จะเขียนนิยายแฟนตาซีทั้งที สิ่งที่เป็นอุปสรรคของนักเขียนมือใหม่คือการสร้างโลกแฟนตาซีอันอลังการสะท้านฟ้า จะทำยังไงให้คนอ่านอินไปกับนิยายของเรา รู้สึกว่าโลกนี้มีอยู่จริง ต้องใช้วัตถุดิบอะไรในการสร้างโลกใหม่สำหรับนิยายของเรา
ถามตัวเองก่อนว่าอยากเขียนถึงโลกแฟนตาซีแบบไหน
ในนิยายแฟนตาซีมีโลกอยู่ 3 ประเภท
1. โลกจริงของเราที่มีความเป็นแฟนตาซีอยู่ในนั้น เช่น ทไวไลท์, Night at the Museum
2. โลกจริงครึ่ง โลกแฟนตาซีครึ่ง เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์, นาร์เนีย, ไดเวอร์เจนท์
3. โลกแฟนตาซีสมบูรณ์แบบ เช่น Lord of the Rings, Game of Thrones, Star Wars
เรียงตามลำดับความง่ายไปจนถึงยากในการเขียน
1. โลกจริงของเราที่มีความเป็นแฟนตาซีอยู่ในนั้น เช่น ทไวไลท์, Night at the Museum
2. โลกจริงครึ่ง โลกแฟนตาซีครึ่ง เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์, นาร์เนีย, ไดเวอร์เจนท์
3. โลกแฟนตาซีสมบูรณ์แบบ เช่น Lord of the Rings, Game of Thrones, Star Wars
เรียงตามลำดับความง่ายไปจนถึงยากในการเขียน
ค่อยๆ ไล่ไปทีละข้อดีกว่า
1. โลกจริงที่มีความเป็นแฟนตาซี
ข้อนี้เขียนง่ายสุด เพราะฉากหลังที่เป็นโลกจริง เรากับคนอ่านมีภาพตรงกันในหัวอยู่แล้ว เรารู้ว่ากรุงเทพฯ สภาพเป็นยังไง เรารู้ว่านิวยอร์กหน้าตาเป็นยังไง เป็นข้อมูลที่คนเขียนกับคนอ่านมีร่วมกัน ดังนั้นจะไม่มีปัญหาเลยในการบรรยายหรือให้ข้อมูล
ในเรื่อง Night at the Museum คุณ Milan Trenc ก็เขียนให้สิ่งมหัศจรรย์มีอยู่ในโลกของเรานี่แหละ ตัวเอกแค่ไปรับจ๊อบเฝ้าพิพิธภัณฑ์ แต่ดันเจอดีเข้าให้ เรื่องนี้ไม่ต้องให้ข้อมูลอะไรมาก ทุกคนรู้อยู่แล้วว่านิวยอร์กหน้าตาเป็นยังไง พิพิธภัณฑ์คืออะไร
2. โลกจริงครึ่ง โลกแฟนตาซีครึ่ง
มีสองแบบคือ 1) โลกแฟนตาซีซ้อนทับกับโลกแห่งความจริง เช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ โลกของมักเกิ้ลเป็นเกาะอังกฤษในยุคปัจจุบัน แต่ความจริงแล้วมีโลกพ่อมดซ้อนทับอยู่ในโลกแห่งความจริงนั้น ต้องรู้ช่องทางพิเศษจึงจะเข้าไปยังโลกพ่อมดได้
หรือนาร์เนีย จะแบ่งระหว่างโลกความจริงกับโลกแฟนตาซีชัดเจน คือเมื่อตัวละครเข้าไปในตู้เสื้อผ้าก็จะเจอประตูไปสู่อีกโลกหนึ่ง ไม่ได้เหลื่อมล้ำกันแบบแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่แบ่งออกเป็นคนละมิติไปเลย
ส่วนแบบที่ 2) โลกแฟนตาซีเป็นโลกที่เกิดต่อจากโลกแห่งความจริง เช่น ไดเวอร์เจนท์ มีฉากหลังเป็นชิคาโกในอนาคต หลังเกิดหายนะครั้งใหญ่ที่ทำให้สภาพบ้านเมือง ระบบการปกครองทุกอย่างเปลี่ยนไปจากโลกจริงที่เราเคยรู้จัก
การเขียนแบบนี้จะยากขึ้นมาหน่อยตรงที่เราต้องเริ่มสร้างโลกแฟนตาซีของตัวเองแล้ว แต่เรายังอิงข้อมูลจากโลกเดิมได้อยู่ เช่น ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้จะมีโลกพ่อมดอยู่ในนั้น แต่โลกพ่อมดก็ไม่ต่างกับโลกจริงๆ ของเราเท่าไร สภาพอาคารบ้านเรือนอาจจะดูโบราณเพื่อให้เข้ากับเวทมนตร์ แต่พ่อมดก็ใช้เทคโนโลยีของมักเกิ้ล แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าปกติ พูดคุยด้วยภาษามักเกิ้ล
3. โลกแฟนตาซีสมบูรณ์แบบ
โลกแฟนตาซีเต็มใบ ไม่มีการอ้างอิงถึงโลกจริงที่เราเคยอยู่เขียนยากที่สุด เพราะเราต้องวางรากฐานให้โลกใหม่ของเรา เริ่มตั้งแต่บ้านเมืองต่างๆ สิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อม การปกครอง ภาษา ประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าเราไม่สามารถคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้โดยไม่ 'อ้างอิง' จากโลกแห่งความจริง
มิดเดิ้ล เอิร์ธของโทลคีนก็เป็นโลกที่สร้างขึ้นใหม่โดยอิงจากยุคเก่าของโลกเรานี่แหละ ทั้งการใช้ชีวิตแบบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ บ้านเรือนที่ก่อด้วยไม้ อิฐ และดิน พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง ของกิน แม้แต่ภาษาก็ยังมีรากมาจากภาษาที่โทลคีนเคยเรียนมา
การเขียนแบบนี้จะยากขึ้นมาหน่อยตรงที่เราต้องเริ่มสร้างโลกแฟนตาซีของตัวเองแล้ว แต่เรายังอิงข้อมูลจากโลกเดิมได้อยู่ เช่น ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ แม้จะมีโลกพ่อมดอยู่ในนั้น แต่โลกพ่อมดก็ไม่ต่างกับโลกจริงๆ ของเราเท่าไร สภาพอาคารบ้านเรือนอาจจะดูโบราณเพื่อให้เข้ากับเวทมนตร์ แต่พ่อมดก็ใช้เทคโนโลยีของมักเกิ้ล แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าปกติ พูดคุยด้วยภาษามักเกิ้ล
3. โลกแฟนตาซีสมบูรณ์แบบ
โลกแฟนตาซีเต็มใบ ไม่มีการอ้างอิงถึงโลกจริงที่เราเคยอยู่เขียนยากที่สุด เพราะเราต้องวางรากฐานให้โลกใหม่ของเรา เริ่มตั้งแต่บ้านเมืองต่างๆ สิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อม การปกครอง ภาษา ประวัติศาสตร์ แน่นอนว่าเราไม่สามารถคิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาได้โดยไม่ 'อ้างอิง' จากโลกแห่งความจริง
มิดเดิ้ล เอิร์ธของโทลคีนก็เป็นโลกที่สร้างขึ้นใหม่โดยอิงจากยุคเก่าของโลกเรานี่แหละ ทั้งการใช้ชีวิตแบบปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ บ้านเรือนที่ก่อด้วยไม้ อิฐ และดิน พาหนะที่ใช้ในการเดินทาง ของกิน แม้แต่ภาษาก็ยังมีรากมาจากภาษาที่โทลคีนเคยเรียนมา
ถ้าใครเขียนนิยายแฟนตาซีแบบลอร์ด ออฟ เดอะ ริงส์ คงสบายหน่อย เพราะนิยาย High Fantasy แบบนี้มีคนเขียนเยอะมาก จนแทบจะกลายเป็นขนบอยู่แล้วที่โลกแฟนตาซีนี้ต้องมี เอลฟ์ ออร์ค ยักษ์ คนแคระ ขี่ม้าสู้กันด้วยดาบ
คนที่เขียนนิยายไซไฟ พูดถึงโลกอนาคต จะเหนื่อยกว่าเพราะวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ไม่แน่นอนเหมือนภาพติดตาที่มาจากยุคอดีต
อะไรที่จะช่วยให้คนอ่านรู้ว่านิยายของเรากำลังดำเนินเรื่องในโลกใบไหน?
ตอบได้ง่ายๆ เลยว่า "ชื่อ" ค่ะ
ถ้าเราเปิดเรื่องมาแล้วเรียกตัวละครด้วยชื่อแฟนตาซีจ๋าว่า "ธรันดูอิล" หรือ "อัสลาน" คนอ่านจะบันทึกเป็นข้อมูลไว้ทันทีว่านี่ไม่ใช่โลกของเรา โลกจริงไม่มีคนชื่อธรันดูอิล
ชื่อเมืองก็เช่นกัน ถ้าเราบรรยายว่านี่คือ นิวยอร์ก คนก็จะมีภาพนิวยอร์กอยู่ในหัว แต่ถ้าบรรยายว่านี่คือฮอกมีดส์ คนก็จะเริ่มสงสัยว่านี่คือเมืองอะไร ฟังดูวิลิศมาหรา ต้องเป็นเมืองแฟนตาซีจ๋าแน่ๆ
คนที่เขียนนิยายไซไฟ พูดถึงโลกอนาคต จะเหนื่อยกว่าเพราะวิทยาศาสตร์เป็นเรื่องที่ซับซ้อน และสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็ไม่แน่นอนเหมือนภาพติดตาที่มาจากยุคอดีต
อะไรที่จะช่วยให้คนอ่านรู้ว่านิยายของเรากำลังดำเนินเรื่องในโลกใบไหน?
ตอบได้ง่ายๆ เลยว่า "ชื่อ" ค่ะ
ถ้าเราเปิดเรื่องมาแล้วเรียกตัวละครด้วยชื่อแฟนตาซีจ๋าว่า "ธรันดูอิล" หรือ "อัสลาน" คนอ่านจะบันทึกเป็นข้อมูลไว้ทันทีว่านี่ไม่ใช่โลกของเรา โลกจริงไม่มีคนชื่อธรันดูอิล
ชื่อเมืองก็เช่นกัน ถ้าเราบรรยายว่านี่คือ นิวยอร์ก คนก็จะมีภาพนิวยอร์กอยู่ในหัว แต่ถ้าบรรยายว่านี่คือฮอกมีดส์ คนก็จะเริ่มสงสัยว่านี่คือเมืองอะไร ฟังดูวิลิศมาหรา ต้องเป็นเมืองแฟนตาซีจ๋าแน่ๆ
ถามต่อว่าโลกของเราอยู่ในยุคใด?
สำหรับคนที่เขียนนิยายแฟนตาซีแนวโลกเก่าแบบ Game of Thrones หรือเขียนแนวไซไฟแบบ Star Wars คงชัดอยู่แล้วเรื่องยุคสมัย อะไรควรมี อะไรไม่ควรมีในยุคนั้นๆ ของตัวเอง
แต่ก็อย่ายึดติดกับภาพจากในหนังไซไฟทั่วไปที่มักจะมีฉากหลังเป็นอาคารสูงล้ำ วัสดุแบบไทเทเนียมเงาวับ หรือกระจกทั้งหลัง ใส่ชุดสูทแนบเนื้อ นั่งยานเหาะ เพราะดาวทาทูอีนในเรื่อง Star Wars ก็ทำให้เราเห็นแล้วว่าไซไฟไม่จำเป็นต้องมีแต่ตึกสูงๆ เสมอไป บ้านทรงโดมที่ใช้วัสดุยุคใหม่เป็นบางส่วน แต่โครงสร้างพื้นผิวยังใช้หินดินทรายอยู่ ก็ได้อารมณ์ไซไฟแบบเก่าๆ ดี
แต่ก็อย่ายึดติดกับภาพจากในหนังไซไฟทั่วไปที่มักจะมีฉากหลังเป็นอาคารสูงล้ำ วัสดุแบบไทเทเนียมเงาวับ หรือกระจกทั้งหลัง ใส่ชุดสูทแนบเนื้อ นั่งยานเหาะ เพราะดาวทาทูอีนในเรื่อง Star Wars ก็ทำให้เราเห็นแล้วว่าไซไฟไม่จำเป็นต้องมีแต่ตึกสูงๆ เสมอไป บ้านทรงโดมที่ใช้วัสดุยุคใหม่เป็นบางส่วน แต่โครงสร้างพื้นผิวยังใช้หินดินทรายอยู่ ก็ได้อารมณ์ไซไฟแบบเก่าๆ ดี
ภาพดาว Coruscant หรือเมืองหลวงใน Star Wars
ซึ่งความเจริญตรงข้ามกับดาวทาทูอีน บ้านเกิดของอนาคินและลุค สกายวอล์คเกอร์
ส่วนคนที่เขียนนิยายแฟนตาซีที่อิงกับโลกจริงต้องชัดเจนเรื่องยุคสมัยเสียหน่อย เพราะแค่ช่วงเวลาห่างกันเพียงทศวรรษเดียว ข้าวของเครื่องใช้ พฤติกรรมคนก็ต่างกันแล้ว สิบปีก่อน คนยังนิยมการคุยโทรศัพท์ แต่ปัจจุบันนี้คนเน้นแชทติดต่อกันมากกว่า หากเราให้ข้อมูลผิดไป คนอ่านก็จะรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แล้วโลกของเราก็จะไม่สมจริงขึ้นมา
ถามตัวเองว่าจะพูดถึงโลกใหม่ให้คนอ่านเห็นภาพยังไง?
นี่คือปัญหาโลก(ใหม่)แตกของนักเขียนหลายคนไม่เว้นแม้แต่มือเก่า คือการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกใหม่
บางคนลนกับข้อมูลที่มีอยู่มาก กังวลว่าคนอ่านจะไม่เห็นภาพ ก็ทุ่มทุกอย่างลงไปในตอนเดียว จนทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียด แต่บางคนก็ดำเนินเรื่องไปราวกับตัวเองเป็นคนอ่านคนเดียว เราเห็นโลกของเราชัดอยู่ในหัวแล้ว อย่าลืมถ่ายทอดให้คนอื่นบ้าง
การให้ข้อมูลโลกใหม่ที่ดีที่สุดคือต้อง "ค่อยเป็นค่อยไป" อุทิศสักหนึ่งฉาก หรือหนึ่งบท ให้ตัวละครเราได้ "ใช้ชีวิตประจำวัน" จะช่วยให้คนอ่านเห็นภาพโลกของเรามากขึ้น เขาตื่นมาบนเตียงแบบไหน กินข้าวแบบไหน ออกไปข้างนอกเจอบ้านเมืองเป็นอย่างไร แล้วค่อยเข้าเรื่อง
สิ่งที่ไม่ควรพูดถึงมากที่สุดสำหรับตอนต้นเรื่องคือ "อดีต" เช่น โลกใหม่ของเรานั้นมีประวัติศาสตร์อยู่ อาจจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นก่อนหน้า บลาบลาบลา ควรหยิบขึ้นมาพูดหลังจากเราทำให้คนอ่านคุ้นเคยกับปัจจุบันแล้ว
บางคนลนกับข้อมูลที่มีอยู่มาก กังวลว่าคนอ่านจะไม่เห็นภาพ ก็ทุ่มทุกอย่างลงไปในตอนเดียว จนทำให้คนอ่านรู้สึกเหมือนถูกยัดเยียด แต่บางคนก็ดำเนินเรื่องไปราวกับตัวเองเป็นคนอ่านคนเดียว เราเห็นโลกของเราชัดอยู่ในหัวแล้ว อย่าลืมถ่ายทอดให้คนอื่นบ้าง
การให้ข้อมูลโลกใหม่ที่ดีที่สุดคือต้อง "ค่อยเป็นค่อยไป" อุทิศสักหนึ่งฉาก หรือหนึ่งบท ให้ตัวละครเราได้ "ใช้ชีวิตประจำวัน" จะช่วยให้คนอ่านเห็นภาพโลกของเรามากขึ้น เขาตื่นมาบนเตียงแบบไหน กินข้าวแบบไหน ออกไปข้างนอกเจอบ้านเมืองเป็นอย่างไร แล้วค่อยเข้าเรื่อง
สิ่งที่ไม่ควรพูดถึงมากที่สุดสำหรับตอนต้นเรื่องคือ "อดีต" เช่น โลกใหม่ของเรานั้นมีประวัติศาสตร์อยู่ อาจจะเป็นสงครามที่เกิดขึ้นก่อนหน้า บลาบลาบลา ควรหยิบขึ้นมาพูดหลังจากเราทำให้คนอ่านคุ้นเคยกับปัจจุบันแล้ว
สุดท้าย จะสร้างโลกแฟนตาซีได้สิ่งสำคัญที่สุดคือ
เราต้องเห็นภาพโลกของเราอยู่ในหัวก่อน
ถ้าแม้แต่ตัวเรายังไม่รู้จักโลกของเราดีพอ
แล้วเราจะทำให้คนอ่านเห็นภาพได้ยังไง จริงไหมคะ?
ขอบคุณภาพประกอบจาก
endorexpress.net/database/destinations/coruscant/
gameofthrones.wikia.com
harrypotter.wikia.com
migratorynerd.com
moviepilot.com
museum-new-york.com
narnia.wikia.com
amazon.com
endorexpress.net/database/destinations/coruscant/
gameofthrones.wikia.com
harrypotter.wikia.com
migratorynerd.com
moviepilot.com
museum-new-york.com
narnia.wikia.com
amazon.com
31 ความคิดเห็น
ขอบคุณมากค่ะ มีประโยชน์ในการเขียนมากเลยค่ะ
เคยพยายามใส่รายละเอียดให้มากที่สุดแต่สรุปกลายเป็นข้อมูลเยอะเกินไป ขอบคุณมากค่ะ:))
ขอบคุณมากๆค่ะ
ขอบคุณค่า!! อื้อ~ เหมือนจะรู้อะไรเพิ่มขึ้นมาบ้างเเล้วล่ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ช่วยได้เยอะเลย จะนำไปเเก้ไขกับเรื่องของตัวเอง
พี่น้องนี่มีเคล็ดลับดีๆ มาเขียนให้อ่านเสมอเลย
ขอบคุณมากค่ะ <3
ขอบคุณข้อมูลดีๆนี้นะครับ พอดีกำลังจะเขียนเเต่ไม่ไรู้ว่าจะเริ่มหรือทำยังไงก่อนดี ขอบคุณครับ
ของเราก็คล้ายๆ นาเนียมั้งคะ แนวพาตัวเองไปยังโลกอื่น
เราระบุไว้ด้วยว่าบ้านนางเอกเกิดที่กรุงเทพมหานครยุคปัจจุบันนี่แหละค่ะ แต่มีคีย์เวิร์ดจากตู้เสื้อผ้าเป็นหนังสือแทน
พอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมันก็บากสำหรับผมอยู่ดีแหะ
สู้ๆนะคะทุกคน ชอบอ่านนิยายแนวนี้มากกว่า>//<!! #พอได้เคล็ดลับดีๆแล้ว #คงได้อ่านนิยายหนุกๆเยอะขึ้น
ดีมากสำหรับเราเลย เพราะเรากำลังคิดว่าจะเเต่งนิยายแนวแแแฟนตาซียังใงดี
มีประโยชน์มากกก
/////ชอบสตาร์วอร์มากกก หนังเขาดีมากกเลย
ขอบคุณครับ
เป็นคำแนะนำที่ดีมากๆเลยค่ะ
เขียนแฟนตาซี กำหนดว่าจะให้ฉากหลังเป็นประเทศไทยในอนาคต แต่พื้นหลังเหมือนปัจจุบันเป๊ะๆ
...หรือว่าตอนเขียนตั้งใจเหน็บแนมอะไรหรือเปล่า
ไดเวอร์เจนมันแนวดิสโททรเปีย ไม่ใช้แฟนตีซีอย่ามามั่วสิคร๊าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ของเราก็คงโลกจริงครึ่ง โลกแฟนตาซีครึ่งสินะคะ ก็คุณนางเอกอยู่ในโลกที่มีซอมบี้ ก็เลยต้องไปอีกมิติหนึ่งที่โคตรแฟนตาซี เพื่อเรียนวิชาการปราบซอมบี้ เหอๆ
ดูเหมือนว่าเเนวเกมส์ออนไลนจะรวมเกือบทั้ง 3 เเบบเข้าด้วยกันเลยนะเนี่ย
เจ๋งค่ะ