กว่าจะผลิตนิยายทำมือได้ ไม่ใช่ง่ายๆ แต่ถ้าทำได้แล้วก็ไม่ยากเลย, Troika


กว่าจะผลิตนิยายทำมือได้ ไม่ใช่ง่ายๆ
แต่ถ้าทำได้แล้วก็ไม่ยากเลย,
Troika


 
สวัสดีชาวเด็กดีทุกคนค่ะ พบปะพูดคุยฉบับนี้ขอพาน้องๆ มารู้จักนักเขียนนิยายรักหวานแหววหน้าใหม่ที่ฝีมือการเขียนไม่ใหม่ เพราะเธอออกหนังสือมาแล้วถึง 3 เล่มด้วยกัน ที่สำคัญยังเป็นหนังสือทำมือด้วย! เธอคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก Troika นักเขียนสาวสวย (ซึ่งพี่น้ำผึ้งขอการันตีว่านักเขียนสวยจริงๆ) เจ้าของผลงานนิยายติด Top 10 ในหมวดนิยายรักหวานแหววอย่างเรื่อง "Love In Soul สัมผัสใจนายกะล่อน" ค่ะ ในวันนี้พี่น้ำผึ้งเลยขออาสาพาน้องๆ มารู้จัก Troika พร้อมฟังเคล็ดลับการผลิตหนังสือทำมือกันค่ะ รับรองว่ามีประโยชน์กับคนที่คิดอยากทำหนังสือทำมือจ้า ถ้าพร้อมแล้วตามมาเลยดีกว่าจ้า

 
นักเขียนสาวสวย Troika 

 
สวัสดีค่ะ ช่วยแนะนำตัวให้น้องๆ ชาวเด็กดีรู้จักหน่อยค่ะว่าเป็นใครมาจากไหนเอ่ย
Troika: สวัสดีค่ะ <3 ชื่อสามค่ะ นามปากกาชื่อ ‘Troika’ หรืออ่านว่า ทรอยก้าไม่ใช่โทริกะนะคะ - -“ เจ๊จบการศึกษามาจากมหาลัยอัสสัมชัญ คณะนิเทศศาสตร์ เอกการแสดงค่ะ ปัจจุบันเรียนภาษาอยู่ที่ประเทศเกาหลี เพราะตั้งเป้าว่าจะเรียนต่อปริญญาโทที่นี่ค่ะ (ไปเป็นสาวเกาแบบแบ๊ว ๆ นั่นเอง แฮร่

 
นามปากกานี้ได้แต่ใดมาคะ 
Troika: ด้วยความที่ชื่อ สาม เลยอยากได้นามปากกาที่มีความหมายเดียวกับชื่อตัวเอง เจ๊จึงไปค้นหาภาษาอื่นที่น่าสนใจดูค่ะ แล้วก็เจอคำว่า ‘Troika’ นี่แหละค่ะ เป็นภาษารัสเซีย เห็นปุ๊บแล้วโดนปั๊บเลย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าคงไม่มีใครใช้นามปากกานี้แน่ ๆ 555555

 
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มเขียนนิยายคะ
Troika: ตอนอยู่มหาลัย ช่วงเวิร์คช็อปจบถูกอาจารย์เลือกให้เป็นฝ่ายเขียนบทร่วมกับเพื่อนอีกสองคนจากทั้ง Production ตอนแรกก็ตกใจมากค่ะ เพราะคิดไว้ว่าอยากอยู่ฝ่ายจัดเสียง แต่คิดไปคิดมา ที่อาจารย์เลือกเรา แสดงว่าเขาก็ต้องเห็นอะไรบางอย่างแหละ จากนั้นจึงลองเริ่มเขียนนิยายดู ก็ถู ๆ ไถ ๆ ไปเยอะสมควรค่ะ เพราะการเขียนนิยายต่างจากการเขียนบทอยู่นะ แม้จะมีขั้นตอนการวางโครงเรื่อง สร้างเมสเสจ วางตัวละคร หรือวิธีอื่น ๆ ยิบย่อยที่คล้าย ๆ กันก็ตาม

 

Troika กับผลงานหนังสือของเธอ

 
ตอนนี้เขียนนิยายและพิมพ์หนังสือไปกี่เรื่องแล้วคะ อัพเดทสถานการณ์ให้ฟังหน่อย
Troika: ตอนนี้ 4 เรื่องแล้วค่ะ มี ‘Love in Mind เผยใจให้เจอรัก’, ‘Love in Seoul สัมผัสใจนายกะล่อน’, ‘Love in Breath วอนนาบีที่รักและ ‘Love in Eyes เด็กในกำมือ ครบเซ็ต Love in You Series พอดี และตอนนี้สถานีต่อไปคือเซ็ต I Need You Series ค่ะ กำลังเริ่มซุ่มเขียน ‘Time Needed โอปป้าเอเลี่ยนอยู่ค่ะ <3

 
อะไรคือจุดเด่นของนิยาย Troika คะ
Troika: น่าจะเป็นเรื่องของความหักมุมนะคะ แบบว่าอ่านจากคำโปรยนิยาย หรือการโปรโมทนิยายเรื่องนี้อาจคิดว่าฮา เปิดมาอาจจะน้ำตาไหลพราก (อย่าลืมพกทิชชู่ไว้นะคะและอีกเรื่องคือการดำเนินเรื่องที่ทำร้ายจิตใจตัวละครค่ะ คือเป็นคนกล้าทำร้ายความรู้สึกนางเอกและพระเอกพอสำควร จนบางทีก็คิดว่ามีได้โดนรีดเดอร์ปาของใส่สักวัน 55555555 

 

ผลงานทั้งหมดของ Troike

 
เล่าเรื่องย่อๆ ของนิยายที่กำลังเปิดพรีออเดอร์ล่าสุดอย่าง 'Love in Eyes เด็กในกำมือ #LIE [LIYs] ให้ฟังหน่อยค่ะว่าเป็นยังไง
Troika: เรื่องนี้เกี่ยวกับ ‘เอโกะ’ ผู้หญิงคนหนึ่งที่สามารถมองเห็นอนาคตของคนอื่นเมื่อสบตากันค่ะ เธออุทิศตัวให้หน่วยกู้ภัยที่สร้างขึ้นมาอย่างลับ ๆ เพราะเธอคิดว่ามันคือการชดใช้กรรมเรื่องการเป็นสาเหตุในการตายของพ่อและแม่เธอ (แอบมีดราม่าเล็กน้อย) แล้วจู่ ๆ วันหนึ่งเธอก็พบกับ น้ำไอดอลคนไทยที่ไปโกอินเตอร์ที่เกาหลี แล้วหลังจากนั้นเธอก็ฝันเห็นความตายของเขาอยู่เรื่อย ๆ จนทำให้น้ำอยากได้เธอไปเป็นเมเนเจอร์ส่วนตัว  และนั่นก็เป็นจุดผกผันให้เธอต้องหอบข้าวหอบของไปอยู่ท่ามกลางหนุ่มหล่อวง ‘Trance’ ทั้งห้าคนค่ะ <3

 
พล็อตน่าสนใจมากกกก ได้แรงบันดาลจากไหนเอ่ย
Troika: แรงบรรดาลใจมีหลัก ๆ คือสองอย่างค่ะ หนึ่งคือโลเคชั่นในเกาหลีของนิยายทั้งหมด คือสิ่งที่เจ๊ได้พบเจอในชีวิตประจำวันจริง ๆ รวมถึงพฤติกรรมของคนในประเทศนั้นด้วย เห็นอะไรที่เป็นจุดเด่น แตกต่างจากบ้านเราคือเอามาใส่หมดจริง ๆ 555555
 
สองคือ เพื่อนคนหนึ่งที่เคยเรียนรุ่นเดียวกันแล้วเสียชีวิตเพราะถูกแทงค่ะ (พูดแล้วดูน่ากลัวไปไหมเนี่ย - -”) เขาคือแรงบรรดาลใจสูงสุดสำหรับนิยายเรื่องนี้ค่ะ เขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องสมบูรณ์แบบมาก ๆ โดยเฉพาะไอเดียเรื่องความตายของคนที่ เอโกะหรือนางเอกของเราเห็นบ่อย ๆ ค่ะ มันทำให้รู้ว่าความเป็นความตาย มันเกิดขึ้นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น

 
ทำไมถึงเลือกที่จะทำนิยายทำมือแทนที่จะส่งสำนักพิมพ์คะ
Troika: เพราะการทำมือคือการที่เราได้เป็นตัวของตัวเองมากค่ะ 55555 และตอนนี้ทาง B2S ก็เปิดโอกาสให้นักเขียนทำมือได้มาวางหน้าร้านได้แล้ว ต้องขอบคุณทางพี่ ๆ ที่ B2S มาก ๆ ที่ให้โอกาส ปีก็ได้ไปแจกลายเซ็นที่งานสัปดาห์หนังสือมาด้วย เป็นโอกาสที่ดีเวอร์ ไม่คิดว่าพี่เขาจะชวนมา เพราะเราแบบโนเนมสุด ๆ  พี่เขาดูแลเราเท่าเทียมกับนักเขียนท่านอื่น ๆ เลย ปลื้มมากและรักมาก <3<3<3

 
Troika: อืม…สำหรับเจ๊ มันไม่ได้ง่ายเสียทีเดียว แล้วก็ไม่ได้ยากจนเกินไป เพียงแต่ไม่ใช่ใครที่จะคิดทำมือก็ทำได้เลย เพราะว่าเราต้องทำเองทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปก เรื่องดีไซน์ภายในเล่ม ภาพเซอร์วิสสีและขาวดำที่ใส่ให้ในเล่ม เรื่องเนื้อหาเจ๊ก็จ้างบ.ก. ดูแลต้นฉบับและพิสูจน์อักษรเลยค่ะ การตลาดโปรโมตก็ทำเองค่ะ คือแบบเหนื่อยเหมือนกัน 55555
 
ทว่าสุดท้ายถึงจะทำเองทุกอย่างหมด กลับรู้สึกมีความความสุขตอนไปส่งของมาก เหมือนแบบประสบความสำเร็จในการทำหนังสือเล่มนั้น ๆ แล้ว มันมีความภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งตอนที่รีดเดอร์มารีวิว บอกว่าได้ของแล้ว ปกสวยมาก งานดี ของพรีเมี่ยมดี ที่คั่นแซ่บ หรือบอกว่าอ่านเนื้อหาแล้ว ฟินมาก ชอบมาก อะไรแบบนี้ คือปลื้มปริ่มมากค่ะ ขอกราบรีดเดอร์ทุกท่านงาม ๆ

 
Troika: ใช่ค่ะ ขอ #นักเขียนผู้แจกบั้ม สักนิด 555555 เพราะนิยายเจ๊นั้น เวลาเขียนจะมีอิมเมจพระเอกเนอะ ถ้าเรื่องนี้มีพระเอกเป็นอิมเมจไอดอลคนไหน เจ๊ก็จะไปทำการซื้ออัลบั้มจากเกาหลีไปสุ่มแจกสำหรับคน 200 คนแรกที่พรีออเดอร์ค่ะ จริง ๆ มีพวกสติกเกอร์และโปสการ์ดด้วย

อย่างเช่นเรื่องปัจจุบัน ‘Love in Eyes เด็กในกำมือก็จะมีอัลบั้ม The MOBB #Mino โปสการ์ดและสติกเกอร์วง Winner ไม่พอค่ะ หยิบสายอิมเมจเพื่อนพระเอกมาด้วย นั่นก็คือโปสเตอร์อันเบอเร่อของ GOT7 (อัลบั้ม 7for7) และอีกหนึ่งเซอร์ไพรส์ที่ไปคว้ามาให้คืออัลบั้มเพลงของวง iKON พร้อมลายเซ็นครบวงค่ะ

.. เจ๊นั้นไม่ใช่ติ่ง ซึ่งนั่นหมายความว่าทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับไอดอลแล้วได้มา ไม่ต้องห่วงว่าเจ๊จะฮุบไว้นะคะ แจกหมดเลยจ้า <3

 
ถ้าต้องเดทกับตัวละครของเรา อยากเดทกับใครและทำไม
Troika: หลังจากที่เขียน Love in You Series ครบ 4 เรื่องแล้ว ตัวละครที่อยากเดตมากที่สุดน่าจะเป็น เฮียบอยจากนิยายเรื่อง ‘Love in Breath วอนนาบีที่รักค่ะ เพราะเฮียบอยน่ารัก หน้าตาและบุคลิกตรงสเปคด้วย 5555555 แถมชอบมีเรื่องกวนประสาทตลอดเวลา คิดว่าอยู่ด้วยแล้วคงไม่น่าเบื่อดี และถึงเป็นทายาทพันล้านแต่ก็ติดดินมาก ๆ แค่คิดก็ฟินแล้ว -///-


 

Love in the Eyes เด็กในกำมือ

 
ให้กำลังใจคนที่เริ่มอยากเขียนนิยาย หรือทำนิยายทำมือหน่อยค่ะ
Troika: ถึงขั้นตอนการทำนิยายทำมือจะเยอะและดูเหมือนจะยาก ใช่ค่ะ มันยากในเล่มแรกจริง ๆ แต่ต่อจากนั้นเราจะเริ่มคุ้นชินกับเส้นทางนี้แล้ว มันจะไปของมันเรื่อย ๆ ค่ะ ครั้งแรกก็ไม่ต้องกดดันเรื่องยอดขายค่ะ ต้องจำไว้ว่าทุกอย่างมันต้องใช้เวลา เมื่อไรที่มีคนรู้จักมากขึ้น ฝีมือเราพัฒนาขึ้น ความสำเร็จมันก็จะอยู่แค่เอื้อมเอง แต่ที่สำคัญ ห้ามขี้เกียจ ห้ามท้อ ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ ถามวิธีการจากคนที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว และอดทนค่ะ ท่องไว้ค่ะ กว่าจะถึงเส้นชัยมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อถึงเส้นชัยแล้วเราจะพบกับความสุขมากกว่าคนที่ยอมแพ้ในระหว่างทาง

 
Troika: ตอนนี้เรื่องใหม่ที่เปิดพรีออเดอร์อยู่คือเรื่อง ‘Love in Eyes เด็กในกำมือ’ เปิดโอนวันที่ 5 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม พร้อมราคาสมาชิก ของพรีเมี่ยมและของแจกค่ะ เรื่องนี้ไม่มีที่งานหนังสือนะคะ สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.zumnovels.com/category

ส่วนนิยายเรื่องที่ลงหน้าร้านแล้วมี Love in Breath วอนนาบีที่รักที่ B2S และ ‘Love in Mind เผยใจให้เจอรักที่ B2S และ Se-ed ค่ะ

ติดตาม Facebook fan page ได้ที่ https://www.facebook.com/TroikaAuthor/ IG: Zumsworld และ Twitter:  @Zumsworld

 

 

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับบทสัมภาษณ์ของ Troika หวังว่าน้องๆ คงได้แรงบันดาลใจในการเขียนนิยายและผลิตหนังสือทำมือไม่มากก็น้อยนะคะ สำหรับน้องๆ คนไหนที่ไม่อยากเขียนนิยายส่งสำนักพิมพ์ การผลิตหนังสือทำมือเองก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อยนะคะ มันอาจจะยากในช่วงแรกๆ แต่ถ้าได้ทำแล้วก็จะพบว่ามันไม่ยากอย่างที่คิด

อย่างที่ Troika บอกไว้นั่นแหละค่ะ กว่าจะถึงเส้นชัยมันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อถึงเส้นชัยแล้วเราจะพบกับความสุขมากกว่าคนที่ยอมแพ้ในระหว่างทาง เป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคนนะคะ ส่วนครั้งหน้าพี่จะพาใครมาพบปะพูดคุยกับน้องๆ นั้น รอติดตามเลยจ้า


 
พี่น้ำผึ้ง :)

 
Deep Sound แสดงความรู้สึก
          
พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Be Be 28 พ.ย. 60 19:08 น. 2

คือไม่เคยอา่นนิยายนะ เเต่จริงๆ เป็นคนใช้การตลาดอุปโภคเเบบยิงตรงประเด็น มองทาเก็ตกรุปออก คือรู้ว่าเขียนนิยายวัยรุ่น กลุ่มคนอ่านอายุประมาณเท่าไหร่


การเเจกอัลบัมไม่ใช่น้ำจิตน้ำใจเเต่คือการตลาด เหมือนเครื่องดื่มน้ำชาชอบใช้ ซื้อขวดเก็บฝาส่งชิงโชค ยังไงก็คือได้กับได้


นิยายใช้อิมเมจไอดอลเกาหลี ก็เพราะจะดึงคนอ่านให้เข้ามาอ่านตามอิมเมจ ง่ายๆ คือจูงใจติ่ง ความรู้สึกคือไม่ต่างจากการอ่านฟิคไอดอล คือฟิคเอ็กยูรึเปล่า


ถ้าจะมองว่านักเขียนคนนึงประสบความสำเร็จที่ตรงไหน สำหรับคนนี้มองว่าส่วนตัวเขามีทุน (เพราะเห็นโฆษณาเฟซบุคบ่อยมาก) มีทุนพอที่จะทำหนังสือ จ้างทำปก จ้างบ.กฟรีเลนซ์ เเละมีทุนซื้ออัลบัมเกาหลีเเจก


การทำมือไม่ใช่นิยายที่ฉีกรูปเเบบเเนวในท้องตลาด เเต่การทำมือคือการทำนิยายที่เดินไปพร้อมเเละใช้กระเเสของท้องตลาด เป็นนักเขียนทำมือเผลอๆ ได้เงินเยอะกว่าสนพ.อีก (ถ้าขายได้จำนวนที่มากพอ)


ข้อดีของการทำมือคือนักเขียนได้สื่อสารในสิ่งที่ต้องการทุกอย่าง นักอ่านได้เจอนิยายที่อาจจะตรงความต้องการของตัวเอง นักเขียนทำมือต้องดูอุปโภคบริโภคค่อนข้างมาก พูดง่ายๆ เหมือนใครก็ทำได้จริงๆ ก็คือไม่ได้ยาก ใครก็ทำได้จริงๆ เเต่เรื่องยอดขายปัดไปเป็นอีกเรื่องนะ


สมัยนี้คนนักเขียนทำมือเยอะมาก เเต่สิ่งเเรกที่ควรจะทำคือทำให้ตัวเองผ่านสนพ.ก่อนรึเปล่า เพราะมองเเบบโลกไม่สวยมันไม่ได้ง่าย ไม่่ได้อยากจะทำอยากจะขายก็ขายได้ โฆษณาเฟซบุคมีค่าโปรโมทเท่าไหร่ จะตั้งอัพยังไงชวงเวลาไหนเพื่อให้คนเข้ามากดคลิกอ่านนิยาย คือไม่ง่ายอะ ยาก


เเต่นักเขียนหรือเจ๊เนี่ย ขายฝันเด็กรุ่นใหม่มากๆ การทำมือไม่ใช่สิ่งที่ผิด เเต่อิสระมากไปจะทำให้หนังสือผ่านการคัดกรองคุณภาพรึเปล่า ไม่ใช่ว่าเขียนไม่ดีนะ เเต่หมายถึงการอ้างอิงข้อมูลที่อาจจะไม่ถูกต้อง เขียนนิยายบางทีไม่ใช่เเค่เสิร์ชกูเกิลอะ คนอ่านไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ส่วนคนเขียนงานก็ไม่ได้รับการกลั่นกรองมาอย่างที่ถูกที่ควร


