แจกทริค 5 ข้อสำหรับนักเขียนจอมขี้เกียจที่อยากเขียนนิยายได้สักที!

แจกทริค 5 ข้อสำหรับนักเขียนจอมขี้เกียจ
ที่อยากเขียนนิยายได้สักที! 

สวัสดีค่ะนักเขียนชาวเด็กดีทุกคน ใครที่เคยรู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำอะไรเลยทั้งๆ ที่เราต้องทำ ไม่อยากแม้แต่จะเผชิญหน้ากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ พยายามหาข้ออ้างว่าต้องทำนั่นทำนี่ไปเรื่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเขียนนิยาย ใครที่เคยมีอาการแบบนี้อย่าเพิ่งคิดว่าเรากำลังอยู่ในอาการหมดไฟกันนะคะ ลองพิจารณาจากสิ่งที่เราทำกันก่อนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้เราไม่ได้เขียนนิยายเลย เพราะสาเหตุที่แท้จริงอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ ที่เรามองข้ามกันไปก็ได้เช่น “ความขี้เกียจ” ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของนักเขียนแทบทุกคนนั่นไงล่ะ 

พี่แนนนี่เพนอยากให้นักเขียนทุกคนรู้สึกว่าตัวเอง “ขี้เกียจ” มากกว่า “หมดไฟ” นะคะ เพราะว่ากันตามตรงแล้ว คนที่หมดไฟจะมีผลกระทบทางจิตใจมากกว่าคนที่รู้สึกว่าตัวเองขี้เกียจ แล้วอาการของคนขี้เกียจก็เป็นเพียงอาการชั่วครั้งชั่วคราว เพียงแค่ทำอะไรเฉื่อยชาไปบ้าง และอยู่ในหมวดหาความสุขให้ตัวเองเท่านั้นเอง ขณะที่อาการหมดไฟนอกจะทำให้เขียนนิยายไม่ได้เหมือนอาการขี้เกียจแล้ว ยังทำให้คนที่รู้สึกหมดไฟไม่มีความสุข และหดหู่กับการทำสิ่งต่างๆ จนนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย ซึ่งใครที่ตอนนี้ไม่ค่อยได้เขียนนิยายเลย พี่ก็ขอให้คิดเอาไว้ก่อนว่าเราแค่กำลังรู้สึกขี้เกียจเท่านั้นเองค่ะ พี่เชื่อว่าเรายังมีไฟในการเขียนนิยายอยู่ และหวังว่าคู่มือฉบับนักเขียนจอมขี้เกียจที่นำมาเล่าต่อในวันนี้ จะทำให้ทุกคนเห็นข้อดีของความขี้เกียจ และกลับมาเขียนนิยายกันได้อีกครั้งนะคะ 
 


 

ทริค 5 ข้อสำหรับนักเขียนจอมขี้เกียจ!

1. จงมีเวลาที่เป็นของคุณเพียงคนเดียว = เขียนตอนไหนก็ได้ตามใจเลย

แม้ว่านักเขียนชื่อดังกว่า 37 คนจากทั่วโลกจะมีช่วงเวลาในการเขียนนิยายที่ค่อนข้างเป็นชีวิตประจำวัน แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนนักเขียนหล่านั้นก็ได้นะคะ เพราะนักเขียนทุกคนต่างมีแบบแผนและวินัยในการทำงานที่แตกต่างกัน การที่เราไม่ได้กำหนดเวลาทำงาน หรือมีเวลาเขียนนิยายที่ค่อนข้างน้อยเพราะต้องไปทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต ก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย ถือเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ เขาก็เป็นกัน ยิ่งถ้าเราไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ แต่ก้าวเข้าสู่เส้นทางนักเขียนเพราะความชอบ และงานอดิเรกแล้ว เรายิ่งไม่จำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องของเวลา และปริมาณการเขียนนิยายลยค่ะ เพราะการเขียนนิยายของเรานั้นขึ้นอยู่กับความสุข เราจะบังคับตัวเองให้เขียนนิยายจบๆ ไปแบบที่เราเองก็ไม่มีความสุขไปทำไมคะ 

ดังนั้นนี่อาจเป็นคำถามข้อแรกที่นักเขียนจอมขี้เกียจต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่า เราเขียนนิยายไปทำไม ถ้าหากการเขียนนิยายเป็นความสุขของเราจริงๆ อย่าไปกังวลเรื่องการเขียนได้น้อย หรือไม่ค่อยมีเวลาเขียนเลยค่ะ เพราะความสุขของเรากำหนดช่วงเวลาไม่ได้นั่นเอง และแม้ว่าคำตอบของเราจะไม่ใช่ความชอบ แต่เป็นเพราะเราแค่อยากเขียนนิยายก็ตาม ถ้าเราอยากทำมันมากพอในวันใดวันหนึ่ง ช่วงเวลานั้นถือเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับคุณเพียงคนเดียว อย่าปล่อยมันไปล่ะ
 


 

2. มีช่วงเวลาบนโลกโซเชียล = มีอะไรน่าสนใจจนอยากเอามาเขียนนิยายไหม

ฟรีไทม์ไปเลยค่ะนักเขียนจอมขี้เกียจทุกคน เชื่อไหมว่าต่อให้เรารู้สึกว่าขี้เกียจเขียนนิยายแค่ไหนก็ตาม แต่ร่างกายและจิตใจของเราก็ยังมีแรงเหลือเฟือเพื่อทำสิ่งต่างๆ ได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง หรือแม้แต่การไปวิ่งออกกำลังกาย เราทำได้หมดทุกอย่างยกเว้นไปเขียนนิยายนี่แหละ ที่ไม่รู้ทำไมถึงต้องอาศัยจังหวะเหมาะๆ เท่านั้น ทริคในข้อนี้จึงเป็นการชวนนักเขียนทุกคนมาผ่อนคลายร่วมกัน ด้วยการตะลุยท่องโลกโซเชียลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรืออินสตาแกรม ขอเพียงแหล่งที่เรากำลังจะไปนั้นมีชุมชนคนออนไลน์อยู่ ภารกิจของทริคนี้ก็ค่อนข้างสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง เพราะภารกิจหลักที่แท้จริงของการใช้เวลาบนโลกโซเชียลก็คือ การหาไอเดีย หรือแรงบันดาลใจในแต่ละวันนั่นเอง เนื่องจากนักเขียนจอมขี้เกียจไม่ใช่คนที่เขียนนิยายได้ทุกวัน ดังนั้น การกระตุ้นตัวเองด้วยการเล่นโซเชียล ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราผ่อนคลายได้ง่ายๆ ทั้งยังมองเห็นกระแสของโลกว่าตอนนี้คนกำลังให้ความสนใจกับอะไร และเอามาเขียนเป็นนิยายได้ไหม
 


 

3. คุณต้องการใครสักคนที่รู้จักคุณดี = คนที่สามารถจู้จี้จุกจิกกับคุณได้  

สำคัญและเร่งด่วน
สำคัญ แต่ไม่เร่งด่วน
ไม่สำคัญ แต่เร่งด่วน
ไม่สำคัญ และไม่เร่งด่วน

ลำดับความสำคัญทั้ง 4 ข้อนี้ ไม่รู้ว่านักเขียนจอมขี้เกียจเคยได้ยินได้ฟังกันมาบ้างรึเปล่า เพราะมันคือเคล็ดลับการทำสิ่งต่างๆ เพื่อให้เรามีเวลามาทำในสิ่งที่เรารักมากขึ้นนั่นเอง ทริคข้อนี้เป็นทริคที่ค่อนข้างมั่นใจว่าจะช่วยนักเขียนให้กลับมาเขียนนิยายได้อีกครั้ง เนื่องจากความขี้เกียจ เป็นเพียงนิสัยอย่างหนึ่งเท่านั้นที่สามารถแก้ไขปรับเปลี่ยนได้ แต่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือในช่วงเริ่มต้น เราควรมีคนที่ไว้ใจได้ หรือรู้จักเราดีคอยอยู่เคียงข้าง เพื่อช่วยผลักดันความขี้เกียจให้มีรูปร่างที่เป็นระเบียบชัดเจนมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น เราต้องตื่นนอนตอนเช้าก่อน 8 โมงทุกวัน นาฬิกาปลุกคือผู้ช่วยชั้นดีที่คอยจู้จี้จุกจิกให้เราตื่นตามช่วงเวลาต่างๆ ที่เราตั้งปลุกไว้ และตื่นทันตามเวลาที่กำหนด ขณะเดียวกัน เราจะหาคนที่ไว้ใจขนาดนี้ได้จากไหนกันล่ะ ความจริงแล้วคนที่รู้จักเราดีที่สุดก็คือ ตัวเรา นั่นเอง ในเมื่อการกำหนดเวลาก็ยังไม่สามารถทำให้เราเขียนนิยายได้ ดังนั้น เราต้องกำหนดลำดับความสำคัญตาม 4 ข้อข้างต้นนี้ให้ได้ด้วยตัวเอง แล้วมาดูกันว่าอะไรในชีวิตคุณที่สำคัญกว่าการเขียนนิยาย และการเขียนนิยายสำคัญสำหรับคุณแค่ไหน!  
 

4. อ่านตอนก่อนหน้าทุกครั้งก่อนเขียน = กลับไปยังพล็อตเดิม

เคยเขียนไปในบทความหนึ่งว่าให้ตัดใจทิ้งสิ่งเดิมไปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นประโยคหรือข้อความที่เรารู้สึกชอบมากๆ ก็ตาม จงตัดมันทิ้งไปเพราะมันทำให้เราไปต่อไม่ได้ เขียนนิยายต่อไม่ออก แต่ทริคข้อนี้ต้องขอกลับคำ เพราะไม่เหมาะกับนักเขียนจอมขี้เกียจเอามากๆ แม้ว่าเราจะมีเวลามาเขียนนิยาย รู้สึกว่าเวลานี้แหละฉันพร้อม ฉันเขียนได้ แต่ด้วยความที่เราห่างหายจากการเขียนมานาน อาจทำให้เราต่อไม่ติด นอกจากเราจะเริ่มเรื่องใหม่อีกครั้ง ซึ่งก็อาจจะกลับไปอยู่ที่จุดเดิมๆ คือเขียนตอนต่อไปไม่ออกอีก ดังนั้น วิธีง่ายๆ ในข้อนี้ คือกลับไปอ่านงานเดิมของเราทุกครั้งเมื่อมีโอกาส จะแก้ไข หรือรีไรต์นิยายไปด้วยก็ได้ เพราะมันทำให้เรานึกเรื่องราวออกมาได้ง่ายขึ้นว่าตอนต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และแม้ว่าการกลับไปอ่านงานเดิมทุกครั้งก่อนลงมือเขียนนิยายจะทำให้เราค่อนข้างเสียเวลาไปบ้าง แต่ว่าสิ่งที่เราได้กลับมานั้นคุ้มค่าพอที่จะเสียเวลาเพื่อสร้างจินตนาการให้กลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง 
 


 

5. ทำสิ่งเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ = ไม่ผัดวันประกันพรุ่ง 

เมื่อเราไม่มีทั้งเวลา หรือไอเดียมาเขียนนิยาย จะเป็นไปได้ไหมที่เราจะตั้งเป้าหมายให้ตัวเองทำสิ่งต่างๆ ที่เล็กน้อย และไม่รบกวนชีวิตประจำวันของเรามากจนเกินไป อย่างน้อยก็ควรตั้งเป้าหมายในการเขียนนิยายที่ชัดเจน และไม่ทำให้การเขียนนิยายดูเป็นภาระหน้าที่ที่ต้องทำ โดยเราสามารถเริ่มง่ายๆ ด้วยการเขียนพล็อตเรื่อง วางโครงเรื่อง ลำดับตอน การหักมุม การตั้งชื่อตัวละคร หรือแม้แต่การหาฉากที่อยากให้มีในนิยายของเรา ซึ่งเราสามารถทำเรื่องราวเหล่านี้ได้ในแต่ละวันแบบง่ายๆ แล้วค่อยนำมาประกอบกันเป็นขั้นเป็นตอนในภายหลังก็ได้ เช่น การตั้งชื่อตัวละคร เราอาจจะใช้เวลานานเป็นสัปดาห์เพื่อหาชื่อที่ดีที่สุดก็ได้ และช่วงเวลาเหล่านั้นในแต่ละวันไม่สูญเปล่าไปแน่นอน เพราะชื่อตัวละครแต่ละตัวสามารถกำหนดทิศทางการเล่าเรื่องในนิยายของเรา และทำให้เราเห็นภาพรวมของนิยายมากขึ้นอีกด้วย เห็นไหมล่ะว่าการเริ่มทำจากสิ่งเล็กๆ ก็ทำให้เกิดสิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้เหมือนกันนะ ขอเพียงเราค่อยๆ ทำสิ่งเล็กๆ นี้ทุกวัน ไม่พยายามผัดวันประกันพรุ่ง นิยายของเราก็จะเสร็จสมบูรณ์ในวันใดวันหนึ่งได้แน่นอนค่ะ
 


ทริคทั้ง 5 ข้อนี้ไม่ยากเกินความสามารถของนักเขียนจอมขี้เกียจทุกคนแน่นอนค่ะ เพราะนี่คือชีวิตประจำวันของทุกคน ที่มีวิธีการใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง จำไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตนักเขียนเหมือนใคร ถ้าเราขี้เกียจ เราก็แค่ทำให้ความขี้เกียจของเรามีประโยชน์ในทางใดทางหนึ่ง ยิ่งถ้าเราเป็นนักอยากเขียนด้วยแล้ว ลองพยายามทำให้การเขียนนิยายสมดุลกับวิถีชีวิตของเราให้มากที่สุด แล้วเราจะพบว่าการปรับเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างในชีวิตเพื่อมาเขียนนิยาย ก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขน้อยลงเลยค่ะ เพราะเรายังเป็นนักเขียนจอมขี้เกียจได้เหมือนเดิมนั่นเอง! 

พี่แนนนี่เพน

ขอบคุณรูปภาพจาก
www.unsplash.com

Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด