ขโมยสูตรลับคนดัง เขียนนิยายให้ปังด้วยเทคนิค 'ดึงความทรงจำ' จากนักร้องดัง Taylor Swift!

ขโมยสูตรลับคนดัง เขียนนิยายให้ปังด้วยเทคนิค
'ดึงความทรงจำ' จากนักร้องดัง Taylor Swift!

สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน นาทีนี้ไม่มีอะไรจะปังไปกว่า “Lover” เพลงใหม่ล่าสุดของสาวเทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) อีกแล้ว เพราะครั้งนี้มาแนวหวาน ท่วงทำนองฟังสบายราวกับย้อนกลับไปสมัยอัลบั้มแรกๆ พอฟังแล้วก็อดเขินตามไม่ได้ นึกว่าตัวเองกำลังอินเลิฟอยู่ ไม่รู้ว่าน้องๆ เคยฟังกันรึยัง?    จะว่าไปแล้ว เพลงแต่ละเพลงของเทย์เลอร์ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันล้วนไพเราะติดหูทั้งนั้น ฟังแล้วอินด้วย น้องๆ รู้มั้ยว่าเธอแต่งเพลงพวกนี้เองทั้งหมด สุดยอดไปเลยล่ะ!

พี่น้ำผึ้งมองว่าการเเต่งนิยายก็เหมือนกับการแต่งเพลงนะ เริ่มต้นจากมองหาแรงบันดาลใจ สร้างเรื่องราว ใช้จินตนาการและใส่ฟีลลิ่งลงไป ด้วยความคล้ายกันนี้ พี่น้ำผึ้งเลยอดไม่ได้ ไปตามสืบ “สูตรลับการแต่งเพลงให้ปังตามแบบฉบับสาวเทย์เลอร์ สวิฟต์” มาเพื่อน้องๆ โดยเฉพาะค่ะ   เผื่อว่านักเขียนคนไหนอยากได้เทคนิคใหม่ๆ ในการเขียนนิยายให้สนุก ลองหยิบวิธีของสาวเทย์ไปใช้ก็เก๋ไก๋ไปอีกแบบ

จากการสืบค้นมาทั้งหมด   พี่พบว่า   หัวใจสำคัญในการแต่งเพลงให้อินของเธอคือการ   "ดึงความทรงจำ"   มาใช้ให้เป็นประโยชน์    รวมไปถึงเทคนิคอื่นๆ   อีกเพิ่มเติม   ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้น   น้องๆ    มาดูสูตรลับแห่งความสำเร็จของสาวเทย์เลอร์   สวิฟต์ด้วยตัวเองกันเลยดีกว่าค่ะ

 


เทย์เลอร์ สวิฟต์เขียนนิยายหนาถึง   400   หน้า!!
(via: nytimes.com)

 

ก่อนหันไปแต่งเพลง สาวเทย์เริ่มต้นจากการเป็นนักเขียนนิยาย!

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องสาวชื่อดังวัย 29 ปีเจ้าของอัลบั้มชุดที่ 7 “Lover” ผู้นี้เป็นคนรักหนังสือและการเขียนตลอดชีวิต! โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งเพลง เห็นแต่ละเพลงที่เธอแต่งดังระเบิดขนาดนี้ รู้มั้ยว่าสาวเทย์เคยเป็นนักเขียนนิยาย (ที่ไม่ได้ตีพิมพ์) มาก่อนด้วยนะ เธอเล่าว่าตอนอายุประมาณ 13 หรือ 14 นี่แหละ เธอเขียนหนังสือหนาถึง 400 หน้าโดยอิงจากชีวิตของเธอและผองเพื่อน 

“แต่ตั้งแต่นั้นมา ฉันได้ค้นพบดนตรีและนั่นคือรูปแบบการเขียนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉันมากที่สุด” สาวเทย์กล่าว “ถ้าฉันลงเอยด้วยการเขียนบทละคร หรือหนังสือ หรือบทกวี หรืออะไรทำนองนั้น มันน่าจะน่าทึ่งมากนะ ฉันอยากจะเห็นสิ่งนั้นเกิดขึ้นเหมือนกัน”

 


เทย์เลอร์   สวิฟต์รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ
(via: quirkbooks.com)

 

สูตรลับ 01 : หนังสือคือแรงบันดาลใจที่สำคัญ

แม้ว่าปัจจุบันเทย์เลอร์ สวิฟต์จะกลายเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังอย่างเต็มตัว แต่เทย์เลอร์ก็ยังคงรักการอ่านเสมอ แถมบางครั้งแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงส่วนหนึ่งก็มาจากการอ่านหนังสือนั่นแหละ!

“หนังสือประเภทที่ฉันชอบอ่านคือหนังสือที่เป็นมากกว่าการเล่าเรื่องราวให้คุณฟัง มันมีอะไรมากกว่าแค่ซีนหรือภาพวาด” นักร้องสาวกล่าวการเขียนที่ฉันชอบที่สุดทำให้คุณนึกถึงเรื่องราว ห้องนั้น ฝนที่เปียกโชก คุณสามารถสูดอากาศ ได้ยินเสียงและรู้สึกถึงหัวใจของคุณเหมือนอย่างที่ตัวละครเป็น มันเป็นบางสิ่งที่ F. Scott Fitzgerald ทำได้ดีมากในการอธิบายฉากที่เชื่อมโยงอย่างงดงามกับการเปิดเผยทางอารมณ์ที่หลากหลาย มันทำให้ตัวคุณเองได้หลบหนีจากชีวิตของคุณชั่วขณะหนึ่ง” 

เพราะเทย์เลอร์รักการอ่านนิยาย เพลงแต่ละเพลงที่เธอแต่งออกมาจึงเปรียบเสมือนนิยายที่มีการถ่ายทอดเรื่องราวเป็นตอนๆ และมีตัวละครสอดแทรกอยู่ อีกทั้งยังมีการใส่ฉากและองค์ประกอบที่เห็นภาพชัดเจน ทั้งหมดจึงทำให้คนฟังรู้สึกอินได้ง่าย ลองดูตัวอย่างจากเพลง Love Story อันโด่งดังสิ
 

Clip

Love Story

See the lights
See the party, the ball gowns
I see you make your way through the crowd
And say hello, little did I know
That you were Romeo, you were throwing pebbles

(มองเห็นแสงสี มองเห็นงานปาร์ตี้ เห็นชุดราตรี
ฉันเห็นเธอเดินฝ่าฝูงชนมาหาฉัน และทักทายฉัน ‘ว่าไง’
ฉันรู้เพียงแต่ว่า เธอคือโรมิโอ คนที่โยนก้อนกรวดคนนั้น)

 

สำหรับท่อนนี้ เมื่อหลับตาฟังเพลง เรามองเห็นแสงสี งานปาร์ตี้ ชุดราตรี เห็นหนุ่มหล่อเดินเข้ามาเซย์ไฮเหมือนอย่างในบทเพลง จะกล่าวได้ว่าเทย์เลอร์หยิบการบรรยายให้เห็นภาพจากนิยายที่เธออ่านมาใช้ก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก หรือแม้แต่เพลง Style ที่เธอแต่งให้แฟนเก่า   แฮร์รี่ สไตล์ ก็ไม่แพ้กัน อันนี้เห็นคาแร็กเตอร์ตัวละครชัดเจนเลย   พี่น้ำผึ้งไม่เคยเจอนักร้องคนไหนที่แต่งเพลงเห็นภาพตัวละครชัดขนาดนี้   นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของเพลงของเทย์เลอร์   สวิฟต์
 

Clip

Style

You got that long hair, slicked back, white t-shirt
And I got that good girl faith and a tight little skirt

(เธอมีผมยาวคลอเคลียสีดำขลับและสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว
ส่วนฉันก็เป็นสาวน้อยแสนดีที่เชื่อฟังอยู่เสมอกับกระโปรงรัดๆ ตัวสวย)

 

เห็นมั้ยว่าการอ่านหนังสือจำเป็นมากๆ สำหรับคนที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการทำงาน แม้แต่นักแต่งเพลงอย่างเทย์เลอร์ สวิฟต์ยังต้องอ่านหนังสือเพื่อสร้างแรงบันดาลใจเลย แล้วนักเขียนอย่างเราล่ะ มัวรอช้าอยู่ทำไม คว้าหนังสือมาอ่านสิ รับรองว่าการเขียนนิยายราบรื่นแน่ๆ เพราะเราจะได้เพิ่มจินตนาการ ได้ไอเดียในการต่อยอดนิยายของตัวเอง ได้คลังคำศัพท์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งได้เรียนรู้การเล่าเรื่องให้น่าสนใจกว่าที่เป็นค่ะ

 


แต่ละเพลงของเทย์เลอร์เปรียบเสมือนเรื่องราวในชีวิตของเธอ
(via: cosmopolitan.com)

 

สูตรลับ 02: เพลงที่แต่งเปรียบเสมือนกล่องเก็บความทรงจำของเธอ

แม้เทย์เลอร์จะแต่งเพลงที่เกี่ยวกับการตกหลุมรัก การเลิกรา หรือการดูชื่อเสียงของเธอค่อยๆ สูญเสียไป   (อัลบั้ม   Reputation   )   แต่แฟนๆ ของเธอสามารถเข้าถึงบทเพลงราวกับว่าเห็นตัวเองอยู่ในเพลงของสาวเทย์ได้ เธอรับบทเป็นผู้ฟังทุกคนของเธอ อย่างไรก็ตาม เทย์เลอร์บอกว่าเพลงของเธอมีจุดประสงค์อื่น นั่นคือ แต่ละเพลงเก็บสิ่งที่เธอรู้สึกและประสบในระหว่างกระบวนการแต่งเพลง

“ฉันรักการแต่งเพลงเพราะฉันรักที่จะรักษาความทรงจำเอาไว้ เหมือนกับการใส่กรอบรูปไว้ในความรู้สึกที่คุณเคยมี ฉันชอบใช้ความคิดถึงและความทรงจำเก่าๆ เป็นแรงบันดาลใจเมื่อฉันแต่งเพลง ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่ฉันชอบถ่ายรูป ฉันชอบที่จะสามารถจดจำช่วงเวลาที่ดีและเลวร้ายที่สุดได้” เทย์เลอร์กล่าว

เมื่อเทียบกับการเขียนนิยาย นักเขียนสามารถหยิบความทรงจำในอดีตมาเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายได้ มันเหมือนกับการเขียนนิยายเพื่อตัวเราเองนั่นแหละ อยากอ่านแบบไหนให้เขียนแบบนั้น อยากบันทึกช่วงเวลาดีๆ หรือเลวร้ายที่เกิดขึ้น ก็แค่หยิบมาถ่ายทอดออกมาเป็นนิยาย เผื่อว่าวันหนึ่งกลับมาอ่านอีกครั้งจะได้รู้ว่านี่คือหนึ่งในความทรงจำของเรา เชื่อสิว่าหากเรากล้าหยิบความทรงจำออกมาใช้ การเขียนนิยายก็จะง่ายและทำให้อิน ทีนี้การจะทำให้นักอ่านอินตามก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย
 

Clip

Lover

เหมือนอย่าง “Lover” เพลงในอัลบั้มล่าสุดของสาวเทย์ ชวนให้เราอดนึกไม่ได้ว่าเธอน่าจะได้อิทธิพลส่วนใหญ่จาก Joe Alwyn คนรักของเธอที่คบกันมาอย่างยาวนานถึงสามปีเต็ม! โดยเฉพาะท่อนที่ว่า “I've loved you three summers now, honey, but I want 'em all. (ฉันรักคุณมาสามปีแล้ว ที่รัก และฉันอยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไปนะ)” ฟังแล้วอินมาก   เหมือนมีความรักตาม  นั่นน่าจะเป็นเพราะว่าเทย์เลอร์ถ่ายทอดมันออกมาจากความรู้สึกล้วนๆ และคาดว่าเพลงนี้ก็เป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่เธอแต่งขึ้นเพื่อเก็บความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อโจ 

ทีนี้หากเราคิดจะเขียนนิยายสักเรื่องและอยากให้นักอ่านอิน ลองเปลี่ยนจากการตั้งคำถามว่า “ทำยังไงให้นักอ่านอิน?” เป็น “มีความทรงจำเรื่องไหนที่ฉันอยากเขียนเก็บไว้?” จากนั้นหยิบมันออกมาเขียนเพื่อตัวเราเอง เพียงแค่นี้เราก็จะสนุกและอินไปกับเรื่องราวของเรา   ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเราตันตอนเขียนบทสนทนาหรือฉากต่างๆ ให้ลองถามกับตัวเองว่า “ฉันมีความทรงจำไหนที่คล้ายคลึงกับสถานการณ์นี้?” และดึงมันออกมาใช้ แค่นี้นิยายของเราก็จะโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์จนคนจำได้แล้ว

 


(via: gotceleb.com)
 

สูตรลับ 03: ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการแบ่งปันเรื่องราวของตัวเอง

แล้วอะไรคือเคล็ดลับจริงๆ ที่ทำให้เทย์เลอร์ สวิฟต์ประสบความสำเร็จในการแต่งเพลงล่ะ? งานนี้เธอแชร์แบบไม่กั๊กเลยว่า กุญแจสู่ความสำเร็จนั้นขึ้นอยู่กับความสามารถของศิลปินในการเปิดใจและแบ่งปันเรื่องราวของตัวเอง

“ฉันคิดว่าทุกวันนี้ผู้คนตามหาการเชื่อมโยงและความสุขสบายในเพลงที่พวกเขาฟัง เราชอบที่จะเชื่อใจและได้ยินใครบางคนพูดว่า ‘นี่คือสิ่งที่ฉันผ่านมาแล้ว’ เป็นข้อพิสูจน์สำหรับเราว่า เราสามารถผ่านการต่อสู้ของเราได้ เราไม่ต้องการให้เพลงป๊อบของเราเป็นแค่เพลงทั่วไป” นักร้องสาวกล่าว

นั่นหมายความว่า หากเพลงสักเพลงจะดังเปรี้ยงปร้าง มันไม่ใช่แค่เพราะตัวนักร้องที่ต้องมีชื่อเสียงระดับโลก แต่นักร้องธรรมดาก็สามารถทำให้เพลงของตัวเองปังได้ ขอแค่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คนฟังรู้สึกทัชราวกับว่าบทเพลงนี้เกิดมาเพื่อเขา 

เช่นเดียวกับการเขียนนิยายนั่นแหละ ตัวนักเขียนไม่ต้องดังก็สามารถประสบความสำเร็จได้ ขอแค่เราใส่ใจในงานของตัวเองและลองเขียนในสิ่งที่ทัชกับความรู้สึกคนดู แม้ว่าเนื้อเรื่องอาจธรรมดามากๆ แต่ถ้ามันใกล้เคียงกับชีวิตหรือสิ่งที่นักอ่านส่วนใหญ่ประสบพบเจออยู่ โอกาสที่นิยายของเราถูกพูดถึงและส่งต่อก็เพิ่มมากขึ้น เป็นช่องทางที่ทำให้นิยายของเราสามารถโด่งดังได้ในอนาคต 
 


(via: modernmusicstudio.com)
 

นอกจากนี้เทย์เลอร์ยังเล่าต่อไปอีกว่า แฟนๆ ต้องการเห็นชีวิตของศิลปินที่พวกเขาฟัง ไม่เพียงแต่พวกเขาต้องการรู้สึกเชื่อมโยงกับดนตรีในระดับส่วนตัว พวกเขายังต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่เกี่ยวกับนักร้องที่พวกเขาชื่นชอบ

“การหลุดเข้าไปในเรื่องราวของศิลปินชวนให้เราเชื่อมโยงไปกับเรื่องของเราเอง และในสถานการณ์ที่ดีที่สุด มันช่วยให้เราสามารถกำหนดเพลงนั้นให้กับความทรงจำของเราได้ การเกี่ยวพันกันระหว่างเพลงกับความทรงจำของเราในเวลานี้ช่วยให้เราฮีลตัวเอง ทำให้เราร้องไห้ เต้นรำ หรือหลบหนีไปอีกโลกได้ เช่นเดียวกับหนังสือที่ยอดเยี่ยมนั่นแหละ”

ฉะนั้นลองแบ่งปันเรื่องราว   มุมมอง   หรือทัศนคติของตัวเองผ่านการดำเนินเรื่องของตัวละครดูสิ นอกจากนักอ่านจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเรามากขึ้น มันยังช่วยให้เราอินสุดๆ ตอนเขียนนิยาย อย่าลืมสิว่าถ้าอินมากๆ เราก็สามารถถ่ายทอดออกมาเพื่อให้นักอ่านอินตามได้เช่นกันนะ

 


(via: billboard.com)
 

เป็นอย่างไรบ้างเอ่ยกับสไตล์การแต่งเพลงของเทย์เลอร์ สวิฟต์ที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเขียนนิยายของเรา เห็นได้ว่าเธอเขียนเพลงส่วนใหญ่จากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอทั้งนั้น ซึ่งสาวเทย์เรียกแต่ละอัลบั้มของตนว่าเป็น “ไดอารี่” มันเลยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผลงานแต่ละชุดที่ออกมาเป๊ะปังดังเวอร์เป็นพลุแตก เพราะงั้นถ้าให้พี่สรุปกุญแจสำคัญง่ายๆ ที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ใช้ เห็นทีคงหนีไม่พ้น “การหยิบประสบการณ์ส่วนตัวและความทรงจำของเธอ” มาถ่ายทอดผ่านบทเพลง

เราเองก็มีเหตุการณ์ต่างๆ มากมายที่คู่ควรกับการนำมาใช้ในนิยาย อย่ากลัวที่จะใช่ประสบการณ์ของตัวเองมาเป็นแรงบันดาลใจ! แม้แต่เหตุการณ์เล็กๆ ในชีวิตก็สามารถสร้างนิยายที่ยอดเยี่ยมได้ เรารู้สึกอย่างไรกับโรงเรียนใหม่หรือบ้านหลังใหม่? เรามีความฝันอะไร? เขียนเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นสิ

นอกจากนี้การฟังเพลงก็สามารถช่วยให้เรากลายเป็นนักเขียนที่ดีขึ้นได้ นักเขียนบางคนปิ๊งไอเดียเพียงแค่ฟังเพลงบางท่อน การอ่านหนังสือและเรื่องสั้นเองก็ช่วยได้เช่นกัน เพราะนิยายจะทำให้เรามีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญอย่ากลัวที่จะใส่ในสิ่งที่เรารู้ ไม่มีอะไรทำให้นักเขียนนิยายยอดเยี่ยมมากกว่าการเขียนนิยายอีกแล้ว   เอาล่ะค่ะน้องๆ   ลองหยิบเทคนิคของสาวเทย์ที่ได้วันนี้ไปใช้ บอกเลยว่าคือดีย์! ไม่แน่นะว่านิยายของเราอาจจะปังขายได้เป็นพันล้านเหมือนเพลงของเทย์เลอร์ก็ได้ค่ะ

 

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.elle.com/uk/life-and-culture/a26546099/taylor-swift-pop-music/

https://www.billboard.com/articles/columns/pop-shop/6297043/taylor-swift-on-her-love-of-reading-writing-what-if-i-end-up

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Hameii Member 13 ก.ย. 62 19:58 น. 1

เป็นคนที่ชอบอ่านเนื้อเพลงของเทย์เลอร์มากๆๆๆๆ เพราะมันไม่ใช่แค่เพลงแต่มันมีเรื่องราว บางครั้งแค่สองสามประโยคก็เห็นเป็นฉากๆ รู้สึกว่าเทย์เป็นศิลปินที่เก่งเเละจริงใจ งานเลยทัชใจคนฟังไม่ยาก


ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะคะ แอบเซฟเก็บเผื่อกลับมาอ่านซ้ำด้วย เพราะชอบมากๆ

ตอนเห็นไตเติ้ลก็เดาไว้ในใจเลยว่าเป็นบทความของพี่น้ำผึ้งเเน่ๆ สงสัยไม่ได้อ่านบทความใหม่มานาน คิดถึง 555

0
กำลังโหลด

1 ความคิดเห็น

Hameii Member 13 ก.ย. 62 19:58 น. 1

เป็นคนที่ชอบอ่านเนื้อเพลงของเทย์เลอร์มากๆๆๆๆ เพราะมันไม่ใช่แค่เพลงแต่มันมีเรื่องราว บางครั้งแค่สองสามประโยคก็เห็นเป็นฉากๆ รู้สึกว่าเทย์เป็นศิลปินที่เก่งเเละจริงใจ งานเลยทัชใจคนฟังไม่ยาก


ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ นะคะ แอบเซฟเก็บเผื่อกลับมาอ่านซ้ำด้วย เพราะชอบมากๆ

ตอนเห็นไตเติ้ลก็เดาไว้ในใจเลยว่าเป็นบทความของพี่น้ำผึ้งเเน่ๆ สงสัยไม่ได้อ่านบทความใหม่มานาน คิดถึง 555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด