โคจรมาพบกับ peachhplease เจ้าของนิยายวายล้านวิว! พร้อมรีวิวที่มานิยายแบบเอ็กซ์คลูซีฟ

  • มะเหมี่ยว หรือ peachhplease คือนักเขียนนิยายวายแนวฟีลกู๊ด เจ้าของผลงานเรื่อง แล้วแต่ดาว, ขั้วฟ้าของผม, อรุณสวัสดิ์จัสมิน, แค่ที่แกง, นมตราหมีดีที่สุด และ this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. 
  • นิยายวายเรื่อง แล้วแต่ดาว และ ขั้วฟ้าของผม มียอดวิวเกิน 1 ล้านวิว!
  • นิยายของ peachhplease เขียนขึ้นมาจากความคิดถึง โดยทุกเรื่องเขียนจบภายใน 1 เดือน และเรื่องขั้วฟ้าของผม เป็นเรื่องที่เขียนจบเร็วที่สุดใช้เวลาเพียง 14 วัน 
  • เพลง โคจร ของ Warin คือตัวตนของ peachhplease และนิยายของเธอ
     
..........

          สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน ใครที่สิงอยู่ในหมวดนิยายวายบ่อยๆ ต้องเคยคลิกเข้าไปอ่านนิยายของ peachhplease กันอย่างน้อยสองเรื่องเป็นอย่างต่ำแน่นอน ทำไมต้องเคยเข้าไปอ่านด้วยล่ะ!? ก็เพราะนิยายของนักเขียนสาวคนนี้หากใครเคยอ่านเรื่องแรกแล้วล่ะก็เรื่องต่อๆ ไปแค่เห็นว่าเป็นฝีมือการเขียนของ peachhplease ก็มั่นใจได้ระดับหนึ่งเลยว่าภาษาต้องดี อ่านแล้วไม่ผิดหวังแน่ๆ  นอกจากนี้ พล็อตของนิยายก็เป็นเรื่องที่เราจับต้องได้ เป็นชีวิตวัยรุ่นที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของเพื่อนและความรัก แม้จะดูเป็นพล็อตธรรมดาๆ แต่รับรองได้เลยว่าอ่านแล้วอินไปกับชีวิตวัยรุ่นได้แน่นอน 

          เมื่อมีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับมะเหมี่ยว หรือ peachhplease พี่เลยถือโอกาสถามถึงที่มาของผลงานที่นักอ่านชาวเด็กดีน่าจะรู้จัก และคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีได้แก่ แล้วแต่ดาว, ขั้วฟ้าของผม, อรุณสวัสดิ์จัสมิน, แค่ที่แกง, นมตราหมีดีที่สุด และเรื่องล่าสุดอย่าง this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. เชื่อว่าน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคนจะรับรู้ถึงตัวตนของ peachhplease ผ่านผลงานนิยายเหล่านี้ได้อย่างแน่นอน เพราะทุกเรื่องที่เธอเขียนล้วนเต็มไปด้วยความสนุกของชีวิตวัยรุ่น ทำให้บางห้วงเวลาที่ได้อ่าน เหมือนเราย้อนกลับอยู่ในช่วงชีวิตนั้นอีกครั้งราวกับฝันไป.. และเมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์นี้จนจบ จะต้องคิดเหมือนกันแน่ๆ ว่า สมกับเป็นตัวเธอ สมกับเป็นนิยายของเธอจริงๆ !!
 

peachhplease = ขอพีชหน่อยจ้าพี่ๆ 

          สวัสดีค่ะ มะเหมี่ยวนะคะ นามปากกา peachhplease ค่ะ ปีนี้ก็อายุยี่สิบสี่แล้วค่ะ ตอนนี้กำลังช่วยคุณแม่ปลูกอะโวคาโด้ที่บ้านค่ะ นอกนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษ ผลงานที่ผ่านมาถ้าเริ่มตั้งแต่เรื่องแรกที่เขียนวายไทยจริงจังเลยก็คือแล้วแต่ดาวค่ะ ไล่มาเป็นขั้วฟ้าของผม อรุณสวัสดิ์จัสมิน แค่ที่แกง นมตราหมีดีที่สุด แล้วก็เรื่องล่าสุดคือ this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. ค่ะ 

          เราเริ่มเขียนนิยายตอนมัธยมต้นปีสุดท้ายค่ะ (มอสามนั่นเอง) จำได้แม่นเลย เราเขียนเพราะว่าตอนนั้นเรื่องแบบที่เราอยากอ่านมันไม่มี แล้วตอนที่เราเริ่มเขียน เราเริ่มจากการเขียนฟิคก่อนค่ะ เพิ่งขยับมาเขียนวายไทยเมื่อประมาณสองปีก่อนนี่เอง ส่วนนามปากกา peachhplease ไม่มีอะไรพิเศษเลย 55555555 คือเราชอบพีชค่ะ ชอบกลิ่นชอบทาน แล้วจะให้ peachh เราว่ามันไม่ค่อยเท่ค่ะ เลยแอด please ที่ฟังดูคล้ายๆ กันไปอีกคำหนึ่ง รวมๆ แล้วก็แปลได้ตลกๆ ว่า ขอพีชหน่อยจ้าพี่ๆ 
 

จากนิยายเรื่องสั้นสู่นิยายเรื่องยาว

          เรื่องแรกที่เขียน..เราจำชื่อเรื่องได้แต่จำเนื้อหาไม่ค่อยได้แล้วค่ะ เราเริ่มเขียนจากเรื่องสั้นค่ะ แต่ก่อนเราเขียนเรื่องสั้นรวมๆ แล้วสี่สิบเกือบห้าสิบเรื่องเลย เขียนเรื่องยาวอยู่แค่ไม่กี่เรื่องเพราะเราเป็นคนสมาธิสั้นแล้วก็ขี้เบื่อค่ะ อยู่กับอะไรนานๆ ไม่ค่อยได้ ทีนี้เราอยากจะแก้ข้อเสียตรงนี้ของตัวเอง เราเลยเริ่มเขียนเรื่องยาวมากขึ้น กลายเป็นว่าปัจจุบันไม่ได้เขียนเรื่องสั้นอีกเลยกลายเป็นคนไม่มีตรงกลางเฉยเลย แหะ ส่วนเรื่องผลตอบรับ ถ้าจำไม่ผิด ก็ไม่แย่นะคะ เรามองว่า สำหรับตัวเราตอนนั้น แค่คอมเมนต์เดียวหรือสองคอมเมนต์ก็เป็นเกียรติมากๆ แล้ว 
 

Come out จาก Comfort Zone เพื่อเขียนนิยายวาย

          จริงๆ เราเพิ่งจะเริ่มเขียนวายได้แค่สองปีเองค่ะ จุดที่ทำให้เริ่มมาจับงานวายเพราะเราอยากจะครีเอทอะไรที่มันมีความเป็นเรามากขึ้น อยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูค่ะ จริงๆ เราเป็นคนที่ค่อนข้างจะ Introvert มากๆ เราเป็นคนขี้กังวล ค่อนข้างแพนิกง่ายค่ะ ใช้เวลานานเหมือนกันกว่าจะตัดสินใจออกมาเขียนวาย 
 

นิยายวาย คือ มุมมอง ศิลปะ และความรัก

          ส่วนตัว เราคิดว่าเสน่ห์ของนิยายวายคือมุมมองค่ะ คือจริงๆ เราเป็นคนที่คิดมาตลอดว่า love is love and that’s it. รักมันก็แค่รัก แค่รักก็ยากแล้ว เราคงไม่ต้องมาจมจ่อมหรือระบุต่ออีกว่าเรารักคนนี้ได้จริงๆ เหรอ คนที่เป็นผู้หญิงเหมือนเราหรือคนที่เป็นผู้ชายเหมือนกับเรา เราว่ารักมันเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากมาก และเรารู้สึกว่านิยายวายถ่ายทอดความรักระหว่างคนสองคนที่เป็นผู้ชายออกมาได้ aesthetic ที่สุด มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่คนเขียนบรรจงสร้างขึ้น เราสามารถเปลี่ยนมุมมองของคนหนึ่งคนได้ด้วยศิลปะตรงนี้ และทำให้เขารู้สึกได้กับตัวเองจริงๆ ว่า เรื่องราวของความรัก มันไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเท่านั้น มันเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนและมันสวยงามในแบบของมันเสมอค่ะ
 

เขียนนิยายด้วยความคิดถึง เขียนให้จบได้ภายใน 1 เดือน!

          ตอนที่เราเด็กกว่านี้เราจะชอบมองอะไรไกลตัวค่ะ เราแทบจะไม่หยิบเรื่องใกล้ตัวมาเขียน จนจุดหนึ่งที่เราอยู่ตัวแล้ว จุดที่เรารู้ว่าความธรรมดามันพิเศษที่สุดแล้ว เราเลยหยิบเรื่องที่ง่ายที่สุด ที่ทุกคนเข้าใจ และเข้าถึงมันได้อยู่แล้วมาเขียนค่ะ ดังนั้นเนื้อเรื่องมันจะธรรมดาขึ้นเรื่อยๆ เป็นเรื่องของคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีเพื่อน มีความรัก มีชีวิตและสวยงามในแบบของตัวเองค่ะ 

          ไอเดียส่วนใหญ่ เราว่ามันอาจจะฟังดูเลี่ยนแต่เราเขียนทุกอย่างจากความคิดถึงค่ะ มันเป็นความคำนึงหรือคิดถึงสถานที่ ผู้คน รูป รส กลิ่น เสียงและสีเสมอ เรามีสีให้นิยายทุกเรื่องของเราเลยก็ว่าได้ค่ะ ส่วนระยะเวลาในการเขียนนิยายแต่ละเรื่อง เราไม่เคยเขียนเกินหนึ่งเดือนค่ะ (อันนี้คือในส่วนของเรื่องที่เขียนแล้วจบนะคะ) คือเราเป็นพวกที่ถ้าเขียนได้ก็จะพรั่งพรูออกมาจนหมดเลย เราจะนั่งจมกับมันถึงตีสี่ หลับๆ ตื่นๆ เพราะเรื่องในหัวมันจบไปแล้วแต่ร่างกายเรามันพิมพ์ไหวถึงแค่นี้ เราตื่นแต่เช้ามาพิมพ์ต่อค่ะ จนมันจบ อย่างเรื่องขั้วฟ้าของผม เราแต่งอยู่ประมาณ 14 วันค่ะ ตราหมีกับพี่ลุงรู้สึกจะ 17 วัน ส่วนเรื่องล่าสุด ชินตะกับหมอเอย แต่งอยู่ประมาณ 15 วันค่ะ พอแต่งจบเราจะดาวน์มากๆ เพราะเราแบกความเข้าใจในแง่มุมต่างๆ ของตัวละครไว้เยอะ ก็จะหมดแรงไปเลยค่ะ rest ยาวๆ อาจจะสองหรือสามเดือนเลยกว่าจะเอาตัวเองขึ้นมาใหม่ได้
 

รีวิวที่มานิยายจาก peachhplease แบบเอ็กซ์คลูซีฟ

แล้วแต่ดาว = คิดถึงคนที่เคยแอบชอบ

          แล้วแต่ดาวเป็นวายเรื่องแรกเลยค่ะที่เราเขียน ตอนที่เขียนเราฝึกสอนอยู่ค่ะ ตอนนั้นเราคิดถึงชีวิตที่คาบเกี่ยวกันระหว่างมัธยมปลายปีสุดท้ายกับการเข้ามาเป็นเฟรชชี่ในมหาลัยปีแรก มันเป็นความรู้สึกที่เราคิดถึงคนที่เราเคยแอบชอบตอนเราอยู่มัธยม มันเป็นความรู้สึกแบบที่ถึงวันนี้เราอาจจะมีคนข้างๆ แล้วแต่การนึกถึงเขา มันทำให้เราใจเต้นแรงเพราะรักครั้งแรก มันเป็นอะไรที่น่าจดจำเสมอค่ะ เราค่อนข้างจะเอาเรื่องในมหาลัยที่ตัวเองเรียนมาใส่ค่อนข้างเยอะค่ะ ชื่อรุ่นพี่บางคนก็เป็นรุ่นพี่ในเอกเราที่มีคาแรคเตอร์แบบนั้นจริงๆ 55555555555 ซึ่งคาบคลื่นกับดาวเหนือก็เป็นตัวละครที่เรารักมากจริงๆ เพราะเราเลือกชื่อทุกๆ คนในเรื่องอย่างตั้งใจมากๆ ค่ะ ด้วยความที่เราเรียนสายวิทย์มาทั้งมัธยมและมหาวิทยาลัยเลย จะพูดว่าแล้วแต่ดาวเป็นงานที่เราเขียนแล้วมีความสุขที่สุดก็ว่าได้ค่ะ


 

ขั้วฟ้าของผม = จากเรื่องของเพื่อนกลายเป็นเรื่องของเรา

          เรื่องนี้เราได้ไอเดียมาจากเพื่อนสนิทสองคนที่ไปเป็นครูอาสาที่อมก๋อยค่ะ เป็นเพื่อนที่เราสนิทที่สุดในชีวิตเลย เราเลยรู้ดีเทลค่อนข้างเยอะเพราะเพื่อนมาเล่าสู่กันฟัง โมเม้นน่ารักๆ อะไรตลกๆ แบบนี้ก็ได้เพื่อนช่วยมาอีกที อีกอย่างเชียงใหม่ไม่ได้ไกลจากน่านมาก(เราเป็นคนจังหวัดน่านค่ะ) เราเลยอยากนำเสนอความเป็นคนเหนือตรงนี้คิดว่าน่ารักดีค่ะ ให้มันตัดกำลังความขั้วฟ้าลงไปบ้าง 555555555555 


 

good morning, jasmine = เขียนยากที่สุดแต่ชอบเรื่องนี้มากที่สุด

          ถ้าจะให้พูดตรงๆ good morning, jasmine เป็นนิยายที่เขียนยากที่สุดแต่เรากลับชอบนิยายเรื่องนี้มากที่สุดตั้งแต่เคยเขียนมา เพราะเรารู้กับตัวเองว่า มันได้ทำอะไรกับใจเราไปบ้าง เราค่อนข้างทำงานหนักค่ะในการหาข้อมูล เพราะตงจื้อกับจัสมินต่างกันมาก ลูกคนสุดท้องกับลูกคนเดียวที่ค่อนข้างแตกสลายมาเจอกัน คนที่ไม่เหมือนกันเลย เป็นคนละสีกันไปเลยก็เลยค่อยข้างยากค่ะที่จะทำให้มันออกมากลมกล่อม อีกอย่างเรื่องนี้จะมีประเด็นเกี่ยวกับครอบครัวและการพูดถึงการ come out ของตัวละครที่มันเฟลค่อนข้างเยอะค่ะ เราว่ามันละเอียดอ่อนมากเพราะทุกอย่างในเรื่องมีความขัดแย้งกันให้เห็นตลอดเวลา แล้วเราก็รักจัสมินเอาซะมากๆ เลย แง 


 

แค่ที่แกง = ความทรงจำที่ดีที่สุด

          เรื่องนี้เรารวมหัวกันกับเพื่อนสนิทที่ไปฝึกสอนโรงเรียนเดียวกันแต่คนละเทอมช่วยกันคิดค่ะ เป็นโรงเรียนที่เจ้าหมูเรียนเลยค่ะ ชายล้วน คลองผดุง สนามหญ้าเทียม มันเป็นอะไรที่เราคิดถึงอยู่ตลอดเวลาจริงๆ เพราะการฝึกสอนที่นี่เป็นหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดของเราเลย ร้านข้าวแกงก็มีจริงๆ น้ำใบเตยที่ขายแค่วันเดียวในหนึ่งอาทิตย์ก็มีจริงๆ ค่ะ แล้วก็เรื่องนี้เราได้เพื่อนคอยอุดรอยรั่วต่างๆ ในพล็อตให้ชื่อตัวละครก็ให้เพื่อนช่วยเลือกค่ะ ขอพื้นที่ขอบคุณเต้ตรงนี้นะคะ รักเต้นะ


 

#นมตราหมีดีที่สุด = ไม่มีอะไรยากเกินจะก้าวผ่าน

          สำหรับนมตราหมีนี่แทบไม่มีอะไรซับซ้อนเลยค่ะ เราแค่อยากเขียนคาบคลื่นอีกเวอร์ชั่นที่โตและปากแข็งกว่ามากๆ ให้มาเจอกับใครก็ได้ที่ดื้อและเอาแต่ใจที่สุด 5555555555555 ที่สำคัญเลยคือเราคิดถึงชีวิตตอนสิบเจ็ดของตัวเองที่มันยากพิกลจนอยากให้ทุกๆ คนอ่านแล้วได้นึกย้อนถึงสิบเจ็ดของตัวเองว่ามันยากแค่ไหน และคิดได้กับตัวเองว่าขนาดมันยากเท่านั้น เรายังผ่านมันมาได้ต่อจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็จะผ่านมันไปให้ได้เหมือนกันค่ะ แต่สำหรับใครที่อายุยังไม่ถึงสิบเจ็ด ก็อยากให้โอบกอดวัยเยาว์ของตัวเองเอาไว้แต่ในขณะเดียวกันก็อยากให้มีความกล้ามากพอที่จะปล่อยมือออกเพื่อเติบโตขึ้นเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิมค่ะ


 

this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. = นิยายหรือวิจัย!?

          อย่างที่บอกไปว่าเราเรียนสายวิทย์มาค่ะ ตอนเรียนปีสี่ เราก็ได้ทำโปรเจค ต้องตีพิมพ์เปเปอร์ออกมา ชื่อเรื่องยาวเหยียดเลยแล้วก็คิดว่ามันเท่ดีค่ะ อยากมีนิยายชื่อยาวๆ เหมือนเปเปอร์บ้าง 55555555 ก็เลยทำลงไป นิยายก็จะเหมือนเปเปอร์ทางวิทยาศาสตร์เลยค่ะ มี introdution มี methodology, results, discussion, conclusion ถ้าสังเกตกันจะเห็นว่าเรา introduce มาตั้งแต่ตอนแรกแล้วว่าชินตะไม่มีหัวใจ จากนั้นเรามีเอยเข้ามาเป็น method มีความรู้สึกต่างๆ เข้ามาเป็นตัวแปร จนมันได้ผลการทดลองออกมาจนเราต้องมานั่งถกเถียงกันถึงจุดนั้นจุดนี้แล้วได้งานวิจัยดีๆ ออกมาชิ้นนึง สำหรับเรื่องนี้มันจะยากกับคนอ่านที่จะต้องมาเข้าใจเหตุผลของตัวละครที่อาจขัดกับตรรกะของบางคนไปบ้าง แต่ everyone can make choice ดังนั้นผลมันก็เลยเป็นไปตามตรรกะของตัวละคร ซึ่งเราก็ดีใจที่ได้เห็นว่าคนอ่านแสดงความเห็นในแง่มุมของตัวเองออกมาอย่างสร้างสรรค์ค่ะ 
 

ผลตอบรับค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับงานเก่าของตัวเอง

          ผลตอบรับค่อนข้างดีมาเสมอเลยค่ะจากคนอ่าน คือต้องบอกก่อนว่าตัวเราเองไม่ได้คาดหวังกับกระแสหรือผลตอบรับอะไรเท่าไหร่แต่ที่บอกว่าดีได้คือเราก็เทียบกับงานเก่าๆ ของเราที่เคยลงมา จริงๆ เราแค่อยากถ่ายทอดงานตรงนี้เพราะเรามองมันเป็นศิลปะ มองมันเป็นการ shout out เป็นการส่งสารในใจผ่านไปทางตัวหนังสือ แค่มีคนอ่านแล้วเข้าใจสิ่งที่ต้องการจะสื่อ เราก็ดีใจมากๆ แล้วค่ะ ส่วนนิยายแนวอื่นๆ เราไม่ได้แพลนไว้เลย ที่คิดๆ ไว้คืออยากเขียนคอลัมน์คือเรื่องสั้นเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตมากกว่าค่ะ อ๋อ! แล้วก็อีกอย่างเลยคือเราชอบเขียน poem ค่ะ ถ้าใครซื้อเล่มขั้วฟ้าหรือจัสมินไปจะเห็นว่ามี poem ภาษาอังกฤษอยู่ก่อนเข้าเรื่อง อันนั้นเราก็เขียนเองค่ะ แหะๆ ยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่แต่จะพยายามพัฒนาไปเรื่อยๆ นะคะ
 

พอโตขึ้นเราจะคาดหวังกับเรื่องต่างๆ น้อยลง

          ถ้าจะให้พูดตามตรง เราไม่เคยกดดันเรื่องที่ว่าต้องเขียนให้ดีขึ้นหรือกลัวคนอ่านหายไปเลยค่ะ ประเด็นแรกคือพอโตขึ้น เราจะคาดหวังกับเรื่องต่างๆ น้อยลงมากค่ะ ด้วยความที่เราเรียนรู้มาแล้วว่าถ้าหวังสูงไป ตกลงมามันก็เจ็บค่ะ เราก็เลยพัฒนาเรื่อยๆ ในส่วนของเรา แข่งกับงานชิ้นเก่า เพราะเรารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ดียังไง งานชิ้นต่อไปเราก็จะพยายามเขียนให้มันออกมาดีกว่าเดิมโดยที่วัดกับใจตัวเองก่อน คืออะไรที่มันด้อย อะไรที่โดนติมา เราก็พยายามที่จะอุดรอยรั่วตรงนั้น พยายามปรับปรุงมันไป 

          ในขณะเดียวกันถ้าความด้อยนั้นมันแก้ไขไม่ได้ให้มันเป็นตำหนิที่มีเสน่ห์ไปก็ได้ค่ะ เพราะเราคิดเสมอว่า don’t be so hard on yourself เราไม่อยากกดดันตัวเองจนเกินไป จนอะไรที่เคยทำแล้วมันสนุก มันไม่สนุกอีกแล้ว ส่วนประเด็นที่สองคือกลัวคนอ่านจะหายไป ตรงนี้เราเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์เลือกกับทุกๆ เรื่องค่ะ ถ้าคนอ่านอ่านนิยายเราแล้วรู้สึกไม่โอเค เราคิดว่ามันเป็นสิทธิ์ของคนคนหนึ่งที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเองค่ะ เราเลยไม่ได้กลัวตรงนั้นเพราะเราคิดว่าเราไม่ควรมากลัวหรือกังวลกับความชอบของใคร มันเป็นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้ค่ะและเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในชีวิตอยู่แล้ว ใครที่ยังอยู่กับเราตรงนี้หรือใครที่ผ่านมาอ่านแล้วที่ขยับไปเอ็นจอยกับงานศิลปะชิ้นอื่นๆ เรายินดีและขอบคุณในทุกๆ วาระโอกาสเสมอค่ะ
 

ระหว่างเลิกเขียนกับพยายามทำความเข้าใจชีวิต?

          เราว่ามันเป็นเรื่องปกติค่ะที่จะอดทนกับการทำสิ่งที่ตัวเองรัก แต่มันเป็นความเจ็บปวดในแบบที่เรายินยอมให้มันเกิดขึ้น เพราะมันเกิดจากสิ่งที่เรารักค่ะ มันก็มีหลายๆ ช่วงที่ทุกข์จนปรึกษาครอบครัว เขาก็บอกเราว่าระหว่างเลิกเขียนกับพยายามทำความเข้าใจชีวิต อันไหนมันจะทุกข์น้อยกว่ากัน และเราตอบกับตัวเองได้มาตลอดค่ะ ว่าการเขียนอะไรสักอย่างมันทำให้เรามีความสุข มันทำให้ชีวิตเราหมุนไป ดังนั้นความทุกข์ที่มาจากสิ่งที่เรารัก มันคงไม่ได้หนักหนาอะไรเพราะชีวิตมันก็เป็นแบบนี้และทุกๆ ครั้งที่เกิดปัญหา เราจะเริ่มต้นจากการยอมรับมันค่ะ ยอมให้มันเกิดขึ้น ยอมด้วยความที่รู้ว่าทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นล้วนเป็นแค่เรื่องธรรมดา ไม่ต้องแบ่งแยกแล้วว่าอันนี้เรื่องทุกข์หรือเรื่องสุข ให้มันเป็นแค่เรื่องที่เกิดขึ้นและจะจบลงในสักวันค่ะ เพราะสุดท้ายแค่เรายอมรับทุกๆ อย่างในชีวิตได้มันก็ไม่มีอะไรให้แบกแล้ว
 

สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นนักเขียนคือ ความเข้าใจ

          สำหรับเราการเขียนเป็นศิลปะอย่างนึงค่ะ นักเขียนก็คงไม่ต่างอะไรจากผู้สร้างงานศิลป์เราคิดว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นนักเขียนคือความเข้าใจค่ะ เพราะเราจะทำให้คนอ่านเชื่อในตัวละครและเนื้อเรื่องไม่ได้เลย ถ้าเราไม่มีความเข้าใจในสิ่งนั้นจริงๆ นอกจากนี้ความเข้าใจมันยังเอาใช้ได้ในกรณีต่างๆ เช่น เวลาที่คนอ่านแสดงความคิดเห็น ถ้าเรามีความเข้าใจในแง่มุมของคนอ่าน มีความเข้าใจในมิติต่างๆ มีความเข้าใจชีวิต โลกและความเป็นไป มันจะดีกับงานและตัวเราเองค่ะ เพราะพอมีความเข้าใจ อะไรที่จะมาบั่นทอนใจเราก็ลดน้อยลงค่ะ

การเขียนนิยายสะท้อนตัวเราเสมอ

          เราคิดว่าการเขียนนิยายมันเพิ่มคุณค่าให้กับตัวเรา เหมือนแต่ก่อนเราเป็นสิบพอเราเริ่มเขียนอะไรขึ้นมาสักอย่าง เราก็เป็นสิบเอ็ดได้เพราะมันไม่เคยง่ายเลยกับการเขียนอะไรขึ้นมา เราสามารถพูดได้เลยว่างานเขียนมันเป็นตัวเรา เราจะเขียนไม่ได้เลยถ้าเราไม่ได้เป็นสิ่งนั้น ถ้าเราไม่เชื่อแบบนั้น ถ้าเราไม่ได้เข้าใจมันอย่างแท้จริง เราจะทำมันไม่ได้เลยเรารู้สึกว่ามันสะท้อนตัวตนของเราในแง่ใดแง่หนึ่งเสมอ อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่ที่แน่ๆ มันเพิ่มคุณค่าให้เรา มันทำให้เราคิดกว้างขึ้น มองไปไกลขึ้น เข้าใจตัวเองและคนอื่นมากขึ้นค่ะ

รู้จักตัวตน peachhplease ผ่านเพลงโคจร

          คิดว่าคงเป็นเพลง โคจร ของ Warin (ถ้าถามสัปดาห์หน้าอาจจะเปลี่ยนไปค่ะ 555555555) เรารู้สึกว่าบางความสัมพันธ์การมีระยะห่างที่พอดีมันจะทำให้ทุกสิ่งยังสวยงามค่ะ เหมือนกับคำว่าโคจร จะโคจรได้ก็ต้องมีระยะห่างที่พอดีมีแรงดึงดูดมีแรงโน้มถ่วง คงเหมือนคนอ่านกับนิยายของเรา เป็นแบบนั้น อีกอย่างเพลงนี้ค่อนข้าง bittersweet เหมือนนิยายเราเลยค่ะ ไม่ได้สดใสมาก ไม่ได้หม่นขนาดนั้น เป็นสีกลางๆ ไม่แสบตาส่วนเพลงนี้เป็นเรายังไง เรารู้สึกว่าเราค่อนข้างจะเก็บตัวค่ะ อาจจะไม่ค่อยได้คุยกับคนอ่านซักเท่าไหร่อาจจะไม่ค่อยได้เจอกันตามงานต่างๆ แต่เราคิดถึงและขอบคุณทุกๆ คนเสมอเลยนะคะ พอถึงเวลาที่สมควร เราก็จะกลับมาโคจรรอบตัวทุกคนอีกครั้งพร้อมอะไรใหม่ๆ เหมือนกับท่อนที่ร้องว่า "ให้อาทิตย์ส่องแสงเพื่อนำทาง ให้เราหวนกลับมาพบกันใหม่ .. ให้ชีวิตอยู่ใกล้กันในวันถัดไป กลับมาพบ กลับมาพบ" ค่ะ 
 

จงเลือกที่จะเงียบแทนการพ่นคำแย่ๆ ออกไป 

          if you can't be kind be quiet ค่ะ เรารู้สึกว่าถ้าเราไม่สามารถใช้คำพูดที่อ่อนโยนไม่สามารถประณีประนอมหรือแสดงความคิดเห็นไปในทางที่ไม่ทำร้ายจิตใจใครจนเกินไปหรือแม้กระทั่งการตอบโต้อะไรๆ ไปด้วยอารมณ์ได้สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้คือการเงียบค่ะ มันเป็นความเห็นอกเห็นใจอย่างหนึ่งที่เราคิดว่าเป็นพื้นฐานต่อยอดไปสู่การมีจิตใจที่ดีค่ะ ดังนั้นสำหรับเรา เรายึดคติข้อนี้ก็คือถ้าเรารู้ว่าเราจะพ่นคำแย่ๆ ออกไป เราไม่สามารถใจดีกับคนคนนี้หรือสิ่งสิ่งนี้ได้เราก็เลือกที่จะเงียบเสมอค่ะ
 

ตอนนี้ peachhplease อยากทำอะไร?

          ตอนนี้กำลังอินกับการเล่นดนตรีค่ะ ก็อยากจะเล่นให้ได้ดีกว่าเดิมแล้วก็อยากเรียนทำขนมแล้วก็อยากลองปั้นพวกเครื่องปั้นดินเผาหรือเซรามิกอะไรพวกนี้ค่ะ ถ้าเป็นตอนอนุบาล เราต้องตอบว่าการได้เป็นนางสาวไทยแน่ๆเลยค่ะ5555555555555 แต่พอโตขึ้นเรามีฝันเดียวเลยค่ะ เราอยากเป็นคนที่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ภูมิใจค่ะ อยากพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ให้เขาเห็นศักยภาพ ไม่ใช่แค่ในเรื่องการงาน แต่เป็นทักษะการใช้ชีวิต แนวคิด และการมองโลกด้วยค่ะ
 

ถึงนักเขียนชาวเด็กดี : ทุกอย่างเริ่มต้นจากการลงมือทำ

          เราจะรู้สึกเศร้าทุกทีเลยเวลามีคนมาถามหาเคล็ดลับ เพราะเราไม่มีเคล็ดลับอะไรเลยค่ะเราไม่เคยนั่งเขียนพล็อตจริงจัง ไม่เคยระบุว่าตอนนี้ตัวละครต้องทำอะไร คือมันจะไหลไปเอง แต่ถ้าให้แนะนำ เราอยากแนะนำว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากการลงมือทำค่ะ ให้โอกาสตัวเองได้ทำก่อน อนุญาตให้ตัวเองได้ลงมือทำมัน อย่าไปคิดว่า เฮ้ย แต่งไม่จบหรอก เฮ้ย ภาษาเราห่วยอะ เฮ้ย เราโนเนมมาก ใครจะมาอ่านนิยายเรา อยากให้คิดกับตัวเองว่า what's done in love is done well. ค่ะ มันจะดีในซักแง่มุมหนึ่งเสมอ ทุกอย่างมีที่ มีทางและมีเวลาของมันค่ะ

          สำหรับเพื่อนๆ นักเขียนที่ท้อหรือเจ็บปวด ให้ปล่อยใจคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องธรรมดาค่ะ และการที่เราได้เลือกแล้วว่าเราจะเจ็บปวดเพราะสิ่งที่เรารักมันเป็นเรื่องดีเสมอค่ะ เราเป็นกำลังใจให้ทุกๆ คนที่ทำงานหนักและขอให้ผ่านทุกเรื่องยากๆ ไปได้อย่างราบรื่นนะคะ 
 

ถึงนักอ่านชาวเด็กดีทุกคน

          สำหรับคนอ่านที่คอยติดตาม ให้กำลังใจเราในทุกๆแง่มุมมาเสมอ มันเป็นคำเดิมมาตลอดค่ะ คือคำว่า ขอบคุณ เราขอบคุณจากหัวใจของเราเสมอเลยนะคะ เพราะถ้าไม่มีคนอ่านงานเขียนของเราคงไม่สวยงามขนาดนี้ ขอบคุณที่ที่ผ่านมาคอยอยู่ข้างๆ เรา คอยบอกเราว่าทำดีแล้วหรือในบางครั้งก็คอยบอกว่าเราต้องแก้ไขอะไร ขอบคุณสำหรับความเชื่อ ขอบคุณสำหรับความรักค่ะ เราจะพยายามต่อไปนะคะ รักทุกคนเล้ยยย 

          สำหรับผลงานเรื่องที่น่าจะออกมาเป็นรูปเล่มเร็วๆ นี้คือ this is the evidence proving that the boy called shinta has a heart. ค่ะ ยังคงตีพิมพ์กับ B2S เหมือนเดิมและทุกๆ คนสามารถหาซื้อนิยายทุกๆ เรื่องของเราได้ที่ B2S ทั้งที่หน้าร้านหนังสือและในเว็บของทางสำนักพิมพ์เลยนะคะ ส่วนใครที่อยากเจอเราตัวเป็นๆ กอดได้จับมือได้นัดแนะเลยว่าวันที่ 5 ตุลาคมนี้ที่งานหนังสือแห่งชาติบูท B2S เท่านั้นค่ะ! (มีของไปแจกด้วยนะคะ แฟนนิยายห้ามพลาดเลย!) ในส่วนของเวลา เราจะบอกอีกครั้งในทวิตเตอร์นะคะซึ่งทวิตเตอร์ของเราก็คือ @iamrababit ค่ะ ไปกดติดตามกันได้เล้ยยยย เราจะอัพเดทแค่เฉพาะช่วงที่ลงนิยายหรือมีอะไรสำคัญๆ เท่านั้นค่ะ ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะรกทามไลน์มั้ย ส่วนใครที่อยากติดตามไลฟ์สไตล์ของเราให้กดค้นหาคำว่า merrygorouund ได้ในไอจีเลยค่ะ 

          สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางเด็กดีมากๆเลยนะคะที่ให้เกียรติเหมี่ยว ขอบคุณทุกๆ คนที่กำลังอ่านอยู่และขอบคุณมากๆ เสมอเลยนะคะ 

          ขอบคุณมะเหมี่ยวมากๆ เหมือนกันค่ะที่มาพบปะพูดคุยกับน้องๆ ชาวเด็กดี คติประจำใจของเหมี่ยวที่บอกว่า if you can't be kind be quiet เป็นคติสอนใจที่พี่อยากให้ทุกคนนำไปใช้มากๆ ถ้าเรารู้สึกว่าคำพูดของเราจะทำร้ายจิตใจของใคร การเลือกที่จะเงียบก็ถือเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งเหมือนกัน แต่หากท้ายที่สุดเราจำเป็นต้องพูดออกมาจริงๆ ก็ให้ยึดหลักความเป็นเหตุเป็นผลเข้าไว้นะคะ แล้วเราจะเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่นเหมือนที่เหมี่ยวบอกเอาไว้นั่นเอง 

          จากบทสัมภาษณ์ ทำให้เราได้เห็นถึงตัวตนอีกด้านหนึ่งของเหมี่ยวที่เป็นคนคิดบวก มองโลกในแง่ดี ทำให้นิยายของเธอส่วนใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก มีความฟีลกู๊ด แต่ก็มีความหม่นๆ จากการเป็นตัวเธอที่ชอบเก็บตัว ซึ่งเราจะเห็นได้ว่านิยายของนักเขียนสาวล้วนมาจากความคิดถึง และความรู้สึกที่อยากจะเล่า เพราะฉะนั้นหากใครอยากรู้จักตัวตนของเหมี่ยวมากขึ้นก็ลองไปอ่านนิยายของเธอดูสิคะ มีให้อ่านหลากเรื่องหลายรส อ่านแล้วจะต้องหวนคิดถึงอะไรบางอย่างเหมือนเจ้าของนิยายแน่นอน 

          สุดท้ายนี้ เหมี่ยวบอกว่าการเขียนนิยายช่วยเพิ่มคุณค่าให้ตัวเรา ทำให้เราคิดกว้างขึ้น มองไกลขึ้น เข้าใจตัวเอง และคนอื่นมากขึ้น แล้วคุณล่ะการเขียนนิยายให้อะไรกับคุณบ้าง..

พี่แนนนี่เพน

5 เรื่องต้องรู้! เปิดขาย “แพ็กเกจใหม่” อย่างไรไม่ให้เสียสิทธิ์แคมเปญ “ลดราคา”

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

dark angels 13 พ.ย. 62 21:31 น. 1

ชอบเรื่องที่พี่เขียนทุกๆเรื่องเลยค่ะ

เรื่องแรกที่อ่านเลยคือ แล้วแต่ดาว เพราะเพื่อนไปซื้อมาเห็นหน้าปกสวยเลยขออ่าน แต่พออ่านจนจบเล่ม1ก็รู้สึกชอบมากเลยค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็ติดตามผลงานมาตลอด อยากจะบอกว่าขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านค่ะ มันเป็นแนวที่หนูชอบมากค่ะ และขอบคุณที่ทำให้มีอะไรทำมากขึ้นค่ะ เพราะปกตินอกจากเรียนและทำการบ้านก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วค่ะ5555 และก็ไม่ชอบเล่นมือถือนานๆด้วยค่ะเพราะหนูจะเบื่อง่ายมาก แต่หนังสือที่คุณนักเขียนได้เขียนขึ้นมามันทำให้รู้สึกว่าอ่านเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย และอยากจะอ่านเรื่องต่อๆไปของนักเขียนอีกค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ รอติดตามผลงานและจะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
กำลังโหลด
mthn29 Member 12 ก.ค. 65 20:41 น. 2

แค่ที่แกงทำให้เราเลือกที่จะยืนยันสิทธิ์เรียนที่ศิลปากร นิยายเรื่องนี้แม่งโคตรจะอิมแพคเราเลย นี่ก็กำลังจะอ่านรอบที่ 4

0
กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

dark angels 13 พ.ย. 62 21:31 น. 1

ชอบเรื่องที่พี่เขียนทุกๆเรื่องเลยค่ะ

เรื่องแรกที่อ่านเลยคือ แล้วแต่ดาว เพราะเพื่อนไปซื้อมาเห็นหน้าปกสวยเลยขออ่าน แต่พออ่านจนจบเล่ม1ก็รู้สึกชอบมากเลยค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็ติดตามผลงานมาตลอด อยากจะบอกว่าขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านค่ะ มันเป็นแนวที่หนูชอบมากค่ะ และขอบคุณที่ทำให้มีอะไรทำมากขึ้นค่ะ เพราะปกตินอกจากเรียนและทำการบ้านก็ไม่รู้จะทำอะไรแล้วค่ะ5555 และก็ไม่ชอบเล่นมือถือนานๆด้วยค่ะเพราะหนูจะเบื่อง่ายมาก แต่หนังสือที่คุณนักเขียนได้เขียนขึ้นมามันทำให้รู้สึกว่าอ่านเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเลย และอยากจะอ่านเรื่องต่อๆไปของนักเขียนอีกค่ะ ขอบคุณมากๆนะคะ รอติดตามผลงานและจะเป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
กำลังโหลด
mthn29 Member 12 ก.ค. 65 20:41 น. 2

แค่ที่แกงทำให้เราเลือกที่จะยืนยันสิทธิ์เรียนที่ศิลปากร นิยายเรื่องนี้แม่งโคตรจะอิมแพคเราเลย นี่ก็กำลังจะอ่านรอบที่ 4

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด