What a Coincidence!
5 วิธีวางพล็อตให้สมบูรณ์แบบด้วยเรื่องบังเอิญ 


สวัสดีน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคนค่ะ ก่อนอื่นพี่อยากถามน้องๆ ก่อนเลยว่า "น้องๆ เชื่อในเรื่องบังเอิญกันไหมเอ่ย?" สำหรับพี่.. พี่เชื่อในเรื่องของความบังเอิญค่ะ เรื่องราวในชีวิตของเราทุกคนล้วนเคยเจอเรื่องไม่คาดฝันกันมาแล้วทุกคน บางคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของดวงบ้าง โชคชะตาบ้าง พรหมลิขิตบ้าง หรือแม้แต่เรื่องเวรกรรม บาปบุญคุณโทษบ้าง เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงจึงมักจะทำให้เรารู้สึกพอใจและประหลาดใจไปพร้อมๆ กัน.. 
 
กลับมาที่เรื่องของการเขียนนิยายค่ะ หากน้องๆ ลองสังเกตให้ดีจะเห็นว่าพล็อตส่วนใหญ่มักสร้างสถานการณ์ตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนจบเรื่องด้วยการอาศัย 'ความบังเอิญ' มาเล่าเรื่องให้เป็นปกติ ซึ่งความบังเอิญนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียในคราวเดียวกัน หากนักเขียนนำเรื่องบังเอิญไปใช้อย่างมีเหตุผลจะทำให้พล็อตของเราสมบูรณ์มากขึ้น แต่หากนำไปใช้ผิดวิธี นอกจากพล็อตที่เราวางไว้จะพังแล้ว นักเขียนยังสูญเสียความไว้วางใจจากนักอ่านอีกด้วย ดังนั้น วันนี้พี่เลยนำวิธีการใช้ประโยชน์จากเรื่องบังเอิญมาเป็นสูตรโกงให้นักเขียนนำไปใช้ในการวางพล็อตให้สมบูรณ์แบบกัน ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูเลยค่า..
 

 

สร้างเรื่องบังเอิญด้วยทริค 3 ข้อ 

เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายมากเลยค่ะ ทั้งจากความตั้งใจของเราและจากความบังเอิญจริงๆ เช่นเดียวกับความบังเอิญที่เกิดขึ้นในนิยายเลยค่ะ นักเขียนเป็นคนสร้างโลกจินตนาการขึ้นมา ดังนั้น นักเขียนคือผู้กุมชะตาชีวิตของทุกคน เป็นพระเจ้าของโลกใบนี้ สามารถชี้เป็นชี้ตายตัวละคร หรือเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆ ได้เพียงกดนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ด.. เรื่องบังเอิญในนิยายจึงเป็นเรื่องที่นักเขียนตั้งใจสร้างขึ้นมา และนี่เป็นทริคที่นักเขียนส่วนใหญ่นิยมใช้เวลาสร้างเรื่องบังเอิญในนิยายค่ะ
 
1. สร้างเรื่องบังเอิญเล็กๆ น้อยๆ ให้คนอ่านประหลาดใจเล่น - นักเขียนส่วนใหญ่มักใช้สูตรโกงที่ชื่อว่า 'ความบังเอิญ' เพื่อเล่าเรื่องในนิยายให้คนอ่านรู้สึกประหลาดใจมากขึ้น เป็นการแทรกแซงเรื่องราวที่ไม่คาดคิดเข้ามาในเหตุการณ์ของตัวละคร โดยไม่ส่งผลกระทบต่อพล็อตหลัก แต่ส่งผลต่อความรู้สึกของคนอ่าน เช่น การบังเอิญเจอคนรักเก่าเพียงครั้งเดียว, บังเอิญเจอดอกไม้ที่ชอบและเคยได้รับจากคนพิเศษ, บังเอิญทำของตกและได้รับการช่วยเหลือ เป็นต้น เรื่องบังเอิญเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจจะไม่ส่งผลต่อโครงเรื่องหลักมากนัก แต่ทำให้คนอ่านปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดีมากขึ้น 
 
2. สร้างเรื่องบังเอิญที่ทำให้เกิดจุดเริ่มต้นทางความคิด หรือการกระทำ - เป็นการเริ่มต้นเรื่องราวด้วยความบังเอิญที่นักเขียนนิยมใช้กันมากในการเปิดเรื่อง เพราะนี่เป็นวิธีสร้างโอกาสให้ตัวละครได้ตัดสินใจ และเป็นการสร้างเรื่องราวในนิยายของเราให้น่าสนใจมากขึ้น เช่น น้องสาวของแคตนิส (The hunger game) บังเอิญถูกเลือกให้เป็นตัวแทนของหมู่บ้านไปต่อสู้ในเกมล่าสังหาร ทำให้แคตนิสตัดสินใจไปแทนน้องสาวของเธอ จนเกิดเรื่องราวชวนน่าติดตามขึ้น 
 
3. สร้างเรื่องบังเอิญที่ไม่แปลกประหลาด - ทริคนี้เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่อาศัยคนอ่านและตัวละครเป็นหลักค่ะ นักเขียนต้องเข้าใจก่อนว่านิยายของเราสามารถสร้างเรื่องบังเอิญได้มากขนาดไหน เรื่องแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในนิยายของเราสอดคล้องกับเรื่องราวหรือไม่ นี่เป็นคำถามที่นักเขียนต้องคิดทบทวนก่อนจะสร้างเรื่องบังเอิญ เพราะคนอ่านสามารถเชื่อมโยงเรื่องราวความสมเหตุสมผลได้ ขณะที่ตัวละครของเราซึ่งเป็นตัวดำเนินเรื่องจะเป็นกุญแจของเรื่องบังเอิญทั้งหมด ดังนั้น การสร้างเรื่องบังเอิญที่ไม่แปลกประหลาดมากนัก จะทำให้นักอ่านไม่ตะขิดตะขวงใจ และคิดว่าเป็นเหตุการณ์หนึ่งในนิยายเท่านั้น เช่น การถูกสุนัขไล่กัด, การตกรถเมล์, ฝนตกระหว่างทางกลับบ้าน เป็นต้น เหตุการณ์เหล่านี้อาจจะมีเรื่องราวต่อจากนี้อีกมาก ซึ่งนี่เป็นทริคที่นักเขียนมักใช้เพื่อเล่าเรื่องราวธรรมดาๆ ไปสู่จุดที่พีคมากยิ่งขึ้น 
 
 
 

5 วิธีใช้ประโยชน์จากเรื่องบังเอิญ

ในชีวิตจริงเรื่องบังอิญมักเป็นที่เรื่องที่เราไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพราะคิดว่าเป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งเท่านั้น เราเลยเลือกที่จะปล่อยผ่านความบังเอิญที่เกิดขึ้นไปโดยไม่ถามหาเหตุผล แต่ในนิยายนั้นเรื่องบังเอิญต้องมีเหตุและผลค่ะ นักเขียนจะสร้างเรื่องบังเอิญมากน้อยเพียงใดก็ได้ ตราบใดที่เรื่องบังเอิญนั้นไม่ขัดต่อพล็อตหลักและช่วยส่งเสริมเรื่องราวให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเราสามารถใช้ 5 วิธีดังต่อไปนี้เพื่อสร้างพล็อตที่สมบูรณ์ได้ค่ะ 
 
วิธีที่ 1 ใช้เรื่องบังเอิญเพื่อสร้างโอกาส
โอกาสในที่นี้หมายถึงทั้งตัวละครและหตุการณ์ในเรื่องค่ะ โดยส่วนใหญ่เราจะใช้เรื่องบังเอิญในการเปิดเรื่องเพื่อแสดงเหตุการณ์ที่อาจะเกิดขึ้นได้ยากในอนาคต เช่น สร้างเรื่องบังเอิญให้คู่พระนางพบกันในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่ง, สร้างเรื่องบังเอิญให้ตัวละครได้ช่วยเหลือคนสำคัญ, สร้างเรื่องบังเอิญผ่านจดหมายหรือบันทึกเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวละคร เป็นต้น การใช้เรื่องบังเอิญเพื่อสร้างโอกาสนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งสามช่วงของการเล่าเรื่องเลยค่ะ หากใช้ตอนต้นเรื่องจะเป็นการเปิดเผยเรื่องราวและแก่นเรื่องในอนาคต หากใช้ในตอนกลางเรื่องจะเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตหรือเหตุการณ์บางอย่าง และหากใช้ในตอนท้ายเรื่องจะเป็นการคลี่คลายเรื่องราวให้เป็นไปทิศทางที่ดีขึ้นค่ะ 
 
วิธีที่ 2 ใช้เรื่องบังเอิญเพื่ออธิบายเรื่องราว
เพราะนักเขียนคือพระเจ้า ดังนั้น เรื่องบังเอิญบางเรื่องจึงเหมือนโชคชะตาที่อยู่ๆ ก็ถูกโยนลงมาในสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่ง จากนั้นตัวละครก็ต้องดำเนินชีวิตไปตามเรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในข้อเสียของเรื่องบังเอิญที่อาจทำให้คนอ่านสับสนและงุนงงถึงที่มาที่ไป เพราะบางครั้งก็เป็นเรื่องบังเอิญร้ายๆ บางครั้งก็เป็นเรื่องบังเอิญที่ดีเหลือเกิน ความสุดขั้วนี้อาจทำให้พล็อตเรื่องไม่สามารถอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้คนอ่านเข้าใจได้ ดังนั้น ในสถานการณ์หนึ่งๆ เราจึงต้องใช้เรื่องบังเอิญมาอธิบายเรื่องราวย้อนหลังด้วย อาจจะอธิบายผ่านตัวละคร หรือผ่านสถานการณ์ก็ได้ เพื่อให้คนอ่านเข้าใจและคล้อยตามเหตุผลของเรา
 
วิธีที่ 3 ใช้เรื่องบังเอิญเพื่อตัดสินใจ
เรื่องบังเอิญเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เหตุการณ์และตัวละครของเราเปลี่ยนแปลงได้ แต่ส่วนใหญ่นักเขียนมักใช้เรื่องบังเอิญเป็นสูตรโกงเพื่อตัดเรื่องราวที่ไม่จำเป็นทิ้งไป รวมถึงใช้เรื่องบังเอิญเพื่อให้ตัวละครที่ยังลังเลอยู่ ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่าง เพื่อให้พล็อตหลักดำเนินต่อไปอย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น โดยนักเขียนใช้เรื่องบังเอิญเพื่อเป็นหลักฐานสนับสนุนการตัดสินใจของตัวละครและเหตุการณ์ เมื่อเกิดเรื่องราวไม่แน่นอนขึ้นมา เช่น นางเอกลังเลว่าจะแต่งงานกับพระเอกดีไหม จนกระทั่งบังเอิญไปเจอพระเอกกับคนรักเก่าเข้า จึงเปลี่ยนใจหนีการแต่งงาน ซึ่งทางเลือกของนางเอกเป็นการตัดสินใจตามพล็อตหลัก แต่มีเรื่องบังเอิญมาช่วยส่งเสริมเหตุผลการตัดสินใจมากขึ้นเท่านั้น 
 
วิธีที่ 4 ใช้เรื่องบังเอิญเพื่อแก้ไขเหตุการณ์และเพิ่มสถานการณ์
จริงๆ วิธีนี้เป็นการช่วยทั้งตัวนักเขียนและเรื่องราวในนิยายที่ยังไม่ลงตัวค่ะ บางครั้งเราวางพล็อตไว้ดีแล้วแต่ยังมีบางส่วนที่ก้าวกระโดด หรือไม่เชื่อมโยงกันอยู่บ้าง การใช้เรื่องบังเอิญมาสอดแทรกเรื่องราวระหว่างทางจึงเป็นเหมือนการเย็บปะเรื่องราวให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อเปิดเผยเรื่องราว หรือเปลี่ยนแปลงพล็อตที่กำลังจะออกนอกทะเลให้กลับมาอยู่ในทิศทางที่ต้องการเหมือนเดิม โดยสิ่งสำคัญที่นักเขียนควรจำไว้ก็คือ เรื่องบังเอิญเป็นเพียงพล็อตรอง หรือพล็อตเสริมย่อยๆ เท่านั้น ไม่ควรนำเรื่องบังเอิญมาดำเนินเป็นพล็อตหลัก เพราะอาจทำให้เรื่องราวขาดความเป็นเหตุเป็นผลได้ค่ะ
 
วิธีที่ 5 ใช้เรื่องบังเอิญเพื่อสร้างความท้าทายให้กับนิยาย
ในส่วนนี้ เราจะใช้เรื่องบังเอิญเพื่อท้าทายพล็อตหลัก ตัวละคร และเหตุการณ์ค่ะ เป็นการสร้างความไม่ชอบมาพากลให้กับนิยายของเรา โดยมีพล็อตหลักเป็นโครงสร้างสำคัญที่กำหนดให้ตัวละครต้องดำเนินเรื่องไปในทิศทางเดียวกัน เรื่องราวท้าทายนี้สอดคล้องกับการใช้เรื่องบังเอิญทั้งสี่วิธีดังที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ โดยเรื่องบังเอิญเป็นเหมือนอุปกรณ์หนึ่งที่ช่วยส่งเสริมพล็อตหลักให้สมบูรณ์เท่านั้น เป็นเรื่องราวที่อยู่ๆ ก็โผล่มาราวกับพระเจ้ากลั่นแกล้ง และต้องการท้าทายตัวละครให้เกิดความคิดและการตัดสินใจ จนสามารถผลักดันเรื่องราวต่างๆ ไปตามพล็อตได้ตามที่นักเขียนต้องการ ด้วยเรื่องบังเอิญที่นักเขียนสร้างขึ้นมานั่นเอง 
 

 
การสร้างเรื่องบังเอิญในนิยายเป็นเรื่องที่นักเขียนไม่ควรละเลย และไม่ควรใส่เรื่องบังเอิญลงไปในนิยายโดยไม่มีเหตุผลสนับสนุนเพียงพอนะคะ เพราะหากเราใส่เรื่องบังเอิญลงไปเพียงเพื่อความสนุก และเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับคนอ่านเท่านั้น อาจจะเกิดการพลิกพล็อตไปในทิศทางตรงกันข้ามได้ค่ะ ซึ่งจริงๆ แล้ว เราอาจจะไม่ได้สนใจเรื่องบังเอิญมากนัก เพราะเวลาเขียนนิยายเรามักเขียนตามเรื่องราวที่เราอยากเขียนให้เป็นไปตามพล็อตและตามที่เราเห็นชอบ แต่หากลองกลับไปสังเกตนิยายของเราดีๆ เราจะเห็นว่าเราสร้างเรื่องบังเอิญแทบจะทั้งเรื่องด้วยซ้ำ เช่น การบังเอิญเจอกันของคู่พระนาง, การบังเอิญได้รับรู้ความจริงบางอย่าง, การบังเอิญได้เจอตัวละครที่จะมีส่วนสำคัญในอนาคต เป็นต้น ดังนั้น ในเมื่อเรารู้แล้วว่าเรื่องบังเอิญในนิยายเป็นยังไง เรามาลองใส่ใจและทำให้มันสมเหตุสมผลมากขึ้นดีไหม เพื่อให้พล็อตที่เราคิดมาดีอยู่แล้วเป็นพล็อตที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ^^
 
พี่แนนนี่เพน
 
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ดอกแก้วรัตติกาล Member 9 ก.พ. 62 16:59 น. 1

ขอบคุณค่ะ ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่างเลย กลับไปลากเรือกลับเข้าฝังก่อนดีกว่าไปสุดอ่าวไทยแล้วhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

ดอกแก้วรัตติกาล Member 9 ก.พ. 62 16:59 น. 1

ขอบคุณค่ะ ทำให้คิดอะไรได้หลายอย่างเลย กลับไปลากเรือกลับเข้าฝังก่อนดีกว่าไปสุดอ่าวไทยแล้วhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด