11 โมเมนต์รักแท้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่จะเปลี่ยนหัวใจคุณให้เป็นสีชมพู


11 โมเมนต์รักแท้จากแฮร์รี่ พอตเตอร์
ที่จะเปลี่ยนหัวใจของคุณให้เป็นสีชมพู



สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เดือนแห่งความรักทั้งทีจะให้มานั่งเหี่ยวเฉาอยู่เฉยๆ ก็ยังไงอยู่ ใครที่ไม่รู้จะทำอะไร พี่น้ำผึ้งขอชวนน้องๆ มาเติมน้ำตาลในเลือดด้วยรักแท้ในโลกเวทมนตร์ของแฮร์รี่ พอตเตอร์กันค่ะ ซึ่งวาเลนไทน์ปีนี้พี่น้ำผึ้งได้หยิบ 11 โมเมนต์สุดโรแมนติกจากวรรณกรรมแฮร์รี่ พอตเตอร์มาฝากน้องๆ ค่ะ บอกเลยว่าแต่ละฉากนั้นนอกจากจะทำให้เราเขินตัวแตกแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกอบอุ่นหัวใจด้วย จะมีฉากไหนบ้างนั้น เป็นโมเมนต์ในใจน้องๆ หรือเปล่า เลื่อนตามมาดูได้เลยจ้า

 


 

กลิ่นของ Love Potion

สำหรับพี่น้ำผึ้ง ฉากโรแมนติกในหนังสือไม่จำเป็นต้องเป็นโมเมนต์ที่พระ-นางกุ๊กกิ๊กกันเท่านั้น แต่ยังสามารถเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกของพระ-นางที่มีต่อกัน สำหรับแฮร์รี่ พอตเตอร์คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “น้ำยาลุ่มหลง (Amortentia)ที่ปรากฏในหนังสือเล่มเจ้าชายเลือดผสม

เรารู้ดีว่าน้ำยาลุ่มหลงเป็นยาเสน่ห์ที่มีฤทธิ์รุนแรงที่สุด แต่มันไม่สามารถทำให้คนรักกันได้จริงๆ อย่างไรก็ตาม กลิ่นของมันกลับบ่งบอกถึงสิ่งที่เรา “รักมากที่สุดในโลก” โอ้โห แค่ฟังก็เขินแล้วจ้า เพราะงั้นเรารักเราชอบอะไร มันก็จะปรากฏออกมาในรูปแบบของกลิ่นที่เราดมนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้กลิ่นทาร์ตน้ำตาลข้น ด้ามไม้กวาด และกลิ่นอะไรบางอย่างที่หอมเหมือนดอกไม้ ซึ่งภายหลังกลิ่นนั้นได้กลายมาเป็นกลิ่นของจินนี่แทน (เขินจัง) ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เธอได้กลิ่นหญ้าตัดใหม่ กลิ่นกระดาษใหม่ และบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เธอเขินเอามากๆ แฟนๆ ก็เดาว่าเป็นกลิ่นของรอนแน่นอน! ซึ่งภายหลังเจ.เค.โรว์ลิ่งก็ได้ออกมาบอกว่า “ใช่ มันเป็นกลิ่นเส้นผมของรอน”

บอกแล้วว่าเป็นโมเมนต์ที่ทำให้เราเขินได้ง่ายๆ ตอนอ่าน อย่างแฮร์รี่ก็ชอบจินนี่ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็ชอบรอน ดังนั้นมันไม่แปลกเลยที่เราจะได้กลิ่นของคนที่เราแอบชอบ! เราอาจจะหลอกใครต่อใครได้ว่าเราไม่เคยสนใจคนๆ นั้น แต่น้ำยาลุ่มหลงไม่เคยโกหก มันไม่โกหกว่าสิ่งที่เรารักคืออะไร เช่นเดียวกับตัวเราที่ไม่โกหกว่าเรารักหรือชอบอะไร แล้วน้องๆ ได้กลิ่นอะไรคะ ตอนดมน้ำยาลุ่มหลง? 

 


 

จูบแรกของแฮร์รี่ พอตเตอร์

ในเล่ม 4 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี แฮร์รี่แอบชอบโช แชง นักเรียนบ้านเรเวนคลอ แถมเคยชวนเธอไปเป็นคู่เต้นรำในงานเลี้ยง แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างน่าสงสาร #วิถีคนแอบรักก็งี้ ถึงอย่างนั้นก็เถอะในเล่มถัดมาอย่างภาคีนกฟินิกซ์ แฮร์รี่ไม่นกนะจ๊ะ แถมมีเฟิร์สคิสที่น่ารักมากด้วยเพราะมันเกิดใต้ต้นมิสเซิลโท!!

จริงๆ พี่คิดว่าฉากนี้น่ารักมากเลยนะ เพราะโชกำลังสะอึกสะอื้น แล้วแฮร์รี่ก็ปล่อยมุขตัวนาร์เกิ้ลที่ชอบขโมยของ เธอเลยขำ แล้วก็นั่นแหละ ทั้งสองก็จุ๊บกัน! ยิ่งไปกว่านั้น การจุ๊บกันใต้ช่อมิสเซิลโทยังสื่อความหมายสุดโรแมนติกหลายๆ อย่าง (น้องๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ ไขข้อข้องใจ เหตุใดต้องจุ๊บกันใต้ต้นมิสเซิลโท) แล้วทำไมฉากนี้จะเป็นหนึ่งในฉากที่โรแมนติกในแฮร์รี่ พอตเตอร์ไม่ได้ล่ะ

 


 

วิคเตอร์ ครัมเป็นสตอล์คเกอร์

อันที่จริงการซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุด จ้องมองผู้หญิงน่ารัก แอบตามเธอไปทุกที่ฟังดูค่อนข้างน่าขนลุกพิกลนะคะ ว่ามั้ย? พี่น้ำผึ้งไม่ค่อยอยากแนะนำให้ใครใช้วิธีนี้กับคนที่เราแอบชอบสักเท่าไหร่เลย แต่พอเป็นวิกเตอร์ ครัม แชมเปี้ยนควิดดิชระดับโลก ตัวแทนผู้เข้าแข่งขันชิงถ้วยอัคนี ผู้ชายในฝันของสาวๆ ทุกอย่างมันกลับดูตาลปัตรหมด ฮ่าๆ

สำหรับพี่ เฮอร์ไมโอนี่และครัมเป็นคู่ที่น่ารักมาก แม้ว่าในตอนท้ายจะจบกันไปด้วยดี (เสียดายจัง) ครัมไปห้องสมุดของฮอกวอตส์ทุกสัปดาห์ ศึกษาในสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ชอบและพยายามรวบรวมความกล้าที่จะชวนเธอออกเดท! ซึ่งพี่ว่ามันเป็นอะไรที่น่ารักมากกกก ขอชื่นชมเลยค่ะ มันหายากมากนะคนที่กล้าบอกความในใจกับคนที่แอบชอบเนี่ย เพราะคนส่วนใหญ่เมื่อแอบชอบใครสักคนก็เอาแต่เก็บงำอยู่อย่างนั้นและนกต่อไป #นี่นกนะไม่ใช่คน ถ้าไม่อยากนก ลองใช้ความกล้าหาญแบบวิกเตอร์ ครัมดู ใครจะไปรู้ ผลมันอาจจะดีก็ได้ อิอิ 

 


(via: MuggleNet)
 

คอฟันโด คอร์แม็ก!

โดยพื้นฐานของเฮอร์ไมโอนี่แล้ว เธอไม่ใช่คนที่เล่นสกปรก เธอไม่ใช่คนขี้โกง แถมยังออกแนวต่อต้านด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตามในเจ้าชายเลือดผสม เราเห็นเธอโกงเป็นครั้งแรก! ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความโกงนี้เป็นอะไรที่ทำให้นักอ่านอย่างเราอมยิ้มได้ และพี่ก็ขอยกให้ฉากโกงนี้เป็นหนึ่งในฉากโรแมนติกค่ะ อิอิ

ตอนที่กริฟฟินดอร์กำลังเฟ้นหานักกีฬาควิดดิชประจำบ้าน รอนต้องปะทะกับคอร์แม็ก แน่นอน สาวเฮอร์รู้ดีว่ารอนไม่มีทางเอาชนะคอร์แม็กได้อยู่แล้ว เพราะงั้นตอนที่เธอไปเชียร์รอน เธอก็แอบร่ายคาถาทำให้งุนงง (คอนฟันโด) ใส่คอร์แม็กซะเลย ทีนี้รอนเลยสามารถเอาชนะคอร์แม็กได้และกลายเป็นตัวแทนของกริฟฟินดอร์

แม้ว่ามันจะไม่มีดอกไม้ช่อใหญ่หรือดินเนอร์ใต้แสงเทียน แต่มันก็เป็นอะไรที่โรแมนติก ลองคิดดูสิว่าการเล่นสกปรกเนี่ยเป็นปัญหาใหญ่หลวงของเฮอร์ไมโอนี่เชียวนะ แต่เธอทำโดยไม่สนว่านี่คือการโกง พี่เดาว่าสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดในตอนนั้นคงมีแค่ความสุขของรอนอย่างเดียวเท่านั้น เป็นโมเมนต์ที่น่ารักมากจริงๆ

 


 

ไม่ว่ายังไงเฟลอร์ก็รักบิลเสมอ

บิลและเฟลอร์อาจไม่ใช่คู่โปรดของใครหลายคน เช่น มอลลี่กับจินนี่ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าคู่นี้เขาทำให้รู้ว่า “ความรักแข็งแกร่ง” ขนาดไหน พี่เลยขอยกให้เป็นหนึ่งในความโรแมนติกที่ปรากฏในแฮร์รี่ พอตเตอร์

หลังจากที่ที่บิลถูกมนุษย์หมาป่า เฟนเรีย เกรย์แบ็ก ทำร้ายจนเสียโฉม โชคดีที่เขาไม่ได้กลายเป็นมนุษย์หมาป่า (เพียงแต่ว่ามีรสนิยมชอบกินของกึ่งสุกกึ่งดิบ) มอลลี่คิดว่าเฟลอร์ เดอลากูร์คงไม่อยากแต่งงานกับเขาอีกต่อไป แต่สุดท้ายคดีพลิก เฟลอร์ยืนยันว่าจะแต่งงานกับบิล! เธอไม่สนหรอกว่าบิลจะเสียโฉมขนาดไหนเพราะเธอรักที่เขาเป็นเขา แถมเธอยังภูมิใจกับรอยแผลเป็นของบิลอีกต่างหาก เพราะมันแสดงให้ถึงความกล้าหาญของเขา โอ๊ย โรแมนติกได้อีก เฟลอร์ทำให้เรารู้ว่าความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับเปลือกนอก แต่มันเกิดขึ้นจากภายใน (และเพราะคู่นี้นี่แหละ ท็องส์กับลูปินเลยได้ลงเอยกันด้วย อะเมซิ่งมาก) ไม่เรียกว่าโรแมนติกก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว



 

กลอนบอกรักของจินนี่ในวันวาเลนไทน์

บางครั้งมันก็ยากที่จะจำได้ว่าก่อนหน้าที่จินนี่จะกลายเป็นผู้หญิงป๊อบปูล่าและเป็นนักหักอกหนุ่มๆ เธอเคยเป็นยังไงมาก่อน แต่ถ้าให้นึกย้อนดีๆ ตอนปี 1 จินนี่เคยเป็นเด็กหญิงขี้อายและค่อนข้างเฉิ่ม ตอนนั้นเธอตกหลุมรักแฮร์รี่ พอตเตอร์เข้าอย่างจัง แถมยังเขียนบทกลอนพรรณนาถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อแฮร์รี่ลงในสมุดบันทึกของริดเดิ้ลด้วย มันเป็นกลอนที่ค่อนข้างตลก เธอเปรียบเทียบดวงตาของแฮร์รี่เหมือนกับคางคกแช่อิ่ม แต่ก็นั่นแหละ จินนี่เพิ่ง 11 ซึ่งพี่คิดว่าสิ่งที่เธอทำมันกล้าหาญและน่ารักมาก! (ถึงมันจะเป็นโมเมนต์ที่ทำให้เธอรู้สึกอายก็ตามที) เห็นแล้วนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ เลย นักเขียนแบบเราก็คงบอกรักผ่านนิยายของเราเท่านั้นใช่มั้ย อิอิ #รู้นะว่าเป็นเหมือนกัน
 

"His eyes are as green as a fresh pickled toad,
His hair is as dark as a blackboard.
I wish he was mine, he's truly divine,
the hero who conquered the Dark Lord." 

(ตาเขาเขียวใสเหมือนคางคกแช่อิ่ม
ผมดกดำมันวาวราวกระดานดำ
ฉันอยากให้เขาเป็นของฉันคนเดียว
วีรบุรุษเลิศล้ำผู้พิชิตจอมมาร)


 


 

เฟร็ดขอแองเจลีน่าเต้นรำ

เป็นฉากโรแมนติกที่ดูติ๊งต๊อง แต่พูดเลยว่ามันน่ารัก! ขณะที่หนุ่มๆ ฮอกวอตส์กำลังปวดหัวเรื่องคู่เต้นรำในงาน Yule Ball เฟร็ด วีสลี่ย์กลับทำให้เราเห็นว่าชวนสาวเป็นเรื่องง่ายด้วยการเขวี้ยงลูกบอลกระดาษไปยังแองเจลีน่า จอห์นสันและขอเธอเป็นคู่เต้นรำ! ความพีคอยู่ตรงที่ว่าขอในคาบสเนปและเป็นการขอแบบไม่มีเสียงด้วย (ฮา) จังหวะที่แองเจลีน่าตอบตกลงเป็นอะไรที่ทำให้เราเผลอยิ้มขึ้นมาแบบง่ายๆ ซึ่งนี่แหละทำให้พี่คิดว่าฉากโรแมนติกไม่จำเป็นต้องหวือหวา แค่ทำเรื่องง่ายๆ ให้ดูมีความหมาย แค่นี้ก็ได้ใจคนอ่านแล้ว (แม้ว่าในตอนท้ายของเรื่องแองเจลีน่าจะไปแต่งงานกับแฝดจอร์จหลังจากเฟร็ดตายก็ตามที)

 


 

ท็องส์กับผู้พิทักษ์ของเธอ

ลูปินอาจจะคิดว่าท็องส์สมควรได้คบหากับคนที่ดีกว่าเขา แต่ท็องส์กลับยืนยันว่าเธอต้องการเขา เธอบอกลูปินว่าเธอรักเขา และเธอไม่สนว่าเขาจะอันตรายหรือน่ากลัวแค่ไหน ฉากนี้ทำให้แฮร์รี่และเราเข้าใจชัดเจนเลยว่าเหตุใดผู้พิทักษ์ของท็องส์จึงเปลี่ยนจากกระต่ายป่าเป็นหมาป่า นั่นเป็นเพราะเธอตกหลุมรักมนุษย์หมาป่า ซึ่งพี่มองว่ามันเป็นโมเมนต์ที่น่าประทับใจอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นในเรื่อง ผู้พิทักษ์เป็นตัวแทนของความสุข เป็นสิ่งที่คอยปกป้องเรา ดังนั้นมันจึงโรแมนติกมากเมื่อผู้พิทักษ์กลายเป็นสัญลักษณ์ของคนที่เราตกหลุมรัก

 


 

Always

ดัมเบิลดอร์ : After all this time?
สเนป : Always

เป็นประโยคยอดฮิตตลอดกาลที่ปรากฏในวรรณกรรมแฮร์รี่ พอตเตอร์ คำว่า Always แปลว่าเป็นประจำ แต่พอมันออกมาจากปากสเนป ความหมายกลับลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น คำว่าเป็นประจำได้กลายเป็นคำว่า “ตลอดไป” เมื่อเรารู้ว่าที่จริงแล้วเซเวอรัส สเนปยังคงรักลิลี่ อีเวนส์ตลอด ไม่เคยเปลี่ยน รักตั้งแต่เป็นเพื่อนกัน จนลิลี่แต่งงานกับเจมส์ หรือแม้แต่ตอนที่ลิลี่ตายแล้ว สเนปก็ยังรักเหมือนเดิมและรักตลอดไป ซึ้งมากๆ เลยค่ะ

นอกจากนี้ความรักของสเนปที่มีต่อลิลี่ไม่ได้มีเพียงแค่คำว่า “Always” แต่ยังรวมไปถึงผู้พิทักษ์ของสเนปที่เป็นกวางสาวเหมือนของลิลี่ และการที่เขาเฝ้าดูแลแฮร์รี่แบบห่างๆ อีกด้วย บอกเลยว่าเรื่องของสเนปโรแมนติกมาก แม้จะเป็นความโรแมนติกแบบเศร้าๆ ก็ตาม
 

 


 

จูบแรกของแฮร์รี่กับจินนี่

ในเล่ม 6 เจ้าชายเลือดผสม แค่กริฟฟินดอร์ชนะการแข่งขันควิดดิช แฮร์รี่ก็ดีใจมากแล้ว นี่จินนี่ยังพุ่งตัวไปจุ๊บแฮร์รี่ต่อหน้าคนทั้งกริฟฟินดอร์อีก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแฮร์รี่รู้สึกดีมากแค่ไหน แถมฉากนั้นยังทำให้ดีน โธมัส แฟนเก่าของจินนี่ช็อคจนทำแก้วแตกอีกด้วย

ลองคิดดูนะคะ จินนี่แอบชอบแฮร์รี่มาตั้งแต่เธอยังไม่ได้เข้าเรียนฮอกวอตส์ แถมยังนกไปแล้วตั้งรอบนึง เป็นพี่ก็คงคิดว่าหมดหวังแล้ว ที่ไหนได้แฮร์รี่ดันเพิ่งมารู้ใจตัวเองตอน 6 ปีให้หลังว่ารู้สึกดีกับจินนี่มากกว่าน้องสาว บอกเลยว่าไม่มีอะไรจะลงตัวเท่านี้อีกแล้ว! ถ้าใครรู้สึกว่ามันไม่เห็นโรแมนติก แนะนำให้ลองกลับไปอ่านฉากนี้โดยพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้รู้สึกเฉยๆ สิ เชื่อเถอะว่าทำไม่ได้หรอก ถึงตอนนั้นจะต้องยิ้มออกมาแน่นอน อิอิ

 


 

จูบแรกของรอนกับเฮอร์ไมโอนี่

ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเรารอฉากนี้มาเนิ่นนานมาก ลุ้นแล้วลุ้นอีก ลุ้นกันจนใจหายใจคว่ำ ตั้งแต่ต่างฝ่ายต่างไปเดทกับคนอื่น แล้วก็มานั่งหึงอยู่คนเดียว แถมพอรู้ใจกันแล้วยังมีเรื่องให้ผิดใจกันอีก ความโรแมนติกของฉากนี้อยู่ตรงที่ว่ามันเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามที่เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะยังรอดปลอดภัยมั้ย เราไม่มีทางรู้ว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง เรียกได้ว่าพอทั้งคู่ได้จูบกันก็คุ้มค่าแก่การรอคอยของพวกเราแล้ว

 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับโมเมนต์สุดโรแมนติกที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ มีฉากในใจน้องๆ บ้างหรือเปล่าเอ่ย บางโมเมนต์ที่พี่เลือกมานั้นก็เป็นโมเมนต์ที่รู้ดีกันอยู่แล้ว บางโมเมนต์ก็เป็นอะไรเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกซึ้ง แล้วน้องๆ ล่ะคะมีโมเมนต์หวานๆ ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่ชื่นชอบนอกเหนือจากที่พี่ยกมาบ้างมั้ย? อย่าลืมเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ ^^
 

 พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณรูปภาพจากภาพยนตร์
 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
aster 15 ก.พ. 61 21:56 น. 3

แต่ละฉากที่ยกมาอยู่ในหนัง แต่การบรรยายนี่มาจากในหนังสือ อ่านแล้วคิดถึง เดี๋ยวกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ^^

0
กำลังโหลด
nook nug Member 15 ก.พ. 61 23:07 น. 4

อือ...จริงๆต้องอ่านจากหนังสือกันถึงจะเข้าใจมากกว่านะเนี่ย เพราะในหนังตัดรายละเอียดต่างๆไปมากเลย เสียดายTT (อย่างเช่นกลอนของจินนี่ จำได้ตอนเด็กๆฮามาก ตาของเขาสีเขียวเหมือนคางคกแช่อิ่ม ฮา...) โดยส่วนตัวว่าหนังเทียบกับหนังสือไม่ได้เลย แต่ไม่รู้เด็กๆสมัยใหม่ที่โตมาก็เจอหนังซะแล้วคงน้อยคนที่จะวกกลับไปอ่านหนังสือ (เสียดายคนไม่ได้อ่าน)

...ปล.ที่ว่าใต้ต้นมิสเซิลโท จริงๆช่อดอกมิสเซิลโทไม่ใช่เหรอ? (มันเป็นช่อดอกประดับแขวนในงานเลี้ยง แถมในหนังไม่ได้พูดถึงหรือสื่อให้เห็นถึงช่อมิสเซิลโทซักกะนิด ฮึ่ม...)

0
กำลังโหลด
เรโกะ จิทาคุ Member 9 มี.ค. 61 07:53 น. 5

เอาจริงๆลิปินมันอ่านลูแปง...ภาษาอะไรซักอย่าง สังเกตุเอา 555555555555555


ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน

0
กำลังโหลด
severus38998 Member 13 มี.ค. 61 13:07 น. 6

ชอบคู่บิลกับเฟลอร์ค่ะ ตอนแรกๆก็ไม่ค่อยชอบเฟลอร์หรอก รู้สึกเหมือนนางชอบอ่อยคนดังๆเก่งๆหล่อๆ ตอนเล่มหกที่มอลลี่กับจินนี่แบนเฟอร์เราแอบไม่ชอบนิดหนึ่ง... พอตอนท้ายเล่นนี้.. อ่านไปน้ำตาไหลไป ประโยคที่เฟลอร์พูดซึ้งมากจริงๆ

0
กำลังโหลด
Natcha Suntrant Member 24 มี.ค. 61 07:20 น. 7

แค่อ่านเกี่ยวกับสเนป ไม่ได้ดูหนัง ก็น้ำตาคลอแล้วอะ


แต่ไม่เข้าใจ

ทำไมรอนกับเฮอร์ไมโอนี่ถึงจูบกัน 55+


โดนน้ำสาดเข้าไปทีเดียว..แต่เราก็ชอบนะ ฟินนนนน

แปลความนัยไม่ออก บอกเราที

0
กำลังโหลด
เทือกเขาสีทอง 5 ต.ค. 62 01:12 น. 8

โอ้ยยยโรเเมนติกมากเลยยิ่งอ่านยิ่งเขินคือมันได้ฟีลความสวยงามของความรักเลยอ่ะ ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกว่าเเฮรี่เเละจินนี่นี่ค่อยๆรักกันจนกลายเป้นรักที่ไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้รักได้ผูกพันมาก

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด