พลิกความเชื่อจากเทพนิยาย "นกกระสาสายดาร์ค" ไม่ส่งเด็กแล้วยังหาทางฆ่า!

 

พลิกความเชื่อจากเทพนิยาย
"นกกระสาสายดาร์ค"
ตำนานใหม่ฉบับฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน 

 

สวัสดีชาวนักเขียนนักอ่านทุกคนค่ะ วันนี้แอดมินกลับมาพบกับทุกคนอีกแล้ว หลังจากเคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับเทพนิยายกริมม์ไปหลายต่อหลายครั้ง แอดมินเริ่มรู้สึกว่า... ความจริงแล้ว นักเขียนในหมวดเทพนิยายไม่ได้มีแค่ “กริมม์” เท่านั้น แต่ยังมีอีกคนที่โด่งดังพอๆ กัน นั่นก็คือ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน ซึ่งหากเอ่ยชื่อแล้วยังไม่รู้จัก เราขอเพิ่มเติมว่า... นักเขียนชาวเดนมาร์กผู้นี้ขึ้นชื่อมากเรื่องผลงานสายดาร์คและดราม่า (เข้าทางแอดมินพอดี) และถ้ายังนึกไม่ออกอีก ขอเพิ่มเติมว่า แอนเดอร์สันนั้นเป็นเจ้าของบทประพันธ์ชื่อดัง อย่าง เงือกน้อย หนูน้อยขายไม้ขีดไฟ และ สาวน้อยรองเท้าแดง (พอจะคุ้นกันแล้วใช่ไหม)

บวกกับล่าสุด แอดมินเข้าโรงหนัง แล้วดูทีเซอร์มา มีเรื่อง The Storks ซึ่งพูดนกกระสา และการส่งเด็กเบบี๋ (ตามความเชื่อสมัยก่อน เขาเชื่อกันว่า นกกระสาเป็นผู้นำเด็กมาส่ง แม่ของแอดมินยังเคยหลอกแอดมินเลยว่า นกกระสาเอาแอดมินมาส่งไว้ในถังขยะ!!!) เพราะงั้น แอดมินเลยมีความสนใจเทพนิยายเกี่ยวกับเรื่อง "นกกระสา" มากเป็นพิเศษ เมื่อลองค้นหาข้อมูลแล้ว พบว่า แอนเดอร์สันของเรา ได้เขียนเทพนิยายเกี่ยวกับนกกระสาไว้ด้วย และเนื้อหานั้น ไม่ธรรมดาเลยค่ะ ดาร์คระดับเทพทีเดียว 
 
สุดท้าย แอดมินได้เลือกหยิบยกเทพนิยาย 3 เรื่อง ของแอนเดอร์สัน ที่ไม่ค่อยได้รับการพูดถึงสักเท่าไหร่นักมาฝากกัน จุดเด่นของผลงานทั้ง 3 เรื่องนี้คือ ความโหดร้ายแบบสุดๆ ชนิดที่พ่อแม่คงไม่ค่อยอยากอ่านให้ลูกฟังก่อนนอนอย่างแน่นอน แต่จะโหดแค่ไหน ยังไง มาลองอ่านกันค่ะ 
 

 

เอลฟ์แห่งกุหลาบ (The Rose Elf)

จากการรวบรวมข้อมูล พบว่า แอนเดอร์สันเป็นนักเขียนคนแรกๆ ที่บันทึกเรื่องราวของเอลฟ์เอาไว้ เทพนิยายของเขาเรื่องนี้ใช้ชื่อว่า... เอลฟ์แห่งกุหลาบ เนื้อหาคร่าวๆ คือ เอลฟ์นั้นมีขนาดตัวเล็กมากจนใช้ดอกกุหลาบเป็นบ้านได้ ปีกของเอลฟ์ยาวจากไหล่จรดปลายเท้า นอกจากนี้ แอนเดอร์สันได้เขียนถึงเอลฟ์ไว้ในเทพนิยายอีกเรื่อง ชื่อว่า The Elfin Hill ทว่าในเรื่องหลัง เอลฟ์ของเขาจะไปคล้ายคลึงกับเอลฟ์ในนิทานพื้นบ้านเก่าแก่ของเดนมาร์ก คือเป็นสตรีสาวผู้สวยงาม อาศัยอยู่ตามเนินเขาและภูเขา ถ้าบุรุษหนุ่มคนไหนพลาดไปพบนางเข้า ก็อาจจะถูกสาปให้ต้องเต้นรำกับนางไปจนสิ้นชีวิต
 
มาต่อกันที่ตำนานเรื่องเอลฟ์แห่งกุหลาบ เนื้อหาในเรื่องนี้ทั้งรุนแรงและหนักหน่วง โดยแอนเดอร์สันพูดถึงความสัมพันธ์พี่น้อง การฆาตกรรม การตัดหัว การแก้แค้น และที่เลวร้ายที่สุดคือ ความสัมพันธ์กับศพ!! นักวิจารณ์หนังสือมองว่า เหตุผลเดียวที่เรื่องนี้ถูกยกให้เป็นเทพนิยาย ก็เพราะมันใช้เอลฟ์เป็นตัวดำเนินเรื่อง ซึ่งถ้าไม่มีเอลฟ์ พวกเขาอยากจัดผลงานเรื่องนี้ไว้ในหมวดนิยายสยองขวัญด้วยซ้ำไป
 
เนื้อเรื่องพูดถึงคนรักของเด็กสาวคนหนึ่งที่ถูกฆาตกรรมโดยพี่ชายจอมหวงโหดของเธอ หลังจ้วงแทงและตัดหัวแบบหฤโหด พี่ชายได้ฝังศพคนรักของน้องสาวไว้ ระหว่างนั้นเอง ใบไม้แห้งได้ตกลงบนศีรษะของเขา และเอลฟ์ตนหนึ่ง ก็ได้เป็นพยานในเหตุการณ์นี้
 
เมื่อพี่ชายกลับบ้าน ก็หัวเราะเยาะใส่น้องสาวผู้ไม่รู้เรื่อง ทันใดนั้น ใบไม้แห้งได้ร่วงลงบนเตียง และเอลฟ์น้อยก็กระซิบข้างหูเด็กสาว เพื่อบอกให้รู้ว่าพี่ชายได้ฆ่าคนรักของเธอเสียแล้ว และศพของเขาถูกฝังอยู่ในป่า เด็กสาววิ่งเข้าไปในป่า ขุดศีรษะไร้ร่างของคนรักขึ้นมา ปัดเศษดินเศษใบไม้ออกจากเส้นผม จุมพิตริมฝีปากของเขา เธอทิ้งร่างไว้ที่เดิมแต่นำศีรษะกลับมาด้วย และฝังมันไว้ในกระถางดอกไม้ จากนั้นก็ปลูกต้นมะลิไว้ในกระถางนั้น
 
เด็กสาวคอยรดน้ำต้นมะลิสม่ำเสมอ จนกระทั่งมันผลิดอกงดงาม แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของเธอก็ยังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และเจ้าเอลฟ์ก็ยังคงคอยกระซิบย้ำให้เธอจดจำเหตุการณ์อันเลวร้าย ท้ายที่สุด เมื่อทนไม่ไหว เธอตรอมใจตาย พี่ชายผู้ใจร้ายนำกระถางดอกไม้ไปไว้ในห้องของตัวเอง ด้วยตั้งใจจะเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ของความสำเร็จ และในคืนนั้นเอง เมื่อนอนหลับ วิญญาณจากดอกไม้ได้ฆ่าเขา เพื่อแก้แค้นให้แก่เด็กหนุ่มผู้เสียชีวิต
 
เรื่องจบลงแบบนั้นเอง ไม่แฮปปี้เอนดิ้งแต่อย่างใด
 

 

เงามรณะ (The Shadow)

เรื่องราวของนักเขียนจิตใจดีคนหนึ่ง ที่ตื่นมาพบว่าเงาของเขาหายไป หลังจากตามหาอยู่นานแล้วไม่พบ นักเขียนได้ถอดใจไปแล้ว แต่จู่ๆ วันหนึ่ง คนแปลกหน้าแต่งกายด้วยเสื้อผ้าส่องสว่างก็มาปรากฎตัวที่หน้าบ้านของเขาและแนะนำว่า เขานี่แหละ ‘เงา’ ที่หายไป เงาบอกว่า ระหว่างที่ไม่อยู่ ได้เดินทางไปทั่วโลก และทำเสื้อผ้าใหม่ให้กับตัวเอง นักเขียนไม่ได้โกรธที่เงาหายไป แต่รับฟังเรื่องที่เงาเล่า และหลังจากนั้น เงาก็จากไปอีกครั้ง 
 
หลายปีต่อมา เงากลับมาบ้าน คราวนี้มันอ้วนท้วนแข็งแรง ส่วนนักเขียนกลับผอมแห้งและซีดเซียว เงาเล่าเรื่องการเดินทางให้นักเขียนฟังอีกครั้งและครั้งนี้ มันได้ชักชวนให้นักเขียนออกเดินทางไปด้วยกัน เพื่อจะได้เห็นโลกและอะไรแปลกใหม่ แน่นอนว่านักเขียนตอบรับ
 
เงาพานักเขียนเดินทางไปเรื่อยๆ จุดหมายปลายทางของทั้งคู่คือ ‘เจ้าหญิง’ เงาตกลงกับนักเขียนว่าจะลองเล่าเรื่องโกหกให้เจ้าหญิงฟัง เพื่อให้พระองค์ประทับใจ โดนมันหลอกเจ้าหญิงว่า นักเขียนคือเงาของมัน เจ้าหญิงเกิดความประทับใจกับเรื่องที่เงาเล่า และตกลงใจจะแต่งงานกับเงา นักเขียนรู้เข้าก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เงาจะแต่งงานกับมนุษย์ จึงตั้งใจว่าจะบอกความจริงกับเจ้าหญิง แต่เงาตัดหน้าไปบอกเสียก่อนว่า... นักเขียนเป็นบ้า
 
ตอนจบของเรื่องน่ะหรือ นักเขียนถูกจับไปขังและประหารชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเงาและเจ้าหญิงได้อภิเษกสมรสกันในที่สุด... เทพนิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... บางครั้งความชั่วร้ายก็เอาชนะความดีได้ ในแบบที่คาดไม่ถึงเสียด้วย
 

 

ตำนานนกกระสา (สายดาร์ค) (The Storks)

เราเชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องนกกระสาเป็นผู้นำเด็กมาส่งพ่อแม่ (ตอนเด็กๆ แม่แอดมินก็เคยหลอกแอดมินนะว่า... นกกระสาเอาแอดมินมาส่ง!) แต่ในเรื่องนกกระสาของแอนเดอร์สัน กลับเต็มไปด้วยฆาตกรรมและเรื่องโหดร้าย
 
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นจากแม่นกกระสาทำรังอยู่กับลูกๆ ทั้งสี่ ทุกวัน เด็กเกเรในหมู่บ้านจะมากลั่นแกล้งเหล่านกกระสา ด้วยการร้องเพลงที่มีเนื้อความว่า “ทุกๆ วัน พ่อนกกระสาบินออกจากรัง ยืนอยู่บนขาเดียว ทิ้งแม่นกไว้ตามลำพัง ระหว่างที่แม่นกเฝ้ารัง เราแอบจับตัวที่หนึ่งมาแขวนคอ ตัวที่สองเอาไปทอด ตัวที่สามโดนยิงตาย และตัวสุดท้ายถูกอบในเตา”
 
ลูกๆ นกกระสาได้ยินเข้าก็หวาดกลัวแต่แม่นกปลอบโยนและพยายามเบนความสนใจลูกๆ ของนาง ขณะเดียวกัน มีเด็กใจดีชื่อปีเตอร์ ได้ต่อว่าเด็กๆ ที่รังแกลูกนก ทำให้พวกเด็กร้ายกาจหยุดร้องเพลงลงได้ จนกระทั่งถึงวันที่ต้องสอนบิน ลูกนกบอกแม่ว่า... ถ้าบินได้เมื่อไหร่ จะแก้แค้นพวกเด็กๆ ที่ชอบร้องเพลงขู่ด้วยการจิกลูกตาพวกนั้นออกมา แต่แม่นกห้ามเอาไว้ และบอกว่าลูกๆ ควรหัดบินให้ได้เสียก่อน
 
ต่อมา ลูกนกทั้งหมดก็เติบใหญ่และบินได้แข็งแรง คราวนี้ แม่นกไม่ปฏิเสธ และอนุญาตให้ลูกๆ จัดการพวกเด็กร้ายกาจ และเนื่องจากนกกระสาเป็นสัญลักษณ์ของการเกิด นางจึงวางแผนร้ายคือ คาบศพทารกที่เสียชีวิตถูกทิ้งอยู่ในน้ำไปยังบ้านของเด็กที่ชอบร้องเพลงรังแกลูกๆ ของนาง ดังนั้น แทนที่เขาจะได้น้องชาย ก็ได้ซากศพแทน ส่วนเด็กที่ตักเตือนเด็กไม่ดี ก็ได้รับน้องชายและน้องสาวสมบูรณ์แข็งแรง และเพราะเขามีชื่อว่าปีเตอร์ แม่นกจึงนำชื่อของเขามาแทนชื่อนกกระสาทั้งหมดเพื่อเป็นเกียรติให้กับความดีของเขา 
 
เป็นตำนานที่โหดร้ายจริงๆ
 
ทีมงานนักเขียนเด็กดี 
 
ขอบคุณข้อมูลจาก
ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Megan Ignacia Member 21 ก.ย. 59 13:58 น. 1
แต่ละอันโหดจริงจัง เรื่องนักเขียนกับเงา ตอนที่เราอ่านเนี่ยสงสารนักเขียนมากกกก หลงกลเงาไปแบบหมดรูป
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

Megan Ignacia Member 21 ก.ย. 59 13:58 น. 1
แต่ละอันโหดจริงจัง เรื่องนักเขียนกับเงา ตอนที่เราอ่านเนี่ยสงสารนักเขียนมากกกก หลงกลเงาไปแบบหมดรูป
1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
bosskung ch:2014: Member 23 มิ.ย. 60 22:00 น. 5

ความดีและความชั่วคือสองสิ่งที่อยู่ด้านตรงข้ามกัน ต่างฝ่ายต่างผลัดกันกลืนกินกันและกัน แต่หากไม่มีความชั่วก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความดี และหากไม่มีความดีก็ไร้ซึ่งความชั่ว เหมือนแสงและเงาที่ต่างฝ่ายต่างเป็นเหตุผลที่ตนยังคงมีตัวตนอยู่ ความดีชนะไม่ได้ตลอดกาล ความชั่วเองก็เช่นกัน ดังนั้น ทุกอย่างก็คือวงจร ที่จะหมุนเวียนในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆชั่วกาลนาน

0
กำลังโหลด
Limmy.ky 6 ก.พ. 61 10:48 น. 6

เรื่องนักเขียนกับเงาน่ะ มันไม่ได้สอนแค่ความดีความชั่วอะไรหรอก มันสอนถึง ความใสซื่อไม่รู้ทันเล่ห์กล ไม่มีไหวพริบอะไร สุดท้ายก็ต้องตกเป็นเหยื่ออย่างน่าอดสู หากนักเขียนคิดวิเคราะห์และเฉลียวใจสักนิด ก็ไม่ตกเป็นเหยื่อแล้ว

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด