How to
พลิกพล็อตแฟนตาซียอดนิยม
ให้แปลกใหม่และแหวกแนว!
สวัสดีน้องๆ นักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่ะ ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนเรื่องราวในโลกแฟนตาซีก็ยังเป็นที่นิยมของนักอ่านอยู่เสมอ พี่แนนนี่เพนได้มีโอกาสตามอ่านนิยายแฟนตาซีอยู่ช่วงหนึ่ง รู้สึกได้เลยว่านักเขียนต้องใช้จินตนาการและพลังอันล้ำโลกอยู่มาก กว่าจะเขียนออกมาให้เราจินตนาการตามได้เป็นฉากๆ แล้วจุดหนึ่งที่ทำให้พี่สนใจก็คือเรื่องของความเหมือน(ในโลกแฟนตาซี)ที่แตกต่างกันไปตามสไตล์ของนักเขียนนั่นเอง ถ้าน้องๆ ลองสังเกตนิยายแฟนตาซีที่อ่านดู น้องๆ จะเห็นว่าพล็อตและการเล่าเรื่องส่วนใหญ่มักจะมีของวิเศษ มีการตามหา(อะไรสักอย่าง) มีสัตว์ในตำนาน และมีลำดับชั้นทางสังคมที่คล้ายๆ กันอยู่ วันนี้พี่เลยเอาพล็อตนิยายแฟนตาซีที่นิยมกันมากๆ เนี่ย มาลองพลิกพล็อต สร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ ดูบ้าง ส่วนจะพลิกไปมายังไงบ้างนั้น มาลองดูกันเลยจ้า
7 วิธีพลิกพล็อตแฟนตาซีไม่ให้ซ้ำซากจำเจ!
1. คนที่ถูกกำหนดไว้แล้วจากการพยากรณ์
คำพูดยอดฮิตที่มักใช้เวลาพูดถึงลอร์ดโวลเดอมอร์ในแฮร์รี่ พอตเตอร์ คือการเลี่ยงไปใช้คำเรียกว่า “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ประโยคนี้สามารถอธิบายพล็อตแฟนตาซีข้อนี้ได้ดีที่สุดเลยล่ะ เพราะเรา(นักอ่าน,นักเขียน)รู้กันอยู่แล้วว่าต้องมีใครสักคนที่ถูกเลือก และในแฟนตาซีแทบทุกเรื่องมักจะมีตัวละครเอกที่ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องปกป้องบางสิ่งบางอย่างจากเหล่าตัวร้าย ซึ่งตัวเอกเหล่านั้น มักจะเป็นตัวละครที่บังเอิญถูกเลือก(ให้ทำหน้าที่สำคัญ)โดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น อารากอร์น จากเรื่อง The Lord of the Rings เขาเป็นเด็กกำพร้าที่มีสายเลือดกษัตริย์ และเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่หลงเหลืออยู่ ทำให้เขากลายเป็นตัวละครสำคัญที่รวมสองอาณาจักรไว้ด้วยกัน, แฮรร์รี่ พอตเตอร์ จากวรรณกรรมที่เรารู้จักกันดี เป็นเด็กชายกำพร้าที่ถูกโวลเดอมอร์ตามฆ่า เพราะมีคำนายว่าเขาจะเป็นผู้ปราบโวลเดอร์มอร์, และเอรากอน จากเรื่อง The Inheritance Cycle เขาเป็นเพียงชายหนุ่มยากจนที่โชคชะตาพลิกผันทำให้กลายเป็นนักรบผู้กอบกู้แผ่นดิน นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่มีตัวละครถูกกำหนดไว้แล้วอีกมากมาย
How to พลิกพล็อต: แทนที่จะเลือกให้ตัวละครเอกเป็นคนที่น่าสงสารและมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำไมเราไม่ลองเลือกคนที่ร่ำรวยมีพร้อมทุกอย่างมาเป็นตัวเอกดูบ้างล่ะ ถ้าเราเลือกคนที่มีชีวิตยากลำบากแน่นอนว่าเราจะต้องเห็นความพยายามของเขาในการต่อสู้ดิ้นรนมากแน่นอน แต่ในทางกลับกันคนที่เราคิดว่าสมบูรณ์พร้อมแล้ว เขาอาจจะมีความพยายามอีกแบบหนึ่งก็ได้ อาจจะสร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาโดยไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ ใช้สิ่งที่เขาสมบูรณ์พร้อมแล้วทำทุกอย่างให้ดีขึ้นมาได้ แต่เรื่องราวจะน่าสนุกแฟนตาซีขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเล่าเรื่องของคนเขียนอีกเหมือนกัน นี่เป็นเพียงวิธีการพลิกความคิดสร้างสรรค์แบบเดิมๆ ให้มีความแปลกใหม่มากขึ้นเท่านั้นเอง
2. ดำเนินเรื่องในยุคกลางของยุโรปสมัยใหม่
นิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่มักจะเกิดในยุโรปหรือมีวัฒนธรรมแบบยุโรป เช่น เสื้อผ้า, ลำดับทางสังคม (กษัตริย์ อัศวิน เจ้านาย และทาส), ปราสาท และอาวุธ ซึ่งตามจริงแล้วนี่ถือเป็นจุดเด่นของนิยายแฟนตาซีที่คนให้ความสนใจกันมาก ถือเป็นพล็อตแฟนตาซีที่นักเขียนนิยมใช้กันและจำเป็นต้องมีส่วนใดส่วนหนึ่งในยุคสมัยนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุกหากเราจะลองเปลี่ยนแปลงเรื่องราวเหล่านี้ในนิยายแฟนตาซี
How to พลิกพล็อต: ลองเปลี่ยนบรรยากาศของนิยายแฟนตาซีไปยังวัฒนธรรมอื่นๆ ดูไหมคะ เช่น เป็นนิยายแฟนตาซีที่เกิดในอาหรับ ตัวละครอาศัยอยู่ในทะเลทราย หรือบางทีตัวละครอาจจะถือกำเนิดขึ้นในป่าอเมซอนที่สมบูรณ์และกว้างใหญ่มากๆ น้องๆ ไม่คิดว่าการเปลี่ยนบรรยากาศจากยุโรปไปทวีปอื่นๆ มันน่าสนใจบ้างเหรอคะ พี่เคยลองจินตนาการว่าแฮร์รี่เป็นชนเผ่าอเมซอนแล้วถือไม้กายสิทธิ์อยู่ แค่คิดเล่นๆ แวบเดียวก็รู้สึกสนุกแล้ว
3. ตัวละครหลักต้องมีอาวุธ
ตัวละครเอกส่วนใหญ่ใช้ดาบเป็นของคู่กาย หรืออย่างน้อยก็ต้องมีอาวุธที่ใช้อยู่เป็นประจำ เช่น ในแฮร์รี่ พอตเตอร์มีไม้กายสิทธิ์และไม้กวาดเป็นของคู่กัน ธอร์มีค้อนโยเนียร์ และแคตนิสมีธนูเป็นของคู่กาย จะสังเกตได้ว่าการมีอาวุธ เป็นการเพิ่มความสามารถให้ตัวละครและเป็นการสร้างตัวละครให้น่าจดจำมากขึ้น
How to พลิกพล็อต: อาวุธคู่กายไม่จำเป็นต้องมีก็ได้หากเราสร้างให้ตัวละครมีคำพูดเป็นอาวุธได้ (ในกรณีที่ในเรื่องแฟนตาซีของเราไม่มีสงครามหรือการต่อสู้นะ) แต่ถ้าจำเป็นต้องมีลองหาอาวุธคู่กายที่ไม่น่าเป็นไปได้หรือนำมาใช้ได้จริงๆ มาสร้างเป็นอาวุธดูสิ ลองเลือกวัสดุที่มีในพื้นที่ของตัวละครมาประยุกต์ใช้ให้น่าสนใจดีไหม ส่วนนี้น้องๆ จะคิดอาวุธวิเศษขึ้นมาได้ก็ต้องอาศัยภูมิหลัง ผังเมืองของตัวละครก่อนนะคะ
4. รัฐบาลต้องเป็นราชวงศ์
ในนิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่ราชวงศ์คือผู้ปกครองดูแลอาณาจักร และประชาชนทั้งหมด เนื่องจากเนื้อเรื่องของนิยายแฟนตาซีมักประกอบไปด้วยลำดับทางสังคม ทำให้เกิดชนชั้น การปฏิวัติ สงคราม การต่อสู้ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเหล่าตัวละคร ทำให้ความแฟนซีที่เหนือจินตนาการมักจะถูกควบคุมด้วยอำนาจของอาณาจักรที่ตัวละครอาศัยอยู่ เช่น โลกเวทย์มนตร์ก็มีกระทรวงเวทย์มนตร์คอยดูแล โลกของเทพเจ้าก็ยังต้องมีเหนือเทพเจ้าไปอีก นี่แหละสิ่งที่เรียกว่าการควบคุม
How to พลิกพล็อต: ลองสร้างอาณาจักรที่เป็นประชาธิปไตยดูไหม (ยิ้มแห้ง) หรือลองสร้างอาณาจักรในจินตนาการที่ล้ำสมัย ไม่มีผู้ปกครองอาณาจักร แต่มีวิธีการจัดการดูแลปกครองด้วยวิธีใหม่ๆ ดู ในส่วนนี้ต้องใช้ไอเดียของนักเขียนแล้วล่ะ ว่าอยากสร้างโลกจินตนาการแบบไหนที่ไม่จำเป็นต้องมีราชวงศ์ปกครอง
5. สิ่งมีชีวิตที่เป็นตำนานต้องมี เอลฟ์, มังกร, คนแคระ ฯลฯ
โลกแฟนตาซีคือจินตนาการที่มาพร้อมกับตำนานและประวัติศาสตร์ การนำสิ่งมีชีวิตในตำนานมาใช้ในนิยายแฟนตาซีส่วนใหญ่มักจะพบพวก เอลฟ์, มังกร, คนแคระ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งมีชีวิตในตำนานล้วนล้าสมัยและดูเป็นตำนานที่เก่าแก่ไป
How to พลิกพล็อต: ลองสร้างสิ่งมีชีวิตใหม่ๆ ดูไหมคะ หรือลองศึกษาสิ่งมีชีวิตในตำนานที่สร้างไว้แล้ว แต่นักเขียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนำมาใช้ ลองเลือกสิ่งมีชีวิตในตำนานที่น่าสนใจมาสักตัว นำมาพลิกแพลงบท ปัดฝุ่น สร้างคาแรคเตอร์ให้น่าจดจำกว่าเดิม แล้วนำไปใช้ในนิยายแฟนตาซีของเราดู
6. ขาดความสมบูรณ์ทางวิทยาศาสตร์
โลกแฟนตาซีส่วนใหญ่ขาดความสมบูรณ์ทางวิทยาศาสตร์ อาศัยจินตนาการที่ล้ำโลกล้ำสมัย ไม่ก็ล้าหลังไปเลย แล้วสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาทดแทนในส่วนที่ทำเองไม่ได้ เช่น ในโลกเวทย์มนตร์มีการใช้เวทย์มนตร์แทนวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ แล้วทำไมนิยายแฟนตาซีของเราไม่ลองใช้ทั้งสองศาสตร์นี้รวมกันดูล่ะ
How to พลิกพล็อต: การใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วยอาจทำให้เวทย์มนตร์ดูไม่ขลัง ไม่ศักดิ์สิทธิ์เลย จริงๆ แล้วขึ้นอยู่กับนักเขียนด้วยว่านำวิทยาศาสตร์มาใช้ในด้านไหน และเวทมนตร์ที่มีเรื่องราวมหัศจรรย์ทำอะไรได้บ้าง ตัวอย่างเช่น วิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำให้เราหายตัวได้ ขณะที่เวทมนต์ก็ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้เหมือนวิทยาศาสตร์ ลองคิดพล็อตที่สามารถรวมทั้งสองศาสตร์เข้าด้วยกันแล้วสร้างโลกแฟนตาซีที่น่าสนใจขึ้นมาได้ดูสิ
7. เรื่องแฟนตาซีต้องมีการเสาะแสวงหา
พี่ยืนยันได้เลยว่า นิยายแฟนตาซีแทบทุกเล่มต้องมีจุดเด่นของเรื่องเกี่ยวกับการค้นหาและตามล่าหาบางสิ่งบางอย่าง ต้องมีตัวละครหรือกลุ่มของตัวละครที่จะต้องเดินทางไกลเพื่อไปต่อสู้อย่างกล้าหาญในดินแดนอันไกลโพ้น โลกแฟนตาซีที่ตัวละครอาศัยอยู่ต้องตกอยู่ในอันตราย และเมื่อโลกแฟนตาซีเกิดปัญหาต้องได้รับการแก้ไขเสมอ สำหรับน้องๆ คิดว่าแฟนตาซีส่วนใหญ่เป็นแบบนี้ไหมคะ
How to พลิกพล็อต: แฟนตาซีแนวค้นหาพลัง เวทย์มนตร์ สิ่งของ หรือตามหาคน พี่คิดว่าเป็นพล็อตที่ยังน่าสนใจอยู่ แต่ทำไมเราไม่ลองเขียนนิยายแฟนตาซีของเราในแนวแปลกๆ ดูบ้างคะ เช่น นิยายแฟนตาซีที่เกี่ยวกับสงครามระหว่างสองประเทศ มีกลยุทธ์การต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย (โดยไม่ใช้อาวุธวิเศษเพื่อมุ่งทำลาย และสู้กันด้วยความยุติธรรมด้วยนะ) บางทีตัวละครของเราอาจจะพยายามรวมประเทศเข้าด้วยกัน หรือพยายามก่อกบฏเพื่อสร้างประเทศในจินตนาการใหม่ หรือบางทีตัวละครของเราตามหาของวิเศษและกำจัดตัวร้ายได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาของอาณาจักร หรือต้องคอยแวะช่วยเหลือผู้คน การสร้างจินตนาการที่แปลกใหม่ไม่ได้หมายความว่าเราละทิ้งความคิด มุมมอง หรือแก่นเรื่องที่จะมอบให้ผู้อ่านนะคะ เพียงแต่เราเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ให้คนอ่านได้ลองคิดลองเห็นอีกด้านเท่านั้นเอง
แต่ก่อนที่น้องๆ จะเริ่มเปลี่ยนนิยายแฟนตาซีด้วยการพลิกพล็อตตามที่พี่แนะนำ พี่จะบอกว่าพล็อตแฟนตาซีแต่เดิมนั้นก็น่าสนใจอยู่แล้วนะคะ การพลิกพล็อตดูบ้างก็ถือเป็นการสร้างความแตกต่างให้จินตนาการของเราได้บรรเจิดมากขึ้น(คำเก่าไปเนอะ 55555) พี่แนนนี่เพนแนะนำการพลิกพล็อตให้น้องๆ เพราะหวังจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจ สร้างมุมมองใหม่ๆ เกี่ยวกับการเขียนนิยายแฟนตาซีให้น้องๆ มากขึ้น แต่มันก็โอเคนะ ถ้าน้องๆ จะมีพล็อตแฟนตาซีที่เราถนัดและเป็นตัวของเราเอง ไม่ต้องห่วงว่าจะน่าเบื่อจำเจเหมือนที่บอกไว้ เพราะพล็อตที่พี่เลือกมาก็เป็นพล็อตที่นักอ่านนิยมอ่านกันอยู่แล้วจ้า
พี่แนนนี่เพน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
10 ความคิดเห็น
ขอบคุณสำหรับเคล็ดลับดีๆ ค่า อ่านแล้วว้าว อยากเขียนนิยายแฟนตาซีเลย ><
ขอบคุณครับ
ขอบคุณสำหรับไอเดียดีๆนะค้า
ได้ไอเดียเยอะเลย ขอบคุณมากค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะพี่แนนนี่ อ่านปุ๊ปไอเดียบรรเจิดเลย(แต่จะแต่งมั้ยนั้นขอให้ความขยันอันน้อยนิดตัดสิน5555)
ขอบคุณที่แนะนำมากๆเลยค่ะ
นั่งอ่านไปนี่ นึกถึงนิยายตัวเองยังไงชอบกล
1. คนที่ถูกกำหนดไว้แล้วจากการพยากรณ์
- อันนี้ พระเอกเป็นเจ้าชายรวย มีตำแหน่งสูงส่งในสังคม แต่เนื่องจากเป็นนายทหาร แกจึงพบความลำบากก็ตอนเข้าสนามรบ :v
2. ดำเนินเรื่องในยุคกลางของยุโรปสมัยใหม่
- อันนี้ ไม่ใช่ยุคกลาง และไม่ใช่ยุโรป อันนี้ อิงจากยุคสมัยใหม่แบบสงครามโลก และอิงกับความเป็นโลกาภิวัฒน์ ไม่อิงประเทศใดประเทศนึง แต่วัฒนธรรมฝ่ายตัวเอก ออกแนวญี่ปุ่น กับกรีก :v
3. ตัวละครหลักต้องมีอาวุธ
- อันนี้ก็ยังหลีกหนีไม่พ้น แต่อาวุธแลดูมีความธรรมดาขึ้น เช่น ปืน ไม่ได้เป็นอาวุธระดับตำนาน ถูกสร้างขึ้นโดยเทพหรือใคร แต่ถูกตีขึ้นจากช่าง หรือไม่ก็ซื้อจากห้าง :v
4. รัฐบาลต้องเป็นราชวงศ์
- อันนี้ก็ยังหลีกไม่พ้น แต่เพิ่มความลุ่มลึกเข้าไป โดยการกล่าวถึงโครงสร้างภายใน แต่รัฐบาลส่วนใหญ่ในนิยายของผมยังหนีไม่พ้น Monarchy อยู่ดี
5. สิ่งมีชีวิตที่เป็นตำนานต้องมี เอลฟ์, มังกร, คนแคระ ฯลฯ
- เนื่องจากมีความเป็นโลกาภิวัฒน์ในนิยาย ก็เลยต้องเพิ่มเผ่าอื่นในส่วนอื่นของโลก ท่านจะเห็นกัปปะ ยักษ์โอนิ มารับราชการกับมนุษย์ปกติด้วย
6. ขาดความสมบูรณ์ทางวิทยาศาสตร์
- นิยายเรื่องนี้ วิทยาศาสตร์จ๋าเลย และมองว่า เวทมนตร์เป็นวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งด้วย :v
7. เรื่องแฟนตาซีต้องมีการเสาะแสวงหา
- นิยายเรื่องนี้ ไม่กีการเสาะแสวงหาเลย เรื่องเกี่ยวกับสงครามระหว่างสองประเทศล้วนๆ และเรื่องราวที่ว่า พระเอกจะรอดกลับบ้านครบ 32 หรือไม่?
ถ้าสนใจก็ตามไปดูได้เลยครับ
https://writer.dek-d.com/dekd/writer/view.php?id=1722107
เดี๋ยวจะขอตามไปอ่านนะคะ//__//
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ พอดีเราเป็นคนหนึ่งที่เขียนนิยายแฟนตาซีในยุคปัจจุบันผสมกับวิทยาศาสตร์(อิงตัวนี้เป็นเมนมากกว่า+สร้างโลกใหม่เองโดยเฉพาะ) มีสองศาสตร์เข้ามาผสมผสานและมีบทบาทด้วยกัน แต่เราจะใส่กลิ่นอายของความเรียลในตัวละครในเรื่องการใช้ชีวิตประจำวัน ในส่วนเนื้อหาผจญภัยจะทางแฟนตาซีมากขึ้น
แต่ก็เป็นการพลิกพล็อตที่คิดเองแล้วเหนื่อยดีค่ะ เพราะมานั่งคิดคาถาให้ตัวละครด้วย5555555
เผื่อมีคนสนใจอ่านนะคะ> Chemical Equations เป็นนิยายออกแนวแฟนตาซีผสมกับความรักหน่อยๆ แต่อ่านแล้วอาจจะได้ฟีลแบบนางเอกเป็นพระเอกแทน เพราะจะดูแมนๆค่ะ55555
ขอบคุณเช่นกันครับ ผมเขียนแนวแฟนตาซีสไตล์โปเกมอนซึ่งมีสัตว์ในตำนานที่คนไม่ค่อยเอามาใช้อย่างพวกสัตว์หิมพานต์อะไรแบบนี้ กับอีกเรื่องก็แฟนตาซีสไตล์โปเกมอนที่มีสัตว์ดึกดำบรรพ์แทนและแนวต่างโลกแฟนตาซีโชเนนที่สัตว์ดึกดำบรรพ์มาแทนสัตว์ในตำนานแต่มีอมนุษย์ 6 เผ่าพันธุ์น่ะ
https://writer.dek-d.com/TheGundam/writer/view.php?id=2047167 (DeinoSauros)
https://writer.dek-d.com/TheGundam/writer/view.php?id=2051238 (MythoCryptia)
ขอบคุณ