ถ้าพูดความเชื่อมั่น นักเขียนที่ผ่านสนพ.ลงมาเเล้วทำมือจะได้รับความเชื่อมั่นมากกว่า

สมัยนี้เป็นกันง่ายมาก ง่ายเกินไป มีเงินทุนก็ส่ง B2S ได้เเล้ว (ไม่ได้เหมารวมว่านิยายจะดีไม่ดี)

เเต่มองว่านักเขียนสมัยนี้เป็นกันง่ายเกินไป มียอดวิวในเว็ปหน่อย ติดท็อปหน่อย ก็เปิดพรีออเดอร์ละหาคนทำปกละ ขายละ

ยังไม่เคยได้พิจารณานิยายของตัวเองจริงๆ เลยว่าดีจริงรึเปล่า ขายไปเเล้วอีกสิบปีมาอ่านความสนุกมันจะยังคงทนเเบบนี้อยู่มั้ย เพราะที่ขายเเละที่ซื้อก็อยู่ได้เพราะปัจจัยอื่นๆ ทั้งสิ้น


อยากให้นักเขียนที่คิดจะทำมือลองกมมองดูนิยายของตัวเองจริงๆ ก่อน โดยเฉพราะน้องๆ หนูๆ เพิ่มอ่านนิยายมาไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ บางคน 15 เเน่นอนว่าการรักการอ่านไม่ได้เกิดขึ้นตั้งเเต่ตอน 2 ขวบ การที่มีนักอ่านเข้ามาบอกว่า รวมเล่มนะ ทำเล่มเถอะอยากได้ คือการที่มีคนเห็นคุณค่าในงานของเรา มีคนต้องการงานของเราเนี่ยมันเป็นความรู้สึกที่หอมหวานมาก เเต่พันคนอาจจะมีคนซื้อเเค่ 50 ก็ได้


ไม่ต้องรีบอยากมาทำมือ เขียนจบส่งสนพ.ก่อน อายุยังน้อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน อย่าเพิ่งมาลงทุนกับธุรกิจที่ตัวเองเป็นทั้งนักผลิต นักตรวจสอบ นักบัญชี นักโฆษณา เเถมยังเป็นนักบริการด้วย เพราะบางทีต้องมาคอยตอบคำถามนักอ่าน ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นลูกค้าของตัวเอง


มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงโอกาศจะเปิดกว้างให้เราทำมากขึ้น มีหน้าร้านเปิดรับให้ไปวางขาย เเต่ดูปัจจัยอื่นๆ ด้วย เราจะรับได้มั้ยถ้าเห็นนิยายตัวเองขายมือสอง เราจะรับได้มั้ยว่ามีเสียงนักอ่านวิจารณ์รุนเเรง เราจะเเก้ปัญหายังไงถ้าเกิดไปรษณีย์ส่งหนังสือให้เเล้วหนังสือบุบยับเเล้วนักอ่านขอเคลม เจอความเรื่องมากของคนอ่าน อาจจะเจอนักอ่านโกงด้วยถ้าทำบัญชีไม่ดี


การทำหนังสือทำมือมันปั่นทอนมากเพราะเราจะไม่ใช่เเค่เขียนอย่างมีความสุขเเล้ว จะมียอดขาย ความคาดหวัง เครียดกับคอมเมนต์ก็พอเเล้วเเต่ตอนนี้ต้องมาเครียดกับยอดขาย ปกนิยายก็ปกไปเเล้วขั้นต่ำ 2500+ จะต้องขายยังไงให้พ้นต้นทุนเเล้วได้กำไร มีเเต่เรื่องให้คิดทั้งนั้น


คนที่อายุ 25+ ขึ้นไปยังทำไปถอนหายใจไปเลยด้วยซ้ำบางที


ขอให้คิดเยอะๆ โลกมันไม่ได้สวยถ้าหนูไม่มีเงิน พ่อเเม่ไม่ซัพพอร์ช เอาโลกความจริงมาพูดกันเถอะ อย่าขายฝันเด็ก




1
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
Be Be 28 พ.ย. 60 19:08 น. 2

คือไม่เคยอา่นนิยายนะ เเต่จริงๆ เป็นคนใช้การตลาดอุปโภคเเบบยิงตรงประเด็น มองทาเก็ตกรุปออก คือรู้ว่าเขียนนิยายวัยรุ่น กลุ่มคนอ่านอายุประมาณเท่าไหร่


การเเจกอัลบัมไม่ใช่น้ำจิตน้ำใจเเต่คือการตลาด เหมือนเครื่องดื่มน้ำชาชอบใช้ ซื้อขวดเก็บฝาส่งชิงโชค ยังไงก็คือได้กับได้


นิยายใช้อิมเมจไอดอลเกาหลี ก็เพราะจะดึงคนอ่านให้เข้ามาอ่านตามอิมเมจ ง่ายๆ คือจูงใจติ่ง ความรู้สึกคือไม่ต่างจากการอ่านฟิคไอดอล คือฟิคเอ็กยูรึเปล่า


ถ้าจะมองว่านักเขียนคนนึงประสบความสำเร็จที่ตรงไหน สำหรับคนนี้มองว่าส่วนตัวเขามีทุน (เพราะเห็นโฆษณาเฟซบุคบ่อยมาก) มีทุนพอที่จะทำหนังสือ จ้างทำปก จ้างบ.กฟรีเลนซ์ เเละมีทุนซื้ออัลบัมเกาหลีเเจก


การทำมือไม่ใช่นิยายที่ฉีกรูปเเบบเเนวในท้องตลาด เเต่การทำมือคือการทำนิยายที่เดินไปพร้อมเเละใช้กระเเสของท้องตลาด เป็นนักเขียนทำมือเผลอๆ ได้เงินเยอะกว่าสนพ.อีก (ถ้าขายได้จำนวนที่มากพอ)


ข้อดีของการทำมือคือนักเขียนได้สื่อสารในสิ่งที่ต้องการทุกอย่าง นักอ่านได้เจอนิยายที่อาจจะตรงความต้องการของตัวเอง นักเขียนทำมือต้องดูอุปโภคบริโภคค่อนข้างมาก พูดง่ายๆ เหมือนใครก็ทำได้จริงๆ ก็คือไม่ได้ยาก ใครก็ทำได้จริงๆ เเต่เรื่องยอดขายปัดไปเป็นอีกเรื่องนะ


สมัยนี้คนนักเขียนทำมือเยอะมาก เเต่สิ่งเเรกที่ควรจะทำคือทำให้ตัวเองผ่านสนพ.ก่อนรึเปล่า เพราะมองเเบบโลกไม่สวยมันไม่ได้ง่าย ไม่่ได้อยากจะทำอยากจะขายก็ขายได้ โฆษณาเฟซบุคมีค่าโปรโมทเท่าไหร่ จะตั้งอัพยังไงชวงเวลาไหนเพื่อให้คนเข้ามากดคลิกอ่านนิยาย คือไม่ง่ายอะ ยาก


เเต่นักเขียนหรือเจ๊เนี่ย ขายฝันเด็กรุ่นใหม่มากๆ การทำมือไม่ใช่สิ่งที่ผิด เเต่อิสระมากไปจะทำให้หนังสือผ่านการคัดกรองคุณภาพรึเปล่า ไม่ใช่ว่าเขียนไม่ดีนะ เเต่หมายถึงการอ้างอิงข้อมูลที่อาจจะไม่ถูกต้อง เขียนนิยายบางทีไม่ใช่เเค่เสิร์ชกูเกิลอะ คนอ่านไม่รู้ว่าถูกหรือผิด ส่วนคนเขียนงานก็ไม่ได้รับการกลั่นกรองมาอย่างที่ถูกที่ควร


ถ้าพูดความเชื่อมั่น นักเขียนที่ผ่านสนพ.ลงมาเเล้วทำมือจะได้รับความเชื่อมั่นมากกว่า

สมัยนี้เป็นกันง่ายมาก ง่ายเกินไป มีเงินทุนก็ส่ง B2S ได้เเล้ว (ไม่ได้เหมารวมว่านิยายจะดีไม่ดี)

เเต่มองว่านักเขียนสมัยนี้เป็นกันง่ายเกินไป มียอดวิวในเว็ปหน่อย ติดท็อปหน่อย ก็เปิดพรีออเดอร์ละหาคนทำปกละ ขายละ

ยังไม่เคยได้พิจารณานิยายของตัวเองจริงๆ เลยว่าดีจริงรึเปล่า ขายไปเเล้วอีกสิบปีมาอ่านความสนุกมันจะยังคงทนเเบบนี้อยู่มั้ย เพราะที่ขายเเละที่ซื้อก็อยู่ได้เพราะปัจจัยอื่นๆ ทั้งสิ้น


อยากให้นักเขียนที่คิดจะทำมือลองกมมองดูนิยายของตัวเองจริงๆ ก่อน โดยเฉพราะน้องๆ หนูๆ เพิ่มอ่านนิยายมาไม่ถึงสิบปีด้วยซ้ำ บางคน 15 เเน่นอนว่าการรักการอ่านไม่ได้เกิดขึ้นตั้งเเต่ตอน 2 ขวบ การที่มีนักอ่านเข้ามาบอกว่า รวมเล่มนะ ทำเล่มเถอะอยากได้ คือการที่มีคนเห็นคุณค่าในงานของเรา มีคนต้องการงานของเราเนี่ยมันเป็นความรู้สึกที่หอมหวานมาก เเต่พันคนอาจจะมีคนซื้อเเค่ 50 ก็ได้


ไม่ต้องรีบอยากมาทำมือ เขียนจบส่งสนพ.ก่อน อายุยังน้อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปก่อน อย่าเพิ่งมาลงทุนกับธุรกิจที่ตัวเองเป็นทั้งนักผลิต นักตรวจสอบ นักบัญชี นักโฆษณา เเถมยังเป็นนักบริการด้วย เพราะบางทีต้องมาคอยตอบคำถามนักอ่าน ที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นลูกค้าของตัวเอง


มันไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงโอกาศจะเปิดกว้างให้เราทำมากขึ้น มีหน้าร้านเปิดรับให้ไปวางขาย เเต่ดูปัจจัยอื่นๆ ด้วย เราจะรับได้มั้ยถ้าเห็นนิยายตัวเองขายมือสอง เราจะรับได้มั้ยว่ามีเสียงนักอ่านวิจารณ์รุนเเรง เราจะเเก้ปัญหายังไงถ้าเกิดไปรษณีย์ส่งหนังสือให้เเล้วหนังสือบุบยับเเล้วนักอ่านขอเคลม เจอความเรื่องมากของคนอ่าน อาจจะเจอนักอ่านโกงด้วยถ้าทำบัญชีไม่ดี


การทำหนังสือทำมือมันปั่นทอนมากเพราะเราจะไม่ใช่เเค่เขียนอย่างมีความสุขเเล้ว จะมียอดขาย ความคาดหวัง เครียดกับคอมเมนต์ก็พอเเล้วเเต่ตอนนี้ต้องมาเครียดกับยอดขาย ปกนิยายก็ปกไปเเล้วขั้นต่ำ 2500+ จะต้องขายยังไงให้พ้นต้นทุนเเล้วได้กำไร มีเเต่เรื่องให้คิดทั้งนั้น


คนที่อายุ 25+ ขึ้นไปยังทำไปถอนหายใจไปเลยด้วยซ้ำบางที


ขอให้คิดเยอะๆ โลกมันไม่ได้สวยถ้าหนูไม่มีเงิน พ่อเเม่ไม่ซัพพอร์ช เอาโลกความจริงมาพูดกันเถอะ อย่าขายฝันเด็ก




1
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากนำรูปถ่าย หรือข้อมูลของผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะมาลง โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หรือมีลงเบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่จริง

กำลังโหลด
กำลังโหลด