วิจารณ์หนังสือ : ลมปราณวิสุทธิ์จักรา นิยายที่ทำให้เราต้องตั้งคำถามว่า 'อิสระ' คืออะไร




วิจารณ์หนังสือ : ลมปราณวิสุทธิ์จักรา




สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคนเป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย พี่หญิงแอบได้ข่าวมาว่าช่วงนี้มีน้องๆ หลายคนเปิดเทอมกันแล้วใช่ไหม และยังแอบได้ข่าวมาอีกด้วยว่ามีน้องๆ อีกหลายคนเช่นกัน กำลังจะเข้าสู่ช่วงปิดเทอมหลังจากผ่านมหกรรมการสอบที่แสนสาหัสกันมา ดังนั้นวันนี้พี่หญิงจึงอยากชวนทุกคนมาคลายเครียดด้วยนิยาย เรื่องนี้เลย “ลมปราณวิสุทธิ์จักรา” นิยายจีนกำลังภายในที่แค่อ่านชื่อก็รู้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อสู้ในยุทธจักรแน่ๆ และก็ใช่ เรื่องราวเป็นเช่นนั้นจริงๆ  


 

“ลมปราณวิสุทธิ์จักรา” เป็นนิยายทำมือ แนวจีนกำลังภายใน ที่ผู้เขียน สุรชัย เสรีนิธิกุล ได้รับแรงบันดาลใจจากการเสพนิยายกำลังภายในชื่อดังของ กิมย้ง อย่างมังกรหยก แปดเทพอสูรมังกรฟ้า กระบี่เย้ยยุทธจักร อุ้ยเสี่ยวป้อ ฯลฯ ตั้งแต่ยังเยาว์วัย จนต่อมาเมื่อเติบโตขึ้น นักเขียนคนนี้ก็ได้ลองสนาม เขียนนิยายเรื่องแรกด้วยตัวเอง และได้ตีพิมพ์ออกมาเป็นเล่มในที่สุดค่ะ 


ความรู้สึกหลังอ่าน...


พล็อตโดยรวมของนิยายเรื่องนี้ก็ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ “ลมปราณวิสุทธิ์จักรา” เป็นนิยายที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ลมปราณวิสุทธิ์จักรา’ พลังลมปราณที่คนทั่วยุทธจักรหวาดกลัวและอยากเป็นเจ้าของ...ผ่านตัวละครนาม ‘เสี่ยวหลง’ ที่ได้รับพลังนี้มาอย่างงงๆ จากชายชุดดำปริศนาที่เข้ามาคุยกับเขาในจังหวะที่เจ้าตัวกำลังงุบงิบแอบมารดามาปลูกดอกไม้สามสี... และไอ้เรื่องการแอบปลูกดอกไม้นี่เอง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล... หลังจากวันนั้น เขาต้องสูญเสียบิดาที่รักยิ่ง... ถูกตามล่า... กล่าวโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจ กระทั่งสุดท้าย... ถึงกับต้องเข้าไปเกี่ยวพันกับลมปราณที่ทุกคนหวาดกลัวและต้องการเป็นที่สุด


นิยายกำลังภายในที่แตกต่าง


ตอนแรกที่พี่หญิงหยิบนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านแอบคิดนะคะว่าต้องเป็นเรื่องราวการต่อสู้ ฝึกวิชามีเป้าหมายที่ความเป็นหนึ่ง การแก้แค้น คล้ายๆ กับนิยายกำลังภายในเรื่องอื่นๆ ที่พี่หญิงเคยอ่านเป็นแน่แท้ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย ถึงแม้จะมีเรื่องราวการประลองยุทธ ตามทวงบุญคุณความแค้นของยุทธจักร แต่นั่นกลับไม่ใช่จุดประสงค์หลักของเนื้อหาในเรื่องนี้ ผู้เขียนสร้างให้เสี่ยวหลงมีลมปราณที่แข็งแกร่ง แต่กลับไม่ได้วางแนวทางให้เสี่ยวหลงฝึกในสิ่งที่ตัวเองมี ออกแนวต่อต้านและพยายามหาทุกวิถีทางในการกำจัดด้วยซ้ำ ซึ่งตรงจุดนี้ พี่หญิงคิดว่ามันเป็นเสน่ห์ที่ทำให้นิยายกำลังภายในเรื่องนี้แตกต่างจากนิยายกำลังภายในเรื่องอื่นๆ อยู่พอสมควร น้อยมากที่จะมีผู้เขียนนำเสนอเนื้อหานิยายกำลังภายในซึ่งตัวเอกต่อต้านกำลังภายในแบบนี้... มันชวนให้สงสัยอย่างที่สุด จนต้องติดตามไปถึงตอนสุดท้ายเลยว่า เรื่องราวจะจบลงแบบไหนกันแน่ 

(เรียกว่าถ้าอยากอ่านนิยายพระเอกเทพจัด บทบู๊สนั่นเมืองจาก พระเอกหาไม่ได้ในเรื่องนี้นะ)


 

ตัวเอกของเรื่องมีบทบาทไม่ต่างจากตัวประกอบ


ตัวเอกเด่น เก่งเทพ บทเยอะ เป็นอีกเรื่องที่หาไม่ได้ในเรื่องนี้เลย หลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้แล้ว การจะกล่าวว่า “พระเอกของเรื่องมีบทบาทไม่ต่างจากตัวประกอบ” ก็ไม่ผิดนัก เพราะตั้งแต่แรกเริ่มต้นเรื่อง พระเอกของเราเสี่ยวหลง ปรากฏตัวทีไรไม่สลบ ก็ถูกจับกุม มีบทบาทในแต่ละฉากน้อยมากๆ (มีบทบาทมากสุดตอนจะจบเรื่องนี่ล่ะ) ผู้เขียนเน้นการเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครอื่นๆ ที่ไม่ใช่เสี่ยวหลงซะเป็นส่วนมาก น้อยมากๆ ที่จะโฟกัสไปที่ตัวเสี่ยวหลงจริงๆ ซึ่งการที่ผู้เขียนเปลี่ยนมุมมองการบรรยายไปเรื่อยๆ แบบนี้เนี่ย ถึงแม้มันจะทำให้เราเห็นภาพรวมของเรื่องราวและจิตนาการตามได้ง่าย แต่มันกลับทำให้เมื่อพี่หญิงได้อ่านแล้วรู้สึกอินน้อยไปนิดนึงค่ะ อาจจะด้วยผู้เขียนเน้นการอธิบายถึงกิริยาภายนอกมากกว่าความรู้สึกภายในของตัวละคร ถ้าเพิ่มความรู้สึกของตัวละครเข้าไปมากกว่านี้พี่หญิงแอบคิดว่ามันจะดีมากๆ เลย 


“พวกเราอยู่ในการปกครองของตงง้วน ท่านก็ชาวฮั่น ผู้น้อยก็ชาวฮั่น แต่เหตุใดทุกอย่างถูกกำหนดจากเมืองหลวง พวกเราไม่สามารถกำหนดกฏเกณฑ์ได้เองหรอกหรือ หากนับพวกเราเป็นชาวฮั่นด้วยกัน”

ลมปราณวิสุทธื์จักรา ; เสี่ยวหลง , 227


เป็นนิยายที่เล่าถึงการแสวงหาอิสระ


และนอกจากนี้แล้วอีกประเด็นที่พี่หญิงสัมผัสได้แรงมากๆ จากการอ่านนิยายเรื่องนี้ก็คือ เป็นนิยายที่เล่าถึงการแสวงหาอิสระ ไม่ว่าจะเป็นทางความคิดหรือทางการกระทำก็ตาม... เสี่ยวหลง พระเอกของเรื่องมักจะถามคำถามต่อทุกคนอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นชาวยุทธ หรือแม้แต่แม่ทัพอย่างอู๋เป่าว่าเหตุใด พ่อเขาถึงมีความผิด ทำไมเขาถึงกลายเป็นนักโทษไปได้ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายอะไรเลย เพียงแค่ปลูกดอกไม้อย่างต้นสามสีเท่านั้น ถึงกับต้องโทษตายเลยหรือ เพียงแค่เบื้องบนบอกว่าผิดเท่านั้นหรือ...และไม่ว่าเขาจะพยายามถามไปมากมายเพียงใด คำตอบที่ได้ก็เพียงแต่เป็นคำสั่งของเบื้องบน ดอกไม้สามสีเป็นดอกไม้ที่มีไว้มอบให้ขุนนางชั้นสูง ผู้ทำผลงานให้แก่ราชสำนักเท่านั้น ไม่ควรมีอยู่ในมือของคนธรรมดาทั่วไป...

คำตอบนี้ทำให้เสี่ยวหลงเกิดคำถามถึงกฎของทางการที่เขาเชื่อมันมาตลอดว่า... มันใช่มีไว้เพื่อควบคุมให้ปฏิบัติตามความต้องการของเบื้องบนเพียงอย่างเดียวหรือไม่... คุณค่าของดอกไม้ดอกหนึ่งมีค่ามากกว่าชีวิตคนเชียวหรือ... หรือแม้จะเป็นในตอนท้ายเรื่องก็ตามที่เสี่ยวหลงพยายามเรียกร้องคืนอิสระจากค่านิยมและความคิดของคนเมือง... ก็ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่า... บางสิ่งบางอย่างอาจจะดีต่อคนกลุ่มหนึ่ง แต่สำหรับคนอีกกลุ่มอาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดก็ได้ การบังคับให้กระทำตามอาจไม่ได้เป็นผลดีเลยแม้แต่น้อย... เสี่ยวหลงพยายามแสดงจุดยืนนี้จนถึงที่สุด ถึงแม้ในตอนสุดท้าย สิ่งที่ได้รับอาจไม่ใช่ความสำเร็จที่เขาต้องการ แต่นั่นก็คือสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดแล้วนั่นเอง บางที พี่หญิงว่าการกระทำของมนุษย์ทุกวันนี้ก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ เราก็แค่ทำในสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด แล้วผลจะเป็นอย่างไร เราคงต้องปล่อยมันไปให้เป็นเรื่องของสิ่งที่ต้องเป็นไป ชีวิตไม่ง่ายเลย ว่าไหมคะ 
 





โดยรวมแล้วพี่หญิงแอบคิดว่านิยายเรื่องนี้เป็นกำลังภายในที่น่าสนใจนะคะ ทั้งการเลือกนำเสนอรูปแบบกำลังภายในที่แตกต่าง ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่เรื่องราวสนุกสนานน่าตื่นเต้นเท่านั้น นอกจากนี้ ภายในเรื่องยังแฝงไปด้วยแนวคิด มุมมองทัศนคติของผู้เขียนอย่างชัดเจน หมายแสดงให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำ ความไม่เท่าเทียมของอิสระทั้งทางความคิดและการกระทำที่ถูกแบ่งแยกด้วยและควบคุมด้วยปัจจัยบางอย่าง พยายามแสดงให้เห็นว่าคนไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ล้วนแล้วแต่ย่อมมีอิสระทางความคิดและการกระทำทั้งสิ้นซึ่งตรงจุดนี้พี่หญิงว่าเป็นสิ่งน่าสนใจมากๆ ในนิยายเรื่องนี้เลย อ่านแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ผู้เขียนกำลังแอบล้อเลียนอะไรที่เป็นปัญหาใกล้ๆ ตัวเราอยู่หรือเปล่านะ เพราะทุกวันนี้ สภาพการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ก็มีความแอบคล้ายเรื่องราวที่เกิดในหนังสืออยู่ไม่น้อย 

ก็ถือว่าเป็นการเลือกประเด็นที่น่าสนใจและทันสมัยดีค่ะ 


พี่หญิง

 
 
พี่หญิง
พี่หญิง - Columnist มนุษย์บ้านิยายที่สิงอยู่แถวๆ คลังนิยายเด็กดีเป็นประจำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น