P
คณะวิทยาศาสตร์
                    สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
ก้าวแรกคณะในฝัน 

        วัสดีค่ะ ตามที่พี่แป้งได้สัญญาไว้ในบทความที่แล้วว่าจะตามไปสัมภาษณ์พี่ๆ ที่เขาสอบคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ได้ ว่ามีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง โดยจัดเต็มมา 3 รูปแบบโดยการสอบตรง 3 แบบเลยค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเราไปดูกันดีกว่าค่ะ ^_^

ไอคิว สันติภาพ วัชระสุขจิตร
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่เเป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
น้องไอคิว : ชื่อ สันติภาพ วัชระสุขจิตร ชื่อเล่น I.Q. (แต่ไม่ค่อยมีคนเรียกกัน มักมีแต่คนเรียก "สัน") จบจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยครับ และตอนนี้เป็นว่าที่(ยังไม่มอบตัวเลย - -*) นักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ หลักสูตรภาษาอังกฤษ

พี่เเป้ง : สอบเข้า สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ได้อย่างไรคะ?
น้องไอคิว : ผมได้ทุนเพชรพระจอมครับ ซึ่งเป็นทุนสูงสุดของมหาวิทยาลัย ได้ภาควิชาละคน เพราะงั้นผมจึงต้องขยันมากๆๆ อ่านหนังสือทุกเวลาที่ว่าง และฝึกฝนอยู่ตลอด... ซะที่ไหนละครับ เอาตรงๆ เลยละกันนะ บอกไว้ก่อนว่าเส้นทางการเข้าเรียนของผมอาจจะประหลาดซักหน่อย เพราะผมเข้าได้ด้วยผลงานล้วนๆครับ
          เริ่มจากเมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว (มกราคม 2555) มีการจัดประกวด SIT Code ของคณะเอง ซึ่งผมก็ไปแข่งมาแล้วได้ที่ 1 ครับ หลังจากนั้นพอเปิดเทอมมหาวิทยาลัยฯ ก็มี Road Show ไปทางรร.ผม ซึ่งหลังจากเสร็จสิ้นผมก็ไปถามหลังไมค์มาว่า "พี่ครับ ผมยังไม่ได้เกียรติบัตรที่ไปแข่งมาเลยนะครับ" แล้วพี่เขาก็รับปากว่าจะตามให้ พร้อมกับมีข้อเสนอว่าต้องการจะเข้าเรียนด้วยโครงการ Active Recruitment ไหม? ซึ่งผมก็บอกว่าน่าสนใจไว้ก่อน
          หลังจากนั้นเหมือนเขาแอบไปค้นประวัติมา รู้ว่าผมเคยได้เหรียญทองแดงจากการแข่งสอวน.คอมพิวเตอร์ระดับชาติ ก็เลยเชิญผมไปนั่งฟังอาจารย์บรรยายเกี่ยวกับคณะของเขา และ
เชิญชวนให้มารับทุนเพชรพระจอมครับ จากนั้นก็นัดให้มาทดสอบความรู้ด้านภาษาอังกฤษและสัมภาษณ์พร้อมกับคนอื่นๆที่เขามาด้วยโครงการ Active Recruitment เหมือนกัน
          ซึ่งวิทยาการคอมพิวเตอร์ ก็สอบเลขแบบง่ายๆ และข้อสอบภาษาอังกฤษมหาโหด แล้วก็มีสัมภาษณ์ ซึ่งคล้ายๆคุยเล่นมากกว่า เพราะเคยคุยกันมาก่อนแล้ว (หรือเพราะผมผ่อนคลายเกินไปจนนึกว่าคุยเล่น อันนี้ก็ไม่แน่) หลังจากนั้นเขาก็ให้ผมส่ง Portfolio และรอทางมหาวิทยาลัยตอบรับ จนได้มาเป็นว่าที่นักศึกษาถึงวันนี้นั่นล่ะครับ


พี่เเป้ง : อะไรคือสิ่งที่ทำให้เลือกที่จะเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คะ?
น้องไอคิว : อันดับแรกเลยคือ ผมสนใจเรื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลักครับ แล้วสาขาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในไทยหลักๆ ก็มี 3 สาขา คือ วิศวคอมพิวเตอร์ วิทยาการคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสารสนเทศ นอกจากนี้บางมหาวิทยาลัยก็ยังมีคณะแยกย่อยอื่นๆ อีกเช่น Media Art , Game Development แล้วทีนี้ผมก็มาค้นตัวเองครับ ว่าผมสนใจจะเข้าคณะไหนกันแน่ ผมรู้ตัวเองตอน ม.5 ครับ (แต่รู้ว่าตัวเองจะต้องเข้าสายคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ม.3 แล้ว)
        เกริ่นก่อนเลย ตามความเข้าใจผม วิศวฯคอมพิวเตอร์ คือเรียนเกี่ยวกับโปรแกรมมิ่งที่เกี่ยวข้องกับ Hardware และควบคุม Hardware โดยตรง ซึ่งอาจจะต้องเรียนรู้เรื่องเครื่องกลไฟฟ้าด้วย แต่ Software เองก็เรียนด้วยเหมือนกันแต่ไม่ลึก (ตามโครงสร้างหลักสูตรนะ) วิทยาการคอมพิวเตอร์ คือเรียนเกี่ยวกับโปรแกรมมิ่งด้าน Software และการประมวลผลเป็นหลัก เลยครับ โดยโครงสร้างแล้วจะลึกกว่าวิศวคอมพิวเตอร์ แต่ Hardware ใช่ว่าจะไม่เรียนเลย แต่เรียนแค่ที่จำเป็นสำหรับโปรแกรมมิ่งเท่านั้นละครับ เทคโนโลยีสารสนเทศ จะเรียนรู้กว้างมากครับ พอๆกับ วิศวคอมพิวเตอร์ แต่โดยรวมแล้วจะไม่ลึกเท่า (จะไม่เจาะลึกไปถึงเครื่องกลและไฟฟ้า) และจะไปมุ่งเกียวกับ Software ที่เน้นออกแบบ User Interface มากกว่าครับ
        ตามความเข้าใจของผมซึ่งไม่ชอบด้านเครื่องกล ไฟฟ้า ที่ต้องเรียนในวิศวคอมฯ และสนใจแค่ตัว Software ครับ ทีนี้ก็มาเหลือ 2 วิชาคือ เทคโนโลยีสารสนเทศ และ วิทยาการคอมพิวเตอร์ อันที่จริง
อาชีพที่ผมจะตั้งใจใช้หากินในอนาคตคือ ผู้ผลิตเกมส์ เพราะงั้นถ้ามองด้านนี้เรียนเทคโนโลยีสารสนเทศหรือภาควิชาเกี่ยวกับเกมส์เฉพาะจะเหมาะกว่า แต่วิทยาการคอมพิวเตอร์เรียนลึกกว่ามากเพราะเป็นคณะสายวิทย์ อีกทั้งผมรู้ว่าแม้เรียนไปจะไม่ได้ใช้ในอนาคตก็ตาม แต่ผมก็ไม่เสียใจที่ผมได้เรียนรู้วิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ครับ นอกจากนี้ผมหวังจะเป็นคนที่สามารถทำงานทุกตำแหน่งได้ เพราะงั้นรู้เยอะไว้ก่อนดีกว่าครับ ผมจึงเลือกคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ครับ (ฟังดูเวิ่นเว้อปะหว่า?)
 

พี่เเป้ง : ก่อนหน้านี้ได้สอบสาขาอื่นบ้างไหมคะ?
น้องไอคิว : สอบแค่ วิทยาการคอมพิวเตอร์ อย่างเดียวครับ แต่ 2 มหาวิทยาลัยครับ เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และ จุฬาลงกรณ์ ครับ

พี่เเป้ง : ทำไมถึงเลือกเรียนที่บางมดคะ?
น้องไอคิว : สาเหตุที่เลือกเรียนที่นี่คือ
1. ได้ทุน
2. เป็นภาคอินเตอร์
3. ด้านเทคโนโลยี KMUTT จะเหมาะสมกว่าหลายๆ อย่าง
ปลื้มครับ.....


พี่เเป้ง : แล้วตอน ม.6 มีการเตรียมตัวเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างไรคะ?
น้องไอคิว : ตอน ม.6 ผมทำกิจกรรม+เล่นกับเพื่อนเต็มที่ครับ เพราะผมได้ทุนเพชรพระจอมตั้งแต่ต้นเทอม 1 แล้วครับ (ได้เพราะผลงาน T_T) แล้วก็เรื่องเรียนพิเศษ บอกตามตรงเลยครับว่าวิชาคอมฯ หาเรียนพิเศษข้างนอกยากมากกก อย่างน้อยเท่าที่ผมหาก็ไม่เจอนะ ปกติผมเรียนจากรุ่นพี่เอาครับ แต่ตอนม.6 ก็หยุดเรียนไปใช้เวลากับเพื่อนๆดีกว่า
        ส่วนเรื่องการแบ่งเวลา ก็อยากพูดไว้เลยสำหรับผมผมมองว่า
การเรียนคือ การแข่งขันกับตัวเอง และดั่งตำราที่ว่าไว้ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา สิ่งแรกที่ควรจะทำก็คือ รู้ตัวเราเองก่อน ครับ หากเรารู้ตัวเราเองได้ เราก็ย่อมสามารถแบ่งเวลาได้ครับ เช่น ผมไม่เข้าชุมนุมเลย แต่แอบไปช่วยบ้าง และร่วมกิจกรรมอื่นๆ บ้าง เพราะผมรู้ตัวเองว่า หากเข้าชุมนุมเป็นประจำ ผมคงไม่สามารถรักษาการเรียนของผมได้ จึงเลือกเฉพาะบางกิจกรรมครับ หรืออย่างเช่น รู้ว่าตัวเองอยากเข้าอะไร เพราะงั้นวิชานี้เราไม่จำเป็นต้องใช้เอาสอบผ่านพอ ก็วางแผนเวลาอ่านวิชานี้ตอนสอบแค่ว่าเอาผ่านพอแล้วไปทุ่มกับวิชาอื่น เป็นต้นครับ

พี่เเป้ง : เวลาเครียดๆ จากการสอบ มีวิธีในการคลายเครียดอย่างไรบ้างคะ?
น้องไอคิว : ผมไม่เคยเครียดจากการสอบครับ อย่างที่บอกในข้อที่แล้วว่ารู้ตัวเราเองว่าเราควรจะได้เท่าไหร่ และเราน่าจะได้เท่าไหร่ เพราะงั้นมันก็เลยเหมือนกับ ทำใจไว้ล่วงหน้า ละมั้ง? ก็เลยไม่เครียด เพราะงั้นวิธีของผมน่าจะเป็นการป้องกันเครียดมากกว่าคลายเครียดนะ
        แต่ใช่ว่าผมจะไม่เคยเครียดเอาซะทีเดียวนะครับ แต่ผมไปเครียดกับตอนคิดกิจกรรมมากกว่า แบบว่า คิดกิจกรรมมันปวดหัวกว่าเยอะ เพราะมันไม่มีเฉลยเหมือนตอนเรียน วิธีคลายเครียดก็มีหลายๆอย่าง ถ้าอยู่กับเพื่อนก็หาเรื่องเมาท์กับเพื่อนซะเลย ถ้าอยู่คนเดียวก็ไปหาของกินมาดูหนัง หานิยาย/การ์ตูนมาอ่านซักเล่มสองเล่ม เล่นเกมซักชั่วโมงเอาเป็นว่าวิธีผ่อนคลายแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นวิธีการที่ทำให้ตัวเองบันเทิงครับ


พี่เเป้ง : แล้วมีวางแผนอนาคตหรือเปล่าว่าถ้าจบแล้วจะทำงานอะไร?
น้องไอคิว : ยังไม่ละเอียดถึงขั้นแผนครับ แล้วก็ไม่เชิงงานที่อยากทำหรืออะไรประมาณนี้ น่าจะเรียกว่า งานที่คิดว่าจะใช้หากินมากกว่า ผมหวังว่าจะตั้งบริษัทเกม เพราะผมมองว่าสื่อบันเทิงเป็นสิ่งไม่ตาย อนาคตอาจมีปรับเปลี่ยนรูปแบบ แต่เกมก็ยังคงเป็นเกมครับ ผมมีท้าแข่งกับเพื่อนด้วยนะว่าใครจะตั้งบริษัทก่อนกัน

พี่เเป้ง : ตอนสอบสัมภาษณ์เป็นอย่างไรบ้าง?
น้องไอคิว : ผมเคยสัมภาษณ์ 2 มหาวิทยาลัย คือ CU และ KMUTT นะครับ
ขอเริ่มที่ CU ก่อนเลยละกัน เพราะดูจะเรียกว่าสัมภาษณ์จริงๆ มากกว่า
        เริ่มแรกมาถึงเนี่ย ก็สวัสดีตามปกติ แล้วเขาก็ทักเลย แนะนำตัวเองสิ เล่นเอาผมเหวอไปแวบนึง แต่ไม่เป็นไร ผมยังไม่สติ แนะนำตัวเองไล่ประวัติตาม Timeline ตั้งแต่ ม.1 ยัน ม.6 เลยว่าเคยทำอะไรบ้าง ได้อะไรมาบ้าง แล้วก็บอกความฝัน แรงบันดาลใจอะไรพวกนี้ แล้วก็หยิบพอร์ตมานำเสนอผลงานให้ดูก็จบช่วงแนะนำตัวไป และเขาก็ถามว่าทำไมถึงอยากมาเรียนคณะนี้ ผมก็ตอบเหมือนๆกับข้อก่อนหน้านี้นั่นละ เขาก็บอกว่านิสัยเหมาะกับโปรแกรมเมอร์จริงๆ จากนั้นเขาก็พยายามจะโน้มน้าวให้ผมไปเข้าวิศวฯคอมแทน เพราะอ.ที่สัมภาษณ์เป็นอ.สอนคอมทั้งวิศวฯและวิทยาฯ แล้วก็ที่เหลือไปในทางคุยเล่นซะมากกว่า บางทีผมก็แอบยิงมุกไปว่า "แหม่ อาจารย์ครับ รับผมเถอะ คนอย่างผมนี่หายากนะครับ" แล้วเขาก็ตบมุกกลับมา "ใช่ หายากจริง" หลักๆ ผมก็จำได้เท่านี้ละเพราะมันนานเหมือนแล้วเหมือนกัน ส่วนใหญ่การสัมภาษณ์ที่เป็นไปได้ด้วยดีเรามักจะลืมๆ เพราะมันเหมือนคุยกันปกติ
        ส่วนอีกที่คือ KMUTT ซึ่งเนื่องจากเขาแอบค้นประวัติเราจนรู้ว่าเรามีผลงานการเรียนอะไรบ้าง และเคยคุยกันก่อนครั้งนึงแล้ว เพราะงั้นคราวนี้ก็เลยคุยเล่นและพูดเรื่องกิจกรรมมากกว่า อ้อ ใช่ สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษครับ แต่ผมไม่มีปัญหาอะไร เพราะเรื่องวิชาการเขารู้ดีอยู่แล้ว หลังๆ ก็เลยไปสัมภาษณ์เรื่องกิจกรรมมากกว่า แล้วก็แอบโฆษนาว่ากิจกรรมที่เราสนใจทางมหาวิทยาลัยเองก็มี เหมือนคุยเล่น+เชิญชวนมากกว่า


พี่เเป้ง : สุดท้ายนี้อยากให้ฝากกำลังใจไปถึงน้องๆ ที่อยากเรียน  สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้วยค่ะ
น้องไอคิว : ก็อย่างแรกเลย ขอให้น้องรู้จักตัวเองให้ดีก่อนนะครับ ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ หากมั่นใจว่าตัวเองต้องการวิทยาการคอมพิวเตอร์แน่นอน!! วิชาที่ไม่จำเป็นก็ตัดทิ้งไปเอาแค่ผ่านพอครับ และการเรียนของน้องจะง่ายขึ้น เรื่องเกรด จะเกรดมากเกรดน้อย ขึ้นมหาลัยก็พอๆกันทุกคนครับ (ฟังจากรุ่นพี่ๆเขามา) แล้วก็อีกเรื่องก็คือ วิชาคอมพิวเตอร์มันยังไม่มีในหลักสูตรมัธยมปลาย เพราะงั้นสิ่งที่จะวัดความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ของเราคือผลงานครับ เพราะงั้นมีโอกาสก็ลองไปแข่งขันสร้างผลงานมาเยอะๆ จะช่วยให้น้องเข้ามหาวิทยาลัยที่น้องต้องการได้ง่ายขึ้นมากครับ อย่างของผมเนี่ยแทบไม่มีไปสอบเลย ยื่นผลงานแล้วรอสัมภาษณ์อย่างเดียว สุดท้าย อย่าลืมนะครับ การเรียนคือการแข่งขันกับตัวเอง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครา รู้ตัวเองแล้วอะไรๆมันก็ง่ายขึ้นครับ

ซออู้ ภาสพนา อัสราษี
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่เเป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
น้องซออู้ : ชื่อภาสพนา อัสราษี ชื่อเล่น ซออู้ ครับ จบจากสารสาสน์วิเทศศึกษา ตอนนี้ก็เฟรชชี่ปี 1 Cs Kmutt คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ครับ

พี่เเป้ง : สอบเข้า สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ได้อย่างไรคะ?
น้องซออู้ : สอบรับตรงรอบเคลียริ่งเฮ้าส์ ใช้ยื่นเกรด 5 เทอม + GAT PAT จากนั้นผ่านก็เข้าสอบสัมภาษณ์กับทางมหาวิทยาลัย

พี่เเป้ง : อะไรคือสิ่งที่ทำให้เลือกที่จะเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คะ?
น้องซออู้ : ด้วยความที่ตัวเองชอบสายนี้อยู่แล้ว แต่อยู่กับ hardware ซะมากกว่าก็เลยอยากมาศึกษาด้านตัว software ดูบ้าง ศึกษาเรื่องการเขียนโปรแกรม เพราะว่าอยากรู้ทั้ง 2 ทางเลยเลือกเรียนวิทยาการคอมพิวเตอร์เพื่อสานต่อความสามารถของตนเองใด้ดีขึ้นครับ

พี่เเป้ง : ก่อนหน้านี้ได้สอบสาขาอื่นบ้างไหมคะ?
น้องซออู้ : สอบได้สาขาอื่นกับมหาวิทยาลัยอื่นอะครับ ก็มี วิทยาการคอมพิวเตอร์ ม.ราชมงคลธัญบุรี, เทคโนโลยีสารสนเทศ  SIIT ม.ธรรมศาสตร์, เทคโนโลยีสารสนเทศ  ม.ลาดกระบัง, วิศวะเครื่องกลนานาชาติ ม.เกษตรศาสตร์ และที่สุดท้ายก็ วิทยาการคอมพิวเตอร์(Cs) ม.บางมด ติดที่สุดท้ายโดนใจก็เอาเลย-0- ที่ไล่สอบเยอะๆ เพราะว่าไม่อยากแอดมิชชั่นครับ T_T

พี่เเป้ง : ทำไมถึงเลือกเรียนที่ KMUTT คะ?
น้องซออู้ : เหตุผลหลักๆเลยก็คือ ชอบที่นี่ (ไม่รู้ทำไมถึงอยากเข้า) เดินทางสะดวกไม่ต้องอยู่หอ แล้วก็เรียนไม่ซ้ำที่กับพี่ๆ ที่บ้านด้วย ตอนติดนี่ถึงกับเฮได้ที่ที่ตัวเองอยากเข้าครับ ถ้าไม่ติดที่นี่ผมคงได้ไปเรียน IT ลาดกระบังแล้ว

พี่เเป้ง :  ม.6 มีการเตรียมตัวเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างไรคะ?
น้องซออู้ : ก็เตรียมตัวเรื่อยๆ ครับ อ่านหนังสือบ้าง แต่โดยส่วนตัวก็ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ก็มีทำแบบทดสอบเกี่ยวกับคอมฯ ในเน็ตบ้าง ไม่เรียนพิเศษเลยครับเพราะเคยเรียนไปก็โดดตลอดๆ เลยไม่เรียนดีกว่าเปลืองเงิน แบ่งเวลาหลังกลับบ้านคืออ่านหนังสือในเรื่องที่เรียนไม่เข้าใจประมาณ 30 นาที จากนั้นก็เล่นคอมฯครับ คลายเครียด - -"

พี่เเป้ง : เวลาเครียดๆ จากการสอบ น้องซออู้มีวิธีในการคลายเครียดอย่างไรบ้างคะ?
น้องซออู้ : ฟังเพลงกับเล่นกีต้าร์เป็นส่วนใหญ่ บางทีก็จะเล่นเกมบ้าง เกมชิวๆ แบบไม่ต้องคิดมาก ไม่ก็ออกไปเดินเล่นแถวบ้าน สุดท้ายก็ไปเที่ยวครับ

พี่เเป้ง : แล้วมีวางแผนอนาคตหรือเปล่าว่าถ้าจบแล้วจะทำงานอะไร?
น้องซออู้ : จบแล้วคงไปรับงานเขียนโปรแกรมที่บริษัทสักที่น่ะครับ อาจจะรับงานนอกบ้างถ้าหากเก่งแล้ว แต่ใจจริงอยากไปทำงานต่างประเทศซะมากกว่า

พี่เเป้ง : ตอนสอบสัมภาษณ์เป็นอย่างไรบ้างคะ?
น้องซออู้ : สัมภาษณ์ก็ดีครับ สัมภาษณ์กับครูไทยนี่ล่ะครับแต่พูดอังกฤษเก่งปานภาษาบ้านเกิด เขาถามว่ามาจากไหน ชื่อเล่นใครตั้งให้ เขียนโปรแกรมภาษาอะไรเป็นบ้าง  คิดว่าจะเรียนไหวไหม ทำไมถึงเลือก SIT ล่ะ เรียนที่นี่ยากนะแต่ว่าตั้งใจก็ไม่เกินความสามารถหรอก อย่าลอกเพื่อนมาส่งล่ะ ชอบเรียนวิชาอะไร ติดเกมไหม หน้าดูเครียด ๆ นะแต่ในรูปดูเป็นคนเฮฮาจัง เล่นดนตรีไทยด้วยหรอ จวกมาเป็นภาษาอังกฤษเละเลย แต่พื้นฐานก็ได้มาจากโรงเรียนเยอะก็เลยตอบกันเพลินเหมือนกัน55555
         เราทำพอร์ทไปเขาก็เปิดถามว่าคอมฯมือสองที่ขายเนี่ยขายยังไง(เราขายคอมฯในเว็บ) ทำไมเขาถึงซื้อคอมฯจากคุณ จ่ายเงินกันยังไงส่งยังไง(ถามละเอียดจังครับอาจารย์) ละพอถึงหน้าใบประกาศสะสมตอนมัธยมไปเค้าเปิดผ่านหมดเลย - -* แอบเฟลเล็กๆ ตอนท้ายเขาก็ถามซ้ำว่าเรียนไหวจริง ๆ นะ  ขอให้โชคดีแล้วหวังว่าจะได้พบกันที่นี่อีกครั้งนะ


พี่เเป้ง : สุดท้ายนี้อยากให้ฝากกำลังใจไปถึงน้องๆ ที่อยากเรียน  สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้วยค่ะ
น้องซออู้ : ก็น้องๆ ไม่ว่าจะอยากเข้าคณะสาขาอะไรขอให้เป็นสิ่งที่เราชอบเรียนแล้วมีความสุขแบ่งเวลาให้ดี ตั้งใจเรียนทำเกรดให้ดีๆลองฝืนๆดูจับกลุ่มติวๆกันศึกษาข้อสอบเก่าๆคณะที่ชอบมาลองจับเวลาทำดู สำหรับน้องที่ไม่ชอบเรียนฝืนความขี้เกียจของเราหน่อยเรียนๆเล่นๆอย่าเล่นอย่างเดียวแบ่งเวลาให้ถูกไปจับกลุ่มกับเพื่อนเก่งๆให้เค้าสอนเรามั่งพาๆกันเรียน แล้วสำหรับน้องที่เรียนเยอะๆเรียนพิเศษทุกที่ก็ดีแล้วที่ขยันเรียนแต่อย่าลืมพักบ้างล่ะตึงเกิดไปมันก็ไม่ดี แล้วอย่าเก่งคนเดียวล่ะสอนเพื่อนๆให้เก่งบ้างติดตามข่าวสารการรับสมัครต่างๆแชร์ให้เพื่อนๆรับรู้สอบติดเร็วฟินเร็วชิวกับเพื่อนได้นานนนนนนนน



เมย์ อานกานต์ อรุณนวล
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี


พี่เเป้ง : แนะนำตัวเองก่อนเลยค่ะ
น้องเมย์ : ชื่อนางสาว อานกานต์ อรุณนวล ชื่อเล่นชื่อ เมย์ ค่ะ จบจากโรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา และตอนนี้กำลังจะเข้าศึกษาชั้นปี 1 มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ค่ะ

พี่เเป้ง : สอบเข้า สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ได้อย่างไรคะ?
น้องเมย์ : สอบเข้ารอบโครงการคัดเลือกตรงประเภทเรียนดี ซึ่งเป็นการเปิดรับสมัครสอบเข้ารอบแรกของมหาลัยเลยค่ะ รอบนี้จะเปิดรับสมัครช่วงตั้งแต่มิถุนายนถึงสิงหาคมค่ะ ใช้เกรด GPAX 4 เทอมยื่น แล้วก็สอบข้อเขียนกับทางมหาลัย แล้วก็สอบสัมภาษณ์ค่ะ

พี่เเป้ง : อะไรคือสิ่งที่ทำให้เลือกที่จะเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ คะ?
น้องเมย์ : พูดตามตรงก็คืออยากเข้าวิศวะคอมนะ แต่ว่ากลัวสอบไม่ติด ก็เลยลองหาทางเลือกอื่นที่มันใกล้เคียงกับความชอบของตัวเองมากที่สุด โดยการหาข้อมูลจากเว็บบอร์ดแนะแนวการศึกษา แล้วก็ไปเจอกระทู้นึง หัวข้อ “วิศวะคอม vs วิทยาการคอม” เป็นกระทู้เปรียบเทียบสองสาขานี้ และเป็นครั้งแรกที่ทำให้เราสนใจสาขาวิทยาการคอม ถึงมีความแตกต่างมากแต่ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่ แค่เนื้อหาการเรียนอาจจะเน้นกันไปคนละทางเท่านั้น ยังไงก็เป็นสิ่งที่เราสนใจอยู่ดี เอาตามตรง...ความจริงคืออยากหนีวิชาฟิสิกส์ด้วยละ เรียนวิศวะยังไงก็ต้องเจอฟิสิกส์มันเป็นของคู่กัน! นั่นทำให้วิทยาการคอมเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ถูกเพิ่มเข้ามา และสุดท้ายก็กลายเป็นสาขาที่กำลังจะได้เรียนต่อไปในอนาคต

พี่เเป้ง : ก่อนหน้านี้ได้สอบสาขาอื่นบ้างไหมคะ?
น้องเมย์ : สอบแค่สาขานี้สาขาเดียวเลยค่ะ แม้ตอนแรกจะอยากสอบวิศวะคอมด้วยก็เถอะ แต่สุดท้ายที่เราสอบจริงๆ ก็มีแต่วิทยาการคอมเท่านั้นแหละค่ะ

พี่เเป้ง : ทำไมถึงเลือกเรียนที่นี่คะ?
น้องเมย์ : ตอนแรกไม่เคยคิดเลยว่าจะเข้าที่นี่ เหมือนแบบมหาลัยนี้เปิดสอบเป็นที่แรกๆ ก็อยากมาลองสนาม แต่หลังจากที่สมัครสอบไปแล้ว เราก็เลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับมหาลัยนี้ดูทั้งจากเว็บบอร์ด จากเว็บไซต์ของมหาลัย เว็บไซต์คณะ ดูเยอะมากๆ เลยค่ะ เพื่อเตรียมคำตอบไว้ตอนสอบสัมภาษณ์ แต่ค้นไปค้นมาก็ได้รู้ว่ามหาลัยนี้มีดีหลายอย่างเลยค่ะ ก่อนอื่นเลยเนื่องจากสาขานี้ของมหาลัยนี้เป็นหลักสูตรนานาชาติค่ะ ซึ่งคิดว่าสายงานทางด้านนี้หากเราได้เปรียบเรื่องภาษาที่สองที่สามด้วยแล้ว อนาคตในหน้าที่การงานน่าจะกว้างขวางขึ้น แล้วไหนจะอาเซียนก็ใกล้เปิดแล้วด้วย ก็เลยอยากจะควบการเรียนที่เน้นทั้งภาษาและวิชาการเลยค่ะ
         อย่างที่สองคือหลังจากอ่านหลักสูตรของสาขาคร่าวๆแล้ว ที่มหาลัยนี้เริ่มเรียนเขียนโปรแกรมตั้งแต่ปี 1 เทอม 1 กันเลยทีเดียว เรียกว่าไม่ต้องเสียเวลาเรียน ฟิสิกส์ เคมี หรือชีวะ ที่สาขานี้ของบางมหาลัยต้องมีเรียนด้วย ซึ่งถึงจะเป็นเด็กสายวิทย์-คณิต แต่ก็ใช่ว่าจะชอบวิชาพวกนี้นะ ยิ่งเรียนยิ่งไม่ชอบต่างหาก อย่างที่สามคือคณะนี้ของบางมดติด Top 5 ของประเทศด้วยนะ ตาวาวเลยค่ะ ตัดสินใจทันทีว่าจะเอาที่นี่ ฮ่าๆ แล้วไหนๆก็สอบติดแล้ว ด้วยความเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ ติดแล้วก็เอาเลยสิ สบายแล้วละทีนี้


พี่เเป้ง : มีการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยอย่างไรบ้างคะ
น้องเมย์ : ก็มีเตรียมตัวบ้าง อาจจะโชคดีหน่อยที่ตอน ม.4 ไฟแรงเลยทำเกรดสูงอยู่พอสมควร ทำให้มีโอกาสยื่นเกรดสอบตรง โควตาอะไรพวกนี้ได้ ซึ่งตรงกับความต้องการมากเพราะให้ตายยังไงก็ไม่อยากจะสอบแอดมิชชั่นหรอก อย่างที่บอกว่าเป็นคนขี้เกียจ ไม่ชอบอ่านหนังสือสักเท่าไหร่ อาศัยการเรียนในห้องให้เข้าใจและขยันช่วงก่อนสอบเพื่อทำเกรดสวยๆ เท่านั้นแหละค่ะ แต่ถ้าถามว่าอ่านหนังสือไหม? ก็อ่านนะคะ แต่คงไม่ได้อ่านเยอะเท่าคนอื่นๆ เพิ่งมาอ่านจริงจังก็ตอนขึ้น ม.6 นี่เอง เห็นเพื่อนอ่านก็เลยอ่านบ้าง
        ตอนช่วงพักกลางวันหลังจากกินข้าวเสร็จ มีเวลาเหลือเพื่อนก็จะชวนไปนั่งอ่านหนังสือกันในห้องสมุด ที่ห้องสมุดโรงเรียนมีโซนจัดไว้ในสำหรับม.ปลายนั่งติวหนังสือโดยเฉพาะ ก็ไปนั่งอ่านกันตรงนั้นแหละ ใครที่อยู่บ้านไม่สามารถนั่งอ่านหนังสือแบบจริงจังได้ แนะนำห้องสมุดโรงเรียนเลยแล้วบรรยากาศจะพาไปเอง แล้วก็เรียนพิเศษนี่ก็ไม่ได้เรียนเยอะค่ะ เพราะค่าเรียนพิเศษแพงเหลือเกิน ทางบ้านก็ไม่ได้มีเงินมากพอขนาดนั้น แค่ค่าเทอมที่โรงเรียนก็กระเป๋าแหกแล้ว เลยเน้นเรียนแค่วิชาที่ต้องการจะเน้นย้ำจริงๆ เท่านั้น


พี่เเป้ง : มีวิธีในการคลายเครียดจากการสอบอย่างไรบ้างคะ?
น้องเมย์ : เวลาที่เครียดก็ชอบเล่นเกม ฟังเพลง ดูหนัง ทั่วๆไปเนี่ยแหละค่ะ ปล่อยวางจากหนังสือตรงหน้าบ้าง เพราะถ้าเครียดยิ่งฝืนอ่านให้ตายยังไงก็ไม่เข้าสมอง การอ่านหนังสือให้ได้ผลดีคืออ่านตอนอารมณ์ดี สมองปลอดโปร่งค่ะ พยายามทำให้ตัวเองผ่อนคลายก่อนมาอ่านหนังสือนะคะ ช่วยได้มากจริงๆโดยเฉพาะกับคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเหมือนกันเนี่ย มันจะเบื่อง่ายมากๆ

พี่เเป้ง : แล้วมีวางแผนอนาคตหรือเปล่าว่าถ้าจบแล้วจะทำงานอะไร?
น้องเมย์ : ที่จริงไม่ได้วางแผนไว้แบบตายตัวหรอกว่าจบมาแล้วจะทำอะไร แต่เป็นสิ่งที่อยากจะทำมากกว่าถ้ามีโอกาสทำได้ คืออยากจะเขียนแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง จินตนาการได้เลยถึงความรู้สึกภาคภูมิใจที่มีคนโหลดแอพพลิเคชั่นของเราไปใช้เนี่ย แบบบังเอิญเดินผ่านแล้วเห็นว่าเขากำลังใช้อยู่ คงจะฟินน่าดู ฮ่าๆๆ


พี่เเป้ง :
ตอนสอบสัมภาษณ์เป็นอย่างไรบ้าง?
น้องเมย์ : สาขานี้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษค่ะ พอดีเรียนเป็น English program มาเลยไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ แต่ว่าพอเอาเข้าจริง พูดไม่ค่อยออก ลิ้นพัน นึกคำไม่ออกกันเลยทีเดียว อาจจะเพราะประมาทไม่ค่อยได้เตรียมตัวเพราะนึกว่าตัวเองพอได้ล่ะมั้ง แต่ก็ผ่านมาได้ด้วย...เกือบดีมั้ง ฮ่าๆ คือตอนไปสอบเนี่ย พอสอบข้อเขียนเสร็จในกำหนดการบอกว่าจะเรียกสอบสัมภาษณ์ตอนบ่าย ปรากฏพอเดินออกมาจากห้องสอบปุ๊ป พวกพี่ๆก็พาไปสอบสัมภาษณ์ต่อปั๊ปเลย ตอนนั้นเลยรู้สึกช็อค แบบยังไม่ทันได้ตั้งใจหรือเตรียมใจอะไรเลยต้องสอบซะแล้วเหรอ! ตอนที่พี่พาเดินไปส่งที่ห้องสัมภาษณ์ก็บ่นแหลกตลอดทาง พี่ก็บอกให้ใจเย็นๆ หายใจเข้าลึกๆ คือถ้าไม่ได้บ่นกับพี่ก่อนเข้าห้องสอบเนี่ย สงสัยได้สติแตกระหว่างสอบแน่นอน
         พอเข้าไปถึง ก็จะเจอกับอาจารย์หนึ่งท่าน สอบสัมภาษณ์กันแบบตัวต่อตัว สองต่อสองกันเลยทีเดียว ก่อนอื่นก็ทักทายอาจารย์เป็นภาษาอังกฤษ รู้สึกแปลกๆที่ต้องคุยกับคนไทยด้วยกันเป็นภาษาอังกฤษมาก ฮ่าๆ จากนั้นก็แนะนำตัวคร่าวๆ แล้วอาจารย์ก็เริ่มถามคำถามทั่วไป ส่วนใหญ่ก็ถามคำถามปกติ ทำไมถึงอยากเรียนสาขานี้ ทำไมถึงเลือกมาสอบที่นี่ เคยเขียนโปรแกรมรึเปล่า ซึ่งพูดจริงๆนี่ไม่เคยเลยค่ะ แต่ก็ตอบไปตามความจริงนะ
         ตอนสอบสัมภาษณ์ก็เริ่มหวั่นใจแล้วว่าอาจจะไม่ติดแน่ๆเลย เพราะไม่ค่อยมีความรู้ด้านโปรแกรมมากเท่าที่ควร สีหน้าอาจารย์ก็ดูเฉยมากๆ โชคดีที่เตรียม portfolio ไปค่ะ อาจารย์ไม่ได้ขอดูแต่ตัดสินใจเสนอให้เองเลย พอดีเคยเขียนเว็บเพจเล่นๆอยู่ช่วงนึง เลยเอามาใส่พอร์ตแล้วก็โชว์ให้อาจารย์ดู ตอนนั้นอาจารย์ก็เริ่มมีสีหน้าที่ดีขึ้นค่ะ โล่งใจขึ้นมาหน่อย ก่อนจะสอบสัมภาษณ์เสร็จ อาจารย์ท่านพูดกับเราตรงๆเลยค่ะว่า เรามีพื้นฐานทางด้านการเขียนโปรแกรมไม่พอ ซึ่งก็ดีนะคะที่ท่านพูดกับเราจะได้รู้ตัวเองว่าควรจะศึกษาให้มันมากกว่านี้นะ กำลังคิดอยู่ว่าตอนเข้าไปเรียนนี่ตายแน่ๆถ้าไม่ขยัน ฮ่าๆ


พี่เเป้ง : สุดท้ายนี้อยากให้ฝากกำลังใจไปถึงน้อง ๆ ที่อยากเรียน สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ด้วยค่ะ
น้องเมย์ : ก็อยากจะบอกว่าสู้ๆนะคะ การสอบเข้าคณะในฝันของเรา ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอกถ้าเราชอบจริงๆ เราจะพยายามเพื่อให้ความฝันเป็นจริงได้อย่างแน่นอนค่ะ



           สังเกตได้อย่างนึงจากทุกคนว่าจะไม่เครียดนะคะ มีการแบ่งเวลาทบทวนกับเวลาเล่น ที่สำคัญต้องตั้งใจเรียนในห้องให้มากๆ เลยค่ะ เรียนพิเศษเสริมในส่วนที่เราอ่อนเป็นรายวิชาๆ ไป ไม่ใช่ว่ากวาดเรียนทุกวิชา หรือถ้าเราตั้งใจพออ่านเองได้ก็อ่านเองเลยค่ะ ต้องฝึกสมาธิกันเยอะ ๆ นะ ....
          ครั้งหน้าพี่แป้งจะพาไปบุกในรั้วมหาวิทยาลัยเลยค่ะว่าเรียนจริงๆ แล้วเป็นอย่างไรบ้าง รอติดตามนะคะ ส่วนน้อง ๆ คนไหนอยากรู้ข้อมูลพื้นฐานของสาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ก็คลิกที่รูปด้านล่างได้เลยค่ะ มีคณะล่าสุดอีก 4 สาขาให้ติดตามด้วยน้า ....
    



          
.

วิทยาการคอมพิวเตอร์

สาขานี้เรียนอะไร

สถาบันที่เปิดสอน

จบแล้วทำงานอะไร


.

คณะในฝัน 4 สาขาล่าสุด!!!!
 
อักษรศาสตร์ เอกภาษาจีน

วิทยาการคอมฯประยุกต์-มัลติมีเดีย

เศรษฐศาสตร์การเงิน

รัฐศาสตร์การปกครอง








พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

7 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด