แชร์ 7 เทคนิคจดโน้ตสร้างไอเดีย เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาแต่ขาดแรงบันดาลใจมากๆ

แชร์ 7 เทคนิคจดโน้ตสร้างไอเดีย
เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาแต่ขาดแรงบันดาลใจมากๆ 

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน ช่วงนี้เห็นนักเขียนหลายคนบ่นว่ามีเวลาแต่ไม่ค่อยมีแรงบันดาลใจมาเขียนนิยายเลย พี่แนนนี่เพนเลยอยากมาแชร์เทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการจดโน้ตสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ลองเอาไปใช้กันดูค่ะ จริงๆ มันเป็นวิธีที่พี่ใช้เวลาทำงานบ่อยมากๆ โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ต้องทำงานจากที่บ้านเป็นหลัก พี่เข้าใจดีเลยว่าต่อให้เรามีเวลา แต่ถ้าขาดแรงบันดาลใจเมื่อไหร่ งานของเราก็จะยิ่งเสร็จช้ามากขึ้นเท่านั้น ใครที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน เช่น เขียนนิยายไม่ออก หรือรู้สึกตัน มาลองดูไอเดียที่พี่นำมาฝากกันเลยค่ะ 
 


 

Note #1 จดโน้ตเมื่อเจอสิ่งที่ชอบ

ทริคข้อแรกที่จะแนะนำให้น้องๆ ทุกคนได้รู้จักกันก็คือ การจดโน้ตเมื่อเจอสิ่งที่เราชอบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นประโยคจากหนังสือ จากซีรีส์ จากเพลง หรือบางครั้งเราอ่านนิยายแล้วชอบพล็อต หรือชอบฉากจากนิยายเรื่องนั้นๆ เราก็แค่บันทึกทุกสิ่งที่เราเจอแล้วรู้สึกชอบเก็บเอาไว้ให้มากที่สุด เพราะโน้ตเหล่านี้จะกลายเป็นห้องแห่งความทรงจำขนาดเล็กให้เราได้เข้าไปตามหาสิ่งที่เราเคยชอบ และค้นคว้าหาสิ่งที่เราอยากจะเขียนมันขึ้นมาในนิยายของเรานั่นเอง แต่จงจำไว้ว่าโน้ตที่เราจดขึ้นมาเป็นเพียงแรงบันดาลใจเท่านั้น อย่าได้ลอกมันมาเป็นผลงานของเรากันล่ะ 
 

Note #2 จดโน้ตด้วยภาพ

จริงๆ ไอเดียที่พี่จดเก็บไว้จะอยู่ในโทรศัพท์เป็นส่วนใหญ่เลยค่ะ มีทั้งการบันทึกข้อความไว้ในโน้ต หรือไม่ก็ถ่ายรูป บันทึกภาพเก็บเอาไว้ก่อน วิธีนี้ค่อนข้างเก็บไอเดียได้เร็ว และลืมได้เร็วเช่นกันค่ะ ดังนั้น พี่จึงใช้วิธีการทบทวนในแต่ละวันก่อนนอน ด้วยการเปิดโน้ต หรือภาพถ่ายเพื่อตรวจเช็คไอเดียเหล่านั้นดูอีกครั้ง และจัดเก็บเอาไว้ให้เป็นระเบียบ เวลาที่ต้องการแรงบันดาลใจก็เข้าไปดูได้ทันทีเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปหาไอเดียจากที่ไหน เพราะมันเป็นไอเดียที่เราชอบอยู่แล้วนั่นเอง 
 

Note #3 จดโน้ตที่สร้างแรงใจ

ทริคข้อนี้ขอใช้เพื่อหากำลังใจก็แล้วกันค่ะ การจะสร้างผลงานขึ้นมาชิ้นหนึ่งนั้น แน่นอนว่าเราต้องอยากได้ผลตอบรับจากคนอ่านอยู่แล้ว อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้เราเขียนงานต่อไปได้ หรือไม่ก็เพื่อเอาไปพัฒนางานให้ดียิ่งขึ้น โน้ตในข้อนี้เลยอยากให้ทุกคนได้ย้อนกลับไปหากำลังใจกันก่อน สำหรับบางคนที่อาจจะมีคอมเมนต์น้อย หรือไม่มีคอมเมนต์เลยก็อย่าได้เสียใจไปเลยค่ะ พี่ก็เคยเจอมาเหมือนกัน อยากให้ลองคิดกันในแง่ดีว่าเราจะต้องสร้างผลงานที่มีคนมาคอมเมนต์งานของเราให้ได้ แล้วเราจะอยากลงมือเขียนผลงานที่ดีออกมาค่ะ พี่เชื่อว่าต้องมีสักคนที่มองเห็นความพยายามของเราแน่นอนค่ะ
 


 

Note #4 จดโน้ตให้เห็นปัญหา

บางครั้งเราก็มักจะทำผิดพลาดในเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทริคข้อนี้อยากให้ทุกคนจดปัญหาที่เจอเก็บไว้ค่ะ ทั้งตัวเราที่เป็นปัญหา และปัญหาที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวเรา พี่เชื่อว่าการจดบันทึกข้อผิดพลาดของตัวเองไว้จะทำให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการเขียนนิยาย ที่เราไม่ควรมองข้ามปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจทำให้เกิดอุปสรรคในการเขียนนิยาย เช่น เรามีเวลาเขียนนิยายน้อย พอมีเวลาก็ไม่มีแรงบันดาลใจมาเขียนนิยาย แนะนำให้ลองจดปัญหานี้ไว้ และหาทางแก้ไขโดยด่วน แต่ๆๆๆ ไม่ว่าเราจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีไหนก็ตาม อย่าลืมย้อนกลับมาอ่านทบทวนปัญหาของเรา เพื่อดูว่าเราผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้หรือยัง ถ้าทำได้แล้วก็ขีดฆ่ามันไปซะ แต่ถ้ายังทำไม่ได้ก็ลองอ่านข้อต่อไปนี้กัน
 

Note #5 จดโน้ตเมื่อคิดได้กะทันหัน 

ความคิดแวบแรกมักจะทำได้จริง และน่าสนใจเสมอค่ะ จากที่ได้พูดคุยกับนักเขียนมาเยอะมากๆ หลายๆ คนชอบบอกว่าอยู่ๆ ก็ปิ๊งไอเดียต่างๆ ขึ้นมากะทันหัน ไม่ว่าจะนอน เดิน วิ่ง หรือกำลังจะหลับก็ตาม อยู่ก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมาจนอยากเอามาเขียนนิยาย ตรงจุดนี้ค่อนข้างแสดงให้เห็นว่าแรงบันดาลใจเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา อยู่ที่เราจะจดมันเก็บไว้ หรือปล่อยผ่านไปเหมือนไม่เคยนึกอะไรแบบนี้ขึ้นมา พี่ขอแนะนำให้ต่อไปจดเก็บมันไว้ค่ะ แม้จะเป็นแค่เรื่องไร้สาระ หรือแฟนตาซีสุดๆ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งฉากในนิยายของเราจะต้องการไอเดียเหล่านี้ขึ้นมา อย่างในหลายๆ งานที่พี่เขียนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดได้ตอนก่อนนอนนี่แหละค่ะ คิดได้ปุ๊ปก็จดปั๊ป ตอนนี้เลยมีไอเดียอยากเขียนอะไรเยอะเลย 
 

Note #6 จดโน้ตด้วยคีย์เวิร์ด

ข้อนี้ช่วยได้แน่นอนค่ะ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีเวลา แล้วจะต้องใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นในการเขียนนิยายออกมาให้ได้ ในช่วงเวลาที่จำกัดนี้ อยากให้ทุกคนได้ลองคิดว่าตอนนี้นิยายดำเนินมาถึงจุดไหนแล้ว และนิยายของเรามีคีย์เวิร์ดที่สำคัญอย่างไรบ้าง จากนั้นให้เราจับคีย์เวิร์ดที่เขียนไว้ นำมาเขียนเป็นนิยายในตอนนั้นๆ โดยเราต้องจำได้นะคะว่านิยายเราดำเนินเรื่องถึงไหนแล้ว และภาพรวมทั้งเรื่องเป็นอย่างไร เราจึงจะสานต่อนิยายในตอนนั้นๆ ได้ค่ะ ตัวอย่างเช่น ตอนก่อนหน้าจบลงด้วยปมปริศนาหนึ่ง ในตอนถัดไปควรเป็นเรื่องราวของการตามหาปริศนา หรือเราอยากจะปล่อยปมนี้ไว้ก่อน แล้วเริ่มเส้นทางใหม่ นี่ก็เป็นวิธีการคิดที่ทำให้เรามีทางเลือกในการเขียนนิยายมากขึ้น และขึ้นอยู่กับว่าไอเดียในหัวเราตอนนั้นอยากจะเล่าไปในทิศทางไหนด้วยค่ะ 
 


 

Note #7 จดโน้ตต่อยอดไอเดีย

ต่อยอดจากข้อก่อนหน้าเลยค่ะ ไม่ว่าน้องๆ จะชอบเขียนแบบด้นสด หรือมีพล็อตเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้ว แนะนำให้ทุกครั้งที่เขียนนิยายจบในตอน ลองเขียนต่อเนื่องอีกสักเล็กน้อย หรือไม่ก็ลองเขียนคีย์เวิร์ด หรือเรื่องย่อที่จะเกิดขึ้นในตอนต่อไปแบบคร่าวๆ ไม่ต้องสมบูรณ์มากก็ได้ค่ะ การเขียนต่อเนื่องเป็นการลดช่องว่างของการข้ามฉาก และช่วยให้เราต่อยอดไอเดียเดิมได้ง่ายๆ ตรงนี้ต้องจดไว้จริงจังเลยค่ะ แนะนำให้ทิ้งรายละเอียดของไอเดียไว้บ้าง เพื่อไม่ให้ตัวเราในอนาคตต้องเสียเวลาไปกับการหาแรงบันดาลใจค่ะ 
 

พี่เชื่อว่าตอนที่เราเขียนนิยายไม่ออก เรามักจะคิดว่าเราเริ่มต้นจากศูนย์ แต่แท้จริงแล้วเราไม่เคยเริ่มต้นจากศูนย์เลยค่ะ ทุกคนล้วนมีความชอบที่สร้างแรงบันดาลใจ เพียงแค่เราอาจจะหลงลืมมันไปบ้างในบางครั้ง ฉะนั้นการจดโน้ตเก็บไว้ก็เป็นวิธีค้นหาแรงบันดาลใจที่เราทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเขียนนิยาย โน้ตเหล่านี้จะช่วยให้เรามีไอเดียในการเล่าเรื่องมากขึ้นแน่นอนค่ะ สำหรับทริคที่นำมาแชร์กันในวันนี้ ไม่จำเป็นต้องเอาไปใช้ครบทุกข้อนะคะ ลองเอาไปปรับใช้ตามปัญหาที่เราเจอกันได้เลยค่ะ ^^

พี่แนนนี่เพน

ขอบคุณรูปภาพจาก
www.unsplash.com


Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

2 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กระต่ายเริงระบำ Member 5 พ.ค. 63 23:44 น. 2

เราเองก็จดโน๊ตทุกครั้งเวลาไอเดียผุด ถึงจะเป็นแค่ประโยคสั้นๆ ก็ละเลยไม่ได้ แน่นอนว่าลืมบ่อยๆ ด้วยเหมือนกันค่ะ ถถถถถ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด