Aelisma / Avery Pie เมื่อรักในอาชีพนักเขียน การได้เขียนนิยายทุกวันจึงเป็นยิ่งกว่าความสุข

ถ้าคุณรักในการเขียน
คุณจะมีข้ออ้างในการเขียนนิยายเสมอ

Aelisma / Avery Pie
 
  • เอลเปลี่ยนนามปากกาเป็น Avery Pie แล้วปังขึ้นมาทันที เพราะความหมายของมันคือพายทุกวัน ขยันทุกวัน 
    • เอลเคยท้อจนเกือบเลิกเขียนนิยาย แต่ได้รับพลังอีกครั้งเมื่อติดนักเขียนหน้าใสปี 8 
  • ชื่อเรื่อง "พี่ครับนั่นร่มผม" เกิดขึ้นในวันที่ฝนตก และเป็นเพียงคำพูดง่ายๆ ที่ทำให้เกิดฉากขโมยร่ม 
  • เอลเขียน 25 ตอนภายใน 1 อาทิตย์จบ และสามารถเขียนได้วันละ 40-60 หน้า
  • เอลชอบเขียนด้นสดเพราะเชื่อว่าเราเปลี่ยนความคิดได้ทุกวัน และตัวละครก็เปลี่ยนความคิดได้ในแต่ละฉาก การด้นสดทำให้เนื้อเรื่องสนุกไปอีกแบบ 

สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน เมื่อทางทีมงานอยากจะเริ่มโปรเจกต์ใหม่ด้วยการ "เชิญนักเขียนมาสัมภาษณ์ที่เด็กดี" แบบเอ็กซ์คลูซีฟ การเตรียมการต่างๆ ก็เริ่มขึ้นล่วงหน้าภายในหนึ่งอาทิตย์ก่อนสิ้นปีนี่เอง โชคดีมากๆ ที่นักเขียนจัดสรรเวลามาให้เราสัมภาษณ์ในช่วงต้นปีได้อย่างลงตัวพอดี ถือเป็นการเปิดตัวนักเขียนต้อนรับปีใหม่กันเลยทีเดียว.. ซึ่งหากใครตามเพจหรือทวิตของนิยายเด็กดีน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่า Aelisma / Avery Pie คือนักเขียนที่เราชวนมาสัมภาษณ์กันในวันนี้ เธอเป็นนักเขียนสาวเจ้าของแฮชแท็ก #ฟ้าฝนคนดีเรือนี้ต้องไม่จม จากผลงานนิยายเรื่อง "พี่ครับนั่นร่มผม" ที่กำลังจะกลายมาเป็นซีรีส์ในปี 2019 นั่นเอง! 

นาทีแรกที่เราได้เจอเอล Avery Pie ความประทับใจแรกคือรอยยิ้มที่มาพร้อมกับประกายในแววตาที่สดใส เราใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณสองชั่วโมง ซึ่งนานมากๆ แต่เป็นสองชั่วโมงที่ทำให้เราได้รู้จักตัวตนของเอลในแบบที่คาดไม่ถึงมาก่อน ทั้งการเปลี่ยนนามปากกาแล้วปัง การชอบเขียนด้นสดของเอล หรือแม้แต่การเขียน 25 ตอนภายใน 1 อาทิตย์ ซึ่งเราเชื่อว่านักอ่านไม่เคยรู้กันมาก่อนแน่นอน! สปอยล์หนักขนาดนี้แล้ว เรามารู้จักเธอผ่านมุมมองจากนิยายที่เธอเขียนกันเถอะ! 

เพราะมีอาชีพที่เรียกว่า "นักเขียน" อยู่ จึงทำให้เกิด Aelisma / Avery Pie 

สวัสดีค่ะ เอล Avery Pie นะคะ เจ้าของผลงานเรื่อง "พี่ครับนั่นร่มผม" และ "Deep Ocean ฉลามคลั่งรัก" ค่ะ ย้อนกลับไปตั้งแต่เอลอยู่มอหนึ่งเลยนะคะ เอลชอบอ่าน.. เอลไปอ่านนิยายเรื่องหนึ่งแล้วรู้สึกว่า ทำไมมันสนุกจัง ถ้าเราอยากทำแบบนี้เราต้องทำยังไง เอลก็มีการไปหาข้อมูล แล้วก็อ๋อ ว่าเราเขียนได้ มันมีอาชีพหนึ่งที่เราเรียกว่า "นักเขียน" อยู่ มันเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เอลลองเขียนเพื่อจะได้ตอบโจทย์ฉากที่เราต้องการ ที่มันไม่สมเหตุสมผลในนิยายที่เราอ่าน

เอลท้อจนเกือบเลิกเขียนนิยาย แต่ได้รับพลังอีกครั้งเมื่อติดนักเขียนหน้าใสปี 8 

ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตอนนักเขียนหน้าใสปี 5 เนี่ยน่าจะตอนเอลอยู่มอหนึ่งไม่ก็มอสอง ตอนนั้นคือเรามีไฟแรงในการเขียนนิยายเอามากๆ เลยค่ะ แล้วสำนักพิมพ์ที่คนพูดถึงกันก็คงไม่พ้นแจ่มใสกัน ก็เลยรู้สึกว่าเราอยากลองส่งดูบ้าง แล้วตอนนั้นมันมีโครงการมาพอดี เราก็เลยลองดู อยากลองอยากเปิดทางให้เราดูบ้าง แต่ปรากฏว่าส่งมากี่ปีก็ไม่ผ่านเลยค่ะ มาผ่านเอาตอนปี 8 ซึ่งตอนนั้นเราอยู่ในจุดที่เริ่มท้อกับการเขียนนิยายแล้ว พอผ่านมันก็เหมือนเป็นการเติมเชื้อไฟให้เรากลับมาเขียนนิยายได้อีก 

เปลี่ยนนามปากแล้วปังจริงไหม?

อันนี้คือเราพึ่งไสยศาสตร์ล้วนๆ เลยค่ะ ตอนแรกเอลใช้นามปากกาว่า River pie จริงๆ ก่อนคำว่า River pie มีคำว่า Ice Rain มาก่อน แล้วเราก็มาเปลี่ยนเพราะบ้านเอลขายพาย ขายเบเกอรี่ค่ะ แล้วเปลี่ยนมาอีกทีเป็น Avery Pie กับ Aelisma คำว่า Aelisma เอลผันมาจากคำว่าคาริสม่า (Charisma) แล้วก็เติมชื่อตัวเองเข้าไปก็จะเป็นอีกแนวหนึ่งเหมือนกัน ส่วนคำว่า Avery Pie เอลไปเจอพี่คนหนึ่งแล้วเราผ่านนักเขียนด้วยกัน เขาแนะนำมาว่ามันน่าจะเปลี่ยนเพราะนามปากกา River pie มันยังไม่เหมาะกับเรา พอมาเป็น Avery Pie ความหมายของมันคือ พายทุกวัน ขยันทุกวัน เอลเขียนงานทุกวันแล้วเขียนเยอะมาก พอได้นามปากกานี้มาก็แบบปังขึ้นมาเลยค่ะ 

ชื่อเรื่อง "พี่ครับนั่นร่มผม" เกิดขึ้นในวันที่ฝนตก และเป็นเพียงคำพูดง่ายๆ ที่ทำให้เกิดฉากขโมยร่ม 

จริงๆ เรื่องนี้เริ่มต้นจากคำว่า “พี่ครับนั่นร่มผม” แค่ชื่อเรื่องเลยที่ทำให้มันกลายมาเป็นนิยายเรื่องหนึ่ง ตอนนั้นฝนมันตกค่ะ แล้วเราอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับฝนนี่แหละ แต่ว่าเราไม่รู้ว่าเราจะตั้งชื่อเรื่องว่าอะไร จนมาคิดว่าเป็นคำพูดง่ายๆ ไหม พี่ครับนั่นร่มผมอ่ะเป็นไง เป็นฉากหนึ่งที่เรารู้สึกว่า ถ้าเราโดนขโมยร่ม เพื่อให้เราได้เจอกับคนที่ชอบ หรือว่ามีสถานการณ์ที่ทำให้เราวนเวียนเข้าไปในชีวิตคนที่เราชอบได้ ก็คงจะเป็นไอเดียที่ดีสำหรับการเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา 

เกิดตัวละครพี่ฟ้าฝนกับน้องคนดีขึ้นมา เพราะอยากให้มีผู้ชายแบบนี้ในชีวิตจริง 

พี่ฟ้าฝนคือผู้ชายที่เราอยากให้มีในชีวิตจริง เป็นผู้ชายที่เขาจะอ่อนโยนกับเรา เขาจะน่ารัก เขาจะสุภาพ แค่ยิ้มเราก็จะรู้สึกว่ามันช่างดีเหลือเกิน ส่วนน้องคนดีคือเป็นไทป์แบบผู้ชายปกติที่เราชอบเขาแต่เราไม่กล้าเข้าไปยุ่งกับเขา เพราะเรารู้ตัวว่าเราไม่เหมาะ พอเราเข้าไปกลายเป็นว่าเราจะไปเกาะเขาดัง เลยรู้สึกว่าถ้ามันมีความขัดแย้งขึ้นมา แล้วตัวพี่เลือกที่จะกลบความขัดแย้งนั้นด้วยความสุภาพ ความขี้อ่อยของเขา มันก็น่าจะเป็นเรื่องที่สนุกดีในความคิดเอล ในตอนที่เขียนเรื่องนี้ออกมา 

ฉากบอกรักกลางสายฝนคือจุดเริ่มต้นและจุดเปลี่ยนของนิยาย

ฉากบอกรักกลางสายฝนคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่โรแมนติกมากๆ แต่ว่าถ้าเราคิดในอีกแง่มุม ถ้ามีคนมองเห็นเราในตอนที่เราบอกชอบใครสักคนแล้วเขารู้สึกว่าเขาไม่อินกับเรา เราจะแก้ปัญหาตรงนั้นยังไง มันก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ว่าพอคนดีบอกชอบพี่ฟ้าฝนกลางสายฝนแล้วมีคนรู้ เขาก็เลยเลือกที่จะออกห่างแทนที่จะเข้าใกล้ ก็เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ขึ้นมา 

นิยายเรื่องนี้เขียนเอง เขินเอง ฟินเองทุกฉาก

แทบจะทุกฉากที่พี่ฟ้าในอยู่กับคนดีเลยค่ะ คือมันเป็นฉากที่เรารู้สึกว่าเราชอบผู้ชายที่สุภาพกับเรา ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นคนพิเศษสำหรับเขา การพูด น้ำเสียง แววตา เวลาจินตนาการว่าพี่ฟ้าฝนทำแบบนั้นกับเรา ทุกฉากที่เราเขียนมันทำให้เราฟิน เขินบิดไปเลย

แฮชแท็ก #ฟ้าฝนคนดีเรือนี้ต้องไม่จม ได้มาจากคู่ชิปในชีวิตจริง 

เป็นคู่ชิปในชีวิตจริงค่ะ จริงๆ ต้องแอบกระซิบบอกก่อนเลยว่า จริงๆ แล้วเมจในเรื่องนี้เป็นคนเกาหลี เป็นวงที่เอลชอบมากๆ แล้วพอเอลมาคิดว่าฟ้าฝนคนดีมันควรมีแฮชแท็กไว้เล่นกัน แล้วอยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาว่าเราใช้คำว่าเรือไหม แล้วมันก็กลายเป็น #ฟ้าฝนคนดีเรือนี้ต้องไม่จม มันเป็นคำที่คล้องขึ้นมาในตอนที่เขียนเลย 

"ร่ม" คือตัวขัดขวางความสัมพันธ์ พี่ฟ้าฝนจึงขโมยร่มน้องคนดี 

จริงๆ แล้วคือฟ้าฝนเป็นคนที่พอเขารู้สึกว่าเขาชอบใครแล้วเขาจะรุกเข้าไป แล้วในเมื่อคนดีเขาอ้างว่าผมมีร่มครับ ผมไม่อยากให้พี่ไปส่ง ผมเกรงใจพี่ พอฟ้าฝนเห็นว่าตัวขัดขวางเขาคือร่ม เขาก็เลยกำจัดมันด้วยการขโมยร่มคนดี แบบคิดว่าเอาไปซ่อนแล้วมาบอกคนดีว่าเดี๋ยวพี่ไปส่งนะ เพราะว่าร่มคนดีหายไปแล้ว แต่ปรากฏว่าคนดีดันมาเห็นก่อน เลยกลายเป็นฟ้าฝนโป๊ะแตกไปเลยค่ะ

ซีรีส์ “พี่ครับนั่นร่มผม” คือความฝันของนักเขียนคนหนึ่ง 

เราได้รับโอกาสที่ดีมากๆ สำหรับนักเขียนคนหนึ่งที่มีความฝันว่านิยายเราจะได้ทำซีรีส์ นาทีที่ได้ยินคือยิ่งกว่าความในใจทั้งชีวิตที่รวมมาเลยค่ะ 

นักแสดงจากซีรีส์คือคนที่ออกมาจากปกนิยาย

คือตอนไปแคสนักเแสดงเราค่อนข้างจะกังวลเนื่องจากเมจของเรื่องนี้เป็นคนเกาหลี การที่จะหาคนไทยที่มาแคสเป็นตัวละครนี้ค่อนข้างที่จะไม่ค่อยตรงกับอิมเมจที่เราคิดไว้ท่าไหร่ แต่ปรากฏว่านาทีแรกที่เราเจอเขาที่เดินเข้ามาแคส เราสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าเขาออกมาจากปกนิยายเรา เขาเป็นคนที่เราไม่คิดว่าจะเจอ โชคชะตาลิขิตให้เราได้มาเจอกันค่ะ 

เนื้อหาในซีรีส์กับนิยายต่างกัน ในซีรีส์จะมีบางฉากที่ถูกตัดออก และบางฉากที่เพิ่มเข้ามา

ไม่เชิงเหมือน 100% ค่ะ แต่ว่ามันจะมีบางฉากที่ถูกตัดออก และมันจะมีบางฉากที่เพิ่มเข้ามา ในซีรีส์เอลได้มีการช่วยคนเขียนบทในการดูว่าฉากไหนที่เราควรเพิ่ม มันจะมีดีเทลที่มันยิบย่อยที่ในนิยายไม่ได้เขียนเอาไว้ เราได้เอามาใส่ในซีรีส์เพื่อให้คนเห็นที่มาที่ไปของมันมากขึ้นค่ะ 


รูปภาพจากเพจ 
พี่ครับนั่นร่มผม เดอะ ซีรี่ส์ That's My Umbrella

เอลเปรียบพี่ครับนั่นร่มผมเป็น "ดวงอาทิตย์ตอนที่สายฝนกำลังตก" เพราะคล้ายความสัมพันธ์ที่คลุมเครือ

เอลรู้สึกว่ามันน่าจะเหมือนกับดวงอาทิตย์มั้ง ไม่ก็สายฝน ดวงอาทิตย์ตอนที่สายฝนกำลังตกค่ะ มันจะเป็นแสงอ่อนๆ มันจะเป็นละอองขึ้นมา ในระหว่างที่มันครึ้ม ความสัมพันธ์ที่คลุมเครือมันมีแสงอ่อนๆ ขึ้นมาเปิดทางให้เรามีความสุขมากขึ้น ให้เรารู้ว่าอีกไม่นานฝนจะตก อีกไม่นานทุกคนจะมีความสุขกับการได้อ่านนิยายเล่มนี้ค่ะ 

“พี่ครับนั่นร่มผม” คือนิยายที่ช่วยเยียวยาจิตใจ

เสน่ห์นิยายเรื่องนี้เอลคิดว่ามันคือ "ความฟิน" อย่างแรกเลย เรื่องนี้จริงๆ เอลไม่ได้วางว่าจะมีดราม่า เพราะเอลรู้สึกว่าเราต้องการเขียนนิยายที่มันฮีลลิ่งตัวเอง และฮีลลิ่งคนอ่าน ถ้าเราเขียนดราม่าชีวิตเราก็คงจะดราม่ามาเยอะแล้ว ทำไมเราไม่ลองเขียนนิยายที่เราอ่านแล้วเรายิ้ม ไม่ต้องมีอะไรมาก อ่านแล้วเราผ่อนคลาย อ่านแล้วเรารู้สึกว่ามันดีจริงๆ ที่เราอ่านอะไรสักเรื่องที่ช่วยเยียวยาเราในวันที่โหดร้ายของเราได้ค่ะ 

นักเขียนที่ดี ต้องมีระเบียบวินัย ต้องวางตัวดี และต้องมีนิยายที่ดี 

คำว่า "นักเขียน" สำหรับเอลคือบุคคลที่สามารถทำให้นิยายเรื่องหนึ่งมีชีวิตขึ้นมาได้ในแบบที่เราชอบค่ะ นักเขียนที่ดีอย่างแรกเลยคือเราต้องมีระเบียบวินัย เราต้องอัปนิยายทุกครั้งที่เราว่าง หรือไม่ก็ทุกครั้งที่เราอยากอัป สองคือเราต้องวางตัวดี การตอบเมนต์แฟนคลับเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เอลมีแฟนคลับมากขึ้น ทำให้เราได้ใกล้ชิดกับนักอ่านมากขึ้น ส่วนข้อที่สาม นิยายที่ดีคือมีภาษาและพล็อตเรื่องที่ดี เมื่อเราวางตรงนี้แน่น นิยายเราก็จะมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นค่ะ 

เขียนนิยาย 25 ตอนภายใน 1 อาทิตย์จบ เพราะตั้งเป้าหมายว่าเขียนจบจะให้รางวัลตัวเอง

ถ้าส่งสำนักพิมพ์เอลอาจจะดูเหมือนไม่ใช่คนนะคะ เพราะเอลสามารถเขียน 25 ตอนภายใน 1 อาทิตย์จบ เอลสามารถเขียนวันละ 40-60 หน้าได้ คือเอลเป็นคนที่อยู่บ้าน เป็นคนติดบ้านมากๆ พอมันมีที่เงียบๆ แล้วเรามีความสุขที่ได้เขียน มันสบายเรา เราก็จะเขียนของเราไปเรื่อยๆ พักกินข้าวทำอะไรเรื่อยเปื่อย มันเป็นเหมือนเป้าหมายของเราว่าถ้าเราจบเราก็จะมีรางวัลให้ตัวเองได้

วางพล็อตส่งสำนักพิมพ์ ต้องวางตั้งแแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าเขียนแบบด้นสดแค่มีต้น กลาง จบก็พอ

อย่างแรกเลยเอลแบ่งการวางพล็อตเรื่องเป็นสองแบบ หนึ่ง แบบส่งสำนักพิมพ์ กับสอง แบบเขียนตามใจฉัน ถ้าส่งสำนักพิมพ์เนี่ยเอลจะวางตั้งแแต่ต้นจนจบ คือวางแม้กระทั่งตอนๆ หนึ่งเอลก็ยังกำหนดว่ามันจะพูดอะไรกัน เขาจะพูดอะไรกัน บทพูดจะเป็นยังไง รายละเอียดยิบย่อย เพราะว่าการส่งสำนักพิมพ์ทุกที่มีมาตรฐาน เราก็ควรจะตอบโจทย์มาตรฐานที่เขาตั้งไว้ ส่วนในกรณีของการเขียนตามใจฉันเนี่ย เอลจะเขียนแค่ต้น กลาง จบ เขียนว่าเขาจะทำอะไรกัน เขาจะรักกันยังไง เขามีผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไง เอลขอปัจจัยแค่สามอย่างแค่นี้ มันได้ละนิยายเรื่องหนึ่งสำหรับการเขียนตามใจฉัน แล้วที่เหลือเราปล่อยให้ตัวละครเล่นกันไปเอง 

เอลชอบเขียนด้นสดเพราะเชื่อว่าเราเปลี่ยนความคิดได้ทุกวัน และตัวละครก็เปลี่ยนความคิดได้ในแต่ละฉาก การด้นสดทำให้เนื้อเรื่องสนุกอีกแบบ 

การด้นสดจริงๆ อาจจะไม่ใช่นิสัยที่ดีเท่าไหร่ การด้นสดเนี่ยเราไม่รู้เลยว่าข้างหน้าเราจะเจออะไร เราอาจจะหยุดชะงักเพราะเราเขียนไม่ได้ เราอาจจะลืมเนื้อเรื่อง สำหรับเอล เอลรู้สึกว่าเอลชอบการด้นสดเพราะว่ามันทำให้เนื้อเรื่องมันสนุก เราเปลี่ยนความคิดได้ในแต่ละวัน ตัวละครก็เปลี่ยนความคิดได้ในแต่ละฉากที่เราใส่เข้าไป เพราะงั้นการด้นสดมันไม่ใช่เรื่องแย่นะคะ มันอยู่ที่ว่าคุณจะด้นยังไงให้มันมีคุณภาพและเป็นไปอย่างที่สมควรจะเป็น ไม่ใช่ว่าด้นเพราะเราคิดไม่ออก ถ้าคิดไม่ออก หยุดก่อนอย่าเพิ่งด้น ด้นใช้กับคนที่วางเรื่องทั้งหมดไว้ในหัวแล้ว และคุณพร้อมที่เขียนมันออกมา 

ถ้าเขียนด้นสดแล้วออกทะเลให้เปิดปมขึ้นมาใหม่

มันค่อนข้างจะเป็นคำถามที่ยาก แทนที่ตะถามว่าด้นยังไงไม่ให้ออกนอกทะเล จะสอนว่าเมื่อออกทะเลแล้วจะพาเรือกลับเข้าฝั่งยังไง พอคุณออกทะเลไปทำยังไงก็ได้ให้นักอ่านไม่รู้ว่าคุณกำลังออกทะเล สำหรับเอลคือเอลจะเปิดปมใหม่ แล้วตีกลับเข้าหาปมเก่า ในระหว่างปมเก่าที่เราเขียนไว้มันต้องมีรายละเอียดยิบย่อยที่เราใส่เข้าไป และสามารถพลิกมากับปมใหม่ได้ มันจะเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้นิยายเราสนุกขึ้น

สำหรับเอลการเขียนนิยายคือ "ความสุข"

อย่างแรกเลยคือให้ความสุข จุดเริ่มต้นของนักเขียนทุกคนคือการอยากเขียนเพื่อปรับเปลี่ยนฉากที่เราไม่ชอบ เขียนในแบบที่เราอยากเขียน อยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะงั้นการเป็นนักเขียนมันเป็นยิ่งกว่าความสุขสำหรับเอล เพราะว่าทันทีที่เอลเขียน เอลรู้สึกว่าเอลเกิดมาเพื่อเป็นนักเขียนเลยค่ะ 

ถ้าเรารักในการเขียน เราจะมีข้ออ้างในการเขียนนิยายเสมอ 

แบ่งเวลายังไง.. เอลเรียนจิตวิทยา ม.ราม ปีหนึ่งค่ะ ด้วยตัวมหา'ลัยไม่ใช่ต้องไปเรียนทุกวัน หรือว่านานๆ หลายชั่วโมงค่ะ แล้วก็มีวิดีโอดูย้อนหลังได้ เอลก็เลยมีเวลาเขียนนิยายเยอะกว่าตอนที่เรียนมอปลาย แต่สำหรับคนที่เรียนอยู่ เรียนหนักมากๆ ก็คือต้องแบ่งเวลาค่ะ แบ่งเวลาอย่างเดียวเลย ถ้าคุณรักในการเขียนคุณจะมีข้ออ้างในการเขียนนิยายเสมอ 

ถ้าไม่ได้เป็นนักเขียน เอลอยากเป็นอะไร

คำถามนี้ยากมากอ่ะ เอาจริงๆ นาทีแรกที่ได้จับปากกาเขียนนิยายคือรู้แล้วว่าต้องเป็นนักเขียน 

เปิดขาย “พี่ครับนั่นร่มผม” ในระบบขายนิยายของเด็กดีช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ด้วย

เพราะว่าเอลได้รับโอกาสจากเด็กดีค่อนข้างเยอะ ทำให้เรามีฐานแฟนคลับที่มากขึ้น พอเด็กดีมีระบบนี้ขึ้นมามันก็ตอบโจทย์กับคนที่ไม่สามารถซื้อเล่มได้ สะดวกด้วยเพราะว่าเราสามารถอ่านได้ในมือถือ ที่เราพกพาไปไหนได้มากกว่าบางคนที่จะถือเป็นเล่มไป จริงๆ แล้วมีนักอ่านจากต่างประเทศค่อนข้างเยอะเลยที่อยากเก็บเล่มไว้ แต่ว่าเราไม่สามารถจัดส่งไปทางเมืองนอกได้ เราก็เลยได้ทำการเปิดตรงนี้ขึ้นมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของเรามากยิ่งขึ้น ให้เขาได้ซัพพอร์ตเรา เราก็ได้แบ่งปันรอยยิ้มให้กับเขาด้วย 

จากเอลถึงนักเขียนเด็กดี และแฟนๆ นักอ่าน 

พี่ครับนั่นร่มผมมีขายตาม B2S แล้วนะคะ (หัวเราะ) เอลจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้เลยถ้าเราไม่ได้โอกาสที่ดีจากทั้งนักอ่านแล้วก็ทีมงานที่คอยช่วยเหลือ ฝากถึงนักเขียนเด็กดีทุกๆ คนนะคะ ท้อได้ แต่อย่าถอย คุณเดินมาไกลมาแล้ว ขอให้มีความสุขกับมันเถอะค่ะ ความพยายามจะตอบแทนเราเสมอ เอลเองก็พยายามมามากเหมือนกันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะงั้นอย่าละทิ้งความพยายามค่ะ


โปรดติดตามเคล็ดลับนักเขียนแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ในเร็วๆ นี้ 

ยังไม่หมดแค่นี้แน่นอนค่ะ พี่แนนนี่เพนเพิ่งเปิดเผยเรื่องราวลับๆ ของเอลไปแค่นิดเดียวเท่านั้น ยังเหลือส่วนของเคล็ดลับที่นักเขียนหลายคนอยากให้พี่ไปล้วงความลับมาจากเอลอีกเยอะมากๆ เป็นไงกันบ้างคะกับตัวตนของเอลที่นักอ่านหลายๆ คนน่าจะเพิ่งรู้กัน แม้จะเป็นคำถามธรรมดาๆ แต่คำตอบที่เราได้รับกลับเหนือความคาดหมายเอามากๆ ใครจะรู้ว่าเอลเขียนด้นสดแล้วหาทางวกกลับมาเขียนตามพล็อตได้ด้วย จะมีกี่คนบนโลกนี้ที่เขียนนิยายได้ 25 ตอนใน 1 อาทิตย์ ทุกเรื่องราวเหล่านี้พี่เชื่อว่านอกจากจะสร้างแรงบันดาลใจให้นักเขียนชาวเด็กดีแล้ว ยังทำให้นักอ่านได้เห็นถึงความพยายามและความใส่ใจของเอลที่มีต่อนักอ่านมากขึ้นด้วย แล้วพบกันเร็วๆ นี้ค่ะ

พี่แนนนี่เพน 

หน่วยกล้าวาย นักเขียนที่กล้าเริ่มต้นจากศูนย์อีกครั้ง! เพราะอยากให้คนรู้จัก 'เกม'
 

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด