เผยทฤษฎีข้ามเวลา
ต้นกำเนิดไอเดียสร้างนิยายย้อนอดีตสุดเจ๋ง! (ภาค 1)
สวัสดีชาวเด็กดีที่น่ารักทุกท่านนะค่าา วันนี้พี่พริกอยากมาแชร์ทฤษฎีเจ๋งๆ จากนิยายแนวข้ามเวลา ทะลุมิติกัน! เชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกไม่ถึงเสียด้วยซ้ำว่า แนวคิดนี้ สามารถสอดแทรกอยู่ในเนื้อหานิยายได้ด้วย!
ซึ่งความจริงแล้ว พี่พริกต้องบอกก่อนว่า การเขียนนิยายแนวเดินทางข้ามเวลาในการดำเนินเรื่อง เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เลยสำหรับเรา ซึ่งบางทีตัวนักเขียนเองอาจจะไม่ได้รู้ตัวก็ได้นะว่า พล็อตเรื่องเจ๋งๆ ที่คุณกำลังเขียนอยู่เนี้ย มันกำลังมีเนื้อหาที่สอดแทรกทฤษฎีของ การเดินทางข้ามเวลาอยู่!
บอกเลยว่า ทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลา มันมีมานานแล้วก็จริง เราจะพบส่วนใหญ่ในนิยายแนววิทยาศาตร์ ไซไฟ หรือแฟนตาซี บลาๆ แต่ไม่รู้คนอื่นสังเกตเห็นไหมนะ ว่าทฤษฎีของเขายังมีจำแนกปลีกย่อยลงลึกไปอีก
เลยกลายเป็นความสนใจสำหรับพี่พริกมากๆ เลยค่ะ ว่าเอ๊ะถ้าเราลองมานั่งศึกษาดีๆ วาดร่างโครง จับประเด็นน่าสนใจในแต่ละประเภทให้เห็นภาพชัดเจน เชื่อว่านิยายเรื่องนั้นจะมีความโดดเด่นและช่วยให้มีพล็อตปัง ที่เนื้อหาเป๊ะได้ด้วย
พูดแล้วพี่พริกก็เลยจับตัวทฤษฎีเด่นๆ ที่พบเห็นในนิยายบ่อยๆ หรือรู้สึกว่าอ่านแล้ว เห็นลักษณะการวางตัวละคร เค้าโครงเรื่องแบบไหนในหัวแล้วตัวเองรู้สึกจึ้งมาก อยากเป็นไอเดียเอามาแชร์สู่กันฟังบ้าง เพราะตัวเองอาจจะไม่สามารถแต่งนิยายจบทันแน่ๆ เลย 555+ ทว่าอยากเห็นใครสักคนได้โดนจุดประกายความคิดแล้วผลักดันต่อจังเลยค่ะ
เพราะงั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ามี ทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลา แยกย่อยลงไปมีอะไรบ้างนะ มาดูกันเล้ยย
1. ทฤษฎีเส้นเวลาเดี่ยว (Single Timeline Theory)
จุดเด่นแนวคิดนี้อยู่ที่การยึดถือว่า โลกมีเส้นเวลาเพียงเส้นเดียว ซึ่งไม่สามารถแตกแขนงออกเป็นเส้นเวลาใหม่ได้ ดังนั้น การกระทำใด ๆ ในอดีตจะส่งผลต่ออนาคตในเส้นเวลาเดียวกันเสมอ และจะไม่มีการสร้างความขัดแย้งหรือ "พาราด็อกซ์" ขึ้นมาภายในทฤษฎีนี้
(พาราด็อกซ์ คือ การย้อนกลับไปแก้ไขเรื่องเราวในอดีตจะทำใ้ห้เกิดผลกระบบต่อปัจจุบัน )
หรือในอีกแง่มุมหนึ่งคือ การเดินทางข้ามเวลาไม่ได้เป็นการ "เปลี่ยนแปลง" เส้นเวลา แต่เป็นการ "มีส่วนร่วม" กับเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นแล้วในอดีต
ถ้าให้สรุปสั้นๆ แนวคิดนี้เป็นการเดินทางข้ามเวลาไปยังช่วงอดีตและอนาคต ที่สามารถดูเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ ขณะกำลังเกิดขึ้น แต่ไม่สามารถแก้ไขหรืออยากเปลี่ยนให้เป็นไปตามหวังได้นั้นเอง
อาจจะยังเห็นภาพไม่ชัดเจนเท่าไร พี่พริกก็เลยขอยกสถานการณ์จำลองในภาพยนตร์อย่างเรื่อง ที่เล่าว่า Predestination (2015) ที่ตัวละครเอกได้เดินทางข้ามเวลาไปยังอดีตเพื่อตามล่ามือระเบิดไม่ให้เกิดเรื่องราวเลวร้าย ทว่าก็ไม่สามารถแก้ไขได้ต้องวนลูปซ้ำไปซ้ำมา เพราะสุดท้ายมันเป็นตัวเขาเองที่เคยทำไปแล้วยังไงล่ะ
เลยไม่สามารถแก้ไขได้เพราะเขาจะตายเสียเอง!
ถ้าให้พูดถึงจุดเชื่อมโยงที่เกิดในนิยายเกี่ยวข้องกับทฤษฎีอย่างไรนั้น ส่วนตัวพบว่า นิยายอาจจะเสนอมุมมองที่ตัวละครอยากกลับไปทำอะไรสักอย่างก็ได้ แต่สุดท้ายเหตุการณ์การกระทำบางอย่าง มันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเวลาข้างหน้าอยู่ดี ทำให้นึกถึง เรื่องของ โชคชะตา และ ฟ้าลิขิตมาแล้ว (เท่ากับนักเขียนเป็นผู้ลิขิต)
แผนภาพอธิบายTimeline การเกิดทฤษฏี
จากแผนภาพเป็นเส้นเรื่องที่บังคับไม่ให้ออกนอกลู่ทาง แม้ตัวละครจะอยู่ในตำแหน่งอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต เรื่องราวก็ยังคงเชื่อมโยงให้เป็นไปตามทิศทางที่กำหนดอย่างที่เป็นไม่มีแตกเส้นทางเลือก 2 ,3 อีก
ลักษณะเด่นของทฤษฎี
- เขียนเล่าเวลาเส้นเรื่องเวลาเดียวไม่มีการแตกแขนงหลายเวลาหรือหลายโลกมิติ
- เมื่อย้อนกับไปในอดีตหรือแม้จะกระทำการแก้ไขใดๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเหตุที่จะเกิดขึ้นในปัจจุบันหรืออนาคตได้
- การใช้ทฤษฎีการเดินทางข้ามเวลาในแนวคิด เส้นเวลาเดี่ยว จะสะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมบ้างประการที่ยังคงเดิมไม่เปลี่ยน
จุดที่พบในนิยาย
- ทุกอย่าง ถูกกำหนดไว้แล้ว ถ้าสมมติคุณย้อนกลับไปแก้ไขที่อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงปัจจุบัน มักจะเกิดเหตุการณ์ที่ขัดขวางให้ทำไม่สำเร็จ
- กำหนดผลลัพธ์ตัวละครไว้แล้ว ไม่เปลี่ยน
- ย้อนเวลาไปดูเรื่องราวในอดีตแต่แก้ไขไม่ได้ เพราะกระทบต่อตัวเอง
2. ทฤษฎีเส้นเวลาขนาน (Parallel Timeline Theory)
ทฤษฏีเส้นเวลาขนานหรือ โลกคู่ขนาน ที่กล่าวถึงคนเดินทางไปอีกมิติหนึ่งในโลกเดิม แต่อยากเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์บางอย่าง จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ที่สอง ในขณะที่เวลาเดิมที่เคยเกิดขึ้นเเล้วยังเป็นไปตามปกติ
ถ้าให้กล่าวถึงคนเดินทางข้ามเวลา ในแนวคิดจะให้นิยามคนที่ต้องการกลับไปแก้ไขอดีตอีกครั้ง ที่อาจจะเป็นเหตุการณ์สำคัญต่อตัวเขาเองหรือแก้ไขประวัติศาสตร์ให้เป็นไปตามที่ต้องการ ตรงจุดนี้เองที่ทำให้เปิดเอฟเฟกต์ช่วงเวลาใหม่อีกมิติหนึ่งที่ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
อาจจะฟังเข้าใจยาก ถ้าให้ลองกล่าวตัวอย่างคร่าวๆ คือ อาจมีใครสักคนที่เหมือนกับเราอีกมิติหนึ่ง ชีวิตเหมือนเราเป๊ะๆเลยค่ะ แต่อาจจะมีการกระทำและคาแรคเตอร์ต่างออกไป ที่ทำให้เส้นเรื่องแตกต่างกัน อนาคตเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ตัวตนเราก็ยังดำเนินไปตามปกติ เพียงแต่ไม่รู้หรอกว่า อีกหนึ่งตัวตนของเรา เขากำลังทำตัวแบบไหนอยู่ในเวลาเดียวกัน
ยกตัวอย่างเช่น SOURCE CODE (2011): แฝงร่างขวางนรก เมื่อเกิดเหตุการณ์รถไฟระบิดครั้งใหญ่รุนแรงมากๆ ทีมนักวิจัยจึงคิดค้นเทคโนโลยี เรียกว่าเครื่อง Source code ให้พระเอกย้อนเวลากลับไปแก้ไขในร่างคนอื่น!
แต่เจ้าตัวเครื่องย้อนเวลาเนี่ยมันมีข้อจำกัดให้เวลาแก้ไขแค่ 8 นาทีเท่านั้น ก็เลยทำให้พระเอกตายซ้ำหลายรอบ ผิดพลาดหลายครั้ง แล้วก็ต้องวนลูปกลับมาหาคนร้ายเรื่อยๆ จนร่างจริงแทบไม่ไหว
ทว่าสุดท้ายก็ทำสำเร็จนะ สามารถกลับมาโลกปัจจุบันเพื่อบอกข้อมูลคนร้ายได้ทั้งหมด แต่เเล้วเขาก็เลือกกลับไปอีกครั้งเพื่ออยากช่วยทุกคนให้รอดจากรถไฟระเบิดและตัวเองด้วย ทำให้กลายเป็นว่าได้หลุดจากลูปที่ต้องตายกลับโลกจริง กลายเป็นว่าพระเอกได้สร้างโลกขนานอยู่ในนั้นไปเรื่อยๆ เสียเอง
ส่วนในนิยายก็มีหยิบประเด็นทฤษฎีนี้มามากเช่นกัน แต่ว่าอาจจะเป็นเรื่องที่บางคนก็ไม่ค่อยชอบเนื้อหาเข้มข้นของวิชาการมากเท่าไร พี่พริกก็เลยลองยกประเด็นง่ายๆ ที่พบเห็น อย่างเช่น คล้ายนิยายแนวทางเลือก เกมแนวทางเลือก โลกคู่ขนานอีกมิติหนึ่ง
แผนภาพอธิบาย Timeline การเกิดทฤษฏี
จะสังเกตว่าในแผนภาพเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ที่ต้องเลือกจะให้แตกเส้นทางที่มีเหตุการณ์ต่างกันอย่างชัดเจน
ลักษณะเด่นของทฤษฎี
- โลกเดิมที่เกิดการไปเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้เกิดเส้นเรื่องแตกออกไปหลายแบบในเวลาเดียวกัน (เรียกสั้นๆ ว่ามิติคู่ขนานในโลกนั้น )
- ย้อนอดีตกลับไปแก้ไขเรื่องราวหนึ่งจะทำให้เกิดเส้นเรื่องใหม่ แต่เส้นเรื่องเวลาเดิมก็ยังคงอยู่
- เส้นเวลาขนานมีอยู่ไม่จำกัดและเป็นไปตามเส้นทางที่เลือกในแต่ละโลกต่างมิติ
- มีทางเลือกที่ซับซ้อนจำนวนมากไม่เหมือนทฤษฏีเส้นเรื่องเดี่ยวที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้
จุดที่พบในนิยาย
- นิยายแนวทางเลือก
- นิยายที่มีตัวละครมาสลับร่างในโลกคนละมิติ
- ตัวละครจากหลายมิติมาอยู่ในจักรวาลเดียวกัน
3. ทฤษฎีรูหนอน (Wormhole Theory)

รูหนอน (Wormhole) เป็นแนวคิดทางทฤษฎีในฟิสิกส์ที่เสนอว่า “อุโมงค์” ลึกลับเชื่อมต่อจุดสองจุดที่แยกจากกันในกาลอวกาศ เปรียบเสมือนทางลัดที่ช่วยให้การเดินทางข้ามจักรวาลหรือย้อนเวลากลายเป็นไปได้ แถมยังเป็นที่ยอมรับ แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่ทฤษฎีรูหนอนมีรากฐานมาจากสมการฟิสิกส์ที่แท้จริง
- ถ้าเลือกดูตัวอย่างที่พี่พริกรู้สึกว่าตรงตัว และเห็นภาพชัดเจน ทำให้นึกถึงเรื่อง interstellar 2014 เล่าเหตุภัยพิบัติของโลกกำลังจะเจอในอนาคตอันใกล้ ทำให้ขาดแคลนอาหารและมนุษย์อาจจะสูญพันธุ์
- ทุกคนเลยต้องออกเดินทางเพื่อหาบ้านใหม่ด้วยการออกเดินทางไปหาดาวเคราะห์ดวงใหม่ที่เหมาะสม แต่ทว่าอุปสรรคคือระยะเวลาออกนอกอวกาศยังคงมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ที่อาจจะทำให้ไปกลับไม่ทันเวลาอายุขัยหรือแก้ปัญหาทันแน่ๆ
ตัวละครเลยหาข้อมูลวิธีเดินทางแบบใหม่ก็คือ ทฤษฎีรูหนอน! เพื่อต้องการเดินทางข้ามเวลาให้ถึงจุดมุ่งหมายอย่างรวดเร็วนั้นเอง
จากนิยายที่อ่านมา ด้วยความที่พี่พริกชอบเอามาวิเคราะห์ พิจารณาเอง แม้ตัวนักเขียนอาจจะไม่ได้มองลึกหรือหยิบเจ้าตัวทฤษฎีมาก็ได้ เพียงแต่ลักษณะของเรื่องที่จับประเด็นได้ ทำให้รู้สึกว่า ลักษณะการนิยาม อุโมงค์ จะคล้ายนิยายแนวแฟนตาซี ที่ต้องมี “จุดวาร์ป” หรือเส้นเรื่องที่มีการทะลุมิติ หรือข้ามไปจักรวาลอื่นๆ ที่พบเห็นในนิยายแนววิทยาศาสตร์
แผนภาพอธิบาย Timeline การเกิดทฤษฏี
บริเวณปากอุโมงค์คือช่องว่างที่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อต้องการเดินทางข้ามเวลาสั้นๆ ไปปลายอุโมงค์ที่เลือกด้วยระยะทางไม่นาน ด้วยกำหนดว่าจะมาจากปัจจุบันไปอนาคต หรือ อดีต
ลักษณะเด่นของทฤษฎี
- เป็นเครื่องมือช่วยในการเดินทางที่ย่นระยะเวลา
- เป็นการเดินทางระหว่างดวงดาวที่ไวกว่าแสง
- เปรียบเสมือนยานพาหนะที่ย่นระยะเวลาการเดินทางของนอกโลก จากตามหลักการปัจจุบันที่นอกโลกยังเดินทางช้าอยู่
- ไม่มีอุปสรรคเรื่องการเดินทางข้ามกาแล็คซี่ และจะโดนอุกกาบาตหรือคลื่นความร้อนจากพระอาทิตย์
จุดที่พบในนิยาย
- นิยายแนวแฟนตาซีที่ให้คำว่า จุดวาร์ป คล้าย อุโมงค์ ในทฤษฎีรูหนอน
- นิยายแนวไซไฟ ที่เขียนออกมาตรงตัวว่า รูหนอนที่ต้องการทะลุมิติ หรือข้ามกาแลกซี่ไปตามใจต้องการ
- มิติลึกลับที่ต้องการเดินทางไปยังที่ต้องการในเวลาสั้นๆ
เป็นอย่างไรกันบ้างกับทฤษฎีแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางข้ามเวลา พี่พริกได้ทำการสรุปสั้นๆ ให้ทุกคนได้ลองนำไปใช้ไม่พอ ยังขอยกตัวอย่างที่อยากจะแสดงให้ทุกคนได้เข้าใจไม่ยากและนำไปครีเอทได้เลย
เพราะทุกวันนี้นิยายแนวแฟนตาซี ไซไฟ หรือทะลุมิติไปต่างโลก เกิดใหม่ บลาๆ มีแนวคิดข้ามเวลาเข้ามาสอดแทรกเป็นจำนวนมาก เราอาจจะไม่ได้สังเกต ดังนั้น เพื่อสร้างพล็อตให้น่าสนใจนี้เอง พี่พริกก็เสนออออกมาให้ทุกคนได้สังเกตเห็น และเกิดไอเดียนำไปต่อยอดแนวคิดแต่งนิยายต่อได้แน่นอน !
- พี่พริก -
ขอบคุณรูปภาพจากhttps://www.pinterest.com/
ขอบคุณข้อมูลจากhttps://board.postjung.com/1599853 https://medium.com/@sebastian4802/theory-of-a-parallel-timeline-f20466fe2a36 https://physicsthai.com/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99/ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%99 https://plato.stanford.edu/entries/qm-manyworlds/ https://themomentum.co/in-theories-13-memories-and-where-to-find-them/https://en.wikipedia.org/wiki/Time_dilation
1 ความคิดเห็น
เป็นบทความที่น่าสนใจและยอดเยี่ยมครับ