นางสาววรรณา นักเขียนผู้เปลี่ยนฝันเป็นรายได้
ช่วยครอบครัวสู้โควิด
สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน สำหรับนักเขียนที่พี่หญิงพามาแนะนำให้รู้จักกับทุกคนในวันนี้บอกเลยว่า เป็นสาวน้อยที่เต็มไปด้วยพลังบวก มองโลกในแง่ดี และสามารถทำให้ทุกคนยิ้มได้เพียงแค่ได้พูดคุย และอ่านนิยายของเธอ
แม้เธอจะเคยยอมแพ้ในเส้นทางนักเขียนไปแล้วครั้งหนึ่ง หยุดเขียนนิยายไปตั้งแต่เริ่มต้นได้ไม่กี่ตอน แต่ด้วยความรัก และความหลงใหลในการเขียนนิยาย มันก็ทำให้ในที่สุดแล้ว นางสาววรรณา ได้ย้อนกลับมาในเส้นทางนักเขียนอีกครั้ง และคราวนี้ยังมาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่มากกว่าเดิม ตั้งใจลุยงานให้สำเร็จเต็มที่ จนในที่สุดความทุ่มเท พยายามของเธอก็ทำให้นิยายเรื่อง ย้อนเวลารักฉบับซุปตาร์ ได้รับฟีคแบคจากนักอ่านดีเกินคาด แต่สิ่งที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับ นางสาววรรณา ได้สุดๆ เลยก็คือผลงานชิ้นนี้ มันได้กลายเป็นไอเทมลับชิ้นสำคัญที่ทำให้เธอสามารถช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ออกจากสถานการณ์วิกฤติได้สำเร็จ จนเกิดเป็นความภาคภูมิใจเล็กๆ ที่ทำให้เธอมีแรงใจ และพลังในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไป
ในบทสัมภาษณ์นี้ นางสาววรรณา ได้บอกเล่าเรื่องราวในเส้นทางนักเขียนของเธอตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่ผ่านทั้งความล้มเหลว ผิดหวัง การยอมแพ้ จนถึงปัจจุบันที่ตอนนี้ได้ตัดสินใจกลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง พร้อมกับแชร์บทเรียนจากความล้มเหลวครั้งสำคัญ ที่หากใครต้องการเขียนนิยายอย่างมีความสุข และประสบความสำเร็จไม่ควรพลาด!
นางสาววรรณาคือใคร เขียนนิยายมานานหรือยัง
ก็สวัสดีค่ะ ชื่อนางสาว วรรณพร รุ่งน้อย ชื่อเล่นชื่อ ทราย ตอนนี้อายุ 21 ปี กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เขียนนิยายนามปากกา นางสาววรรณา เจ้าของผลงานเรื่อง ย้อนเวลารักฉบับซุปตาร์
เขียนนิยายมานานหรือยัง? ถ้าเอาความจริงทรายเริ่มเขียนพล็อตนิยายต่างๆมาตั้งแต่ อายุ16 หรือ17 นี่ล่ะ มั้งคะ แต่เป็นการเขียนเล่นของเด็กที่ชอบอ่านนิยายแค่นั้นค่ะ ไม่เคยเอาให้ใครอ่านวันๆ ในหัวมีนิยายเรื่องใหม่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด 5555 แต่ถ้าเอาแบบเริ่มลงมือเขียนจริงๆ จังๆ คงเป็นช่วง ปี 62 หรือปี 63 ที่เริ่มอัปนิยายลงเว็บเด็กดี แต่นิยายเรื่องแรกก็แต่งไม่จบนะคะ แล้วก็หายๆ ไปช่วงหนึ่งจนสุดท้ายก็กลับมาเพราะมีเรื่องที่อยากเขียนออกมาให้ได้อยู่ค่ะ
จุดเริ่มต้นการเขียนนิยาย ถ้าจะให้เล่าคงต้องบอกก่อนว่าทรายเป็นคนชอบอ่านนิยายมากๆ มากแบบมากกกกกก เริ่มจากอ่านหนังสือการ์ตูนเริ่มละสิบยี่สิบบาท มันจะมีร้านตั้งแผงขายอยู่หน้าโรงเรียน สำหรับเด็กป.4 หนังสือการ์ตูนตาหวานนี่คือโครตคลาสสิก จากนั้นก็ค่อยๆ เขยิบมาอ่านนิยายเล่มของแจ่มใสอะไรพวกนี้ แต่ที่บ้านทรายไม่ได้ตามใจถึงขนาดอยากได้อะไรก็ได้เลยไม่เคยมีโอกาสได้ซื้อสะสมไว้ แม่คงเห็นว่าชอบอ่านจริงๆ เลยพาไปสมัครสมาชิกร้านหนังสือ ทรายจำได้เลยนะว่าเข้าออกร้านบ่อยมาก
จากนิยายแจ่มใสก็ไปอ่านนวนิยายผู้ใหญ่สมัยก่อนนวนิยานที่แบบนางเอกไม่รู้ไปทำอีท่าไหนต้องไปอยู่กับชีคอาหรับ ทะเลทราย นวนิยายที่พระเอกส่วนใหญ่จะเป็นฝรั่งนางเอกเป็นคนไทย ทรายก็อธิบายไม่ถูก 555 แล้วพอทรายได้โทรศัพท์ก็เริ่มอ่านนิยายในอินเทอร์เน็ต อ่านมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่ได้อ่านนิยายแล้วแบบ ไม่เชิงหงุดหงิดนะ แค่แบบทรายคิดว่ามันน่าจะจบอีกแบบนั่นแหละที่ทำให้เริ่มอยากเขียน แค่อยากเล่าเรื่องๆ หนึ่งออกไปแค่นั้น
แต่ก็อย่างที่เล่าไป ทรายเคยเขียนและเคยล้มเลิกไปก่อนหน้านี้ ส่วนสาเหตุที่กลับมาเขียนนิยายก็เพราะมีเรื่องที่อยากเขียนให้ได้อยู่ค่ะ ซึ่งจะเป็นอะไรถ้าไม่ใช่ ย้อนเวลารักฉบับซุปตาร์ หรือ น้องทับทิมของทรายนั่นเอง 555
เล่าย้อนนิดนึงว่าหลังจากที่ทรายเปิดเรื่องไว้แล้วเขียนไม่จบหลายเรื่องก็มาถึงคราวของ ย้อนเวลารักฉบับซุปตาร์ ที่ทรายลงแรงลงความคิดกับนิยายเรื่องนี้มากๆ แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากเขียนมากๆ คือ พอทรายเริ่มโตมีเงินเก็บทรายก็ขยับพื้นที่การอ่านของตัวเองกว้างขึ้นทำให้ได้อ่านนิยายแปลของหลายประเทศ ทั้งแปลจีน แปลอังกฤษ แต่ดันไปถูกจริตกับนิยายแปลจีนซะส่วนใหญ่ พอได้อ่านแล้วรู้สึกว่าการเดินเรื่อง การเติบโตของตัวละครมันมีเสน่ห์มาก
ทรายถึงตัดสินใจเขียนนิยายเรื่องนี้ออกมา นิยายย้อนเวลารักฉบับซุปตาร์ เป็นนิยายแนว boy’s love ที่ผสมความแฟนตาซีนิดนึงตรงที่ตัวเองได้ย้อนเวลากลับมาแก้ไขอดีต เรื่องจะเน้นไปที่การแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดและทำตามความฝันของทับทิม โดยจะมีสอดแทรกความรักอยู่แต่เอาจริงๆ ทรายพึ่งรู้ตัวด้วยว่าตัวเองเขียนแนวพระนายสวีทกันไม่เก่ง พระนายเรื่องนี้เลยจะรักกันแบบแปลกๆ ไปสักหน่อย 5555
นิยายเรื่องแรก ทำให้เรารู้ว่าไม่ใช่แค่อยากเขียนแล้วจะเขียนได้
ผลงานล่าสุดกับเรื่องแรกนี่ไม่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว จุดที่ทำให้ทรายเขียนนิยายครั้งแรกคือฟีลอ่านนิยายแล้วอยากเขียนเองจริงๆ ค่ะ มันจะมีช่วงหนึ่งที่นิยายหมวด ‘อดีต ปัจจุบัน อนาคต’ ของเด็กดีปังมาก ปังแบบไม่มีอะไรมากั้นทรายเลยลองเข้าไปอ่าน แล้วเรื่องแรกที่ได้อ่านก็คือกระแทกใจเต็มๆ บอกชื่อเรื่องได้ไหม บอกเถอะ เพราะมันทำให้ทรายอยากเขียนแบบอยากเขียนบ้างโว้ยแบบนี้ นั่นก็คือ ‘ชะตาพ่าย นางร้ายข้ามภพ’ คือติดท็อปเด็กดีนานมากจนคนที่ไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้อยากลองกดเข้าไปอ่าน แล้วก็ใช่ค่ะ ประทับใจมาก นางเอกอย่างไป๋อวี้คือเก่งมาก พระเอกอย่างพี่หลงก็คือ อื้อหือ ไม่รู้ด้วยแล้ว แล้วพอเรื่องนี้จบอารมณ์มันค้างอยากอ่านอีกเลยไล่อ่านนิยายในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคตเยอะมาก แล้วมันเหมือนเวลาคันแล้วเกาไม่ถูกจุด เลยเริ่มเอะใจว่าแบบ หรือเราจะไม่ใช่แค่อยากอ่าน เลยลองนั่งคิดเล่นๆ ว่าถ้าจะแต่งจะแต่งแบบไหน
หลังจากนั้นก็เปิดเรื่องเลยค่ะ แต่งไปได้สัก 5 ตอนได้มั้งแล้วก็ตัดสินใจหยุดเขียน
ต้องบอกก่อนว่าการอ่านกับการเขียนมันไม่เหมือนกันเลย เวลาอ่านเราแค่เสพความรู้สึกที่คนเขียนอยากให้รู้สึกแล้วอินไปกับมัน แต่พอทรายได้เขียนปุ๊บคือปวดหัวมากไม่รู้จะบรรยายการกระทำของตัวละครออกมายังไงในหัวภาพที่คิดไหลไปเป็นฉากๆ แต่มือมันไม่ขยับตามเลย มันตื้อ มันตัน ทำให้ทรายรู้ว่าไม่ใช่แค่อยากเขียนแล้วจะเขียนได้
ไม่รู้คนอื่นเป็นไหมแต่ทรายเป็นนะ แบบ ตอนนั้นมีคนติดตามถือว่าเยอะนะสำหรับทราย เรื่องที่เปิดได้ไม่ถึงเดือนกับยอดคนกดเฟบ 500 กว่าคนนี่คือกรี๊ดลั่น บ้าน และเพราะได้อ่านนิยายในหมวดอดีต ปัจจุบัน อนาคต ทำให้ทรายชอบจนเริ่มหานิยายแปลจีนมาอ่าน ตอนแรกก็อ่านแนวย้อนยุค สักพักก็เป็นแนวย้อนเวลา เกิดใหม่อะไรเทือกนี้ เป็นเหตุผลให้เรื่องที่เขียนในตอนนี้เป็นแนวนี้ค่ะ
ส่วนอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลิกเขียนไป เพราะว่าทรายเขียนในเรื่องที่เกินตัวไปหน่อย มันมีคำศัพท์ที่นิยายในหมวด อดีต ปัจจุบัน อนาคต ใช้กันเยอะมากที่ทรายไม่รู้ เขียนไปก็เสิร์ชไปที ทำให้จากที่เขียนไม่ออกอยู่แล้วมันยิ่งแย่ จนช่วงนั้นทรายเลิกอ่านนิยายไปสักพักเหมือนกัน แต่สุดท้ายเพราะใจมันรักทรายก็กลับมาอ่านนิยาย (ความจริงหยุดอ่านไปไม่ถึง 2 อาทิตย์ด้วยซ้ำ ทำพูดเหมือนเลิกอ่านไปนานเนาะ 5555)
นั่นแหละพอกลับมาอ่านหลังจากหยุดไปแป๊บนึงคือทรายรู้เลยว่าตัวเองอ่านนิยายละเอียดมากขึ้น ไม่อ่านข้าม ไล่อ่านและทำความเข้าใจไปกับนิยายมากกว่าเมื่อก่อน จากที่เคยอ่านข้ามบทบรรยายบ้างนะแต่ตอนนี้ไม่เคยเลย ตั้งแต่วันที่กลับมาอ่านจนถึงตอนนี้ทรายโครตจะใส่ใจทุกตัวอักษร คำเชื่อมแต่ละประโยคแล้วอยากให้คนอื่นทำด้วยนะเพราะมันโครตดีเราได้สังเกตุการเชื่อมคำ การใช้คำ เว้นวรรค หรือแม้กระทั่งการตัดจบระหว่างบท พอเริ่มกลับมาเขียนแล้วรู้สึกว่ามันช่วยทรายได้เยอะมาก!
นิยายเรื่องแรก VS เรื่องล่าสุด
ความแตกต่างที่สะท้อนให้เห็นการเติบโต
อันนี้ทรายก็ตอบออกมาเป็นข้อๆ ไม่ได้เหมือนกันนะ ข้อแตกต่างคือยังไงดีนะ ความจริงแค่แนวเรื่องก็แตกต่างกันแล้ว พอแนวเรื่องต่างกันการเขียนก็เลยไม่เหมือนกัน การกระทำของตัวละครก็ไม่เหมือนกัน อ่อ ตอนที่เขียนเรื่องแรกคือทรายตั้งใจเขียนมาก แอบคาดหวังเลยด้วยซ้ำ เข้าดูยอดคนติดตามตลอด มันเลยเป็นการกดดันตัวเองด้วยมั้ง แต่เรื่องนี้ไม่เหมือนกัน ถ้าถามเรื่องความรู้สึกคือตอนที่เขียนนิยายเรื่องนี้ต้องบอกเลยว่ามีความสุขมากที่ได้เขียน ทรายยังตั้งใจเขียนเหมือนเดิม ยังคาดหวังเหมือนเดิม แต่ความคิดไม่เหมือนเดิมเลย เมื่อก่อนเอาแต่คิดว่า ทำไมวันนี้ยอดคนอ่านได้เท่านี้เอง เมื่อไหร่จะติดท็อปเหมือนคนอื่นบ้าง จะติดท็อป 1 ได้ไหม คือนิยายเรื่องแรกทรายคาดหวังไปขนาดนั้นเลยอะ แต่กับเรื่องนี้มันไม่ใช่เลย
ทรายบอกตรงๆ ก็คาดหวังนะกับนิยายเรื่องนี้ มันก็เป็นสิ่งที่มาคู่กันกับความตั้งใจถูกไหม เวลาตั้งใจทำอะไรเราก็อยากให้มันสำเร็จ แต่ทรายแค่ลดคำว่าสำเร็จของตัวเองลงมาให้พอดีกับจุดที่ทรายยืนอยู่ตอนนี้ คนอ่าน 10 คนเหรอ ดีกว่าไม่มีเลยนะ คนติดตาม 5 คนเหรอ เห้ย มี 5 คนนี้ที่รอเราอัปนิยายอยู่นะ
พอคิดได้แบบนี้ก็ทำให้อารมณ์ทรายดีมาก ยิ่งวันไหนคนคอมเมนต์ชมหน่อยนะ สมองทรายแล่นปู๊ดเลย แบบมันภูมิใจที่ตัวเองก็ทำได้ แบบ ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ได้เขียนในสิ่งที่อยากเขียน เนี่ยพอเขียนตอบได้แบบนี้ก็รู้แล้วเพราะอะไรการเขียนของทรายถึงเปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะความคิดของทรายที่โตขึ้น คิดบวกมากขึ้น อาจเป็นเพราะแบบนี้ก็ได้
ขายนิยายออนไลน์ เพราะต้องการช่วยที่บ้านช่วงโควิด
เขียนนิยายตอนแรกไม่เคยคิดจะยึดเป็นอาชีพหลักเลยค่ะ ต้องบอกแบบนี้ก่อนว่าทรายเป็นคนที่ทำงานมาตั้งแต่เด็ก เพราะที่บ้านทำเกี่ยวกับร้านอาหารทำให้ทรายเริ่มทำการตั้งแต่ ม.3 ได้ค่าจ้างแบบคนงานคนอื่นๆ พอจบม.6 ทรายก็หาเงินจ่ายค่าเทอมเองแบบไม่รบกวนที่บ้าน มันเหนื่อยมากเลยนะ แต่ก็เพราะพูดกับแม่ไว้แล้วว่าถ้าสอบไม่ติดที่ๆ อยากเข้าจะหาเงินเรียนเอง และตอนนั้นก็เกเรไปหน่อยไม่ตั้งใจเรียนเลยสอบไม่ติดสุดท้ายเพราะพูดกับเขาไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ ทรายก็ทำงานที่ร้านที่บ้านตอนเสาร์อาทิตย์ ปิดเทอมก็ทำทุกวันจะได้มีเงินจ่ายค่าเทอม เรียนก็หนักงานก็เหนื่อย จนช่วงโควิด19 บ้านทรายเป็นธุรกิจร้านอาหารได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ทั้งร้านในห้างและนอกห้าง
แม่ทรายลำบากมาก ทำให้ทรายเริ่มที่จะลองปล่อยขายนิยายดู แต่อีกใจก็ไม่อยากขายเพราะส่วนตัวทรายก็เป็นคนอ่านนิยายในเว็บเหมือนกัน ทรายอ่านฟรีมาตลอดเลยนะคะแบบอ่านจบทีไรจะรู้สึกขอบคุณนักเขียนที่เขียนนิยายดี ๆ แบบนี้มาให้อ่านจนจบแล้วก่อนเปิดขายทีหลัง แต่ด้วยสถานการณ์ที่บ้านทำให้ตัดสินใจศึกษาระบบอ่านล่วงหน้าของเด็กดีดู ทรายว่ามันดีมากๆ เพราะได้ขายและได้ปล่อยให้อ่านฟรี จนตอนนี้เพราะระบบนี้สร้างรายได้ให้ทรายอีกทางหนึ่ง จากปกติแม่ทรายจะโอนเงินค่ากินค่าใช้อะไรมาให้ แล้วทรายแค่หาค่าเทอมเอง แต่ตอนนี้แม้แต่ค่ากินทรายก็เริ่มไม่ต้องขอแม่แล้วถือว่าเป็นการช่วยที่บ้านอีกแบบหนึ่งแล้วมันก็ทำให้ทรายเห็นทางสร้างรายได้ของตัวเองได้ ทรายภูมิใจกับสิ่งที่ทำมาก
ตอนนี้ทรายอยากยึดอาชีพนักเขียนเป็นอาชีพหลัก แต่สำหรับในอนาคตมันก็เป็นเรื่องที่ทรายต้องหาคำตอบไปเรื่อยๆ ไม่อยากรีบคิดไปไกลขนาดนั้น ทรายไม่ใช่คนที่ชอบวางแผนอะไรยาวๆ ทำวันนี้ให้ดีก่อนเรื่องของพรุ่งนี้ค่อยว่ากันอะไรทำนองนี้ค่ะ
ตอนเปิดขายไม่คิดเลยว่าจะได้ผลตอบรับดี ความจริงทรายตัดสินใจยากเหมือนกันนะกว่าจะเปิดขาย พูดกลับเพื่อนเล่นๆ ว่า เนี่ย ถ้ามีคนซื้อถึง 50 คนละเดี๋ยวเลี้ยงข้าวเลย สรุปก็ต้องพาเพื่อนไปเลี้ยงข้าวค่ะ และสารภาพเลยว่าตกใจมากกับยอดขาย ทรายโคตรตื่นเต้นวันๆ นึงเปิดหน้าวอลเล็ตดูอยู่นั่น
ถามว่ากลัวนักอ่านหายไหมก็กลัวค่ะ เพราะอะไรไม่รู้ รู้แค่ว่ากลัว ส่วนผลตอบรับไม่รู้คนอื่นเป็นยังไงนะ แต่ของทรายนี่หายไปน้อยมาก มีบ้างที่หายไปแต่ก็แนิดเดียวแล้วก็มีคนใหม่ๆ เข้ามาเรื่อยๆ ที่สำคัญเลยผลตอบรับกลับดีเกินขาดมีนักอ่านจำนวนไม่น้อยเลยที่อยากเป็นกำลังใจและแรงสนับสนุน ในจุดนี้ทรายก็ปลื้มใจมากๆ
อ่านมาถึงจุดนี้อาจจะยาวไปหน่อย แต่นี่คือทั้งหมดที่ทำให้เกิดนามปากกา ‘นางสาววรรณา’ จริงๆ ค่ะ
“ยังตั้งใจเขียนเหมือนเดิม ยังคาดหวังเหมือนเดิม แต่ความคิดไม่เหมือนเดิม แค่ลดคำว่าสำเร็จของตัวเองลงมาให้พอดีกับจุดที่ทรายยืนอยู่ตอนนี้” เป็นประโยคที่ได้ฟังแล้ว รู้สึกประทับใจมากๆ เลยค่ะ นอกจากมันจะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของน้องทรายที่เริ่มต้นเขียนนิยายตั้งแต่เด็กแล้ว มันยังแสดงให้เห็นถึงทัศนคติดีๆ ที่สามารถสร้างแสดงพลังบวกให้กับเราได้มากๆ ใครที่ตอนนี้กำลังกดดัน หรือคาดหวังกับผลตอบรับมากเกินไปจนกลายเป็นความเครียดสะสม ก็ลองปรับมุมมอง ลดระดับความคาดหวังของตัวเองลง แล้วลงมือเขียนนิยายด้วยความรู้สึกปลอดโปร่ง สบายใจดูสักครั้งไม่แน่ว่าผลงานของเราจะออกมาดีมากขึ้นจนสร้างผลงานรับที่เราคาดไม่ถึงกลับก็ได้นะ
สุดท้ายนี้พี่หญิงขอลาไปก่อน เจอกันใหม่ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ
ติดตามผลงานของ นางสาววรรณา ได้ที่นี่
พี่หญิง

1 ความคิดเห็น
ตรงใจมากเลยค่ะ ความยากของการเขียนนิยายมันบรรยายาออกมาไม่ได้ พออ่านแล้วรู้สึกว่ามันอินมาก ก็เลยอยากลองมาเขียนเองมั่งค่ะ และก็มาเจอปัญหาแบบพี่เลยค่ะ บรรยายการกระทำของตัวละครออกมาไม่ถูก ไม่รู้ว่าเขียนแบบไหนถึงจะน่าอ่าน หรือเขียนแบบไหนให้ไม่น่าเบื่อ มันยากมากกก(ก.ไก่ล้านตัว) นักเขียนที่ทำให้เรารู้สึกว่ามีอารมณ์ร่วมกับนิยายานี่ เขาเป็นคนที่เก่งมากๆเลยค่ะ นับถือมาก ต้องใช้จินตนาการสูงมากแน่เลย ถึงส่งความรู้สึกของตัวละครออกมาให้คนอ่านอย่างเรารู้สึกอินตาม บางทีก็เจออุปสรรคมากมายเช่น ตัน คิดพล็อตเรื่องไม่ออก หมดไฟ และอะไรหลายๆอย่าง การเขียนนิยายมันเลยไม่ใช่แค่อยากเขียนก็เขียนได้ ตอนนี้รู้ซึ้งเลยค่ะ555+