เจอกันครั้งแรกก็มองบนแล้ว

อย่าเพิ่งตกใจกับคำแนะนำข้อนี้ แม้การที่ตัวละครเอกของเรา 2 ตัวเจอกันครั้งแรกก็มองบนใส่กัน ทะเลาะกัน เกิดความรู้สึกแย่ต่อกันจะเป็นอะไรที่ทำให้นักอ่านอึดอัดใจ แต่มันได้ผลที่แท้ทรู เนื่องจากนักอ่านจะสนอกสนใจและอยากรู้เหตุการณ์ในอนาคต หนักๆ เข้าบางคนก็เริ่มจิ้น มโนไปไกล นั่นเป็นเพราะว่าความขัดแย้งคือสิ่งที่ทำให้เราสามารถต่อยอดและพัฒนาเหตุการณ์ต่างๆ ได้มากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่นในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ยังจำฉากที่รอนเจอกับเฮอร์ไมโอนี่ครั้งแรกได้มั้ยคะ ทั้งคู่เจอกันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ เพราะทันทีที่หนูเฮอร์เข้ามาก็บ่นๆ รอน แอบมีดูถูกนิดหน่อยตามประสาคนหัวดีกว่า เล่นเอานักอ่านอย่างเราอึดอัดใจเป็นบ้า

หรือจะเป็นการเจอกันครั้งแรกของเบลล์และอสูรในโฉมงามกับเจ้าชายอสูร นี่เองก็เป็นตัวอย่างที่เพอร์เฟ็คท์เพราะเบลล์ก็ไม่ประทับใจอสูร (อาจรวมไปถึงการกลัวและเกลียดเขาด้วย) ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์เชียวล่ะกว่าที่พวกเขาจะเปิดใจ ยอมทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในที่สุดเมื่อพวกเขาเข้าใจกันแล้ว ความรักก็สุขงอม แล้วเราทุกคนก็ถอนหายใจอย่างมีความสุข เฮ้อ ในที่สุดก็ลงเอยกันสักที เพราะฉะนั้นใส่ความขัดแย้งลงไปเยอะๆ ค่ะ!

 

ฉากเจอกันครั้งแรกของตัวละครเอกใน Lethal Weapon
(via: Den of Greek)
 

หักมุมให้คนอ่านหงายตึง

งานเขียนหลายเรื่องรวมทั้งบทภาพยนตร์มักละเลยที่จะใช้มุกหักมุมเพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ แต่ความจริงแล้วมันเป็นขั้นตอนพิเศษที่นักเขียนห้ามลืมเด็ดขาดเลยค่ะ มันเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ฉาก Meet-Cute ของเราตราตรึงอยู่ในใจของนักอ่าน

โดยปกติแล้วเรามักใช้มุกหักมุมหลังจากการเจอกันครั้งแรกแบบแย่ๆ ของพระนางหรือตัวละครหลัก ยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์คู่หูตำรวจสายบู๊ Lethal Weapon (ริกส์ คนมหากาฬ) เองก็เปิดฉากแบบแย่ๆ มาร์ทอชถูกจับเพราะเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนร้าย ยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่น่าตลก แต่ยังไม่น่าประทับใจเพราะไม่มีอะไรที่มันพิเศษเลย แต่ไปๆ มาๆ กลับหักมุมเฉย เมื่ออยู่ๆ เจ้าหน้าที่คนนี้นี่แหละที่ต้องกลายมาเป็นคู่หูของมาร์ทอช!!

หรือในแฮร์รี่ พอตเตอร์ หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่เจอกับรอนบนรถไฟแล้ว เจ.เค.ก็หักมุมด้วยการให้หนูเฮอร์ได้เรียนบ้านกริฟฟินดอร์ เล่นเอารอนเงิบในเงิบได้อีก ก็แหม... แค่เจอแล้วทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอายก็เกินทนแล้ว นี่ยังต้องมาอยู่บ้านเดียวกันตลอด 6 ปีด้วย อะไรจะพีคเบอร์นี้!

 

ฉากเจอกันครั้งแรกของรอนและเฮอร์ไมโอนี่
(via: fanpop.com)
 

ยิ่งเป็นคู่แปลกๆ ยิ่งดีต่อใจ (นักอ่าน)

นี่อาจดูเหมือนว่าเป็นคำแนะนำที่แปลกมากๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่าที่จะลองทำ จับตัวละครที่ต่างกันคนละขั้วให้คู่กัน! ใช่ค่ะน้องๆ ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั้งนั้น ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเรามักถูกดึงดูดด้วยอะไรก็ตามที่มันแตกต่างจากตัวเรา ซึ่งก็คือความขัดแย้งนี่เอง! และ “ความขัดแย้ง” นี่แหละที่เป็นหัวใจอันทำให้ภาพยนตร์แนวโรแมนติกคอมเมดี้และแอ็คชั่นคู่หูเป๊ะปัง คนดูต่างก็ตกหลุมรักและพูดถึงตลอด

ลองคิดตามดูก็ได้ ถ้าตัวละครที่มีลักษณะนิสัยคล้ายๆ กันหรือเข้ากันได้ดี๊ดี ไม่มีอะไรที่แตกต่างหรือขัดแย้งกันมาอยู่ด้วยกัน พวกเขาก็จะสนิทสนมกันเร็วเกินไป และนั่นทำให้นิยายของเราจืดชืดลงทันที ตรงกันข้ามหากตัวละครเริ่มต้นจากความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นนิสัย ความคิดหรือปูมหลัง แล้วให้พวกเขาค่อยๆ เติบโตกันไป มิตรภาพสุขงอมจนในตอนท้ายพวกเขาตระหนักว่านี่คือเพื่อนที่ดีที่สุดของพวกเขา (หรือนี่คือคนรักที่ดีที่สุดแล้ว) มันจะทำให้นักอ่านประทับใจมากๆ ค่ะ หัวใจสำคัญสำหรับข้อนี้ก็คือ คุณสมบัติของนิสัยหรือลักษณะที่ตรงข้ามของตัวละครนั้นจะต้องเป็นอะไรที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่พอใจ หรือหงุดหงิดใจมากๆ

ยกตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์ Lethal Weapon ตัวละครเอกสองตัวต่างกันสุดขั้ว อีกคนหนึ่งแก่ อีกคนหนึ่งวัยรุ่น อีกคนหนึ่งชอบแหกกฎ อีกคนอยู่ในกฎ หรือจะเป็นรอนและเฮอร์ไมโอนี่ สองคนนี้นิสัยต่างกันสุดขั้ว เฮอร์ไมโอนี่ตั้งใจเรียน รอนไม่ค่อยชอบเรียน แต่ท้ายสุดทั้งคู่ก็สนิทกันและกลายเป็นคู่รักกัน ส่วนในหัวขโมยแห่งบารามอส คู่เพื่อนซี้เฟรินกับคาโลเองก็ต่างกันสุดขั้วตั้งแต่ยศถาบรรดาศักดิ์ถึงลักษณะนิสัยเลยจ้า

ฉากเจอกันครั้งแรกของพระนางใน Me Before You ก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก 
(via: pinterest.com)
 

ทำเหมือนว่าเป็นนิยายรัก

สำหรับคนที่ไม่ได้เขียนนิยายรักอย่ากลัวความรักเลยนะคะ แม้นิยายของเราจะไม่ใช่แนวรัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านี่ไม่ใช่เรื่องราวความสัมพันธ์แบบผองเพื่อนสักหน่อย ใช่แล้วค่ะน้องๆ ที่พี่กำลังจะบอกก็คือไม่ว่าเราจะเขียนนิยายแนวไหนอยู่ ทุกอย่างล้วนแฝงไปด้วยความรักความสัมพันธ์เสมอ!! (มิตรภาพแบบลูกผู้ชายเองก็จัดว่าเป็นความรักระหว่างเพื่อนนะคะ) 

ดังนั้นให้เราจินตนาการฉาก Meet-Cute เหมือนว่าเรากำลังเขียนนิยายรัก (แม้ว่ามันจะไม่ใช่นิยายรักก็ตาม) ซึ่งมีสูตรสำเร็จประมาณว่า ตัวละครพบกัน โต้เถียงกัน เริ่มผูกพันกัน จากนั้นชอบพอกัน ตกหลุมรักกัน ในที่สุดก็จูบกันและลงเอยที่การใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งกระดิ่งแมว หากน้องๆ แค่อยากให้คนอ่านจิ้นตามเฉยๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้ลงเอยกัน น้องๆ ก็สามารถสร้างสถานการณ์ตามสูตรสำเร็จนี้และเปลี่ยนฉากหวานแหววให้เป็นการช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมทำให้ตัวละครสปาร์คกันและทิ้ง last impression ก่อนจากกันในฉากครั้งแรกที่เจอกัน รับรองงานเขียนของเราออกมาโดนใจนักอ่านแน่นอนค่ะ

พออ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่าเหตุใดมุก Meet-Cute ถึงเป็นมุกเก่าแก่ที่ฮอลลีวูดชอบใช้? คำตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะมันเกี่ยวกับความขัดแย้งไงล่ะ เมื่อ Meet-Cute และเคมีของตัวละครรวมกัน เนื้อเรื่องของเราก็จะน่าสนใจและพัฒนาไปได้ไกล มันเป็นสิ่งสำคัญในภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากๆ เพราะงั้นน้องๆ นักเขียนสามารถหยิบไปปรับใช้ได้เลยค่ะ

ไม่ว่านิยายของเราจะเป็นแนวไหนก็ตาม  Meet-Cute เป็นฉากง่ายๆ ที่เปิดโอกาสให้นักอ่านได้จิ้น เพราะมันเป็นอะไรที่ทำให้นักอ่านรู้เลยว่า “ตัวละครสองตัวนี้เขาเกิดมาเพื่อกันและกัน”