กับด้านเทคโนโลยีการบินและอวกาศเลยครับ"
ไม่ใช่แค่ด้านวิชาการเท่านั้น แต่ HKUST ยังมีกิจกรรมนอกหลักสูตรเยอะมาก เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาตระหนักถึงประเด็นปัญหาที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ และนำไปสู่การค้นหาแนวทางการแก้ไขที่ผสมผสานแบบดั้งเดิมกับนวัตกรรมล้ำยุค เช่น ตอนเรียนปี 1 ปิแอร์ได้ร่วมโปรเจกต์ Undergraduate Research Opportunities Program (UROP) เพื่อ remodel เครื่องบินให้ใช้เชื้อเพลิงได้มีประสิทธิภาพขึ้น
หลักสูตรที่ทันสมัย เน้นวิทย์-เทคโนฯ
ตอบโจทย์ความท้าทายของโลก!
ในฐานะที่ HKUST เป็นมหาวิทยาลัยด้านการวิจัยแห่งแรกของฮ่องกง ที่นี่จึงให้ความสำคัญกับวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน และการแปลงความรู้ให้เป็นเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและตอบโจทย์ความท้าทายของโลก อย่างเช่นในสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 เมื่อปีที่แล้ว ม.สแตนฟอร์ด (Stanford University) ได้จัดอันดับให้คณาจารย์ของ HKUST ประมาณ 1 ใน 4 (ราวๆ 142 ท่าน) เป็นนักวิทยาศาสตร์ในลำดับ 2% แรกของโลก โดยคณาจารย์ของ HKUST ได้เสนอแนวทางแก้ไขที่แปลกใหม่ และคิดค้นสารเคลือบสำหรับใช้ป้องกันอานุภาพการทำลายเชื้อไวรัส COVID-19 (Anti-Microbial Coating) ที่มีประสิทธิภาพยาวนานถึง 90 วัน รวมถึงเทคโนโลยีการติดตามมนุษย์ (Human Tracking Technology) ที่ผ่านการยอมรับจากรัฐบาลฮ่องกงในการนำไปใช้ร่วมกับมาตรการบังคับในการกักตัว
HKUST ยังมีบทบาทสำคัญในด้านการเปลี่ยนแปลงทางภูมิอากาศ การพัฒนาอย่างยั่งยืน กลไกพื้นฐาน และการพัฒนาการรักษาโรคต่างๆ รวมถึงโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับการเสื่อมของระบบประสาท ควบคู่กับการพัฒนาเครื่องมือสมัยใหม่ให้มีฟังก์ชันประยุกต์ใช้งานที่หลากหลายขึ้น
และด้วยวัฒนธรรมการร่วมสร้างนวัตกรรมและการประกอบธุรกิจของสถาบันแห่งนี้ ทำให้ในทุกปีมีนักศึกษา คณาจารย์ และศิษย์เก่าของที่นี่ ก่อตั้งธุรกิจ Startup ราว 70-80 บริษัท ดูจากข้อมูลที่เผยแพร่ปีที่แล้วโดย Hong Kong X Foundation และ CGTN ก็มีถึง 7 จาก 18 บริษัทที่ก้าวสู่การเป็น “ยูนิคอร์น” หรือ ธุรกิจที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ที่มีผู้ก่อตั้งจาก HKUST!
เตรียมเปิดแคมปัสที่จีนแผ่นดินใหญ่
ใกล้นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค
ที่น่าจับตามองคือวิทยาเขตใหม่ของ HKUST ที่ตั้งอยู่ในเขตหนานซา เมืองกว่างโจว และเป็นโลเคชันใกล้ย่านนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค หากที่นี่เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็จะกลายเป็นทรัพยากรและโอกาสให้นักศึกษาและบุคลากรของ HKUST ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นแง่การแลกเปลี่ยนทรัพยากรและวิชาการระหว่าง 2 วิทยาเขต หรือหาแรงบันดาลใจให้เกิดไอเดียใหม่ๆ
ยิ่งปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่ามีครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนไม่น้อยที่อาศัยในไทย แล้วได้ติดต่อด้านการค้ากับประเทศมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจอย่าง "จีน" เช่นเดียวกับครอบครัวของปิแอร์ที่เล็งเห็น และมองต่อไปอีกว่าการศึกษาต่อที่ฮ่องกงคือการเปิดช่องทางใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสตีตลาดในเขตเศรษฐกิจพิเศษอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) ในขณะเดียวกัน HKUST ยังได้ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ มากกว่า 310 แห่งทั่วโลก อาทิ Massachusetts Institute of Technology (MIT), Stanford University, University of Oxford, Facebook และ Tencent // คอนเนกชันคือปังมากกก!
บรรยากาศระดับนานาชาติ
และทรัพยากรที่พร้อมส่งเสริมวิจัย
คุณวดีลดา ฐิติสมบูรณ์ (คุณนิ้ง) ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมชีวเคมี เมื่อปี 2564 ได้กล่าวว่า “ในช่วง 4 ปีการศึกษาที่ HKUST พี่ได้ร่วมกิจกรรมและสัมมนานานาชาติหลายครั้ง ได้พบทั้งเจ้าของรางวัลโนเบลและบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจอีกหลายคน แล้วสถาบันเองก็มีทรัพยากรที่สนับสนุนการทำวิจัยเต็มที่ ทำให้มีโอกาสเข้ามาเรียนและฝึกใช้เครื่องรีโอมิเตอร์ (Rheometer) จนชำนาญ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ได้เข้ามาทำงานตำแหน่งวิศวกรวิเคราะห์วัสดุ (Characterization Engineer) ที่บริษัท Dyson // แต่แม้จะไม่ได้ทุนในโครงการนี้ ค่าเรียนก็นับว่าสบายกระเป๋าถ้าเทียบกับสถาบันประเภทเดียวกันในอเมริกานะคะ"
. . . . . . .
ปรับการสอนให้อิสระและทันสมัย
เรียนข้ามภาคและมหาวิทยาลัยได้
HKUST ยังมีจุดแข็งเรื่องการปรับตัวที่ทันต่อสังคมโลก ที่นี่เป็นสถาบันแรกๆ ที่เปิดตัว Massive Open Online Courses (MOOCs) และนำการเรียนการสอนแบบข้ามหมวดมาใช้จริง เช่น
- SIGHT โปรแกรมที่ให้นักศึกษาได้ร่วมหาทางออกกับหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อแก้ไขปัญหาในประเทศที่กำลังพัฒนา
- Major + X รูปแบบการเรียนที่ผสมผสานสายวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรมศาสตร์ เข้ากับศิลปกรรมสร้างสรรค์ ดิจิทัลมีเดีย หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อให้สอดรับการเรียนรู้แขนงใหม่เหล่านี้
ไม่เพียงนักศึกษาเลือกเรียนหลักสูตรจากต่างภาควิชาได้เท่านั้น แต่ยังสามารถเลือกต่างมหาวิทยาลัยได้ภายใต้การดูแลของคณาจารย์ผู้มากด้วยคุณวุฒิ
ศักยภาพบัณฑิต HKUST
ติดอันดับบุคลากรที่ดีที่สุดของโลก
สำหรับโอกาสเติบโตด้านอาชีพ นักศึกษาจาก HKUST จะได้รับ offer โอกาสเข้าฝึกงานกับบริษัทใหญ่ทั้งในฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ และประเทศต่างๆ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) หรือด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งรัฐบาลฮ่องกงยังได้เสนอแรงจูงใจให้นายจ้าง ทำให้นักศึกษาสาย STEM จาก HKUST ได้รับการตอบรับเข้าทำงานเป็นจำนวนมากที่สุดเสมอมา
ทั้งนี้ รศ.เอกชัย แสนยาศิริ ผู้สอนด้านธุรกิจศึกษา ในคณะการเงิน (Department of Finance) ที่ HKUST Business School ได้กล่าวว่า “ในฐานะที่ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก นักศึกษาในฮ่องกงจะได้รับโอกาสฝึกงานกับบริษัทชั้นนำมากมาย และบางคนประสบความสำเร็จในการฝึกงานหลายครั้งในหลายบริษัทก่อนเรียนจบด้วย ในขณะเดียวกันฮ่องกงคือหนึ่งในสถานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพของนักศึกษา รวมถึงการขยายโอกาสไปทั่วโลก" เขากล่าวเสริมเรื่องค่าตอบด้วยว่า "เงินเดือนโดยเฉลี่ยของนักศึกษา HKUST ที่จบใหม่ สูงกว่านักศึกษาจบใหม่ในไทยถึง 4 เท่าเลยครับ"
ด้วยเหตุนี้บัณฑิต HKUST จึงถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งใน 30 บุคลากรที่ดีที่สุดของโลก จากการจัดอันดับของ Times Higher Education Global Employability University Ranking and Survey
(Ekkachai Saenyasiri, Associate Professor of Business Education)
. . . . . . .
ใบสมัครจะได้รับการพิจารณาหากมีที่นั่งเหลือ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมของ HKUST และการสมัครเข้าเรียนได้ตามวิดีโอด้านล่างนี้เลย!
0 ความคิดเห็น