สวัสดีน้องๆ Dek-D ที่น่ารักทุกคนนะคะ ปีใหม่ไปฉลองกันที่ไหนเอ่ย? ท่าทางจะสนุกน่าดูเลยเนอะ พี่เมก้าจำได้ว่าตอนเป็นนักศึกษา ช่วงนั้นตัวเองยังนั่งอ่านหนังสือเป็นตั้ง ปั่นโปรเจคท์มันๆ อยู่เลย ปีใหม่คืออะไรไม่รู้จัก ฮ่าๆๆ ชีวิตนี่ทรหดมากทีเดียว
แต่นี่ก็เป็นสีสันของการเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ ไม่ว่าน้องๆ จะเรียนคณะไหน ก็ต้องพบกับชะตากรรมเดียวกันนี้ทั้งนั้น ยิ่งบางคณะแทบจะสิงตัวอยู่ในหอสมุด ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันเลย ไม่เชื่อจะพาไปดู 8 สไตล์อ่านหนังสือแต่ละคณะ ที่โหดไปคนละแบบ!
1. อ่านเยอะ
สไตล์ : คณะรัฐศาสตร์ / คณะจิตวิทยา
ประเดิมอันดับแรกด้วยความโหดที่มาจากการ "อ่านเยอะ" นี่แหละค่ะ คณะกลุ่มนี้มักจะมีเนื้อหาวิชาเรียน ที่อ้างอิงตัวแนวคิด ทฤษฎีเป็นหลัก น้องๆ เลยจำเป็นต้องอ่านบทความวิชาการ งานวิจัย หนังสือนอกเวลาต่างๆ เยอะมาก เพื่อทำความเข้าใจคอนเซปต์ให้ได้มากที่สุด ความโหดไม่ได้อยู่แค่ว่า ความรู้เรื่องหนึ่ง เราต้องอ่านเยอะ อ่านหลายเล่ม แต่มันคือการอ่านที่ต้องใช้ทั้งความจำและความเข้าใจควบคู่กันไปด้วย เพราะเราต้องนำข้อมูลที่อ่านและเรียนมาเหล่านี้ไปคิดวิเคราะห์ รวมถึงประยุกต์ใช้ต่ออีกทีนั่นเอง
2. อ่านเก็บ
สไตล์ : นิติศาสตร์
คณะนี้อาจทำให้คณะอื่นอิจฉา เพราะมีเวลาอ่านหนังสือเหลือเฟือ สอบวัดผมตอนปลายภาครวดเดียว แต่รู้อะไรไหม? เจ้าตัวร้องไห้หนักมาก พร้อมบอกว่าอย่าอิจฉากันเลย การมีเวลาอ่านเก็บนี่ไม่ใช่เรื่องดีค่ะ หลายๆ ที่อ่านเพื่อนำความรู้ไปสอบเพียวๆ 100% ตอนปลายภาค ไม่มีการทำงานแลกคะแนนเก็บแต่อย่างใด เนื้อหาที่อ่านก็เยอะ เรียนมาแล้วต้องทยอยอ่านทุกวัน ทำให้คนอ่านเนี่ยเก็บความเครียดสะสมไปด้วย เรียกว่าประมวลเล่มหนึ่งอ่านแล้วอ่านอีก อ่านหลายรอบจนแทบคลั่งน่ะค่ะกว่าจะจำได้ ยิ่งช่วงสอบ ยิ่งลุยแหลกโต้รุ่งเลย โหดใช่เล่นนะคะ TOT
3. อ่านเพลิน
สไตล์ : คณะอักษรศาสตร์ / คณะศิลปศาสตร์ / คณะมนุษยศาสตร์ / คณะโบราณคดี
1. อ่านเยอะ
สไตล์ : คณะรัฐศาสตร์ / คณะจิตวิทยา
ประเดิมอันดับแรกด้วยความโหดที่มาจากการ "อ่านเยอะ" นี่แหละค่ะ คณะกลุ่มนี้มักจะมีเนื้อหาวิชาเรียน ที่อ้างอิงตัวแนวคิด ทฤษฎีเป็นหลัก น้องๆ เลยจำเป็นต้องอ่านบทความวิชาการ งานวิจัย หนังสือนอกเวลาต่างๆ เยอะมาก เพื่อทำความเข้าใจคอนเซปต์ให้ได้มากที่สุด ความโหดไม่ได้อยู่แค่ว่า ความรู้เรื่องหนึ่ง เราต้องอ่านเยอะ อ่านหลายเล่ม แต่มันคือการอ่านที่ต้องใช้ทั้งความจำและความเข้าใจควบคู่กันไปด้วย เพราะเราต้องนำข้อมูลที่อ่านและเรียนมาเหล่านี้ไปคิดวิเคราะห์ รวมถึงประยุกต์ใช้ต่ออีกทีนั่นเอง
2. อ่านเก็บ
สไตล์ : นิติศาสตร์
คณะนี้อาจทำให้คณะอื่นอิจฉา เพราะมีเวลาอ่านหนังสือเหลือเฟือ สอบวัดผมตอนปลายภาครวดเดียว แต่รู้อะไรไหม? เจ้าตัวร้องไห้หนักมาก พร้อมบอกว่าอย่าอิจฉากันเลย การมีเวลาอ่านเก็บนี่ไม่ใช่เรื่องดีค่ะ หลายๆ ที่อ่านเพื่อนำความรู้ไปสอบเพียวๆ 100% ตอนปลายภาค ไม่มีการทำงานแลกคะแนนเก็บแต่อย่างใด เนื้อหาที่อ่านก็เยอะ เรียนมาแล้วต้องทยอยอ่านทุกวัน ทำให้คนอ่านเนี่ยเก็บความเครียดสะสมไปด้วย เรียกว่าประมวลเล่มหนึ่งอ่านแล้วอ่านอีก อ่านหลายรอบจนแทบคลั่งน่ะค่ะกว่าจะจำได้ ยิ่งช่วงสอบ ยิ่งลุยแหลกโต้รุ่งเลย โหดใช่เล่นนะคะ TOT
3. อ่านเพลิน
สไตล์ : คณะอักษรศาสตร์ / คณะศิลปศาสตร์ / คณะมนุษยศาสตร์ / คณะโบราณคดี
คล้ายว่าจะอ่านเยอะเหมือนกัน แต่คณะกลุ่มนี้มาแนวอ่านเพลินๆ ค่ะ คนที่รักการอ่านอยู่แล้วนี่ ตอนเรียนจะฟินมาก เพราะได้อ่านหนังสือสนุกๆ หลากหลายแนว ทั้งวรรณคดีโบราณ วรรณกรรมสมัยใหม่ บทกวี ฯลฯ เรียกว่าสามารถถือนิยายเล่มโปรดเดินเข้าห้องเรียนได้โดยไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อะค่ะ แต่ตอนสอบเริ่มไม่สนุกและ เพราะเราต้องมานั่งจับนัยยะสำคัญของเรื่องที่อ่าน เพื่อคิดวิเคราะห์ ประเมินค่า หนักสุดคือวิจารณ์ - -'' หลายคนสอบเสร็จ เรียนจบแล้ว ถึงขั้นกดแบนนักเขียนที่รักยิ่ง และเทหนังสือในดวงใจไปพักใหญ่ๆ เลย TOT
4. อ่านกว้าง
สไตล์ : คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ / คณะศิลปกรรมศาสตร์ / คณะมัณฑนศิลป์ / คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ / คณะดุริยางคศิลป์ / คณะนิเทศศาสตร์ / คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
คณะกลุ่มนี้มองเผินๆ เรียกได้ว่าเป็นสายปฏิบัติ สร้างผลงานศิลปะสุดครีเอทมาแล้วมากมาย แต่กว่าจะมาปฏิบัติได้ดี ฝึกฝนสกิลได้เยี่ยมยอดแล้ว เบื้องหลังนั้นทรหดและสู้งานหนักมากๆ เพราะน้องๆ จำเป็นต้องอ่านกว้าง เพื่อเก็บความรู้รอบด้านไปสอบ และเก็บแรงบันดาลใจไปปั่นโปรเจคท์ -..- สรุปว่าเหมือนเหนื่อยหลายต่อ ถ้าหลงความอาร์ตเป็นทุนเดิม ชอบคิดสร้างสรรค์ รักความแปลกแหวกแนว ก็จะสนุกกับการเรียน แต่ถ้าหัวตัน คิดงานไม่ออกบ่อยๆ ก็ต้องไฟต์หน่อยค่ะ
5. อ่านแม่น
สไตล์ : ครุศาสตร์
อย่างที่เรารู้กันว่าเป้าหมายของการเรียนครุศาสตร์ คือการจบออกมาเป็นครูที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาเด็กๆ ต่อไปในอนาคต เวลาเรียนหลายๆ คนอาจจะบอกว่า ไม่ได้มีความเครียดอะไรขนาดนั้น เฮฮามาก เพียงแต่ความโหดทั้งหมดมันจะมากองอยู่ตรงที่ เราต้องจับคอนเซปต์เนื้อหาที่เรียนให้แม่น ต้องรู้หน้าที่ หลักปฏิบัติ และแนวทางการทำงานของวิชาชีพครู ก่อนที่จะไปฝึกปฏิบัติการสอน ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เราแม่น ก็คือการอ่านหนังสือ การทำรายงาน การเขียนแผนการสอนให้เป๊ะนี่แหละ
6. อ่านขาด
สไตล์ : คณะวิศวกรรมศาสตร์ / คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ / คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
4. อ่านกว้าง
สไตล์ : คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ / คณะศิลปกรรมศาสตร์ / คณะมัณฑนศิลป์ / คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ / คณะดุริยางคศิลป์ / คณะนิเทศศาสตร์ / คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน
คณะกลุ่มนี้มองเผินๆ เรียกได้ว่าเป็นสายปฏิบัติ สร้างผลงานศิลปะสุดครีเอทมาแล้วมากมาย แต่กว่าจะมาปฏิบัติได้ดี ฝึกฝนสกิลได้เยี่ยมยอดแล้ว เบื้องหลังนั้นทรหดและสู้งานหนักมากๆ เพราะน้องๆ จำเป็นต้องอ่านกว้าง เพื่อเก็บความรู้รอบด้านไปสอบ และเก็บแรงบันดาลใจไปปั่นโปรเจคท์ -..- สรุปว่าเหมือนเหนื่อยหลายต่อ ถ้าหลงความอาร์ตเป็นทุนเดิม ชอบคิดสร้างสรรค์ รักความแปลกแหวกแนว ก็จะสนุกกับการเรียน แต่ถ้าหัวตัน คิดงานไม่ออกบ่อยๆ ก็ต้องไฟต์หน่อยค่ะ
5. อ่านแม่น
สไตล์ : ครุศาสตร์
อย่างที่เรารู้กันว่าเป้าหมายของการเรียนครุศาสตร์ คือการจบออกมาเป็นครูที่มีคุณภาพ เพื่อพัฒนาเด็กๆ ต่อไปในอนาคต เวลาเรียนหลายๆ คนอาจจะบอกว่า ไม่ได้มีความเครียดอะไรขนาดนั้น เฮฮามาก เพียงแต่ความโหดทั้งหมดมันจะมากองอยู่ตรงที่ เราต้องจับคอนเซปต์เนื้อหาที่เรียนให้แม่น ต้องรู้หน้าที่ หลักปฏิบัติ และแนวทางการทำงานของวิชาชีพครู ก่อนที่จะไปฝึกปฏิบัติการสอน ซึ่งสิ่งที่จะช่วยให้เราแม่น ก็คือการอ่านหนังสือ การทำรายงาน การเขียนแผนการสอนให้เป๊ะนี่แหละ
6. อ่านขาด
สไตล์ : คณะวิศวกรรมศาสตร์ / คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ / คณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
อ่านขาดในที่นี้ ไม่ใช่ตะบี้ตะบันอ่านจนหนังสือขาดนะคะ เป็นการอ่านที่เฉียบขาด อ่านหนังสือแตกอะค่ะน้องๆ เชื่อว่าบางคนอาจจะเคยมองเพื่อนกลุ่มนี้ของตัวเองว่า อ่านหนังสือชิลล์มาก แป๊บๆ ก็หลบไปสังสรรค์ แต่เบื้องหลังโหดมากนะคะ เพราะเนื้อหาที่เรียนต้องใช้ความเข้าใจ+ไอเดียสูงมากกก แล้วบางเรื่องก็เป็นอะไรที่ยากต่อการเข้าใจจริงๆ นั่นแหละ เอาเป็นว่าถ้าคิดจะเท ก็เละเทะอะค่ะ ภาพก็เลยไปตกอยู่ที่การหา Textbook มานั่งศึกษา "แนวคิด ทฤษฎี กฎ สูตร" ต่างๆ ให้ฝังลึกลงไปในสมอง เพราะเราจะตกม้าตาย ถ้าจับตรรกะไปใช้ไม่ได้ TOT
7. อ่านลึก
สไตล์ : คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี / คณะบริหารธุรกิจ / คณะเศรษฐศาสตร์
คณะกลุ่มนี้เชื่อว่าเนื้อหา หลักการ ทฤษฎีเป็นเรื่องสำคัญ ควรทำความเข้าใจ ไม่ใช่ท่องจำสูตร จำเทคนิคต่างๆ เพื่อนำมาใช้แบบทื่อๆ แต่ต้องต่อยอดพลิกแพลงได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคนค่ะ ยิ่งเรียนไม่เข้าใจ เก็บรายละเอียดอะไรไม่ได้ ยิ่งแย่! ดังนั้น การอ่านหนังสือของคณะนี้ อ่านจากเลคเชอร์เผินๆ ไม่มีทางเพียงพอ! ต้องอ่านลึกๆ มองภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมดให้ออก แล้วลงไปหาคำตอบจากการทดลอง หรือฝึกทำโจทย์เพิ่มเติมจนซึมซับไปเอง
8. อ่านหนัก
สไตล์ : คณะแพทยศาสตร์ / คณะเภสัชศาสตร์ / คณะพยาบาลศาสตร์ / คณะทันตแพทยศาสตร์ / คณะสัตวแพทยศาสตร์ / คณะเทคนิคการแพทย์ / คณะสาธารณสุขศาสตร์ / คณะกายภาพบำบัด / คณะสหเวชศาสตร์ / คณะสาธารณสุขศาสตร์ / คณะวิทยาศาสตร์ / คณะเกษตรศาสตร์ / คณะประมง / คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
บอกก่อนว่าไม่ใช่คณะอื่นอ่านหนังสือชิลล์ๆ นะคะ หนักเหมือนกัน เพียงแต่คณะสายวิทย์ ทั้งวิทย์สุขภาพและวิทย์กายภาพ เหมือนจะรวมการอ่านหลากสไตล์ไว้มากที่สุด แล้วพอรวมๆ กันก็คืออ่านหนักมากจริงๆ แทบจะหนักตลอดด้วยซ้ำ เพราะเนื้อหาวิชามีรายละเอียดมหาศาลอะค่ะ การอ่านหนังสือก็อย่างที่ร่ำลือกันมา อ่านเยอะ ท่องเยอะ จำเยอะ คล้ายให้เวลาทั้งชีวิตก็ยังเก็บเรื่องที่อ่านไม่หมด ยิ่งอยู่ในช่วงสอบ ยิ่งแทบน็อกกลางอากาศ การสอบเข้าขั้นยากมหาโหด! เตรียมตัวไม่ดี ก็เตรียมตัวตายได้เลย TOT
บอกไว้ก่อนว่าน้องๆ อาจรู้สึกว่าเราไม่ได้อ่านหนังสือแค่สไตล์นี้สไตล์เดียวสักหน่อย นั่นก็ถูกต้องเลยค่ะ ทั้ง 8 ข้อนี้ พี่เมก้าคัดมาเฉพาะสไตล์การอ่านหนังสือเด่นๆ ตามที่เคยลอบสังเกตการณ์การเรียนของเพื่อนแต่ละคณะมา แต่ชีวิตจริงน้องๆ อาจจะโชคดีเจอทั้งอ่านเยอะ อ่านหนัก อ่านลึก 3 in 1 ในคณะเดียวเลยก็ได้ ดังนั้น เล็งที่ไหนไว้ ก็เตรียมสู้รบปรบมือได้เลยค่ะ
7. อ่านลึก
สไตล์ : คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี / คณะบริหารธุรกิจ / คณะเศรษฐศาสตร์
คณะกลุ่มนี้เชื่อว่าเนื้อหา หลักการ ทฤษฎีเป็นเรื่องสำคัญ ควรทำความเข้าใจ ไม่ใช่ท่องจำสูตร จำเทคนิคต่างๆ เพื่อนำมาใช้แบบทื่อๆ แต่ต้องต่อยอดพลิกแพลงได้ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายคนค่ะ ยิ่งเรียนไม่เข้าใจ เก็บรายละเอียดอะไรไม่ได้ ยิ่งแย่! ดังนั้น การอ่านหนังสือของคณะนี้ อ่านจากเลคเชอร์เผินๆ ไม่มีทางเพียงพอ! ต้องอ่านลึกๆ มองภาพรวมของเนื้อหาทั้งหมดให้ออก แล้วลงไปหาคำตอบจากการทดลอง หรือฝึกทำโจทย์เพิ่มเติมจนซึมซับไปเอง
8. อ่านหนัก
สไตล์ : คณะแพทยศาสตร์ / คณะเภสัชศาสตร์ / คณะพยาบาลศาสตร์ / คณะทันตแพทยศาสตร์ / คณะสัตวแพทยศาสตร์ / คณะเทคนิคการแพทย์ / คณะสาธารณสุขศาสตร์ / คณะกายภาพบำบัด / คณะสหเวชศาสตร์ / คณะสาธารณสุขศาสตร์ / คณะวิทยาศาสตร์ / คณะเกษตรศาสตร์ / คณะประมง / คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์
บอกก่อนว่าไม่ใช่คณะอื่นอ่านหนังสือชิลล์ๆ นะคะ หนักเหมือนกัน เพียงแต่คณะสายวิทย์ ทั้งวิทย์สุขภาพและวิทย์กายภาพ เหมือนจะรวมการอ่านหลากสไตล์ไว้มากที่สุด แล้วพอรวมๆ กันก็คืออ่านหนักมากจริงๆ แทบจะหนักตลอดด้วยซ้ำ เพราะเนื้อหาวิชามีรายละเอียดมหาศาลอะค่ะ การอ่านหนังสือก็อย่างที่ร่ำลือกันมา อ่านเยอะ ท่องเยอะ จำเยอะ คล้ายให้เวลาทั้งชีวิตก็ยังเก็บเรื่องที่อ่านไม่หมด ยิ่งอยู่ในช่วงสอบ ยิ่งแทบน็อกกลางอากาศ การสอบเข้าขั้นยากมหาโหด! เตรียมตัวไม่ดี ก็เตรียมตัวตายได้เลย TOT
บอกไว้ก่อนว่าน้องๆ อาจรู้สึกว่าเราไม่ได้อ่านหนังสือแค่สไตล์นี้สไตล์เดียวสักหน่อย นั่นก็ถูกต้องเลยค่ะ ทั้ง 8 ข้อนี้ พี่เมก้าคัดมาเฉพาะสไตล์การอ่านหนังสือเด่นๆ ตามที่เคยลอบสังเกตการณ์การเรียนของเพื่อนแต่ละคณะมา แต่ชีวิตจริงน้องๆ อาจจะโชคดีเจอทั้งอ่านเยอะ อ่านหนัก อ่านลึก 3 in 1 ในคณะเดียวเลยก็ได้ ดังนั้น เล็งที่ไหนไว้ ก็เตรียมสู้รบปรบมือได้เลยค่ะ
15 ความคิดเห็น
อ่านเพลิน แต่สอบไม่เพลิน ไม่นุกเอาซะเลย
เราเป็นหมดเลย
ประเภทอ่านหนักค่ะ หนักไปจนบางทีก็ไม่อ่านมันแล้ว T^T //เขวี้ยง text ทิ้ง
เด็กศิลปกรรมเอง
เราแทบไม่อ่านหนังสือตอนสอบเลยค่ะ ปั่นงานอย่างเดียวเลย
แต่ถ้าเป็นหนังสือนอกต้องอ่านกว้างๆอย่างที่ในบทความว่าไว้จริงแหละ
อ่านเพลินค่ะ เรียนแต่พวกศิลปะวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตทั้งไทยและเทศ คือถ้าอ่านเล่นๆ มันก็สนุกดี แต่อ่านสอบนี่กระอักเลือดค่ะ
รอบทความเจาะลึกแบบนี้มานานแล้วค่า
อ่านหนักไงล่ะ แค่ค่าชีทก็จะเป็นลมอยู่แล้ว
มาเจอตอนอ่านอีก
อยู่หมวดอ่านกว้างค่ะ แต่ นี่ไม่ชอบอ่านหนังสือ เพราะอ่านละเข้าใจอะไรยาก ชอบปฏิบัติ ด้วยมือตัวเอง สังเกตุเทคนิค ฟังเวลาอาจารย์สอน และทำความเข้าใจซะส่วนใหญ่ จริงๆมันไม่ดีหรอก แต่ด้วยนิสัยเป็นแบบนี้ เสียเปรียบคนอื่นอยู่มั้งนะ
ครูนี่ต้องอ่านแม่นจริงๆนะ ทฤษฎีนี่โหดมากจริงๆค่ะ ไม่แม่นคือตายยยย 555555
อ่านขาดจ้ะ อ่านเยอะแค่ไหนหัวไม่ใช่แนวนี้ก็ไปกันไม่รอด อาศัยทำโจทย์จาก Text เยอะๆ