ชวนชำแหละโครงสร้าง "แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์"

อ่านแบบนักเขียน : ชำแหละโครงสร้าง
"แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์"   

 

สวัสดีชาวไรเตอร์ทุกคนค่ะ เชื่อว่าหลายคนในที่นี้ก็คงอ่าน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กันใช่มั้ยคะ แล้วก็คงมีหลายคนสงสัยว่าอะไรกันนะที่ทำให้นิยายเรื่องนี้เป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลก เป็นเพราะภาษาที่อ่านง่ายเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยหรือเปล่า เอ๊ะ หรือเป็นเพราะตัวละครที่มีเสน่ห์กันนะ อ๊ะ... แต่น้องๆ รู้ไหมคะว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ได้อย่างทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่เพราะตัวละครกับเนื้อเรื่อง แต่มันคือโครงสร้างของเรื่อง นั่นเองค่ะ
 

ดังนั้นวันนี้พี่ก็จะพาน้องๆ มาชำแหละโครงสร้างของหนังสือเล่มแรกอย่าง “แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์” กันค่ะว่าเป็นยังไง อะไรกันนะที่ทำให้ปัง เอาล่ะค่ะ ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยดีกว่า
 


โครงสร้างของการเขียนนิยาย
 

25% แรกคือช่วงปูเรื่อง

สำหรับช่วง 25% นี้ไม่เป็นเพียงแค่ปูเรื่องนะคะ หากแต่ยังเป็นจุดๆ หนึ่งที่เรียกว่า First Plot Point ซึ่งคือจุดที่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ เกิดขึ้นจนทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา เช่นในนิยายแฟนตาซีก็มักจะเป็นการที่ตัวเอกของเรื่องได้รับภารกิจอะไรสักอย่าง แล้วจากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางผจญภัย ซึ่งนี่แหละค่ะคือ 25% แรกของเรื่องที่ควรจะเป็น

ในแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ 25% แรกที่ว่านี้ก็คือหน้าที่ 90 ค่ะ (ไม่ได้รวมกับบทที่ 1 นะคะ เพราะมันคือการปูเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอกมากนักค่ะ) ทีนี้ใครมีหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 1 อยู่ใกล้ตัวบ้างคะ ลองเปิดไปดูหน่อยว่าเป็นยังไง อ๊ะ... แต่แนะนำว่าเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนะคะ เพราะใกล้เคียงกับต้นฉบับจริงค่ะ แต่ถ้าใครไม่มีก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เลื่อนมาอ่านตามพี่เลยค่ะ

ส่วนใครที่เปิดหนังสือแล้วก็จะพบว่าในหน้าที่ 90 นั้นเป็นฉากที่ แฮร์รี่ไปสถานีคิงครอสครั้งแรกและได้ขึ้นรถไฟด่วนสายฮอกวอตส์ ซึ่งนั่นแหละค่ะที่เป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยอันยิ่งใหญ่ของแฮร์รี่ พอตเตอร์
 

37% ของเรื่องคือจุดเปลี่ยนแรก

จุดเปลี่ยนของเรื่อง คือฉากที่ขับเคลื่อนให้เรื่องเปลี่ยนแปลงค่ะ สำหรับจุดเปลี่ยนแรกหรือ First Pinch Point นั้นคิดเป็นส่วนที่ 37% ของเรื่อง ในนิยายแฟนตาซีมักจะเป็นฉากที่ตัวเอกของเราเริ่มเผชิญหน้ากับตัวร้ายแล้วค่ะ ซึ่งในหนังสือแฮร์รี่ เล่ม 1 จะอยู่ที่หน้า 126 ถ้างั้นมาดูกันเถอะว่าแฮร์รี่เจออะไรบ้างในช่วง 37% นี้
 

  1. สเนปลอบมองแฮร์รี่
  2. อยู่ๆ แฮร์รี่ก็เจ็บแผลเป็นบนหน้าผาก
  3. ตอนที่เจอกับศาสตราจารย์ควีเรลล์ แฮร์รี่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ภายใต้ผ้าโพกหัวของเขา
  4. ดัมเบิลดอร์เตือนทุกคนว่าห้ามไปป้วนเปี้ยนบริเวณชั้นสามของปราสาทฮอกวอตส์เด็ดขาด
     

นี่แหละค่ะคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้หลายคนเริ่มเอ๊ะใจว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ พูดให้ง่ายก็คือมันเป็นการใบ้นักอ่านเพื่อให้รู้ว่า “ต่อไปนี้จะมีอะไรพีคๆ เกิดขึ้นนะจ๊ะ” นั่นเอง
 

ปมกลางเรื่อง

สำหรับปมช่วงกลางเรื่องถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเลยค่ะ เคยมีคนนิยามไว้ว่าจริงๆ แล้วกลางเรื่องนั้นเป็นจุดหักมุมอันยิ่งใหญ่ นิยายจะปังหรือพังก็อยู่ตรงส่วนนี้เองแหละ เพราะฉะนั้นน้องๆ ต้องวางปมให้ดีๆ นะคะ สำหรับกลางเรื่องของแฮร์รี่ พอตเตอร์เล่ม 1 นั้นอยู่ที่ตอนจบของบทที่ 9 เมื่อแฮร์รี่เริ่มตระหนักว่าถุงสกปรกของแฮกริดที่เขาเห็นนั้นถูกซ่อนอยู่ในชั้นสามของปราสาทค่ะ

Second Plot Point อยู่ที่ 75% ของเรื่องนะ

ถ้า First Plot Point คือจุดที่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่ การดำเนินเรื่องหลังจากนั้นก็มักจะเป็นการแก้ปัญหาของ First Plot Point แต่ถ้าตัวละครของเราแก้ปัญหาไปแก้ปัญหามาแล้วเรื่องดันยุ่งเหยิงขึ้นกว่าเดิม ไอ้เจ้าปัญหาใหม่นี่แหละค่ะที่เรียกว่า Second Plot Point ซึ่งจะอยู่ที่ 75% ของนิยายเราค่ะ มันจะทำให้เราอยากรู้เรื่องราวต่อไปว่าจะเป็นยังไง เพื่อจะนำไปสู่การคลี่คลาย Plot Point ทั้งหมดในช่วงไคลแมกซ์ค่ะ

สำหรับ Second Plot Point ของแฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์คือ แฮร์รี่รู้ว่าโวลเดอร์มอร์ต้องการศิลาอาถรรพ์และก็ยังเชื่อว่าสเนปคือผู้เสพความตาย แต่เรื่องวุ่นๆ ยังไม่จบลงแค่นั้นเพราะแฮร์รี่ดันรู้วิธีผ่านด่านเจ้าปุกปุยเพื่อไปยังที่ซ่อนของศิลาอาถรรพ์ค่ะ แล้วหลังจากนั้นเขาและผองเพื่อนก็บุกเข้าไปฝ่าฟันอันตรายในแต่ละด่าน นี่แหละค่ะที่ทำให้นักอ่านลุ้นมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแฮร์รี่เผชิญหน้ากับโวลเดอร์มอร์ 

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตามปกติ Second Plot Point จะอยู่ในช่วง 75% ของนิยาย แต่ทำไมของเจ.เค.โรว์ลิ่งถึงอยู่ที่ 25 หน้าตอนท้ายล่ะ!? คำตอบก็คือเป็นเพราะตัวเรื่องแฮร์รี่นั้นยาวแสนยาวถึง 7 เล่ม!! เจ.เค.จึงจำเป็นต้องให้ข้อมูลนักอ่านเพื่อให้เข้าใจในเล่มต่อๆ ไป ดังนั้นในช่วง 25 หน้าสุดท้ายเราจึงรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเช่น
 

  • แนวคิดเกี่ยวกับมังกร (ที่จะเป็นสิ่งสำคัญในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับถ้วยอัคนี และ แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเครื่องรางยมทูต)
  • เป็นครั้งแรกที่เราได้เข้าไปยังป่าต้องห้าม (ที่เป็นฉากสำคัญในอีกหลายเล่มถัดมา)
  • ได้รู้จักกับฟีเรนซี  (ผู้ที่จะกลายเป็นตัวละครสำคัญในแฮร์รี่ พอตเตอร์ กับภาคีนกฟินิกซ์)
     

เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องราวดีๆ ที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ จะเห็นได้ว่าเจ.เค.นั้นแหกกฎมานิดหน่อยในตอนท้ายของเรื่อง เพราะเล่นใส่ Second Plot Point เอาซะ 25 หน้าสุดท้าย ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อให้เป็นพื้นหลักในการดำเนินเรื่องราวต่อไปในอีก 6 เล่มที่เหลือ สำหรับตอนจบของเล่ม 1 ก็ทำให้เราต้องการอยากรู้จักตัวละคร "โวลเดอมอร์" มากขึ้นค่ะ

ถ้าใครคนไหนที่กำลังเขียนนิยายแนวแฟนตาซีอยู่ พี่น้ำผึ้งก็อยากให้ลองหยิบแฮร์รี่มาอ่านแล้วหัดร่างโครงและวางปมตามดูนะคะ หวังว่าคงจะช่วยให้น้องๆ เข้าใจโครงสร้างการเขียนนิยายให้จบเล่มได้มากขึ้นค่ะ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเคล็ดลับอะไรนั้น รอติดตามค่ะ

พี่น้ำผึ้ง :)

ขอบคุณบทความดีๆ จาก
https://thefriendlyeditor.com

 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

11 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
ดอ ชฎา Member 30 ก.ย. 59 19:04 น. 3

แต่เอาจริงๆ เวลาลงมือเขียนน้องฎาไม่ค่อยได้กังวลหรือพะวงเรื่องแบบนี้นักหรอกค่ะ 5555+ เพราะกังวลเรื่องภาษาและฉากต่อไปมากกว่า ว่าจะทำให้มันเชื่อมกันยังไง ยังไงก็ตาม แนวคิดการแกะโครงเรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่น้อยนะ เยี่ยม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ผ่านมา 30 ต.ค. 59 20:02 น. 10
ผมว่านิยายแฮร์รี่มีจุดบอดจุดนึง คือ รอนไม่ควรคู่กับเฮอร์ไมโฮนี่เลย jk ทำตามกระแสแฟนๆเกินไป จนสูญเสียความออริจินัลไป ผมเดาว่าฉากจบที่แท้จริงคือ รอนตาย แฮร์รี่กับเฮอร์ไมโอนี่ก้าวผ่านความเจ็บปวดและกลายเป็นคู่รักกัน หลายคนอาจจะแปลกใจที่ผมบอกอย่างนี้ เอาง่ายๆ แฮร์รี่ไม่เคยทะเลาะกับเฮอร์ไมโอนีรุนแรงเลยสักครั้งตลอดเวลาที่ผ่านมา แถมทั้งคู่ยังมีความเหมือนกัน ความแตกต่างกัน มีจุดร่วม มีจุดแตกต่าง เคมีตอนที่เฮอร์ไมโอนี่อยู่ข้างแฮร์รี่ตอน ถ้วยอัคคี คือมันชัดเจนมาก สำหรับคนที่รู้ใจกัน
2
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด