อยากเป็นนักเขียนต้องรู้! อย่าปล่อยให้ความล้มเหลวปกป้องคุณจากความสำเร็จ

อยากเป็นนักเขียนต้องรู้!
อย่าปล่อยให้ความล้มเหลว
ปกป้องคุณจากความสำเร็จ

สวัสดีน้องๆ นักเขียนชาวเด็กดีทุกคนค่ะ ใครที่กำลังเขียนนิยายอยู่ตอนนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว ไปต่อไม่ได้ เขียนไม่จบสักที ไม่มีคนอ่านเลย.. พี่แนนนี่เพนมีคำแนะนำดีๆ มาฝากในบทความนี้ค่ะ แต่ก่อนอื่นพี่อยากให้นักอยากเขียนทุกคน ลองถามตัวเองดูว่า "เรานิยามคำว่าล้มเหลวไว้อย่างไร" แล้ว "ความสำเร็จที่เราหวังไว้เป็นแบบไหน" หากตอบสองคำถามนี้ได้แล้ว เราจะเห็นเป้าหมายของเราในเส้นทางนักเขียนชัดเจนมากขึ้น.. เมื่อทบทวนแล้วเราอาจจะเขียนแค่เพราะเราชอบ เราอยากจะมีหนังสือสักเล่มกับสำนักพิมพ์ หรืออาจจะเขียนเพราะต้องการสร้างรายได้ก็ได้ ไม่มีคำตอบไหนถูกหรือผิด เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ทำให้เราไปไม่ถึงฝั่งฝันก็คือ "ระหว่างทาง" นั่นเอง เรามาดูกันดีกว่าว่าตอนนี้ เราติดอะไรอยู่ ทำไมถึงยังอยู่ตรงนี้ และรู้สึกว่ากำลังล้มเหลว

ทำไมเราถึงรู้สึกล้มเหลว? 

ถ้านิยามคำว่าล้มเหลวคือการไม่สบความสำเร็จ แล้วระหว่างทางที่เราพยายามดั้นด้นมาจะมีความหมายอะไร ถ้าเราเหมารวมความพยายามของเราทั้งหมดว่านี่คือความไม่สำเร็จ.. การที่เราอยากเป็นนักเขียนนิยายสักเรื่องหนึ่ง มีแฟนๆ นักอ่านคอยติดตามผลงานของเราต่อไปเรื่อยๆ ก็ถือเป็นเป้าหมายที่เกิดขึ้นได้จริง แต่ที่นักเขียนส่วนใหญ่รู้สึกล้มเหลว ก็เพราะเป้าหมายที่เราตั้งไว้เต็มไปด้วย "ความคาดหวัง" นั่นเอง เราหวังว่าจะมีคนมาอ่านนิยายเราเยอะๆ หวังว่าจะมีแต่คอมเมนต์ชื่นชม และอาจจะหวังว่านิยายของเราต้องเป็นนิยายขายดี สิ่งเหล่านี้คือความคาดหวังที่ท้ายที่สุดมันไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ เราจึงโยนความผิดหวังทั้งหมดให้เป็นความผิดของความล้มเหลว โดยไม่สนใจเลยว่า ระหว่างทางที่เราพยายามกว่าจะเขียนได้แต่ละตอนนั้น เต็มไปด้วยความยากลำบาก และเป็นสิ่งที่เราภูมิใจมากแค่ไหนกว่าจะเขียนออกมาได้แต่ละตอน เราลืมมันไปหมดเลย และรู้สึกแค่ว่านิยายเรื่องนี้เราล้มเหลว ต้องหยุดเขียน และถอยออกมาให้ห่าง เพื่อหลีกเลี่ยงคำว่าล้มเหลวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต.. นี่คือความล้มเหลวที่คุณรู้สึกอยู่รึเปล่า?

เราหลีกเลี่ยงความล้มเหลวได้ไหม?

พี่เคยอ่านบทความหนึ่งเขาบอกว่า "ไม่มีใครหลีกเลี่ยงความล้มเหลวได้ เพราะความล้มเหลวคือส่วนหนึ่งของชีวิต" ตอนนั้นที่อ่านพี่ก็รู้สึกว่าไม่จริง เราเลี่ยงได้ ถ้าเรารู้ว่าเราทำสิ่งนี้อยู่แล้วจะล้มเหลว เราก็แค่เลี่ยงมันไปก็พอ แต่ความจริงแล้ว การที่เรารู้แล้วพยายามเลี่ยงนั่นแหละ เป็นการยอมแพ้ต่อความสำเร็จที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดเมื่อรู้ตัวว่างานเขียนของเราอาจจะล้มเหลวคือเราต้องพยายามหาทางแก้ไข เขียนต่อไปให้จบ และมองดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นด้วยใจที่เปิดกว้าง พินิจวิเคราะห์ดูว่าตั้งแต่ต้นจนจบ เราพลาดตรงไหน เราเขียนด้นสด เขียนออกนอกทะเล หรือหมดไฟเพราะอะไร ให้มองผลงานของเราเหมือนว่าเรากำลังเล่นเกมมาริโอ้อยู่ แม้ต้องเจออุปสรรคซ้ำๆ ต้องตายที่เดิมบ่อยๆ แต่ท้ายที่สุดเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะหาวิธีผ่านมันไปให้ได้เพื่อไปยังด่านต่อไป เช่นเดียวกับการเขียนนิยายถ้าเรารู้สึกเขียนบรรยายออกมาได้ไม่ดี เราหาวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง ถ้าเราเขียนต่อไปไม่ได้ รู้สึกตัน เราได้หาทางแก้ไขแล้วหรือยัง.. ถ้ารู้ปัญหาแต่ไม่คิดหาวิธีแก้ไข ท้ายที่สุดเราก็จะกลับมาเจอปัญหาเดิมซ้ำๆ ไม่จบไม่สิ้น ถ้าคิดจะหลีกเลี่ยง ก็ต้องทำเลี่ยงตลอดไป แล้วเมื่อไหร่เราจะผ่านปัญหานี้ไปได้ล่ะ 


Photo by Nathan Dumlao on Unsplash

เราเผชิญหน้ากับความล้มเหลวเพื่ออะไร?

ทำไมเราต้องล้มเหลว? เพราะความล้มเหลวเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเห็นภาพความสำเร็จชัดเจนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าเทียบการเขียนนิยายกับการวาดภาพ ทั้งสองอาชีพนี้เหมือนกันตรงที่จินตนาการกับการเล่าเรื่อง นักเขียนเล่าเรื่องผ่านตัวอักษร ส่วนนักวาดเล่าเรื่องผ่านการวาดรูป ใจความสำคัญคือ ทั้งสองอาชีพนี้จะเล่าเรื่องออกมาอย่างไรให้ตรงกับภาพที่มีในจินตนาการ สมมติว่านักวาดภาพมือใหม่อยากจะวาดรูปฉลามที่ดุร้าย แต่เขาวาดอยู่หลายรูป ฉลามก็ยังดูไม่ดุร้ายจากที่จินตนาการเอาไว้ ภาพในหัวกับที่วาดออกมาไม่ตรงกัน ถือเป็นความล้มเหลวได้หรือไม่ 

บทเรียนจากนักวาดฝึกหัดคนนี้ สอนให้รู้ว่าทุกคนมักมีก้าวแรก การจะวาดรูปออกมาให้ตรงกับที่ใจต้องการที่สุด สิ่งสำคัญไม่ได้มีแค่ความชอบ ต้องอาศัยการฝึกฝน ทดลองเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ว่าทำไมถึงยังวาดไม่ดีพอ ความล้มเหลวไม่ใช่จุดสิ้นสุด เราไม่จำเป็นต้องอายหากนิยายเรื่องแรกของเรามีคนอ่านไม่ถึงสิบคน ไม่มีคอมเมนต์ให้เราอ่าน หรือนิยายของเราไม่ได้ตีพิมพ์เป็นเล่ม.. ถ้าคุณเรียกสิ่งเหล่านี้ว่าความล้มเหลว ขอให้คุณจงเขียนสิ่งที่คุณเรียกว่าความล้มเหลวต่อไปเรื่อยๆ อย่าหยุดเขียน ระหว่างที่เขียนก็เรียนรู้ไปด้วยว่าคุณล้มเหลวเพราะอะไร เผชิญหน้ากับมันตราบเท่าที่คุณไม่หยุดเขียน แล้วคุณจะเห็นเองว่าทุกความล้มเหลวได้สอนและให้บทเรียนอะไรกับคุณบ้าง.. 


Photo by Clever Visuals on Unsplash

เราต้องสู้กับความล้มเหลวอย่างไร? 

คำแนะนำคือ "เขียนต่อไปและเรียนรู้เคล็ดลับจากความล้มเหลว" เราต้องใช้โอกาสอันดีที่เราเข้าใจตรงกันแล้วว่าความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว และน่ายอมแพ้ ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ว่าเราล้มเหลวเพราะอะไร ถ้าเป็นเรื่องของเวลา หากคุณบอกว่าคุณไม่มีเวลาเขียนนิยายเลย นั่นเท่ากับคุณสูญเสียเครื่องมือสำคัญในการเขียนไปแล้ว ซึ่งตรงกับสิ่งที่สตีเฟ่น คิง เคยกล่าวไว้ว่า "If you don’t have time to read, you don’t have the time (or the tools) to write" นักเขียนส่วนใหญ่เริ่มต้นมาจากการอ่าน ขณะเดียวกันหากเรามีเวลาอ่านแต่ไม่มีเวลาเขียน มันบ่งบอกได้ว่าเราอาจจะยังไม่พร้อมเข้าสู่เส้นทางนักเขียน ดังนั้น อันดับแรกเราต้อง "แบ่งเวลาเขียนนิยาย" และจัดอันดับความสำคัญ เราอาจจะให้เวลาเขียนนิยายอยู่ในอันดับสุดท้ายก็ได้ เพราะอย่างน้อยเราก็ยังมีเวลาเขียน 

ต่อมาให้เรา "แบ่งเวลาอ่านหนังสือ" การอ่านช่วยให้นักเขียนเรียนรู้ภาษา เทคนิค และเก็บสะสมคลังคำได้มากขึ้น เมื่อเราอ่านหนังสือหลายๆ แนว ไม่จำเป็นต้องอ่านเฉพาะนิยาย ความชอบของเราจะชี้นำเองว่าเราเหมาะกับการเขียนแนวไหน และเราชอบอ่านอะไร สิ่งเหล่านี้จะทำให้การเป็นนักเขียนง่ายขึ้น เราจะหาตัวเองเจอ และเรียนรู้ว่าตัวเราเหมาะกับอะไรที่สุด 

คำแนะนำสุดท้าย "แบ่งเวลาไปใช้ชีวิต" ซะบ้าง ถ้าเรามุ่งมั่นกับการเขียนนิยายอย่างเดียวจนลืมหาประสบการณ์อย่างอื่นไปด้วย เราจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากการเขียน ไม่ใช่ว่าการพยายามฝึกฝนฝีมือนั้นไม่ดี แต่การได้ออกไปใช้ชีวิต ได้พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นต่อกัน ถือเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากที่สุด ถ้าเราทำทั้งสามสิ่งนี้ได้ และทำเป็นประจำ เราจะพบว่าแท้จริงแล้วความล้มเหลวเป็นเพียงช่วงเวลาของการเรียนรู้เท่านั้น ไม่มีใครล้มเหลวตลอดชีวิตแน่นอนค่ะ

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าอะไรคือความล้มเหลวในการเขียนนิยาย "จงใช้ชีวิตแบบเกมมาริโอ้ซะ" พามาริโอ้วิ่งเก็บเห็ดไปเรื่อยๆ แล้วคุณจะรู้ว่าคำว่า "เกมโอเวอร์" เป็นเพียงความล้มเหลวที่เราต้องเจอจนชินชา และอยู่เป็นเพื่อนกับเราไปอีกนาน ตราบเท่าที่เรายังสนใจว่าด่านต่อไปจะมีอะไรรออยู่ เช่นเดียวกันถ้าเราเขียนนิยายแล้วไปต่อไม่ได้ ให้คิดเสียว่ามันเป็นอุปสรรคที่นักเขียนทุกคนต้องเจอ ไม่มีใครไม่เจอปัญหานี้ แล้วเราก็แค่หาวิธีแก้และผ่านมันไปให้ได้ เขียนให้จบ แล้วจะพบว่าความสำเร็จจริงๆ มีค่ามากแค่ไหน ขอแค่คุณผ่านความรู้สึกล้มเหลวเหล่านี้ไปให้ได้ สู้ๆ นะคะ พี่เป็นกำลังใจให้ทุกคนเสมอ ^^ 

พี่แนนนี่เพน

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

sarassawadee Member 14 มิ.ย. 62 14:30 น. 4

บทความดีมากเลยค่ะ อ่านและทำความเข้าใจกับตัวเองอย่างถ่องแท้ หากมุ่งมั่นจะเป็นนักเขียน คำว่าท้อเกิดขึ้นเสมอ แต่ประตูมีหลายบานยังไงก็ไม่ถึงทางตัน เพียงแค่ไม่ถอดใจ ความสำเร็จอยู่ที่ใจเรา แข่งกับตัวเองมิต้องแข่งกับใคร

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
NUMAI-13 Member 21 มิ.ย. 62 15:32 น. 6

ช่วงแรกที่เขียนแล้วท้อเพราะไม่มีคนอ่านค่ะ


แต่หลังๆ พอตั้งโจทย์ว่าเรื่องนี้จะเขียนขึ้นเพื่ออะไร

ความรู้สึกท้อมันก็ลดลง.. เว้นแต่จะเกิดจากเหตุปัจจัยบางอย่าง

1
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
sarassawadee Member 14 มิ.ย. 62 14:30 น. 4

บทความดีมากเลยค่ะ อ่านและทำความเข้าใจกับตัวเองอย่างถ่องแท้ หากมุ่งมั่นจะเป็นนักเขียน คำว่าท้อเกิดขึ้นเสมอ แต่ประตูมีหลายบานยังไงก็ไม่ถึงทางตัน เพียงแค่ไม่ถอดใจ ความสำเร็จอยู่ที่ใจเรา แข่งกับตัวเองมิต้องแข่งกับใคร

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
NUMAI-13 Member 21 มิ.ย. 62 15:32 น. 6

ช่วงแรกที่เขียนแล้วท้อเพราะไม่มีคนอ่านค่ะ


แต่หลังๆ พอตั้งโจทย์ว่าเรื่องนี้จะเขียนขึ้นเพื่ออะไร

ความรู้สึกท้อมันก็ลดลง.. เว้นแต่จะเกิดจากเหตุปัจจัยบางอย่าง

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด