สวัสดีค่า... เชื่อว่าก่อนที่น้องๆ จะเรียนในคณะใดคณะหนึ่ง นอกจากจะต้องรู้แล้วว่าตัวเองอยากเรียนอะไร ส่วนหนึ่งก็ต้องตั้งหน้าตั้งตาหาข้อมูลเกี่ยวกับคณะนั้นๆ ด้วย แต่พอเอาทุกคณะจากทุกมหาวิทยาลัยรวมกัน เรียกว่ารายชื่อคณะยาวเป็นกำแพงเมืองจีน แถมบางที่ชื่อคณะคล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนกัน!!
ใช่แล้วค่ะน้องๆ รายชื่อคณะหรือสาขาในประเทศไทยมีเป็นพันๆ สาขาเลยทีเดียว ซึ่งบางที่อาจจะเรียนเหมือนกัน แต่ชื่อคณะต่างกัน แต่บางที่ชื่อคณะคล้ายๆ กัน แต่เรียนต่างกันซะอย่างนั้น
เป็นใครก็งงใช่มั้ยล่ะคะ พี่มิ้นท์ก็เคยงงมาก่อนค่ะ ฮ่าๆๆ แต่พอได้ลองดูรายละเอียดลึกๆ แล้วก็รู้ว่าต่างกันจริงๆ สำหรับวันนี้พี่มิ้นท์ก็รวมคณะที่ขึ้นชื่อว่างงสุดๆ มาดูพร้อมๆ กันค่ะว่า มันต่างกันยังไง
สามสาขานี้ มีน้องๆ ถามมาเยอะมากๆ ซึ่งบางทีจะให้ตอบภายใน 1-2 ประโยคก็คงจะอธิบายยาก พี่มิ้นท์เลยขอมาอธิบายในนี้ทีเดียวเลยแล้วกัน ซึ่งทั้งสามสาขานี้เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดแต่จุดโฟกัสของแต่ละสาขาแตกต่างกันค่ะ
เป็นสาขาที่เน้นเกี่ยวกับฮาร์ดแวร์เป็นหลัก(แต่ซอฟท์แวร์ก็เรียนนะคะ) เน้นลึกไปถึงตัวคอมพิวเตอร์ โครงสร้างคอมพิวเตอร์ ระบบการทำงาน เครือข่ายคอมพิวเตอร์ การออกแบบวงจรคอมพิวเตอร์เน้นการพัฒนาระบบ วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้เราเข้าใจว่าระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์มันเป็นยังไง ดังนั้นเรียนจบออกมาก็จะเป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ หรือทำงานเกี่ยวกับการวิเคราะห์และพัฒนาระบบงาน พัฒนาระบบฮาร์ดแวร์ ค่ะ หรือจะเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ได้ ถือได้ว่าเป็นสาขาที่ค่อนข้าง เรียนหนักพอสมควรและฟิสิกส์ก็เป็นหัวใจสำคัญเลยล่ะ
ส่วนใหญ่จะอยู่ในคณะวิทยาศาสตร์ จะเน้นไปที่ซอฟท์แวร์ พวกโปรแกรมต่างๆ การจัดการฐานข้อมูล การเขียนโปรแกรม ออกแบบและพัฒนาซอฟท์แวร์ ดังนั้นจบสาขานี้มาส่วนใหญ่จะเป็นโปรแกรมเมอร์ค่ะ
ซึ่งทั้งสองสาขาด้านบนถือได้ว่าเป็นนักวิเคราะห์และผู้สร้างค่ะ
ถัดมาที่คณะ/สาขาสุดท้าย คือ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะมาในแง่ของผู้ใช้ หรือ user บ้าง ก็จะเรียนเกี่ยวกับสารสนเทศทั้งหลาย ระบบการสื่อสาร รวมถึงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารใช้โปรแกรมกราฟฟิค การออกแบบต่างๆ จริงๆ หากมองในสาขานี้ก็ดูเป็นสาขาที่ใกล้ชิดกับแวดวงธุรกิจมากที่สุดด้วย ซึ่งในสาขานี้น้องๆ ก็จะได้เรียนทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์ค่ะ เพียงแต่จะไม่ลึกเท่าสองคณะด้านบน ส่วนใหญ่คนที่จบด้านนี้มาจะเป็นกราฟฟิคดีไซนเนอร์ นักออกแบบแอนนิเมชั่น แต่ถ้าจะเป็นโปรแกรมเมอร์ก็ได้ค่ะ แต่ทั้งนี้อาจจะต้องขึ้นอยู่กับสาขาหรือรายวิชาที่เราเรียนว่าจะเน้นไปด้านไหน
สำหรับสองสาขานี้ เป็นสาขาของคณะมนุษยศาสตร์ มศว ค่ะ แต่รับตรง มศว ในปีนี้ดันไม่ได้เปิดรับเอกภาษาอังกฤษ ก็มีน้องๆ หลายคนบอกว่างั้นก็สอบเข้าเอกภาษาเพื่ออาชีพสิ ลองมาดูกันว่าสองสาขานี้เหมือนกันจริงๆ มั้ย
เป็นสาขาที่เน้นเรียนภาษาอังกฤษเพียวๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวภาษาก็จะลงไปถึงภาษาศาสตร์ วรรณคดี การอ่าน การเขียน ทุกอย่างที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ ส่วนวิชาโท สามารถเลือกได้ตามข้อกำหนดของมหาวิทยาลัย สำหรับการทำงานก็แน่นอนว่า ได้ภาษาหลักของโลกแบบนี้ จะไปทำงานอะไรก็สบายเลยค่ะ แล้วแต่น้องๆ จะเอาความรู้ไปประยุกต์
สาขาภาษาเพื่ออาชีพ แม้ว่าจะคล้ายๆ กัน คือ เป็นเอกภาษาอังกฤษ แต่ต่างกันตรงที่จะบังคับวิชาโทเป็นภาษาไทย นอกจากนี้ยังบังคับเรียนภาษาต่างประเทศอีกหนึ่งภาษา คือ ภาษาจีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่งเศส เยอรมันและเขมร สำหรับรายวิชาก็จะเป็นวิชาที่นำไปประยุกต์ใช้เพื่อประกอบอาชีพ เช่น ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว การแปล เป็นต้น ซึ่งจะไม่ได้เรียนเนื้อหาที่เป็นศาสตร์เหมือนเอกภาษาอังกฤษ สำหรับการทำงานก็ได้หลากหลายเช่นเดียวกัน
สรุปแล้วก็น่าเรียนทั้งคู่ค่ะ^^
สำหรับน้องๆ ที่อยากเรียนคณะเภสัชฯ แต่พอเจอชื่อสาขาถึงกับผงะ เพราะไม่รู้ว่ามันต่างกันยังไง แล้วฉันจะเรียนอะไรดี?? สำหรับสาขาหลักๆ ของคณะเภสัช มีอยุ่ 2 สาขาด้วยกัน คือ สาขาเภสัชศาสตร์ และ สาขาการบริบางทางเภสัชกรรม แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่าทั้งสองสาขาเรียนเหมือนกันเกือบหมดทุกวิชา แต่จะมาแยกลงลึกในวิชาของสาขาก็ตอนปีท้ายๆ เน้นกันไปคนละด้าน ดังนี้
เป็นสาขาที่ตรงกับชื่อคณะเลย สาขานี้เน้นเรียนเกี่ยวกับตัวยาล้วนๆ ตั้งแต่การวิจัยตัวยา พัฒนายา เข้าห้องแลป ดีเทลยาา และจะลงลึกในปีสูงๆ สายงานของสาขานี้อาจจะไปอยู่ตามบริษัทยา โรงงานผลิตยา แล็ป หรือเป็นนักวิจัย ในสาขานี้ก็ทำงานในโรงพยาบาลได้เหมือนกันนะ
ในสาขาก็จะต้องเรียนพื้นฐานเกี่ยวเภสัชเหมือนกัน แต่ช่วงปีท้ายๆ จะได้เรียนเกี่ยวกับการทำงานในโรงพยาบาล คือ เพิ่มเติมในส่วนของการทำงานกับผู้ป่วย การจ่ายยา ดูแลคนไข้แต่ละราย การทำงานกับทีมแพทย์ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานในโรงพยาบาลหรืองานคลินิก
จริงๆ แล้วทั้งสองสาขานี้ก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก อาชีพหลังเรียนจบก็ไม่ได้แยกเฉพาะเจาะจงเท่าไหร่ เรียกว่าสายงานอาจจะทับซ้อนกันได้ค่ะ แต่ที่แน่ๆ คือ เปิดร้านขายยาได้ทั้งคู่ค่ะ
มาที่คู่สุดท้าย คือ คณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะสัตวศาสตร์ และคณะเทคนิคการสัตวแพทย์ สองคณะหลังอาจจะไม่ค่อยคุ้นกันเท่าไหร่ เพราะมีเพียงไม่กี่แห่งที่เปิด ซึ่งทั้งสามสาขานี้ แม้ชื่อจะใกล้เคียงกันม๊ากมาก แต่รายละเอียดและอาชีพในการทำงานค่อนข้างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ
ก็เหมือนคณะแพทย์ แต่เปลี่ยนผู้ป่วยจากคนไปเป็นสัตว์นั่นเอง ดังนั้นจึงเรียนเกี่ยวกับการดูแลรักษาสัตว์ การป้องกันโรค การวินิจฉัยโรคที่เกิดกับสัตว์ รวมไปถึงยาที่ใช้สำหรับสัตว์ เรียน 6 ปีจบออกมาก็จะเป็นสัตวแพทย์นั่นเอง ซึ่งจะไปเปิดคลินิกของตัวเองก็ได้ด้วย
จะเรียนเกี่ยวกับการดูแล การจัดการสัตว์ในเชิงสุขาภิบาล เทคโนโลยีผลิตสัตว์ เทคโนโลยีเกี่ยวกับอาหาร โภชนศาสตร์สัตว์ จะเน้นไปที่สัตว์ฟาร์มเป็นส่วนใหญ่ ยกตัวอย่างรายวิชาจากคณะสัตวศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร ม.ศิลปากร เช่น วิชาหลักการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ วิชาการผลิตโคนมและโคเนื้อ วิชาการจัดการดูแลม้า เป็นต้น จบมาก็ทำงานเกี่ยวกับปศุสัตว์หรือจัดการฟาร์ม ใช้เวลาเรียนแค่ 4 ปีค่ะ
ก็คล้ายๆ กับคณะเทคนิคการแพทย์อีกเช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นสาขาที่น่าสนใจนะ โดยหลักๆ จะเรียนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ ตรวจวินิจฉัยโรคสัตว์ เช่น งานด้านเคมีคลินิก ปรสิตวิทยา รวมไปถึงการพยาบาลสัตว์ด้วย เรียนจบออกมาก็เป็นนักเทคนิคการสัตวแพทย์ในกรมปศุสัตว์ โรงพยาบาลสัตว์ หรืออยู่ห้องปฏิบัติการในหน่วยงานต่างๆ เป็นอาชีพที่ทำงานควบคู่กับสัตวแพทย์ค่ะ สำหรับคลินิกรักษาสัตว์นั้นคนที่จบจากคณะนี้จะเปิดไม่ได้นะคะ
เอาล่ะค่ะ ไม่รู้ว่าคณะที่พี่มิ้นท์หยิบมาพูดในวันนี้ จะตรงกับข้อสงสัยของน้องๆ บ้างหรือเปล่า ซึ่งพี่มิ้นท์ก็พูดในภาพรวมคร่าวๆ เท่านั้นนะคะ ถ้าใครอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมในเชิงลึกว่าแต่ละคณะ จะต้องเรียนวิชาอะไรบ้าง ก็สามารถไปหาหลักสูตรมาอ่านได้เลยค่ะ
และถ้าน้องๆ คนไหนมีกลุ่มสาขา/คณะที่ยังมึนๆ อยู่ ลองโพสทิ้งไว้ก็ได้นะคะ ถ้ามีโอกาสพี่มิ้นท์จะแวะมาอธิบายจ้า^^
(อยากรับข่าว SMS บ้าง มาอ่านวิธีสมัคร คลิกที่นี่ เลย)
ข่าวดี !! น้องที่ใช้เครือข่าย truemove H ก็สมัคร Dek-D'S SMS ได้แล้วจ้า
20 ความคิดเห็น
อ้อ ขอถามค่ะ ถ้าเป็นพวกกราฟฟิคอะไรทำนองนี้ก็ถือเป็นซอฟแวร์และอยู่สายวิทยาคอมใช่ไหมคะ
หรือว่าเหมือนกันทั้งสองอัน
Edit
อ๋อ เข้าใจแล้วค่ะ พอดีเลื่อนลงมาแค่สองอัน ขอโทษที่อ่านไม่ละเอียดค่ะ
งั้นสนใจ ICT มากกว่า 555+
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 15:20
เอามาให้ดูคร่าวๆ แต่ละมหาลัยสอนไม่เหมือนกันหมดหรอก เพราะเพื่อนเราเรียนอีกมหาลัย
คุยกันก็เรียนบางวิชาไม่ตรงกัน อย่างแคล เราก็ไม่ได้เรียน แต่เพื่อนที่เรียน bu ได้เรียน
Commercial Database System 1
Data Warehousing and Data Mining Techniques
Backup & Recovery
Advanced Database Systems
Database Administration
Web Based Database Systems
Commercial Database System 2
Advanced SQL
Database Performance Tuning
Distributed Databases
Advanced Network Technology
Selected Topic in Network Technology
Network Security
Network Technology Practice
Data Networking
Network Management
Network Operating Systems and Protocol
Computer Network Design and Implementation
Wireless and Mobile Communication
Advanced Internet Programming
Web Design And Development
Network Security
Internet Engineering
Selected Topic in Web Design And Development
Graphics User Interface System
Electronic Commerce
Wireless and Mobile Communication
Multimedia Technology for Library Management
Audio and Visual Digital System Processing
Introduction to Multimedia Design
Graphics User Interface System
Selected Topic in Multimedia And Animation
Application Software in Multimedia Technology
Computer Application in Education
Instructional Package in Multimedia Technology
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 16 มิถุนายน 2555 / 17:36
วิทยาการคอมคือ ซอฟแวร์ทั่วไป การออกแบบ รวมไปถึงการใช้ ข้อกำหนด รูปแบบ โครงสร้างขั้นพื้นฐาน ความสัมพันธ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ พูดง่ายๆก็คือ ใช้เป็น และสร้างเป็น ดูแลเป็น เข้าใจ อะไรทำนองนี่อ่ะครับ
วิศวะกรรมซอฟแวร์ คือ เจาะลึกไปถึงโครงสร้างของซอฟแวร์ คือ สายนี้ เรียนมาเพื่อโปรแกรมเมอร์เท่านั้นครับ เน้นหลักการซอฟแวร์และกลไกการทำงานทั้งระดับทั่วไปและระดับสูง
ก็ว่าเภสัชทั้งสามอันต่างกันตรงไหน
เป็นประโยชน์มากๆเลย
อ่านจบแล้วทำให้ตัดสินใจได้ง่ายมากๆเลยค่ะ
วิศวะเคมี-วิทยาศาสตร์เคมี
ถ้าเราเปรียบการทำงานคือการคั้นส้ม
วิศวเคมี มีหน้าที่ ดูแลและควบคุมเครื่องจักรเพื่อทำให้ได้น้ำส้มที่คุ้มทุนที่สุด
วิทยาศาสตร์เคมี มีหน้าที่ ศึกษาโครงสร้าง องค์ประกอบทางเคมีของน้ำส้ม
แต่เมื่อเรียนไปแล้ว สังคมก็จะต่างกันไป กล่าวคือ
วิศวะก็จะพี่น้องแนบแน่น(จนหายใจไม่ออก = =)ตามระบบSOTUS และกิจกรรมแน่นมากๆ
ส่วนวิทยาศาสตร์ ก็จะเน้นไปทางเรียน(ขอเน้นว่าหนักมว๊ากกก) จับกลุ่มกันติวอย่างเป็นระบบ กิจกรรมน้อย...
วิทยารุ่นพี่เราเทคแคร์ดีมากๆๆๆ ><
สัตวศาสตร์ สามารถเรียนต่อเพื่อเป็นสัตวแพทย์ได้ แต่ใช้เวลาเรียน 6 ปีเหมือนกันกับสัตวแพทย์
ไม่ใช่เรียนต่ออีก 2 ปีก็เป็นสัตวแพทย์ได้อย่างที่เข้าใจนะคะ
และสามารถนำวิชาที่เรียนในสัตวศาสตร์มาเทียบโอนหน่วยกิตได้ ช่วยให้เรียนเร็วขึ้น แต่ก็จบตามเกณฑ์ค่ะ ^^
(อันนี้มหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ค่ะ)
แต่จะเป็นสาขาหนึ่งในคณะเกษตร อย่างคณะสัตวศาสตร์ ม.ศิลปากร ก็คือคณะเกษตรนั้นแหละ
ซึ่งสาขานี้มักจะเป็นสาขาที่คะแนนสูงสุด ในคณะเกษตร....