สร้างตัวละครให้ปังตามบุคลิก MBTI
INFP ต้นแบบแห่งนักไกล่เกลี่ย
สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน กลับมาพบกลเม็ดเคล็ดลับฉบับการสร้างตัวละครและเขียนนิยายตามบุคลิกภาพแบบ MBTI (Myers-Briggs Personality Types) อีกครั้งแล้วนะคะ ในวันนี้พี่น้ำผึ้งมาพร้อมกับบุคลิกภาพที่น้องๆ ชาวนักเขียนเด็กดีเรียกร้องกันมากที่สุด ถึงขั้นหลังไมค์มาหาพี่เลยทีเดียวจ้า บุคลิกนั้นจะเป็นบุคลิกใดไม่ได้เลยนอกจาก “INFP” ต้นแบบแห่งนักไกล่เกลี่ยนั่นเอง!! ว่ากันว่าเราพบชาว INFP แค่ 4% ในโลกเท่านั้นด้วย! ไม่เพียงแค่นั้น น้องๆ รู้มั้ยว่าพวกเขายังเป็นคนที่บอร์นทูบีนักเขียนเช่นกัน ไม่แพ้ชาว ISFP เลยค่ะ ว่าแล้วก็ตามมาดูกันเลยดีกว่าว่าเป็นยังไง เลื่อนลงมาเลยจ้า
อะไรคือ MBTI
แบบทดสอบ MBTI หรือ Myers-Briggs Personality Types เป็นเครื่องมือจิตวิทยาที่ใช้เพื่อค้นหาบุคลิกภาพ ตัวตน ความรู้สึกและความนึกคิดของเรา เครื่องมือนี้มีประโยชน์และแม่นยำมากๆ เลยค่ะน้องๆ เพราะแบ่งคนออกเป็น 16 แบบด้วยกัน นอกจากนี้ยังมีการใช้ MBTI แพร่หลายทั่วโลก ทั้งในการเลือกคู่ครอง การพัฒนาตัวเอง การหางานเพื่อให้เหมาะสมต่อบุคลิกภาพ หรือแม้แต่บริษัทต่างชาติหลายที่ยังใช้เพื่อคัดเลือกพนักงานเข้าบริษัทด้วยค่ะ
แบบทดสอบนี้คิดค้นในช่วงยุค 1940 โดยอิซาเบล บริกส์ ไมเออร์ (Isabel Briggs Myers) และแคทเธอรีน แม่ของเธอ ซึ่งทั้งคู่ได้พัฒนาต่อยอดมาจากทฤษฎีจิตวิทยาวิเคราะห์ของคาร์ล ยุง แบบทดสอบ MBTI ตีพิมพ์ครั้งแรกโดย Educational Testing Service (ETS) ในปี ค.ศ. 1962 ต่อมาในช่วงราวๆ ปี ค.ศ. 1968 MBTI ได้รับการแปลถึง 14 ภาษาเลยทีเดียว
ตัวอักษร 4 แบบ
มีตัวอีกษร 4 ตัวสำคัญสำหรับแบบทดสอบ MBTI ที่แสดงถึงลักษณะความชอบหรือความถนัดของเราทั้ง 4 ด้าน โดยมาจากตัวอักษรทั้ง 8 แบบที่ไว้ทดสอบค่ะ ดังภาพด้านล่างเลย
.jpg)
(via : https://atopcareer.com/relationships/)
E vs I : ได้รับพลังงานมาจากไหน?
E มาจาก Extraversion พวกเขาจะรู้สึกมีพลังและกระตือรือร้นมากเมื่อได้พบปะพูดคุยกับคนอื่น ได้เข้าสังคม ได้เจอคนเยอะๆ พวกเขามีแนวโน้มว่าจะสนใจทุกอย่างที่พบเห็นและโฟกัสที่โลกภายนอกซะมากกว่า พูดง่ายๆ ก็คือคนกลุ่มนี้เป็นพวกชอบการเข้าสังคมนั่นเองค่ะ
ขณะที่ I มาจาก Introversion พวกเขาจะเป็นพวกที่ได้รับพลังงานจากแรงกระตุ้นภายในตัวเอง ชอบอยู่คนเดียว อยู่ในโลกของตัวเอง และโฟกัสที่ตัวเองมากกว่าที่จะสนใจคนรอบข้าง พูดง่ายๆ ก็คือเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงนั่นเองค่ะ
S vs N : รับรู้ข้อมูลยังไง?
S หรือ Sensing จะรับรู้ข้อมูลผ่านการสัมผัสหรือประสาทสัมผัสทั้ง 5 ชอบอะไรที่จับต้องได้ ชอบอะไรที่มันเรียลและเป็นข้อเท็จจริง
ขณะที่ N หรือ Intuition นั้นจะเป็นพวกที่ชอบรับรู้โดยใช้สัญชาติญาณ มองการณ์ไกล คิดไปถึงอนาคต และมักจะมีวิธีใหม่ๆ ในการทำงานหรือแก้ไขปัญหา แน่นอนว่าคนพวก N มักเปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและจินตนาการค่ะ
T vs F : ใช้อะไรในการตัดสินใจ?
คนประเภท T หรือ Thinking มักใช้เหตุผลในการตัดสินใจและไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาตัดสิน พวกเขาจะมีกระบวนการคิดที่เป็นเหตุเป็นผล และมักจะคิดๆๆ คิดอย่างละเอียดก่อนลงมือทำการบางอย่างค่ะ
ส่วนคนประเภท F หรือ Feeling นั้นมักใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจ พวกเขามักเห็นอกเห็นใจและให้ความสำคัญต่อความรู้สึกของผู้อื่นเป็นอันดับต้นๆ เลยค่ะ
J vs P : มีแนวทางในการใช้ชีวิตยังไง?
Judgment หรือ J เป็นพวกที่ชอบวางแผนเพื่อไล่ล่าเป้าหมาย พวกเขามักจะมีชีวิตที่เป็นระเบียบแบบแผน ตัดสินใจเร็ว ถ้าเมื่อไหร่ไม่มีแผนก็มักจะไม่สบายใจ ต้องรีบวางแผนค่ะ
ส่วน Perception หรือ P มักเป็นพวกชิวๆ ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ มีชีวิตยืดหยุ่น พร้อมปรับตัวได้ทุกสถานการณ์ แผนน่ะเหรอ? ไม่สำคัญหรอกจ้า ไม่มีก็อยู่ได้ เพราะพวกเขาสามารถรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันได้ตลอดเวลาอยู่แล้ว
และการผสมผสานของตัวอักษรทั้ง 8 ตัวนี่แหละที่ทำให้เกิดบุคลิกภาพทั้ง 16 แบบอันเป็นเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึงกันในวันนี้ รับรองว่า 16 แบบนี้จะช่วยให้การสร้างตัวละครในนิยายเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากค่ะ
ทำแบบทดสอบได้ที่ไหน?
แบบทดสอบสำหรับใครคนไหนที่ไม่เคยทำแบบทดสอบ MBTI และไม่รู้ว่าเราเป็นคนประเภทไหนกันแน่ใน 16 แบบนี้ พี่น้ำผึ้งขอส่งต่อลิงค์ให้น้องๆ ไปทำค่ะ โดยน้องๆ สามารถทำแบบทดสอบเวอร์ชั่นภาษาไทยได้ที่นี่ จิ้ม ส่วนใครที่แม่นภาษาอังกฤษก็สามารถทำเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้เลยที่นี่ จิ้ม หรือใครอยากทำทั้งสองเวอร์ชั่นก็ไม่ว่ากันค่ะ :D
สำหรับใครที่ทำแล้วหรือรู้แล้วว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน อย่าลืมจำไว้ให้แม่นแล้วมาสร้างตัวละครกันค่ะ
INFP
โดยธรรมชาติแล้ว ชาว INFP ไม่ถนัดเรื่องการแสดงความรู้สึกผ่านคำพูด พวกเขาจึงปลดปล่อยอารมณ์ด้วยการเขียนลงในกระดาษแทน ดังนั้นชาว INFP จึงเกิดมาเพื่อเป็นนักเขียนเช่นกันค่ะ พวกเขามีพรสรรค์ในการสร้างสรรค์ผลงานด้านงานเขียนที่เป็นเลิศ เวลาเขียนนิยายมักชอบอยู่คนเดียว พูดคุยและสื่อสารกับตัวเองเพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณค่า งานเขียนของชาว INFP มักเป็นงานที่มีแนวคิดที่สร้างสรรค์ ไม่เหมือนใคร และมีการเลือกใช้ถ้อยคำที่สละสลวย
ชาว INFP จะไม่สามารถเริ่มต้นเขียนได้เลยถ้าไม่รู้ว่าแก่นเรื่องคืออะไร ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องเขียนพล็อตให้เรียบร้อยซะก่อน แน่นอนว่าการพัฒนาพล็อตนิยายอาจเป็นเรื่องสนุก แต่เมื่อมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการพัฒนาโครงเรื่องโดยไม่ยอมลงมือเขียนนิยายสักที พวกเขาจะรู้สึกเบื่อและโยนมันทิ้งไปในที่สุด อย่างไรก็ตาม นักเขียนชาว INFP จัดว่าเป็นนักเขียนที่จินตนาการล้ำเลิศเลยค่ะ
สร้างตัวละครแบบ INFP
I : เป็น Introversion มากกว่า Extroversion
ชาว INFP นั้นได้รับพลังงานจากโลกภายในของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือไอเดียต่างๆ พวกเขามักจะสนุกไปกับการสร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนกลุ่มเล็กๆ มากกว่าเพื่อนกลุ่มใหญ่ๆ แถมยังเป็นพวกคิดถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นก่อนแสดงออกด้วยวาจาหรือท่าทางค่ะ
N : ชอบใช้สัญชาติญาณมากกว่าประสาทสัมผัส
ชาว INFP เชื่อในลางสังหรณ์และการหยั่งรู้ของตัวเองมากกว่าประสาทสัมผัสทั้ง 5 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่เชื่อในข้อมูลที่ได้มาจากประสาทสัมผัสตัวเองนะ เพียงแต่พวกเขาเชื่อในจิตใต้สำนึกของตัวเองมากกว่า แถมลางสังหรณ์ของพวกเขายังแม่นยำมากๆ ด้วย
F : ใช้ความรู้สึกมากกว่าความคิด
เวลาที่ชาว INFP จะตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง พวกเขามักจะคำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นก่อนเสมอ คิดแทนคนรอบข้างเลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง นั่นเป็นเพราะพวกเขาแคร์และสนใจในความต้องการของผู้อื่น อยากให้ทุกคนแฮปปี้เท่าๆ กัน มันเลยทำให้ชาว INFP มีแนวโน้มที่จะเป็นคนขี้สงสารและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มหัศจรรย์มากๆ เลยค่ะ
P : ใช้ชีวิตชิวๆ ดีกว่าใช้ชีวิตแบบเป๊ะเวอร์
ชาว INFP ไม่ชอบวางแผนอะไรไว้เยอะแยะ พวกเขาชอบให้ตัวเองมีหลายๆ ทางเลือก สนุกกับการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ และเจออะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะเรื่องตื่นเต้นนี่ชอบมากๆ เลยค่ะ ดังนั้นเมื่อมีเป้าหมาย ชาว INFP จะมองแบบกว้างๆ วางแผนแบบกว้างๆ ไม่ลงรายละเอียดเยอะ อารมณ์แบบว่ายืดหยุ่นไว้ก่อนพ่อสอนไว้เลยจ้า
เบลล่า สวอน ต้นแบบตัวละครสาย INFP
(via : pinterest.com)
ชาว INFP เป็นคนเงียบๆ เก็บตัว สุขุมและขี้อาย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พวกเขาเป็นคนอบอุ่นและนึกถึงผู้อื่นเป็นอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการ ความปรารถนาหรือแม้กระทั่งความกังวลของผู้อื่น เมื่อใดก็ตามที่คนสนิทของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ ชาว INFP ก็พร้อมจะเปล่งประกายเพื่อช่วยเหลือและให้กำลังใจเสมอ โดยเนเจอร์แล้วชาว INFP เป็นคนมีเมตตากรุณา ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสร้างสรรค์โลกนี้ให้น่าอยู่ค่ะ
เห็นแบบนี้แล้ว ชาว INFP เป็นคนรักความสมบูรณ์แบบไม่น้อย พวกเขามีความทะเยอทะยานและมุ่งมั่นที่จะออกตามหาความหมายของชีวิต อยากเข้าใจในตัวเองให้มากขึ้น และอยากเดินตามเส้นทางความฝันและเสียงเรียกร้องของหัวใจ
ชาว INFP ไม่ชอบความขัดแย้งและพยายามหลีกเลี่ยงมัน แต่ถ้าต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งจริงๆ พวกเขาก็มักจะตัดสินจากความรู้สึกของตัวเองโดยไม่สนว่าความจริงแล้วใครเป็นฝ่ายถูกหรือผิด จนทำให้ในบางครั้งอาจดูเป็นคนไร้เหตุผลเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นชาว INFP กลับเป็นผู้ไกล่เกลี่ยที่ดีมากและยังมีความสามารถในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของผู้อื่นด้วยค่ะ มงลงไปเลยรัวๆ
INFP กับเรื่องของความสัมพันธ์
พูดเลยว่าชาว INFP เป็นคนที่โรแมนติกมากกกก ใครได้ไปครอบครอบถือว่าโชคดีสุดๆ พวกเขาเป็นคนรักที่ยอดเยี่ยม มีความซื่อสัตย์ ช่างเอาอกเอาใจและเต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้ว่าชาว INFP จะเป็นคนเงียบๆ และสุขุม แต่พวกเขาก็มีแง่มุมน่ารักๆ อาทิเช่นเป็นคนขี้เล่น สนุกสนานและมีอารมณ์ขันเป็นเลิศ ในทางตรงข้าม เมื่อชาว INFP มีช่วงเวลาเครียดๆ เขาจะกลายเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงและจริงจัง

เจมี่ ซัลลิแวน หนึ่งในตัวละครสาย INFP
(via : Jack Flacco)
INFP กับการงานอาชีพ
ชาว INFP ถนัดในการทำงานคนเดียวมากกว่าทำงานเป็นทีม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถทำงานเป็นทีมได้นะ ตรงกันข้าม การที่พวกเขาเป็นคนใจดีและเข้าอกเข้าใจคนรอบข้าง มันช่วยให้พวกเขาทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
ในเรื่องของการทำงาน ชาว INFP เป็นคนมีมาตรฐานสูงและมีความมุ่งมั่นเพื่อที่จะให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด การทำงานจะต้องเป็นไปในอุดมคติของพวกเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะสูญเสียความสนใจในงานและท้อแท้
INFP กับชีวิตในรั้วโรงเรียน
นักเรียนชาว INFP มีความสามารถโดดเด่นในเรื่องการเรียน พวกเขากระตือรือร้นและชอบเรียนรู้ ชอบค้นคว้าศึกษาด้วยตัวเองมากกว่าจะรอครูมาป้อนให้ นอกจากนี้ยังเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองมีความสุขและไม่ชอบให้ใครมาบังคับด้วยค่ะ
จุดแข็งของชาว INFP
- ซื่อสัตย์และทุ่มเท
- เอาใจใส่ผู้อื่น
- อบอุ่นและขี้เล่น
- ความรู้สึกไว สามารถรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว
- ชอบให้กำลังใจผู้อื่น
- ต้องการทำตามความต้องการของผู้อื่น
จุดอ่อนของชาว INFP
- ไม่ชอบการวิพากษ์วิจารณ์มากนัก
- มีแนวโน้มที่จะตำหนิตัวเอง
- มีปัญหาในสถานการณ์ขัดแย้ง
ตัวละครชาว INFP
- บิล วีสลี่ย์ (Harry Potter)
- แอชลี่ย์ วิลก์ (Gone with the Wind)
- โคราไลน์ โจนส์ (Coraline)
- เจสเปอร์ เฮล และ เบลล่า สวอน (Twilight)
- โฟรโด, ฟาราเมียร์ และ กอลลัม (The Lord of the Rings)
- สเกาต์ ฟินซ์ (To Kill a Mockingbird)
- เจน เบ็นเน็ต (Pride and Prejudice)
- จูเลียต คาปูเล็ต และ โรมิโอ มองตากิว (Romeo and Juliet)
- โคโลเนล แบรนดอน (Sense and Sensibility)
- เลดี้เดดล็อก (Bleak House)
- เจมี่ ซัลลิแวน (A Walk to Remember)
- ลูซี่ พีเวนซี (The Chronicles of Narnia)
- เจน แอร์ (Jane Eyre) เป็นต้น

จูเลียตเเละโรมิโอ
(via : eonline.com)
นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยลักษณะบุคลิกของชาว INFP แล้ว พี่น้ำผึ้งยังได้นำเทคนิคการเขียนนิยายตามสไตล์ชาว INFP มาฝากด้วยค่ะ น้องๆ นักเขียนคนไหนเป็นชาว INFP บอกเลยว่าห้ามพลาด แต่ละเทคนิคนั้นดีงามมากๆ ค่ะ ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลยดีกว่าจ้า
วิธีการเขียนตามแบบ INFP
นักเขียนชาว INFP จะเขียนนิยายได้ดีเมื่ออยู่ในที่เงียบๆ ปราศจากสิ่งรบกวน พวกเขามีมาตรฐานสูง ไม่ชอบให้ใครมากำหนดว่างานเขียนจะต้องเป็นแบบไหนหรือไปในทิศทางไหน ในบางครั้งระหว่างที่เขียนนิยาย พวกเขามักหยุดสักพักเพื่อพิจารณางานเขียนของตน รวมทั้งมองหาทางเลือกใหม่ๆ หรือค้นหาความเชื่อมโยงของสิ่งที่แตกต่างกันในนิยายตัวเอง ทั้งหมดที่ทำกฌเพื่อให้งานเขียนของตนสมบูรณ์แบบมากขึ้นค่ะ
ชาว INFP ไม่มีปัญหาในเรื่องของการเขียนนิยาย เพราะว่าเป็นคนช่างจินตนาการ พวกเขาเข้าใจธรรมชาติของทุกสิ่ง งานเขียนจึงเต็มไปด้วยอารมณ์และบรรยากาศที่ลึกซึ้ง ยิ่งถ้าให้เขียนในแง่ของความรู้สึกของตัวละคร บอกเลยว่าชาว INFP ทำได้ดีมาก นักอ่านจึงดื่มด่ำและอินได้ง่ายๆ เลยค่ะ อย่างไรก็ตามพวกเขาสนุกกับการสร้างพล็อตซับซ้อน ทำให้คนอ่านสับสนแล้วค่อยหักมุมในตอนท้าย
จุดบอดของนักเขียนชาว INFP
นักเขียนชาว INFP มักกังวลเรื่องสำนวนภาษาในงานเขียนของตัวเอง พวกเขาชอบงานเขียนที่มีภาษาสละสลวยและเป็นเอกลักษณ์ นั่นจึงเป็นเหตุให้เมื่อเริ่มเขียนนิยายไปได้หน้าสองหน้าก็ต้องหยุดเขียนและกลับมารีไรท์ใหม่วนไปจนกว่าจะพอใจในสำนวน แล้วพอจะให้กลับมาเขียนนิยายต่อก็รู้สึกเบื่อซะแล้ว ทางเดียวที่น้องๆ นักเขียนชาว INFP จะแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ก็คือรีไรท์หลังเขียนนิยายจบทั้งหมดค่ะ
นอกจากนี้ในบางครั้งชาว INFP ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนไหวต่อคำวิจารณ์ พอเจอฟีดแบ็คแย่ๆ ก็ทนไม่ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้พี่น้ำผึ้งขอแนะนำว่า ก่อนเริ่มต้นเขียนนิยายควรปรึกษาพูดคุยกับคนที่รู้จักหรือไว้ใจได้เกี่ยวกับเรื่องงานเขียนของตัวเองค่ะ ฟีดแบ็คที่ได้อาจเป็นประโยชน์และช่วยปรับปรุงงานเขียนให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นมันอาจจะช่วยลดโอกาสการได้รับฟีดแบ็คแย่ๆ หลังจากเผยแพร่ลงสู่สาธารณะค่ะ

(via: thesixteentypes.tumblr.com)
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเรื่องที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ หวังว่าน้องๆ คงหายคาอกคาใจเรื่องบุคลิกชาว INFP แล้วนะ! นับว่าเป็นอีกหนึ่งบุคลิกที่เกิดมาเพื่อเป็นนักเขียน ยกตัวอย่างเช่น J.R.R. Tolkien นักเขียนชื่อดังระดับโลกเองก็เป็นชาว INFP ด้วยค่ะ อ้อ นอกจากนี้พี่น้ำผึ้งยังเคยได้ยินมาว่าชาว INFP ชอบเรียนวิชาด้านภาษาอีกด้วย มันเลยทำให้พวกเขาพูดได้หลายภาษา ซึ่งคำพูดนี้จริงแท้หรือไม่ พี่น้ำผึ้งคงต้องรบกวนน้องชาว INFP ช่วยไขข้อกระจ่างให้พี่ด้วยนะ อิอิ ส่วนครั้งหน้าเป็นบุคลิกภาพสุดท้ายอย่าง ENTJ แล้วค่ะ ใครเป็นชาว ENTJ (เหมือนพี่) รอติดตามได้เลยนะ ^____^
พี่น้ำผึ้ง :)
ขอบคุณ
https://www.personalitymax.com
https://andreajwenger.com
http://bookriot.com
http://mbtifiction.com/
http://www.preludecharacteranalysis.com
http://www.psychologyjunkie.com





24 ความคิดเห็น
เรื่องรีไรท์ซ้ำๆเพราะไม่พอใจงานตัวเองนี่ตรงมากเลยค่ะ บางครั้งถึงขนาดที่ว่าลบทิ้งทั้งหมดเเล้วเขียนใหม่เลย55555555555555555
ชาว INFP แท้ทรูมาแล้วครับ
อย่างแรกก็ต้องบอกว่ามันตรงกับตัวเองมากที่สุด ชอบพิมพ์นิยายอยู่คนเดียว เพื่อนก็มีแค่นิดเดียวนับนิ้วได้ ชอบคุยกับตัวเองเหมือนเป็นคนบ้า แต่ชอบที่มันทำให้บทสนทนาออกมาดูสมจริงดีครับ โดยส่วนตัวการวิวาทแบบไร้เหตุผลไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ แต่ถ้าในนิยายที่มีความจำเป็นก็จะสู้ยิบตาจริงจัง
พูดถึงเรื่องนิยายแล้ว ส่วนใหญ่ตัวเองวางแผนไว้คร่าวๆเท่านั้น ไม่ได้วางแผนอะไรจริงจังมากมาย งานเขียนส่วนใหญ๋ก็เป็นการด้นสดเสียด้วยซ้ำ แต่ว่าชอบเอากลับมาอ่าน ไม่ถูกใจหรืออยากเติมตรงไหนก็จะแก้จนกว่าจะถูกใจ ตั้งแต่เข้ามาที่เว็บเด็กดีเมื่อนานมาแล้วก็กะจะแต่งนิยายสักเรื่องกลายเป็นว่าตัวเองตัน ไปต่อไม่ได้ ไม่ไหวจะเคลียร์ก็ลบออก ลบนิยายตัวเองมาแล้วหลายเรื่องจนปัจจุบัน งานเขียนตอนนี้เป็นสโลว์ไลฟ์ตามใจฉันมาก มีไแเดียรวบรวมแล้วค่อยเขียนลง ไม่มีไอเดียก็ปล่อยไว้ไปทำอย่างอื่น ครั้งนี้ดูมีพยายามมากกว่าแต่ก่อนคงเป็นเพราะตัวเลขของแฟนคลับที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆแต่ทว่าแน่นอนนะครับ ส่วนเรื่องอารมณ์ในงานเขียนนั้น คิดฉากไหนได้ บทไหน ออก ก็จะเขียนแบบใส่อารมณ์เต็มแม็กเหมือนกับเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในฉากก็ไม่ปาน
เรื่องเรียนภาษา ตัวเองถนัดเรื่องภาษาต่างประเทศมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สนใจภาษาอื่นมากพอๆกับภาษาไทย ตอนม.ปลายก็เรียนภาษาอังกฤษ จากที่พูดไม่เป็นสับปะรดจนพูดคล่องปรื่้อ ระหว่างนั้นก็เลือกวิชาเสริมเป็นภาษาฝรั่งเศสขั้นเบื้องต้น แถมชอบดูการ์ตูนอะนิเมะอีก เรียกได้ว่าในหัวมีแต่ภาษาจนเมมเต็ม
ทั้งหมดที่พูดมาคงแสดงว่าถึงความแท้ทรูของ INFP แล้วนะครับ
สวัสดีนะคะเพื่อนINFP
กราบเลยค่ะะ ที่เขียนมาทั้งหมดมันคือความจริงสุดๆค่ะ แล้วโดยเฉพาะ-เรื่องฟีดแบ็คแย่ๆนี่คือจริง เคยลบนิยายไปหลายครั้งเพราะฟีดแบ็คแย่ๆนี่แหละค่ะT^T
ส่วนเรื่องชอบเรียนภาษานี่เราว่าจริงค่ะ เราสนใจในด้านภาษามากๆ และชอบที่จะเรียนมากเลยค่ะ สนุกจะตาย!
แต่ว่าเป็นคนประเภท INFP เป็นคนไม่ชอบเรียนภาษาค่ะ (-.- )
เราก็ INFP ค่ะ
เรื่องภาษาตอนนี้ก็เลือกเรียนภาษาที่สาม เป็นภาษาจีนค่ะ
เรื่องอื่นๆ เราว่าตรงหมดเลยนะคะ เราเป็นคนที่ชอบพูดคนเดียว อยู่คนเดียว
ถ้าถามว่ามีเพื่อนมากไหม มันก็มีนะคะ แต่คนที่เป็นเพื่อนที่เราสามารถคุยได้ทุกอย่างจริงๆ มีไม่กี่คนหรอกค่ะ แต่ก็สนิทมากๆ นะคะ
เราว่าเราชอบเขียนมากกว่าที่พูดจริงๆ นั่นแหละน่ะค่ะ
ปล. ดีใจ ได้เหมือนลูซี่ พีเวนซี่ด้วย FCนาง 55 เรื่องโปรดค่ะ ^_^
เรา INFP เองค่ะ 55555
เราชอบวางแผนหรือพล็อตแกนเรื่องไว้คร่าวๆ เช่นหลักการของเรื่องคืออะไรบ้าง
ส่วนรายละเอียดเนื้อหาจริงๆ เราอยากรู้สึกสนุกและตื่นเต้น โดยการเดินทางไปพร้อมๆกับตัวละครค่ะ
อีกอย่างคือจะใช้สำนวนได้ดีเฉพาะเวลามีอารมณ์จะเขียนจริงๆเท่านั้นด้วย
แถมด้วยความชอบค้นหาตัวตนและความหมายของชีวต เลยสนใจเรียนรู้หลายๆศาสตร์ โดยเฉพาะปรัชญาและจิตวิทยา ทำให้งานเขียนออกไปในแนวนั้นซะมาก
ส่วนเรื่องภาษานี่ ไม่ได้ชอบเรียนนะคะ แต่เท่าที่สังเกตมา เหมือนจะเข้าใจภาษาได้ง่ายกว่าคนอื่นเฉยๆ เพราะเข้าใจอารมณ์ของคำศัพท์และบริบท มากกว่าจะจำศัพท์ในฐานะที่เป็นตัวอักษรเรียงกันค่ะ
ตอบเรื่องที่ชอบเรียนหลายๆภาษา สำหรับเราคือแท้ทรูค่ะ555 อยากพูดได้หลายๆภาษา ส่วนเรื่องรีไรท์นิยายนี่ก็แท้ทรูไปอีก ลบแล้วลบอีก ไม่ได้ลงที พอจะลงก็มาแก้ใหม่เรื่อยๆ 5555 เรื่องคำวจารณ์ก็จริงไปอีก และคิดว่าตัวเองต้องอดทนกัมันมากขึ้น INFP is me นี่คือค.แท้ทรูของหมู่เรา 555
ถูกที่สุดเลยค่ะ อยากพูดได้หลายๆภาษาเนอะ เรื่องนิยายนี่ก็ลบแล้วลบอีกกว่าจะได้ลง 5555
ตรงทุกเรื่องเลยค่ะะะ กับเราจะตรงมากๆตรงที่บอกว่า ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกผ่านคำพูดได้
คืออยากทำแต่ทำไม่ได้ ต้องทำผ่านทางงานเขียน ดนตรี หรืออะไรสักอย่าง อยากให้คนรับ ได้รู้สึกจริงๆ ไม่ใช่ผ่านคำพูดที่อธิบายออกมา
ยกมือแสดงตัวนักเขียน INFP อีกคนค่ะ ตรงอะไรปานนั้น
ตอนแรกที่ลองทำเมื่อ 3 เดือนก่อน ได้ INTJ ตอนนี้ได้ INFP ซะละ
ก็ตรงทั้งสองแบบนะ แต่พออ่านรายละเอียดดีๆ แล้วรู้สึกว่าแบบนี้ตรงกว่า โดยเฉพาะชอบวางแผน ชอบเขียน เรียนภาษานี่น่ะ...
ตามที่เราศึกษา บุคลิกคนเรามันเปลี่ยนไม่ได้นะคะ เกิดมาเป็นแบบไหนก็เป็นแบบนั้นเลยค่ะ แต่สิ่งที่ชอบสามารถเปลี่ยนได้ค่ะ เช่น เริ่มแรกโลกส่วนตัวสูงแต่อยากมีเพื่อนเยอะๆ อันนี้ก็ยังเป็น I อยู่นะคะ แล้วก็นิสัยเปลี่ยนได้ค่ะ ข้อด้อยของบุคลิกนั้นๆอาจถูกเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้ค่ะ หากสงสัยว่าเป็นบุคลิกไหนกันแน่ ต้องลองสังเกตตัวเองทุกช่วงเวลาค่ะ ทั้งตอนเด็กๆและปัจจุบัน
ขออนุญาตอธิบายให้คร่าวๆนะคะ
E (ชอบเข้าสังคม มีเพื่อนเยอะๆ)
หรือ
I (ชอบอยู่คนเดียว มีเพื่อนน้อยๆ)
S (เชื่อความเป็นจริง จะเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์แล้วเท่านั้น)
หรือ
N (ชอบจินตนาการ เชื่อในลางสังหรณ์)
T (เหตุผลมาก่อนอารมณ์)
หรือ
F (อารมณ์มาก่อนเหตุผล)
J (จะทำอะไรต้องมีการวางแผนก่อน และทำตามแผนที่วางไว้เท่านั้น)
หรือ
P (เปิดทางเลือกให้ตัวเองเยอะๆ ไว้ค่อยเลือกในภายหลัง ประมาณ ‘ไปตายเอาดาบหน้า’ นั่นแหละ)
หากสังเกตตัวเองตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้แล้วคุณคิดว่าคุณเป็น INTJ หรือ INFP มากกว่าล่ะคะ?
ถามเพิ่มเติมได้นะคะ เรากำลังศึกษาเรื่องนี้อยู่ค่ะ
ปล. ค่าความ E I S N T F J P สามารถเปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลาได้ค่ะ แต่บุคลิกมันไม่เปลี่ยนด้วยนะคะ ในตัวคนเราไม่ได้เป็นอะไร 100% หรอกค่ะ ยกตัวอย่างเป็น T 45% กับ F 55% อย่างนี้นับเป็น F นะคะ
ชาว INFP รายงานตัวค่ะ
คำถามสุดท้ายขอตอบว่า ใช่ค่ะ เราชอบเรียนเรื่องภาษา ชอบมากๆเลยค่ะ ตอนนี้ก็กำลังคิดอยู่ค่ะว่าจะต่อคณะภาษาศาสตร์เลย
ทุกวันนี้ใช้ชีวิตตามความฝันค่ะ ไม่ได้อยู่เพื่ออะไรอย่างอื่นเลยค่ะ แล้วก็ชอบที่จะค้นหาตัวเองเพื่อเข้าใจตัวเองให้มากยิ่งขึ้นแล้วจะได้ไม่เสียใจภายหลังว่ามาทำสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ชอบค่ะ
เราไม่ชอบความขัดแย้งเลย พยายามหลีกเลี่ยงเสมอเช่นเวลาเพื่อนให้ตัดสินว่าคนไหนสวยกว่า เราก็จะตอบเลี่ยงๆประมาณว่า คนเรามีสเน่ห์กันคนละแบบ ค่ะ5555 เลี่ยงตลอด เผชิญความขัดแย้งจริงๆ… ก็สับสนนิดหน่อยค่ะ ไม่รู้จะเชื่อเหตุผลดีกว่าหรือความรู้สึกดีกว่า แต่สุดท้ายในใจก็เชียร์ความรู้สึกค่ะ แต่ไม่กล้าพูดค่ะ5555
ใช่ ตอนเครียด เราอารมณ์รุนแรง ขึ้นๆลงๆมากเลยค่ะ แบบเรื่องนิดหน่อยก็หงุดหงิดได้ พอหงุดหงิดแล้วแค่เขาเรียกแล้วให้ทำอะไรที่เราตอนนั้นเห็นว่าไร้สาระก็พาลใส่แล้วค่ะ แต่เป็นคนไม่ค่อยเครียด(?)นะคะ5555
ตอนทำงานก็อยากให้งานมันออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดจนส่งช้ากว่าเดดไลน์(...) หลายครั้งแล้วล่ะค่ะ
เราชอบการเรียนรู้ด้วยตัวเองมากค่ะ อ่านเรื่องต่างๆมากมายที่กำลังสนใจจนไม่เป็นอันทำการบ้านเลยค่ะ5555 แต่เราไม่ชอบระบบการเรียนการสอนของโรงเรียนค่ะ ไม่ได้หมายถึงโรงเรียนเรานะคะ เราหมายถึงทุกโรงเรียนที่จับสอนเรื่องที่นักเรียนไม่สนใจ ไม่ต้องการที่จะรู้น่ะค่ะ คือเราคิดว่าถ้านักเรียนไม่อยากรู้สอนไปนักเรียนก็ไม่เข้าใจ จำไม่ได้หรอกประมาณนี้ค่ะ
เรื่องเขียนนิยาย เราคิดพล็อตคร่าวๆ ไม่ได้จริงจังจนทั้งเรื่อง แต่ที่เหลือก็ด้นสด หลายครั้งที่ตันเพราะไม่ได้วางพล็อตละเอียดค่ะ หลายครั้งหยุดเขียนแล้วทบทวนเรื่องก็พบว่า เฮ้ย มันแตกมาเป็นอีกเรื่องได้ แล้วเราก็ไปนั่งเขียนเรื่องที่แตกออกมาค่ะ... แล้วก็จะเบื่อเรื่องเดิมที่เขียน เบื่อตัวเองตรงจุดนี้เหมือนกันค่ะ เพราะต้องมาปวดหัวว่าจะเอาเรื่องไหนเป็นเรื่องหลักดีค่ะ ถ้าเรื่องรีไรท์ก็ไม่ได้เป็นนะคะ รีไรท์บ่อยๆเป็นค่ะ แต่ไม่ได้เบื่อที่จะเขียนต่อค่ะ เราเบื่อแค่ตอนที่จะกลับมาเขียนเรื่องเดิมหลังจากเปิดทางเลือกใหม่สำหรับเนื้อเรื่องค่ะ ฟีดแบคแย่ๆเรายังไม่เคยเจอค่ะ ยังไม่ค่อยแน่ใจตัวเองว่าจะรับมือได้ไหม แต่คิดว่าคงกระทบกระเทือนเราไม่น้อยเลยค่ะ คงหยุดเขียนเรื่องนั้น พักฟื้นจิตใจก่อนค่อยเขียนต่อค่ะ
เม้นท์ยาวเลย ขอโทษค่ะ แหะๆ ///
พอดีชอบเรื่องนี้
ชอบคิดแก่นของเรื่องออกมาก่อนค่ะ แล้วลงมือเขียน แถมเจอประโยคที่บอกว่า
...สนุกกับการสร้างพล็อตที่ซับซ้อน แล้วค่อยหักมุมในตอนท้าย...
นี่จริงแท้แน่นอนเลยจ้าาาา บางทีก็งงตัวเองว่าจะสร้างเรื่องราวให้มันซับซ้อนอะไรนักหนา ฮ่าาาาาา
ส่วนฟีคแบ็คแย่ๆ ก็เคยทำเอาหดหู่จนหยุดแต่งไปเหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังพยายามที่จะกลับไปแต่งนะ เพราะยังมีนักอ่านที่รออ่านอยู่เหมือนกัน ตอนนี้เลยค่อนข้างจะฝึกให้ตัวเองคิดบวก มองหาข้อดีของคำวิจารณ์ด้ัานลบมาพัฒนาฝีมือตัวเองต่อไปค่า มันช่วยได้เยอะจริงๆ เพราะนิยายล่าสุด(แฟนฟิค แต่งคั้นความเครียดจากนิยายที่โดยกระแสโจมตี จนค้างไว้กลางเรื่อง)แต่งจนใกล้จะจบได้ แม้จะมีฟีคแบ็คที่ไม่ดีบ้าง แล้วยังพัฒนาแล้วเขียนได้จนเกือบจบแล้วค่า //ปรบมือ ฮ่าๆๆๆ//
สุดท้ายอยากจะบอกว่า...ข้อด้อยของเรา ถ้ารู้แล้วปรับปรุง เราก็จะก้าวข้ามข้อด้อยนั้นไปได้ค่า สู้ๆ นะ ชาว INFP และชาวอื่นๆ ด้วยนะคะ
ใจน้องบางค่ะซิส
ตรงอยู่หลายข้อจริงเชียว..
ใช่ว่ะแก555
เป็นINFPที่ชอบเรียนวิทยาศาสตร์มากกว่าภาษา ไม่สิ อาจจะเท่าๆกันด้วยซ้ำ
แต่ว่าที่อ่านมาคือตรงหลายข้ออยู่นะคะ//-//
คือเราเคยทำแบบทดสอบบุคลิกภาพมาหลายครั้ง และมักผลจะออกเป็น INFP เสมอ ตอนแรกก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอกค่ะ แต่ด้วยความที่เป็นคนจำพวกหมกมุ่นกับการพัฒนาตัวเองมาก มากซะจนจุดนึงต้องฉุกคิดว่า "นี่เราใส่ใจเรื่องนี้มากเกินไปรึเปล่า" การรู้จักตัวเองน่ะดี แต่การที่เรามุ่งแต่จะต้องการเป็นคนที่ดีพร้อม มันทำให้จุดด้อยของตัวเองกระจ่ายชัดขึ้น บางทีจากเรื่องธรรมดาๆ พอเราไปโฟกัส แล้วพบว่ามันยังไม่ดีพอเฉยเลย ค่ะ ด้วยเหตุนี้เลยอยากจะศึกษาว่าเราเป็นคนไทป์ไหนกันแน่ จนมาเจอแบบทดสอบนึง ผลออกเป็นINFP อ่านแล้วขนลุกเลย มันตรงมากๆ ตรงจนอึ้ง แทบไม่มีประโยคที่เราไม่เห็นด้วยอ่ะค่ะ55555 เราถนัดเขียนมาก ตอนเด็กๆโดนครูจับไปแข่งเรียงความบ้าง แข่งแต่นิทานบ้าง และเคยคิดจะแต่งนิยายบ่อยๆ วางพล็อตก่อนตลอด ให้ความสำคัญกับพล็อตมาก แต่ก็ได้ไม่นานตลอด สักพักก็จะเบื่อ อันนี้เป๊ะสุดๆ ส่วนเรื่องภาษาเราชอบเรียนภาษามากค่ะ อิ้งจีนเกาญี่ปุ่น คือชอบหมดเลย รู้สึกว่ามันสนุก เรียนไม่เบื่อ ส่วนเรื่องขี้สงสารนี่ก็ใช่ เรื่องแคร์ความรู้สึกคนอื่นนี่ยิ่งจริง เชื่อในสัญชาตญาณตัวเองนี่ยิ่งเป๊ะ มั่นใจว่าเป็นคนเดาเก่งในระดับนึงเลยเด้อ ส่วนความเก็บตัวที่เป็นเรื่องจริง ที่อยากจะปรับปรุง อยากเปิดใจกล้าเอนจอยกับทุกคน
เข้ามาอ่านคอมเม้นท์แล้วเจอคนแบบที่คิดเหมือนกับเรานี่มันโอ้ว้าวมากๆ เพราะปกติคนอื่นชอบมองว่าไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านสักเท่าไร ฮ่าๆๆ สำหรับตัวเองที่อ่านมาตรงทุกเรื่องเลย เวลาอยากเขียนนิยายก็จะวางพล็อตไว้เป็นสิบแต่ก็ไม่ได้ลงมือเขียนเพราะคิดว่าข้อมูลไม่แน่นพอก็เลยค้างเติ่งไว้อย่างนั้น และเป็นนิสัยเสียอีกอย่างคือเวลาอ่านนิยายหรืองานเขียนที่สำนวนในส่วนที่เราคิดว่าแปลกก็จะทำการรีไรท์ในหัวทับไปเลยฮ่าๆๆ ไม่รู้ใครเป็นเหมือนกันบ้าง และเป็นคนชอบภาษามากแทบอยากเรียนทุกภาษาเลย รู้สึกว่าถ้าเรารู้ภาษาเยอะก็เหมือนกับเรามีปีกทำให้เราเป็นอิสระมากขึ้น ชอบอะไรที่มันเกี่ยวกับภาษาและอารมณ์ความรู้สึก อยากเป็นนักเขียน นักพากย์ นักวาด นักแปล อะไรเทือกๆนี้ ทุกวันนี้แม้ยังไม่ใช่นักเขียนแต่ก็ทำงานที่คิดว่ามันแตกแขนงออกมาก็คือนักพากย์ที่ต้องใช้ทักษะการเกลาภาษาในเวลาที่เจอบทพากย์ไม่ค่อยดี การตีอารมณ์ความรู้สึกให้ลึกซึ้งในบทสนทนาถ่ายทอดออกมาให้ดีที่สุด พยายามจะทำให้ดี แม้บางทีคนอื่นบอกดีแล้วแต่หลายครั้งทีีก็ยังกลับมานอยด์เพราะมาตรฐานตัวเอง ยิ่งเวลาฝึกพากย์ทำแล้วทำอีกจนกว่าจะพอใจ คงคล้ายๆกับการรีไรท์ใหม่วนไปอะไรประมาณนั้น ฮะๆ พออ่านบทความจบก็แอบหวังว่าสักวันจะมีงานเขียนที่เป็นของตัวเองบ้าง
ตรงสุดๆเลยครับ รู้สึกใช่เลย แม่นกว่าพวกหมอดูอย่างยิ่งยวด
แล้วก็พอใจที่เป็นINFPมาก เราเหมาะเป็นนักเขียนแฮะ
ที่จริงแค่ชื่อหัวข้อก็โดนแล้วล่ะ เรานี่ใช่เด๊ะๆ จะอยู่บ้านหรือสังคมไหนก็เป็นคนกลางประจำเลย
ตัวเองแทบไม่เคยทะเลาะกับใครแรงๆ แต่พอใครมีเรื่องกัน เราเป็นคนประสานประจำ
ที่จริงไม่ชอบบทบาทนี้เท่าไหร่ มันเครียด+เหนื่อยอะนะ แต่พอทำเสร็จ คนดีกัน เราก็ดีใจและภูมิใจด้วย
ออกแนวมีพรสวรรค์แต่ไม่ตรงรสนิยม
แต่ที่เหมาะกับการเป็นนักเขียนนี่ตรงรสนิยมสุดๆ เราตัดสินใจเอาดีด้านนี้ล่ะ
เคยทำแบบทดสอบนี้หลายครั้งตั้งแต่ยังเด็กๆ ออกมาเป็นINFPตลอดเลย แต่เพิ่งเจอบทความที่เขียนในแง่ของการเป็นนักเขียน/บุคลิกตัวละคร รู้สึกว่าน่าสนใจมากเลยค่ะ
ส่วนตัวรู้สึกว่าตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ไม่ได้ 100%match เพราะนี่ไม่เคยเป็นผู้ไกล่เกลี่ยให้ใครเลยนอกจากเวลาคนที่บ้านทะเลาะกัน ส่วนใหญ่หนีตลอด ไม่ยุ่ง 55555 แต่หลายๆอย่างก็ตรงมาก เช่นเป็นคนเงียบๆ แต่พิมพ์เก่ง ถนัดการแสดงความรู้สึกและความคิดผ่านงานเขียน และนิยายก็มักจะเขียนไปได้ไม่ไกลเท่าไรแล้วก็กลับมารีไรท์ภาษาซ้ำๆ5555 ทุกวันนี้มีพล็อตอยู่ในหัว นั่งขำเอง ดราม่าเอง นอนหลับไปพร้อมกับตัวละครในหัวเองแต่ไม่เขียนสักตัวเลยค่ะ เศร้า 55555
เราเป็นชาว INFP ค่ะ
ที่พี่น้ำผึ้งเขียนมาทั้งหมดตรงกับเรามากๆเลยค่ะ แต่ไม่ทันแล้วล่ะ เพราะนิยายที่เราแต่งในจอยเราเขียนพล็อต และรี จนเราจะเบื่อแล้ว ก็ยังไม่อัพสักที เราดูแย่จัง แฮะๆ แต่สัญญาไว้แล้วยังไงก็จะต้องแต่งให้จบ จริงๆถ้าอยากรู้จักคนแบบเรา อ่านแค่นี้ก็พอรู้มาเยอะเลยค่ะ มันตรงจริงๆค่ะ จริงๆคนแบบนี้เข้าหาได้ไม่ยาก(เท่าไหร่? มั้ง) เพราะกลัวคนอื่นรู้สึกไม่ดีด้วยตั้งแต่ครั้งแรกถ้าคนนั้นไม่น่าไว้ใจจะไม่เข้าใกล้หรือคุยด้วยเลย แต่ถ้าพอน่าไว้ใจได้นิดหน่อยแล้วอยากรู้จักจริงๆคือทักเถอะ คนแบบเราคุยไม่ค่อยเก่งไม่ค่อยเริ่มบทสนทนา (ถ้าไว้ใจได้จะตอบนะแต่ถ้าไม่ก็อย่าหวังคำตอบยาวๆเลยค่ะ)555555