Heroism
สร้างคาแรคเตอร์ฮีโร่
ด้วยจิตวิทยาแห่งความกล้าหาญ 


สวัสดีน้องๆ นักอ่านนักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่า เมื่อพูดถึงตัวละครที่มีความเป็น “ฮีโร่” แล้ว เรามักจะนึกถึงตัวละครฮีโร่จากสองค่ายใหญ่อย่าง Marvel และ DC กันก่อนเป็นอันดับแรกๆ เลยใช่ไหมคะ พี่แนนนี่เพนเองก็นึกถึงฮีโร่จากสองค่ายนี้หมือนกัน เพราะเหล่าฮีโร่เหล่านี้มีความสามารถและพลังพิเศษที่ชวนให้ติดตามและสร้างความน่าตื่นเต้นให้เราได้เสมอ จนพี่คิดว่าถ้าเราจะเขียนนิยายสักเรื่องหนึ่งแล้วต้องการมีฮีโร่แบบนี้บ้าง เราก็ต้องมีฮีโร่ที่มีพลังความสามารถเป็นเอกลักษณ์ และทำให้คนอ่านจดจำได้ง่ายๆ แบบนี้เลย แต่พอมาคิดดูอีกที พี่ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า “ฮีโร่ของเราเป็นแค่คนธรรมดาไม่ได้เหรอ?” ไม่จำเป็นต้องมีพลังพิเศษอะไรมากมาย เป็นแค่คนธรรมดาที่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ แล้วค่อยพัฒนาให้เขากลายเป็นฮีโร่ที่น่าจดจำ.. และความคิดนี้นี่เองที่ทำให้พี่ได้ศึกษาวิธีการสร้างคาแรคเตอร์ให้ตัวละครธรรมดาๆ ของเราเนี่ย กลายมาเป็นฮีโร่ที่ดีและน่าจดจำให้ได้ ด้วยวิธีการทางจิตวิทยาที่ว่าด้วยเรื่องราวของ “ความกล้าหาญ” นั่นเอง..
 

 

Heroism คือคุณสมบัติที่สำคัญของการเป็น Hero

“ความกล้าหาญ” มีชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า “Heroism” ซึ่งเป็นคำนามที่มาจากคำว่า hērōs ของกรีก โดยมีความหมายถึงคนที่มีครึ่งหนึ่งเป็นมนุษย์และอีกครึ่งหนึ่งเป็นพระเจ้า (demigod) ซึ่งให้ความหมายถึงคนที่มีพลังความสามารถเหนือมนุษย์นั่นเอง 

นักจิตวิทยาได้ยกตัวอย่างของ “ฮีโร่” คนหนึ่งที่ชื่อ เวสลีย์ ออเทรย์ (Wesley Autrey) เขาตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่ตกลงไปในรางรถไฟใต้ดินก่อนที่รถไฟจะวิ่งเข้ามา ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ไม่รู้จักกันและไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติเลย แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็รอดมาได้เพราะหลบอยู่ในร่องระหว่างล้อรถไฟได้พอดี หลังจากเหตุการณ์นั้น ออเทรย์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ว่า “ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมทำอะไรที่น่าตื่นเต้น ผมเห็นคนกำลังต้องการความช่วยเหลือ แล้วผมก็แค่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง”

คำพูดของออเทรย์แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาทำเป็นเรื่องปกติสำหรับเขามาก ซึ่งเขาอาจจะเป็นหนึ่งในร้อยคนที่คิดแบบนี้ เพราะน้อยคนนักที่จะเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความกล้าหาญที่แท้จริง โดยการกระทำของออเทรย์ทำให้นักจิตวิทยาเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนนั้นมีความกล้าหาญ แต่น้อยคนนักที่จะสามารถดึงความกล้าเหล่านี้ออกมาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้ นักจิตวิทยาจึงคิดว่า “ความกล้าหาญ” เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนธรรมดากลายเป็น “ฮีโร่” ได้ ซึ่งจากตัวอย่างของออเทรย์ ได้พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า “ฮีโร่” นั้นเกิดจากคนที่มีความกล้าหาญ คิดถึงชีวิตของเพื่อนมนุษย์เป็นสำคัญ และกล้าเผชิญหน้ากับอันตรายโดยไม่หวั่นเกรง
 

7 คุณสมบัติสำคัญของการเป็นฮีโร่ 

จากข้อมูลการศึกษาของนักจิตวิทยาและนักวิจัย พวกเขาเชื่อว่ามนุษย์เราเนี่ยสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นฮีโร่ได้ จึงเกิดการศึกษาลักษณะของฮีโร่ขึ้นมา และได้คุณสมบัติของการเป็นฮีโร่มาทั้งหมด 7 ข้อ ดังนั้น เรามาตามดูกันว่าคนธรรมดาจะ “สามารถเป็นฮีโร่ได้” ด้วยคุณสมบัติอะไรบ้าง
 
1. คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องเป็นห่วงความสงบสุขของเพื่อนมนุษย์
นักวิจัย พบว่า คนที่เอาใจใส่และห่วงใยคนอื่นเสมอ ถือเป็นพฤติกรรมที่นำไปสู่การเป็นฮีโร่ได้ เพราะคนที่มีลักษณะเหล่านี้ จะรีบช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นจากความทุกข์และอันตรายอยู่เสมอ คนลักษณะนี้จะมีความเป็นห่วงเพื่อนมนุษย์ และพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือตลอดเวลา โดยจากกรณีศึกษาหนึ่ง พบว่า คนที่มีลักษณะเอาใจใส่ผู้อื่นมากๆ จะมีแนวโน้มเป็นฮีโร่อยู่ในระดับที่สูงมาก เพราะพวกเขาจะรู้สึกเป็นห่วงและใส่ใจคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา รวมถึงพวกเขาจะรับรู้ได้ว่าใครกำลังต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งเป็นผลมาจากการเอาใส่ใจนั่นเอง
 

 
2.  คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา 
นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าคนที่จะเป็นฮีโร่ได้นั้น นอกจากจะต้องมีความเห็นอกเห็นใจและเอาใจใส่ผู้อื่นแล้ว พวกเขาจะต้องมองเห็นสิ่งต่างๆ จากมุมมองของคนอื่นด้วย คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเอง ซึ่งนี่ถือเป็นความสามารถหนึ่งของฮีโร่ที่จำเป็นต้องมี เพราะพวกเขาจะสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้เพราะความเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนั่นเอง 
 
3. คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องมีความสามารถและความมั่นใจ
ในข้อนี้เชื่อว่าคนที่มีความสามารถและมีความมั่นใจ จะทำให้พวกเขาแสดงความกล้าออกมาได้ง่ายเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอันตราย เพราะคนเหล่านี้จะเชื่อมั่นในตัวเองว่าพวกเขาจะจัดการปัญหาต่างๆ เหล่านี้ได้โดยมองข้ามเรื่องอันตรายที่มาพร้อมกับปัญหา 
 
4. คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องมีศีลธรรมและคุณธรรมที่มั่นคง
นักวิจัยที่ชื่อ Zimbardo และ Franco กล่าวว่า ฮีโร่มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากคนที่ไม่ใช่ฮีโร่อยู่ตรงที่พวกเขา ใช้ชีวิตอย่างมีอุดมการณ์ในเรื่องของศีลธรรมและคุณธรรม สิ่งเหล่านี้ทำให้ฮีโร่เรียนรู้ที่จะปกป้องผู้อื่น เพื่อปกป้องอุดมการณ์ของตัวเองไปด้วย ทำให้พวกเขาแสดงความกล้าหาญออกมาเพื่อรักษาคุณธรรมในใจ 
 

 
5. คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องมีความสามารถที่ได้รับการฝึกฝน
ในส่วนนี้นักวิจัยได้อธิบายไว้ว่าคนที่จะเป็นฮีโร่ช่วยเหลือผู้อื่นได้นั้น ตัวของพวกเขาเองควรมีความสามารถนั้นๆ หรือเคยได้รับการฝึกฝนมาก่อน การที่คนธรรมดาจะเป็นฮีโร่ได้ เกิดจากการที่พวกเขานำประสบการณ์และความรู้มาประยุกต์ใช้เข้าด้วยกัน ดังนั้นฮีโร่จึงเกิดได้จากสาขาอาชีพที่หลากหลายตามความถนัดของตนเอง 
 
6. คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องกล้าเผชิญหน้ากับความกลัว
นักวิจัยชี้ให้เห็นว่าคนที่เข้าไปช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วโดยไม่หวั่นกลัวต่ออันตรายนั้น พวกเขาเป็นคนที่มีความคิดในด้านบวก คนเหล่านี้จะสามารถประเมินสถานการณ์ได้ทันทีว่าพวกเขามีศักยภาพมากพอที่เสี่ยงเข้าไปในอันตรายเหล่านั้นหรือไม่ ซึ่งนี่เป็นความคิดในด้านบวกที่กระตุ้นให้พวกเขาเอาชนะความกลัวที่เกิดขึ้นได้ 
 
7. คนที่จะกลายเป็นฮีโร่ได้ต้องไม่กลัวความล้มเหลว
ในข้อนี้นักวิจัยแสดงผลวิจัยให้เห็นว่าคนที่มีความคิดในด้านลบมักจะเป็นฮีโร่ได้ยาก เพราะพวกเขาไม่สามารถเอาชนะความคิดของตัวเองได้ ซึ่งความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนธรรมดาไม่สามารถก้าวผ่านไปสู่การเป็นฮีโร่ได้ ดังนั้น เหล่าฮีโร่ที่เกิดขึ้นจากคนธรรมดาส่วนใหญ่ คือเหล่าฮีโร่ที่มีความคิดในด้านบวก 
 

 
เราจะเห็นได้ว่าจากคนธรรมดาสามารถเป็นฮีโร่ได้ง่ายๆ เพียงพวกเขาเอาชนะความกลัวและกล้าที่จะทำเพื่อผู้อื่น พี่แนนนี่เพนคิดว่านี่เป็นวิธีการสร้างคาแรคเตอร์ตัวละครฮีโร่ที่สมจริงมากๆ ถ้าเรานำคุณสมบัติเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้กับตัวละครของเราได้ พี่เชื่อได้เลยว่าคนอ่านจะต้องรักตัวละครของเรามากๆ แน่นอน สำหรับคำว่า “ฮีโร่” ถ้าไม่พูดถึงในด้านของแฟนตาซีจนเกินไป “ฮีโร่” ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในนิยายทุกประเภทเลยนะคะ ขึ้นอยู่กับนักเขียนแล้วว่า “เราอยากจะสร้างฮีโร่ของเราให้กล้าทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง” ^^
 
พี่แนนนี่เพน 
 
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก

Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

4 ความคิดเห็น

ก้อนเเป้ง Member 3 พ.ย. 61 17:18 น. 1

นางเอกในนิยายของเรามีคุณสมบัติตั้งเเต่ ข้อ 1 - 5 (ยกเว้นข้อ 6 กับ 7) หรือว่านางเอกเราจะเป็นฮีโร่ OMG O[]O! เเต่เอาจริงๆ มันก็มีฉากที่นางเอกปกติพระเอก บู๊เเหลกเหมือนกัน =_=


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ฝนตกในคืนที่พระจันทร์สว่าง Member 5 พ.ย. 61 23:18 น. 3

งั้นเราขอเสนอเคสตัวอย่าง แบทแมน

อันตัวอย่างของฮีโร่อีกสายที่มีความเกี่ยวพันกับคนธรรมดาส่วนใหญ่ในการช่วยคน ว่าจริงๆแล้วการเป็นฮีโร่อาจเริ่มต้นขึ้นจาก"เรื่องเลวร้าย"หรือ"เรื่องที่ดี" ต้องมีแรงผลักดันทางจิตวิทยาขนาดไหน"ที่คนธรรมดาที่ถือเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งสามารถละทิ้งชีวิตความปลอดภัยของตนเองเวลาอันเป็นธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่พึงไขว้คว้ารักษา เพื่อคนที่ไม่รู้จักและไม่รู้เป็นคนดีหรือชั่วได้?" เขาได้แสดงลิมิตที่ก้าวข้ามสัญชาตญาณเอาตัวรอดของมนุษย์มาได้ อาจกล่าวได้ว่าเรื่องไม่ว่าดีหรือชั่วไม่เคยผุดมาในหัวของมนุษย์ด้วยตนเองหรือถึงผุดมามันก็ไม่รุนแรงพอ หรือก็คือถึงรู้เป็นหลักการแต่ถ้าไม่มีtriggerที่รุนแรงพอก็จะไม่แสดงออก

ในช่วงเวลาอันตรายทั้งฮอร์โมนทั้งสัญชาตญาณมันออกมาหมดยิ่งคนที่เป็นฮีโร่ไม่ได้ถูกฝึกแต่แรก การพุ่งเข้าไปช่วยคนอื่นเป็นอะไรที่แสดงถึงจิตใต้สำนึกเลยทีเดียว

อะไรทำให้เขาคิดแบบนั้น?

ในวินาทีที่คุณเผชิญหน้ากับสิ่งอันตรายที่ไม่แน่ว่าจะชนะได้สิ่งที่ชัดเจนขึ้นมาในการตัดสินใจคือสิ่งที่อยากทำจริงๆ และคุณทำในสิ่งที่คุณเคยได้รับมาในอดีตหรือสิ่งที่คุณคิดว่ามีโอกาสจะทำ ด้วยแรงกระตุ้นจากสถานการณ์นั้น


นี่ยังไม่ได้พูดถึงฮีโร่มืออาชีพที่ทำเป็นประจำนะ


เรียกได้อีกอย่างคือทุกคนเป็นฮีโร่ได้และสร้างฮีโร่ได้เช่นกัน เริ่มจากเรื่องในชีวิตประจำวันง่ายๆเลยที่ไม่ใช่ศัตรูอวกาศเลยด้วยซ้ำ วงจรการไหลสืบทอดของความดีงามและเรื่องเลวร้ายที่อยู่ในโลกของเราทุกวันนี้สร้างทั้ง"ฮีโร่"และ"ตัวร้าย"ในชีวิตจริงของเราหมุนเวียนกันทุกวัน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด