สวัสดีค่ะ Dek65 ทุกคน ผลการคัดเลือกที่ได้เป็นอย่างไรกันบ้างคะ แต่ชีวิตเราก็ยังต้องดำเนินต่อไป เพราะชีวิตเราก็มีเรื่องที่ต้องตัดสินใจกันทุกวัน เช่น วันนี้เราจะกินอะไรดี? การสมัครเข้าศึกษาต่อก็เช่นกัน ยิ่งเข้าสู่โค้งสุดท้ายแบบนี้ยิ่งกดดันมากขึ้นไปอีก เพราะไม่รู้ว่าถ้าตัดสินใจไปแล้ว มันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเราจริงไหม
Make Your Choice by Your Heart ว่าด้วยเรื่อง “ใจ” กับเส้นทางที่ต้องเลือกเอง
ถ้าให้พูดถึงภายใน “ใจ” เราไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าคนๆ นั้นผ่านอะไรมาบ้าง เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะกำหนดเส้นทางที่เลือกเดินในวันนี้ต้องเป็นใจของเราค่ะ ไม่ใช่ใจของใครที่ไหน
หลังจากการประกาศผลออกมาแล้ว ก็ย่อมมีทั้งคนที่สมหวังและผิดหวัง แต่การผิดหวังก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสอะไรเหลืออยู่เลย บนเส้นทางแอดมิชชั่นยังมีทางเลือกอีกหลายอย่างเพื่อให้น้องๆ ยังไปสู่เป้าหมายของตัวเองได้ เพื่อ "การไม่รู้สึกเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง” และวันนี้พี่โบว์ก็มีทางเลือกหรือแผนสำรองมาฝากน้องๆ ค่ะ
ทางเลือกที่ 1 ไปต่อในรอบ 4!
ข้อควรรู้ในรอบที่ 4 Direct Admission (รับตรงอิสระ)
- บางคณะหรือบางสาขาอาจไม่เปิดรับในรอบนี้
- สมัครที่เว็บมหาวิทยาลัยเหมือนรอบที่ 1 Portfolio และรอบที่ 2 โควตา
- ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนดวันรับสมัคร
- วันรับสมัครจะอยู่ระหว่าง 25 พ.ค. - 5 มิ.ย. 2565
- ประกาศผลครั้งที่ 1 : 8 มิ.ย. 2565, ประกาศผลครั้งที่ 2 : 18 มิ.ย. 2565
- ยืนยันสิทธิ์ครั้งที่ 1 : 8-9 มิ.ย. 2565, ยืนยันสิทธิ์ครั้งที่ 2 : 18-19 มิ.ย. 2565
- ยื่นสมัครได้หลายที่ แต่ยืนยันสิทธิ์ได้เพียง 1 ที่เท่านั้น
- เมื่อยืนยันสิทธิ์แล้วจะไม่อนุญาตให้สละสิทธิ์เช่นเดียวกับรอบที่ 3 Admission
ในกรณีที่น้องไม่ผ่านการคัดเลือกรอบ 3 หรือยังได้คณะที่ไม่ถูกใจ ก็สามารถเลือกไม่ยืนยันสิทธิ์เพื่อมาต่อในรอบ 4 Direct Admission ได้ หากคณะที่ใช่สาขาที่ชอบของน้องๆ เปิดในรอบนี้ ก็ไม่มีเหตุผลเลยที่เราจะไม่ลองสมัครดู
น้องๆ หลายคนอาจจะกังวลใจว่า “เราจะมีโอกาสติดกี่เปอร์เซ็นต์” ก็ยังเป็นเรื่องที่ตอบยาก ขึ้นอยู่กับจำนวนรับและจำนวนคนสมัครด้วยค่ะ แต่จากสถิติในแต่ละปี รอบ 4 ถือว่าเป็นรอบที่ "ใจดี" กับน้องๆ ดังนั้นก็ขอให้น้องๆ มีความหวังไว้ก่อนนะคะ ^^ อย่างไรก็ตาม ก็ยังจำเป็นต้องมีแผนสำรองให้ตัวเองด้วยเช่นกัน เช่น เข้ามหาวิทยาลัยตลาดวิชา/มหาวิทยาลัยเปิด แล้วรอสมัครในปีถัดไป ส่วนพี่ก็เป็นคนหนึ่งที่ไปจนถึงรอบสุดท้ายค่ะ อยากจะบอกเลยว่าตอนนั้นลุ้นเวอร์!
ทางเลือกที่ 2 เรียนไปก่อน โดยเลือกเรียนวิชาโทที่สนใจ
เราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างกับคำว่า “วิชาเอก” และ “วิชาโท”
มาอธิบายแบบง่ายๆ กันก่อนว่า วิชาเอก หรือ Major เป็นวิชาของภาคหรือสาขาที่เราได้เข้าไปเรียน แบ่งออกเป็น วิชาบังคับ (เป็นวิชาที่ต้องผ่านให้ได้ตามหลักสูตรกำหนด) และวิชาเฉพาะเลือก (เป็นวิชาที่เลือกได้เอง แต่ต้องลงกี่ตัวก็ตามที่หลักสูตรกำหนด) ส่วน วิชาโท หรือ Minor เป็นวิชาที่นอกเหนือจากวิชาในภาคหรือสาขาของเรา โดยต้องลงให้ครบตามจำนวนที่หลักสูตรกำหนด เช่น หลักสูตรสาขาวิชาภาษาไทย กำหนดให้ลงวิชาโทอย่างน้อย 15 หน่วยกิต หากเลือกลงโทนิเทศศาสตร์วิชาละ 3 หน่วยกิต ก็หมายความว่าเราต้องลงวิชาโทนิเทศศาสตร์ทั้งหมด 5 ตัว วิชาโทจึงเหมาะสำหรับกรณีที่เรามีที่เรียน แต่ยังไม่ใช่ที่ถูกใจที่สุดหรือไม่รู้ว่าชอบจริงไหม จึงตัดสินใจลองเรียนไปก่อน รวมถึงกรณีที่ได้คณะที่ใช่มหา'ลัยที่ชอบ แต่มีความสนใจในคณะหรือสาขาอื่นๆ ด้วยค่ะ
- ถ้าอยากรู้จักกับคำว่า "หน่วยกิต" ให้มากขึ้น คลิกที่นี่ ได้เลย!
ทางเลือกที่ 3 เข้ามหาวิทยาลัยตลาดวิชา / มหาวิทยาลัยเปิด / มหาวิทยาลัยเอกชน
มหาวิทยาลัยตลาดวิชามีเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) ค่ะ และมหาวิทยาลัยเปิดในประเทศไทยมีเพียงแห่งเดียวอีกเช่นกัน คือ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราส (มสธ.) เรียกได้ว่าเป็นอีกทางเลือกให้กับคนที่อยากเข้าศึกษาต่อ ไม่ว่าจะเลือกเรียนที่นี่เป็นหลักเลย หรือเรียนควบคู่ไปกับอีกมหาวิทยาลัย หรือเรียนที่นี่แล้วแบ่งเวลาไปเตรียมความพร้อมสำหรับการสมัครเข้าศึกษาต่อในปีหน้า นอกจากนี้ความดีงามอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือค่าเล่าเรียนที่ค่อนข้างถูกกว่ามหาวิทยาลัยอื่นค่ะ
หมายเหตุ : มหาวิทยาลัยรามคำแหง มีบางคณะบางสาขาไม่เปิดรับสมัครแบบปกติ เนื่องจากเข้าร่วมกับระบบ TCAS65 (คลิกเพื่อดูคณะหรือสาขาที่อยู่ในระบบ TCAS65)
รายละเอียดเพิ่มเติมของทั้งสองมหาวิทยาลัย | ||
รายละเอียด | มหาวิทยาลัยรามคำแหง | มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราส |
ค่าใช้จ่าย | คลิก | คลิก |
การจัดการเรียนการสอน | มีชั้นเรียนและมีการกำหนดเวลาเรียน แต่ไม่บังคับเข้าเรียน | ระบบการเรียนการสอนทางไกล ไม่มีชั้นเรียน และใช้วิธีการเรียนด้วยตนเองในเวลาและสถานที่ที่สะดวก |
คณะที่เปิดสอนทั้งหมด | คลิก | คลิก |
กำหนดการรับสมัครนักศึกษาใหม่ ปีการศึกษาที่ 1/2565 | |
มหาวิทยาลัยรามคำแหง | |
ช่องทางการสมัคร | ระยะเวลารับสมัคร |
สมัครทาง Internet | 2 พ.ค. - 3 ก.ค. 2565 |
สมัครที่มหาวิทยาลัย | รอบที่ 1 : 27-30 พ.ค. 2565 |
รอบที่ 2 : 30 มิ.ย. - 3 ก.ค. 2565 | |
สมัครทางไปรษณีย์ | 2 พ.ค. - 20 มิ.ย. 2565 |
รายละเอียดเพิ่มเติม | คลิก |
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราส | |
ช่องทางการสมัคร | ระยะเวลารับสมัคร |
สมัครทาง Internet | 1 เม.ย. - 20 มิ.ย. 2565 (สมัคร) |
สมัครทางไปรษณีย์ | 1 เม.ย. - 20 มิ.ย. 2565 |
รายละเอียดเพิ่มเติม | คลิก |
ส่วนน้องๆ คนไหนที่มีกำลังจ่ายและมีความมุ่งมั่นในการตามหาความฝัน แบบมั่นใจว่าตัวเองอยากเรียนหรืออยากประกอบอาชีพนั้นแน่ๆ ในอนาคต นอกจากมหาวิทยาลัยรัฐแล้ว พี่ขอแนะนำให้เข้ามหาวิทยาลัยเอกชนเลยค่ะ บางแห่งมีหลักสูตรและการเรียนการสอนที่ดี อีกทั้งมีเครื่องมือครบครันและทันสมัยมากกว่ามหาวิทยาลัยรัฐบางแห่งอีก ถ้าค่าใช้จ่ายไหว พี่ว่านี่ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีค่ะ
ทางเลือกที่ 4 เตรียมตัวสมัครใหม่ในปีถัดไป
ในกรณีที่ยังไม่มีที่เรียนแต่คณะในฝันไม่เปิดในรอบ 4 หรือมีที่เรียนแล้วแต่คิดว่ายังไม่เหมาะกับเรา การตัดสินใจไม่ไปต่อในรอบสุดท้ายก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ไม่ดีนะคะ เพราะในเมื่อเราก็รู้ตัวเองดีอยู่แล้ว ทำไมเราจะต้องเสียเงินเสียเวลาไปกับสิ่งที่ไม่อยากได้มา ถ้าเป็นอย่างนี้น้องๆ สามารถหยุด 1 ปี เพื่อที่จะได้มีเวลาเตรียมตัวทั้งปีสำหรับการสอบใหม่ให้ได้คะแนนปังกว่าเดิมดีกว่า อีกทั้งยังมีเวลาค้นหาตัวเองมากขึ้นด้วยค่ะ
ส่วนอีกกรณีหนึ่ง ถ้าให้สมมติว่าเรามีที่เรียน และตัดสินใจไม่ไปต่อในรอบสุดท้าย แต่พอได้เรียนจริงแล้วรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่กำลังเรียนอยู่ หรือรู้สึกว่ามันไม่ใช่ในแบบที่เราคิดไว้เลย การสมัครใหม่ในปีถัดไป หรือ "ซิ่ว" ก็ถือเป็นอีกทางเลือกที่ดีเหมือนกันค่ะ ถ้าซิ่วแล้วยังรู้สึกว่าไม่ใช่สำหรับเราอีก! หรือยังไม่ติดคณะที่ใช่ที่สุดสักทีก็ซิ่วต่อค่ะ การซิ่วไม่ได้หมายความว่าเราเป็นคนไม่เก่งนะ ตรงกันข้าม การซิ่วเป็นสิ่งที่ต้องใช้ความกล้าประมาณหนึ่งเลย แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่คำนึงถึงไม่ได้ก็คือเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งค่าสมัครสอบ ค่าสมัครเข้า และค่าเทอมของแต่ละคณะหรือสาขาที่เราเข้าไปเรียนแล้วซิ่วออกมาค่ะ
ขอขอบคุณรูปภาพจากhttps://www.freepik.com/storieshttps://www.freepik.com/osabaในทุกๆ การตัดสินใจถ้าเราเต็มที่ที่สุดแล้ว ทุกคนก็เก่งแล้วนะคะ การที่เราต้องตัดสินใจ ทุ่มเท หรือพยายามทำอะไรบางอย่าง มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ง่ายเลย สุดท้ายนี้ไม่ว่าจะเลือกด้วยเหตุผลอะไร ขอให้ทุกคนเลือกเพื่อตัวเองด้วยใจของตัวเองนะคะ
0 ความคิดเห็น