'เขวี้ยงเช็กลิสต์ทิ้งไปซะ ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่' และอีก 9 กฎแปลกๆ สู่ความสำเร็จที่เจ.เค.โรว์ลิ่งไม่คิดจะทำ แต่ทำ!


 

"เขวี้ยงเช็กลิสต์ทิ้งไปซะ ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่"
และอีก 9 กฎแปลกๆ สู่ความสำเร็จที่
เจ.เค.โรว์ลิ่งไม่คิดจะทำ แต่ทำ!

สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน เมื่อพูดถึงการสร้างเวทมนตร์ เชื่อว่าทุกคนต้องนึกถึง "เจ.เค.โรว์ลิ่ง" เธอไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน แต่เป็นนักเขียนเบสท์เซลเลอร์ของอังกฤษที่ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นซีรีส์แฟนตาซีที่ดีที่สุด ซึ่งหนังสือที่เปี่ยมไปด้วยเวทมนตร์ทั้ง 7 เล่มนี้มียอดขายมากกว่า 500 ล้านเล่มทั่วโลก! และดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ซีรีส์ 8 ตอนโดย Warner Bros. Studios 

ตลอดช่วงเวลากว่าสองทศวรรษที่ผ่านมา แฮร์รี่ พอตเตอร์ได้ทำหน้าที่มากกว่าแค่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ใหญ่และเด็ก แต่ซีรีส์ยอดนิยมนี้ยังนำพาแฟนๆ ไปสู่ประสบการณ์แห่งจินตนาการอันน่าเหลือเชื่อ ขณะเดียวกันก็เน้นถึงปัญหาในชีวิตจริงและการต่อสู้ระหว่างความดีและชั่ว

โรว์ลิ่งไม่เคยอายกับการดิ้นรนของเธอก่อนที่จะแฮร์รี่ พอตเตอร์จะประสบความสำเร็จ นักเขียนพันล้านคนนี้ถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ต่างๆ ขณะที่พยายามเลี้ยงดูลูกสาวที่ยังคงเป็นทารกและพยายามใช้ชีวิตอย่างเป็นสุข โรว์ลิ่งเล่าเรื่องราวของเธอให้กับคนที่ชื่นชมเธอมากมายฟัง และเธอยังได้แชร์ในสิ่งที่เธอคิดว่าเป็น "กฎแห่งความสำเร็จ" ของเธอด้วย

“ฉันต้องบอกว่าฉันทนไม่ได้กับรายการที่ 'ต้องทำ' ไม่ว่าจะในชีวิตหรือในการเขียน ในตัวฉันจะก่อกบฏเมื่อฉันบอกว่าฉันต้องทำอะไรก่อนอายุ 50 หรือต้องซื้ออะไรสำหรับฤดูกาลนี้ หรือต้องเขียนถ้าฉันต้องการประสบความสำเร็จ” โรว์ลิ่งกล่าวในการสัมภาษณ์แห่งหนึ่ง ซึ่งกลายเป็นที่มาของบทความ "เขวี้ยงเช็กลิสต์ทิ้งไปซะ ถ้าอยากเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ และอีก 9 กฏแปลกๆ สู่ความสำเร็จที่เจ.เค.โรว์ลิ่งไม่คิดจะทำแต่ทำ!" ใช่แล้วค่ะ เพราะในวันนี้พี่น้ำผึ้งได้นำกฎ 10 ข้อสู่ความสำเร็จของเจ.เค.โรว์ลิ่งมาฝาก รับรองว่าเป็นประโยชน์ต่อทุกคนแน่นอน พร้อมแล้วไปดูกันเลย

 


(via: Hollywoodreporter)
 

ทำอะไรสักอย่างกับไอเดียของตัวเอง!

โรว์ลิ่งเชื่อว่าการทำตามความคิดของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ แม้เราจะไม่เชื่อว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ทันทีที่เราลงมือทำบางอย่างกับไอเดียของตัวเอง เช่น ถ่ายทอดออกมาผ่านรูปแบบของการเขียน หรือการวาด เราอาจต้องตกใจกับผลลัพธ์อันน่าทึ่งที่เกิดขึ้น!! ไม่ว่าเราจะทำแบบไหน เราควรรีบจัดการกับความคิดของเราเสมอ ก่อนที่ไอเดียเหล่านั้นจะหายไป!! ที่สำคัญ สิ่งเล็กๆ นี้อาจเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราให้ดีขึ้นได้ ดูอย่างเจ.เค.โรว์ลิ่งสิ ขณะที่เธอนั่งอยู่บนรถไฟ ไอเดียของ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" ก็แว็บมาหาเธอ หลังจากนั้นเธอก็ใช้เวลาอีก 5 ปีถัดมาวางแผนความคิดและเขียนหนังสือเล่มนี้ของเธอให้จบ

แล้วดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นกับโรว์ลิ่งหลังจากนั้น แม้เธอจะถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธถึง 12 ครั้ง!! แต่โชคยังเข้าข้าง เมื่อบรรณาธิการแบร์รี่ คันนิงแฮมจากสำนักพิมพ์บลูมเบิร์กตัดสินใจมอบโอกาสให้โรว์ลิ่ง ด้วยการหยิบแฮร์รี่ พอตเตอร์ไปตีพิมพ์ ห้าเดือนต่อมา หนังสือเล่มแรกของซีรี่ส์อย่าง "แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์" ได้รับการตีพิมพ์ ขายหมดอย่างรวดเร็ว แถมยังได้รางวัลหนังสือเด็กยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ (British Book Award for Children's Book of the Year) ด้วย

เห็นมั้ยว่า "พลังของการลงมือทำ" สำคัญขนาดไหน ถ้าโรว์ลิ่งไม่ลงมือทำ คนทั่วโลกก็คงไม่ได้สัมผัสกับเรื่องราวสุดมหัศจรรย์ของเด็กชายใส่แว่นที่ผจญภัยในโลกเวทมนตร์ และเธอคงไม่เธอกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง หรือเป็นแรงบันดาลใจแก่ใครหลายคน ชัดเจนเลยว่าทุกอย่างเริ่มต้นที่ลงมือทำจริงๆ เพราะงั้นลองสำรวจตัวเองด้วยหน่อยว่าได้ทำอะไรสักอย่างกับตัวเองบ้างมั้ย?

 

เริ่มต้นวันใหม่ของเราให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

แม้โรว์ลิ่งจะเป็นนักเขียนและไม่มีเวลาทำงานที่เข้มงวด แต่โรว์ลิ่งก็ยังคงตื่นตัวในการตื่นเช้ามาทำงานตลอดทั้งวัน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของเธอบนเว็บไซต์ของเธอ โรว์ลิ่งเขียนว่า “ฉันพยายามเริ่มทำงานก่อน 9.00 น. ห้องเขียนของฉันน่าจะเป็นสถานที่โปรดโปรดมากที่สุดในโลกของฉัน ยิ่งเริ่มต้นวันใหม่ได้เช้ามากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเขียนหนังสือได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น"  

นอกจากนี้ในช่วงที่เธอวุ่นวาย แทบไม่มีเวลา เธอยังต้องหาเวลามาเขียนให้ได้ และจะต้องเป็นช่วงเวลากลางวันเท่านั้น เพราะมันมีประสิทธิภาพต่อเธอมากที่สุด "ปีที่แล้วหรือสองปีที่แล้วนี่แหละ ฉันได้งานเขียนบทภาพยนตร์เรื่อง Fantastic Beasts ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันต้องทำตอนกลางคืน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็พยายามเขียนให้ได้ตอนกลางวัน หากฉันเริ่มต้นประมาณเก้าโมงฉันมักจะสามารถทำงานถึงประมาณบ่ายสาม ก่อนที่ฉันจะต้องหยุดพักชั่วคราว”

 


(via: Hollywoodreporter)
 

ชีวิตคือความรับผิดชอบ และคุณต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง

เราพึ่งพาพ่อแม่ของเราตั้งแต่เกิดแล้ว แม้หลังจากที่เราโตขึ้น เราก็ยังต้องขอคำแนะนำจากพวกเขา แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเป็นเจ้าของชีวิตเรา เพราะเราต่างหากที่เป็นเจ้าของชีวิตตัวเองและเป็นเราอีกเช่นกันที่ต้องรับผิดชอบหน้าที่และชีวิตของตัวเอง

ขอเพียงแค่เราเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบต่อหน้าที่ การกระทำและความฝันของเรา เราก็จะสามารถมุ่งสู่ความสำเร็จได้ เช่น ถ้าอยากเป็นนักเขียนออนไลน์ในเด็กดีที่มียอดขายสูง ก็ควรจะรับผิดชอบความฝันของเราด้วยการลงมือเขียนงานที่มีคุณภาพ ตรวจสอบเรื่องคำผิด รับผิดชอบต่อสังคมด้วยพล็อตเรื่องและเนื้อหาที่ช่วยให้คนอ่านเติบโตหรือก้าวหน้า มีแง่คิด เป็นต้น เหมือนอย่างที่เจ.เค.โรว์ลิ่งกล่าวว่า "จะตำหนิพ่อแม่ก็ต่อเมื่อพวกเขาชี้ทางให้คุณไปผิดทาง ที่เหลือ คุณแก่มากพอที่จะรับผิดชอบตัวเอง ความรับผิดชอบทั้งหลายขึ้นอยู่กับคุณ"

 

ยังไงก็ถูกคนวิพากษ์วิจารณ์อยู่แล้ว เตรียมตัวรอไว้เลย

เช่นเดียวกับทุกสิ่งที่ได้รับการยอมรับนั่นแหละ แฮร์รี่ พอตเตอร์เป็นที่ชื่นชอบ ได้รับการยกย่องสรรเสริญ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์หนังสือเรื่องนี้ซะยับ โรว์ลิ่งกล่าวว่าแม้เธอจะผอมและขาดความมั่นใจในหลายๆ ด้านในชีวิตของเธอ แต่เธอก็ยินดีรับการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับงานเขียนของเธอ ถึงอย่างนั้นเธอไม่ได้เอามันมาใส่ใจหรือทำให้ตัวเองเครียด กดดันกับคำพูดที่ไร้ประโยชน์ ตอนที่มีคนถามเธอว่า "เขียนเพื่อตัวเองหรือเขียนเพื่อนักเขียน?" เธอตอบกลับด้วยคำคมจากไซริน คอนนอลลีย์ว่า "มันดีกว่าที่เขียนเพื่อตัวเองและไม่ใช่สาธารณะ ไม่ใช่เขียนเพื่อสาธารณะแต่ไม่ใช่ตัวเอง"

เรื่องราวของโรว์ลิ่งทำให้เรารู้ว่า ทุกคนไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของคุณเสมอไป แต่ก็ไม่เป็นไร! การวิจารณ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่มันก็จำเป็นเช่นกัน การมองเห็นจากมุมมองของคนอื่นและได้ยินวิธีอื่นๆ ในการทำบางสิ่งอาจเป็นพื้นฐานและเป็นประโยชน์ แม้ว่านั่นจะเป็นคำวิจารณ์ที่ออกมารุนแรงหรือหยาบคายก็ตาม ก็เลือกเอาสิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์มาปรับปรุง อะไรไม่เป็นประโยชน์ก็แค่โยนทิ้งไป

 


(via: Insider)
 

เขวี้ยงเช็กลิสต์ (ของความสำเร็จ) ทิ้งไปซะ มันไม่ได้สำคัญกับชีวิตคุณขนาดนั้น!

"การเปรียบเทียบคือตัวขโมยความสุข" แม้อาจดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ได้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของพวกเขา แต่การเดินทางทุกครั้งนั้นแตกต่างกัน โรว์ลิ่งกลายเป็นมหาเศรษฐีที่รวยเพราะวรรณกรรมคนแรกของโลกตอนอายุ 38 ปีแม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเธอ แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้รู้ว่า อะไรก็ตามสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลาในชีวิตของเรา

บางคนไม่รู้สึกมีความสุข แม้ว่าพวกเขาจะมีทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการในโลกใบนี้ ขณะที่บางคน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอะไร แต่ก็รู้สึกมีความสุขที่สุด! เจ.เค.โรว์ลิ่งกล่าวว่า “ความสุขส่วนตัวอยู่ที่การรู้ว่าชีวิตไม่ใช่เช็กลิสต์ของความสำเร็จ วุฒิการศึกษาของคุณ CV ของคุณไม่ใช่ชีวิตของคุณ ชีวิตนั้นยากและซับซ้อนและเกินกว่าที่ใครจะควบคุมได้ และความอ่อนน้อมถ่อมตนเท่านั้นที่จะช่วยให้คุณรอดชีวิตจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิด” เธอยังเชื่อว่าชีวิตของเราเป็นเหมือนเรื่องเล่า “มันไม่สำคัญหรอกว่าเรื่องราวจะยาวแค่ไหน สิ่งเดียวที่สำคัญคือมันดีแค่ไหน”

ดังนั้นโยนเช็กลิสต์ที่บีบคั้นว่าช่วงอายุนี้จะต้องทำอะไรสำเร็จทิ้งไปซะ แล้วเลิกเปรียบเทียบความสำเร็จของตัวเองกับผู้อื่นได้แล้ว แต่ละคนประสบความสำเร็จในช่วงอายุที่ต่างกัน! อ้อ รวมไปถึง To Do List ที่ต้องทำในแต่ละวันด้วยนะ โรว์ลิ่งเคยบอกว่า ถึงแม้จะมีเช็กลิสต์ แต่ถ้าขาดวินัยและความมุ่งมั่น มันก็ไร้ประโยชน์ แต่ในความเห็นของพี่น้ำผึ้ง ถ้าเราอยากจะทำเช็กลิสต์ จริงๆ ก็ทำได้แหละ แต่อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปว่าต้องเสร็จตามนี้เป๊ะๆ สามารถยืดหยุ่นได้นะ

 

อ่อนน้อมถ่อมตนอยู่เสมอ ต้องไม่ลืมว่าคุณมาจากไหน

ในสารคดีที่ถ่ายทอดชีวิตของเจ.เค.โรว์ลิ่ง เธอวิ่งร้องไห้ขณะที่กลับบ้าน ที่นั่นเองทุกอย่างได้เริ่มต้นขึ้น แม้ว่าตอนนี้เธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่รวยมากที่สุดในโลก แต่เธอก็ไม่เคยลืมอดีตอันย่ำแย่ของเธอสักนิด โรว์ลิ่งเชื่อว่าถ้าคนยังจำรากเหง้าของตัวเองได้ พวกเขาจะเป็นคนที่ถ่อมตน

นักเขียนที่มีชื่อเสียงยังอ้างถึงจุดเริ่มต้นของ "ความอ้อนน้อมถ่อมตน" ของเธอบ่อยครั้งในช่วงที่ปรากฎตัวต่อหน้าสาธารณชน ขณะที่พูดในงานแถลงข่าว โรว์ลิ่งเริ่มมีอารมณ์อ่อนไหวเมื่อเธอยังจำคืนที่เธอนั่งเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์และสู้กับอาการซึมเศร้าในอพาร์ตเมนต์เก่าๆ อย่างไม่เหน็ดเหนื่อย โรว์ลิ่งจำได้ว่าโมเมนต์นั้นเป็นช่วงเวลาที่เธอไม่เคยลืมเลยว่ามันสำคัญ

 

ศรัทธาในตัวเอง

หลังจากที่สำนักพิมพ์เหล่านั้นปฏิเสธงานของโรว์ลิ่ง เธอก็ยังคงยืนกรานและเชื่อมั่นในตัวเองว่าสักวันงานเขียนของเธอจะต้องได้ตีพิมพ์ เธอบอกว่า "เราสามารถเปลี่ยนโลกได้ด้วยจินตนาการของเราหากเราเลือกที่จะเชื่อว่าเราทำได้ เราไม่ต้องการเวทมนตร์สำหรับสิ่งนั้น มันอยู่ในตัวเราตลอดเวลา” นั่นจึงเป็นเหตุให้เจ.เค.โรว์ลิ่งยังคงส่งต้นฉบับต่อไป เธอทำแม้กระทั่งแปะจดหมายปฏิเสธครั้งแรกของเธอไว้ที่ผนังห้องครัวเพื่อเป็นแรงจูงใจ

การที่โรว์ลิ่งถูกปฏิเสธมาโดยตลอดแต่ยังความมุ่งมั่นที่จะดำเนินต่อไป คือสาเหตุที่เธอเป็นหนึ่งในนักเขียนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น การเชื่อมั่นในตัวเองและการอยู่ในเส้นทางที่เราเลือกเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุความยิ่งใหญ่! ทำแบบเธอสิ เชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง แล้วสักวันจะกลานเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่แบบเจ.เค.โรว์ลิ่ง!!

 


(via: Maria Claire)
 

มันมีความหวาดกลัวซ่อนอยู่เสมอ แต่จงทำต่อไป

"ก้าวออกจากเซฟโซนของตัวเอง อย่าปล่อยให้ความหวาดกลัวในความล้มเหลวรั้งเรา จากนั้นลงมือทำ" คือคำแนะนำที่เจ.เค.โรว์ลิ่งเขียนไว้บนเว็บไซต์ของตัวเอง "ความกลัวความล้มเหลวเป็นสาเหตุที่น่าเศร้าที่สุดในโลกที่จะทำให้คุณไม่ทำสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำ" เธอเขียน "ในที่สุดฉันก็พบความกล้าที่จะเริ่มส่งต้นฉบับเล่มแรกของฉันให้กับตัวแทนและผู้จัดพิมพ์ในเวลาที่ฉันรู้สึกว่ามันล้มเหลวอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นฉันตัดสินใจว่าจะลองทำสิ่งหนึ่งที่ฉันสงสัยว่าจะทำได้ และถ้ามันไม่ได้ผลดีฉันจะต้องเผชิญกับความเลวร้ายและมีชีวิตรอด"

ความกลัวเป็นเรื่องจริง มันน่ากลัวนะที่จะเสี่ยงและกระโดดลงไปในสิ่งที่ไม่รู้ เช่นเดียวกับตัวละครจากแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นแหละ พวกเขามีช่วงเวลาที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้าเพื่อหยุดความชั่วร้ายจากโวลเดอมอร์ แต่พวกเขาก็เอาชนะความกลัวตัวเองได้ ตัดภาพมาที่เรา แทนที่จะหนีจากสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกกลัว ตรงกันข้าม จงหยิบมันมาใช้เป็นแรงจูงใจเพื่อผลักดันเราไปสู่เป้าหมายและความฝันของตัวเอง

 

ความล้มเหลวช่วยให้คุณค้นพบตัวเอง

ต่อจากข้อด้านบน ไม่มีใครชอบความล้มเหลว แม้ว่าความล้มเหลวจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตก็ตาม ไม่ว่ายังไง พวกเราส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงความล้มเหลวให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ...ถ้าเราหนีมันไม่พ้น? คำตอบง่ายๆ ก็คือ เผชิญหน้ากับมันอย่างตั้งใจไปเลย!!

เช่นเดียวกับเจ.เค.โรว์ลิ่ง ในชีวิตเธอเองก็ผ่านความล้มเหลวมาหลายรูปแบบ ทั้งชีวิตคู่ที่ไปไม่รอด หรือการตกงาน รวมทั้งการถูกปฏิเสธจากสำนักพิมพ์มานับไม่ถ้วน แต่ด้วยความฮึดสู้และไม่ย่อท้อ เธอดิ้นรนเลี้ยงลูกและเขียนนิยาย จนในที่สุดนิยายของเธอก็ผ่านการพิจารณาสักที  

เมื่อพูดถึงความล้มเหลว โรว์ลิ่งกล่าวว่าเธอต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า เธออยู่ตรงไหนในชีวิต มันไปถึงเป้าหมายแล้วหรือยัง จากนั้นเธอจึงให้ความสำคัญกับพลังทั้งหมดของเธอในการเขียนหนังสือให้เสร็จสมบูรณ์ "หากฉันประสบความสำเร็จในสิ่งอื่น ฉันอาจไม่พบกับความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในพื้นที่ๆ ฉันเป็นเจ้าของอย่างแท้จริง" เธอกล่าว 

นอกจากนี้ในระหว่างการสัมภาษณ์หลายครั้ง โรว์ลิ่งได้กล่าวว่าเมื่อเธอออกจากสำนักพิมพ์หนึ่งไปยังอีกหนึ่งพร้อมกับต้นฉบับของเธอในมือ เธอหวังว่าหนังสือของเธอจะผ่านการพิจารณาจากหนึ่งในนั้น แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดในชีวิต แต่เธอก็ได้ค้นพบตัวเอง! 

"ความล้มเหลวทำให้ภายในของฉันปลอดภัยแม้ว่าฉันจะสอบตกก็ตาม (สอบตก - ชีวิตที่ล้มเหลว) ความล้มเหลวสอนให้ฉันได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเอง มันคงไม่มีอะไรสอนฉันได้นอกจากสิ่งนี้ ฉันค้นพบว่าฉันมีความมุ่งมั่นและมีวินัยมากกว่าที่ฉันเคยสงสัย ความพ่ายแพ้ทำให้คุณได้รับความรู้บางอย่าง เช่นฉลาดและแข็งแกร่งขึ้น นั่นหมายความว่า คุณจะปลอดภัยในการอยู่รอด คุณจะไม่มีวันรู้จักตัวเองหรือจุดแข็งของความสัมพันธ์ของคุณได้เลย จนกว่าทั้งคู่จะผ่านการทดสอบจากความทุกข์ยาก ความรู้ดังกล่าวเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับทุกสิ่งที่ได้รับอย่างเจ็บปวดและมันมีค่ามากกว่าวุฒิการศึกษาใดๆ ที่ฉันเคยได้” 

 

ปลดปล่อยจินตนาการอย่างเต็มที่

หนึ่งในธีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดจากซีรี่ส์แฮร์รี่ พอตเตอร์คือ "ความเชื่อมั่นในตนเอง" ที่จะเปลี่ยนชะตากรรมของพวกเขาได้ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตัวละครหลักของเรื่องเผชิญกับการทดสอบและความยากลำบากที่ไม่มีเด็กวัยรุ่นธรรมดาคนไหนจินตนาการได้ จากการสูญเสียพ่อแม่ของเขาตั้งแต่ยังเด็กจนถึงเกือบจะถูกเหล่าพ่อมดแม่มดทรงพลังฆ่าตายหลายครั้ง ดูเหมือนว่าไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่พ่อมดรุ่นเยาว์คนนี้จะมีช่วงเวลาแห่งความสงบสุข

แฮร์รี่ต้องต่อสู้กับเจ้าแห่งศาสตร์มืดเพื่อปกป้องโลกเวทมนตร์ (และมักเกิ้ล) แฮร์รี่จะไม่ใช่ฮีโร่ของเรื่องอย่างแท้จริง ถ้าเขาไม่มีความกล้าหาญ เจ.เค.โรว์ลิ่งใช้ความมุ่งมั่นของแฮร์รี่เป็นแบบอย่างที่ดีให้ทุกคนติดตาม ใช่ แฮร์รี่มีเวทมนตร์ แต่เราทุกคนก็มีเวทมนตร์อยู่ภารในเพื่อรอวันปลดปล่อย ด้วยการใช้จินตนาการในการเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ โดยเฉพาะสำหรับนักเขียน งานเขียนนี่แหละคือเครื่องมือที่เปลี่ยนโลกได้เลย ดังเช่นที่เจ.เค.โรว์ลิ่งเคยกล่าวไว้ว่า "จินตนาการไม่ได้เป็นเพียงขีดความสามารถของมนุษย์ในการมโนภาพถึงสิ่งที่ไม่ได้เป็นความจริง แต่เป็นความสามารถของมนุษย์ที่เป็นการรวมเอาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมเข้าไว้ด้วยกัน” เพราะงั้นในฐานะนักเขียน เราจะต้องสามารถจินตนาการและฝันได้ จงใช้จินตนาการอย่างหนักในขณะที่เขียนนิยาย เฉกเช่นกับโรว์ลิ่งทำ

 

............
 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับกฎแปลกๆ ที่เจ.เค.โรว์ลิ่งทำอย่างไม่เป็นทางการทั้งหมด 10 ข้อที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝาก เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งสำคัญที่ทำให้เจ.เค.โรว์ลิ่งประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เพราะเธอลงมือเขียน แต่เธอมีศรัทธา มีความพยายามและมุ่งมั่นที่จะทำความฝันให้เป็นจริง แม้ว่างานเขียนของเธอจะแตกต่างกับหนังสือเด็กยุค 90 ทั่วไป ทั้งตัวละครเอกที่เป็นเด็กชาย โรงเรียนประจำเป็นคำสาปแช่ง และหนังสือเด็กที่ยาวเกิน 45,000 คำ! แต่เธอก็มีงานเขียนที่ตีพิมพ์และ "แฮร์รี่ พอตเตอร์" กลายเป็นที่รักของคนทั่วโลก เช่นเดียวกับพวกเราทุกคนนั่นแหละค่ะ ถ้าศรัทธา มุ่งมั่นและมีความพยายามทุ่มเท พี่เชื่อว่ายังไงก็ต้องกลายเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับเจ.เค.โรว์ลิ่งแน่นอน เป็นกำลังใจให้นะคะ

พี่น้ำผึ้ง :)

ขอบคุณข้อมูล

https://thriveglobal.com/stories/jk-rowling-decision-success-wisdom/
https://www.jkrowling.com/

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด