20 ปี เขียนนิยายมาแล้ว 67 เล่ม
และยังคงเขียนเรื่องใหม่ที่ ‘แซ่บกว่าเดิมสิบเท่า’
แสตมป์เบอรี่กลับมาแล้ว!
นักเขียนที่หนังสือติดอันดับนิยายขายดีทุกเล่ม
นักเขียนที่ไปงานแจกลายเซ็นที่ไหน ก็มีแฟนคลับตามไปสนับสนุนเสมอ
นักเขียนที่ผลงานออกต่อเนื่องมาตลอด 20 ปี
นักเขียนที่เป็นทั้งนักแต่งเพลง และเขียนบทเกม
นักเขียนคนนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘แสตมป์เบอรี่’ นั่นเองค่า
สวัสดีค่าเพื่อนๆ ชาวเด็กดี พี่จอยเชื่อว่านักอ่านแจ่มใสยุคแรกๆ ต้องเคยผ่านยุคแสตมป์เบอรี่มาแล้วทั้งนั้น เอ่ยชื่อปุ๊บ ทุกคนร้องอ๋อปั๊บ ก็พี่แตมคนนี้เขาเป็นหนึ่งในนักเขียนแนวรักหวานแหววที่ยังคงโด่งดังมาจนวันนี้ อย่างตัวพี่จอยเองก็เป็นแฟนคลับเบอร์หนึ่งของพี่เขาเหมือนกัน ดังนั้น พอเห็นพี่เขาออกหนังสือเล่มใหม่ พี่จอยก็เลยรีบไปคว้าตัวพี่เขามาพูดคุยกับชาวเด็กดีทันที
ซึ่งวันนี้ นอกจากเราจะชวนคุยเรื่องผลงานใหม่เรื่องที่ 67 แล้ว พี่จอยก็ได้ขอให้พี่เขามาแชร์ประสบการณ์การเขียนนิยายตั้งแต่ปีที่ 0 ถึง 20 ให้ทุกคนฟังด้วย คือคนอะไรเขียนมา 20 ปีแล้วแต่ยังยืนหนึ่งในวงการได้ ใช้เคล็ดลับอะไรกันนะ อยากรู้จริงๆ ใครอยากรู้เทคนิคของพี่แตม ก็เข้ามาอ่านกันได้เลยค่ะ บอกเลยว่าพี่แตมใจดีมาก พร้อมมาแชร์ให้เพื่อนๆ ชาวเด็กดีฟังแบบหมดเปลือกเลย
พี่จอย : ช่วยเล่าเรื่องผลงานเรื่องที่ 67 ให้เราฟังกันหน่อยได้ไหมคะ รู้สึกยังไงบ้าง
พี่แตม : ยังตื่นเต้นเสมอเลยค่า เพราะว่าลุ้นกับทุกเรื่อง แถมเรื่องนี้ยังเป็นโปรเจกต์พิเศษที่ร่วมกับนักเขียนชื่อดังอีกสองท่าน อย่าง Lta Luktarn กับ Silver Clover ยิ่งทำให้กดดันมากๆ เพราะทั้งคู่มีฝีมือแล้วก็แฟนคลับมากมายมหาศาล เราก็กลัวจะทำได้ไม่ดีเท่าเค้า ก็เลยต้องตั้งใจเป็นพิเศษ และหาข้อมูลประกอบอย่างหนัก เซ็ตติ้งในเรื่องเป็นโลกอนาคตด้วย ทำให้แต่งยากขึ้นเป็นสิบเท่า รวมถึงเป็นแนวใหม่ที่ไม่เคยเขียน ไม่รู้ว่านักอ่านจะชอบกันไหม เลยลุ้นสุดๆ ค่ะตอนนี้
พี่จอย : ชื่อเรื่อง ‘Lust eyes ใต้พันธนาการของนายท่าน’ ใช่ไหมคะ ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอะไรเอ่ย
พี่แตม : ช่วงนี้แนว อิเซไก ทะลุมิติกำลังมาแรงค่ะ เลยอยากลองเขียนอะไรแนวๆ นี้บ้าง เพื่อออกจากเซฟโซนของตัวเอง เลยลองคิดกันว่าทะลุมิติมาที่ไหนถึงจะแหวกแนวและเขียนไปในโซนเซ็กซี่ได้ เลยเลือกให้โผล่มาในซ่องที่พระเอกเป็นคนคุมค่ะ 555 ซึ่งตอนเขียนถึงพระเอก คุณเครย์ เราเองก็ไม่ได้มีภาพใครในหัวนะ แต่จะมีคนบอกว่าพระเอกดุและกร้าวใจ คงเพราะด้วยโทนเรื่องที่พระเอกต้องเป็นมาเฟียคุมซ่อง มันก็ต้องมีความโหดและดุดันอยู่แล้ว ประกอบกับตอนที่คิดธีมเรื่องว่า ‘ถ้าการรักคุณทำให้ผมกลายเป็นปีศาจ ผมก็จะเป็นปีศาจที่โหดที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยมี’ มันยิ่งทำให้ต้องเพิ่มเลเวลพระเอกให้โหดยิ่งขึ้น แถมเจ้าตัวยังเป็นอัลฟาที่มีพละกำลังแข็งแกร่งด้วย ทำให้คาแรคเตอร์ต้องออกมาโหดเหี้ยมเบอร์นี้ค่ะ ซึ่งจริงๆ ฮีเป็นคนใจดีมากนะคะ (แต่แค่กับนางเอกคนเดียวเท่านั้นค่ะ 555+)
พี่จอย : เขียนมา 67 เล่มแล้ว พอมาเขียนเรื่องใหม่ที่เป็นแนวอิเซไกด้วย รู้สึกอย่างไรบ้างคะ ยากไหมหรือว่าเขียนสบายๆ แล้ว
พี่แตม : ไม่ง่ายเลยค่ะ ต้องบอกว่ามันยากมากกก เพราะเราต้องปรับสำนวน ปรับเนื้อหาให้โตขึ้น เนื่องจากจะทำโทนเรื่องให้อยู่ในไวบ์ของโรมานซ์ การใช้ภาษา การบรรยายเลิฟซีน การดำเนินเรื่อง ทุกอย่างต้องโตขึ้นหมด ทำให้กดดันค่อนข้างมาก อีกทั้งเรื่องยังเป็นโลกอนาคต เป็นยุคที่อัลฟาครองเมือง ทุกอย่างต้องทันสมัย ล้ำยุค แต่บางทีเราก็มีหลุดๆ ลืมๆ ยังใช้ของเก่าๆ อยู่ ก็ต้องปรับเปลี่ยนใหม่ แล้วเขียนไปเขียนมา เซ็ตติ้งในเรื่องก็ยิ่งใหญ่มากกก มีทั้งสงคราม การเมือง การกบฎ การแย่งชิง หรือแม้แต่ฉากเลิฟซีนก็ต้องจัดหนัก จัดเต็ม เขียนละเอียดทุกท่วงท่าทุกอิริยาบถ แถมเปลี่ยนสถานที่ไปเรื่อยๆ จนใจแตกแทบกู่ไม่กลับอยู่เหมือนกันค่ะ 55555 แต่เพราะเพื่อนๆ ร่วมเซ็ตทุกคนคอยช่วยอยู่เลยต้องไปต่อให้จบ ยังไงก็ต้องไปต่อให้ได้ค่ะ
พี่จอย : แปลว่าถึงจะออก 67 เล่ม ทุกครั้งที่เขียนก็ยังยากอยู่ดี ยังงี้ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา พี่แตมมีเคล็ดลับอะไรทำให้ออกผลงานได้สม่ำเสมอคะ
พี่แตม : ถ้าเอาแบบไม่สร้างภาพเลยก็คือ เงินค่ะ 555+ เพราะเราทำงานเขียนเป็นอาชีพหลัก จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายหลายส่วน เลี้ยงทั้งตัวเองและครอบครัว ถ้าไม่ทำก็อยู่ไม่ได้ค่าา แต่ถ้าเอาแบบอุดมการณ์และจิตวิญญาณที่มี ที่ยังไม่เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่น เพราะเรารักที่จะเป็นนักเขียน และรักนักอ่านของเราค่ะ แค่เห็นหลายๆ คนบอกว่ารอติดตามเล่มใหม่ รออ่านเล่มนั้นเล่มนี้อยู่ ก็ใจฟู มีแรงที่จะออกนิยายเรื่องใหม่เรื่อยๆ แล้วค่า
พี่จอย : แล้วพี่คิดว่าอะไรที่ยังทำให้นิยายแสตมป์เบอร์รี่ร่วมสมัยและครองใจนักอ่านได้ทุกยุคคะ
พี่แตม : น่าจะเป็นการปรับตัวค่ะ เราเองก็ต้องดูด้วยว่าสมัยนี้คนฮิตอะไร คนชอบแบบไหนแนวไหน ก็เสิร์ฟคนอ่านตามที่เขาต้องการ แต่ก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์ในแบบเรา พล็อตเรื่อง ปม ไคลแมกซ์ สำนวนภาษา มุกตลกต่างๆ ก็ยังคงมีในนิยายของแสตมป์เบอรี่เสมอมาค่า
พี่จอย : คนมองว่าแสตมป์เบอร์รี่โชคดี นิยายดังตั้งแต่เรื่องแรก แถมออกเรื่องอะไรมาก็ดังอีก จริงๆ แล้วมีเรื่องลำบากใจที่คนภายนอกไม่เคยรู้บ้างไหมคะ เคยตันบ้างไหม
พี่แตม : แตมก็คิดว่าตัวเองโชคดีค่ะ 5555+ เพราะเหมือนออกนิยายได้ถูกที่ถูกเวลา ช่วงที่ออกนิยายเรื่องแรก ก็มาในจังหวะที่ยังไม่ค่อยมีใครทำ มีคู่แข่งน้อย แล้วตอนนั้นก็ค่อนข้างเป็นอะไรใหม่ๆ มาก ทำให้ทุกอย่างพอมาผสมรวมกันแล้วก็เลยได้รับความนิยมไม่ยาก ถ้ามาเริ่มต้นยุคนี้ น่าจะยากเลยค่ะ เพราะคนเก่งๆ มีเยอะ ช่องทางในการจำหน่ายก็มากขึ้นด้วย ไม่จำเป็นต้องขึ้นกับสนพ.อย่างเดียว ส่วนเรื่องลำบากใจที่มาพร้อมกับชื่อเสียงก็คงเป็นคำวิจารณ์ค่ะ เพราะแน่นอนว่ามันก็ต้องมีทั้งติและชมเป็นธรรมดา แต่ใครที่ติเพื่อก่อ แบบหวังดีจริงๆ เราก็ยินดีรับไว้นะคะ เอามาปรับปรุงเรื่อยๆ เพราะก็ต้องยอมรับว่าผลงานเรื่องแรกๆ ของเราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ยังมีจุดบกพร่องอยู่ค่อนข้างมาก ยิ่งมาเทียบกับยุคสมัยนี้ที่คนตื่นตัวกันมากขึ้น ยิ่งทำให้งานเราในยุคแรกๆ ทั้งบ้งและเบียวเลย แต่ก็ไม่อยากให้นำนิยายเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว มาเป็นตัวตัดสินนิยายเรื่องที่แต่งอยู่ในปัจจุบัน เพราะมันคนละช่วงเวลากัน ตัวเราเองก็พยายามพัฒนาผลงานมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้เขียนอะไรแบบนั้นแล้ว หวังว่าคนที่เคยอ่านเรื่องเก่าๆ ที่มันทั้งบ้งและเบียว จะให้โอกาสในการพัฒนาแนวคิดและเนื้อหาใหม่ๆ ในยุคนี้ของแสตมป์เบอรี่บ้างนะค้า
พี่จอย : ยิ่งเป็นนักเขียนดัง คนก็ยิ่งคาดหวัง พี่มีวิธีบาลานซ์สิ่งที่สังคมหวังกับสิ่งที่ตัวเองมีความสุขที่จะเขียนยังไงบ้างคะ
พี่แตม : ก็พยายามเขียนให้สนุกและเป็นตัวเองเหมือนเดิม แต่ก็ต้อง Base on ความถูกต้อง ยึดตามหลักศีลธรรม แล้วก็อะไรที่เคยถูกเอดูเขตมา ก็จะไม่ทำอีก ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับบริบทสังคม ก็สามารถทำได้โดยไม่สูญเสียความเป็นตัวตนไปค่า
พี่จอย : เห็นสาวๆ เป็นแฟนคลับ 7’s 7’x เยอะมาก อยากรู้เคล็ดลับแต่งนิยายเซตยังไงให้นักอ่านคนเก่าก็อยากติดตาม คนใหม่ที่เข้ามาเล่มกลางๆ ก็สนุกได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปนั่งอ่านตั้งแต่เล่มแรก
พี่แตม : อาจจะเพราะว่านิยายเซ็ตนี้ แต่ละคนจะมีคาแรคเตอร์ของตัวเองค่อนข้างชัดเจน มีเส้นเรื่องที่เป็นของตัวเอง และจบในเล่มโดยไม่ได้ต่อกับเรื่องไหน ทำให้สามารถอ่านเริ่มที่ใครก่อนก็ได้ โดยที่เพื่อนๆ ในแก๊งก็จะมาโผล่ในเรื่องอยู่เนืองๆ ทำให้คนอ่านได้รู้จักตัวละครตัวอื่นๆ ด้วย และสามารถไปหาอ่านต่อได้โดยที่ไม่งงค่ะ
พี่จอย : ตัวละครหลักเยอะแบบนี้ พี่แตมทำยังไงให้คาแรคเตอร์เด่นและไม่ทับกัน (อย่างหนูจะจำพระเอกได้ทุกเล่มเลย โผล่ไปเล่มไหนก็จำได้)
พี่แตม : ก็ต้องพยายามคิดคาแรคเตอร์ที่ฉีก และมีความชัดเจนโดดเด่นจนคนจำได้ว่า อ๋อ ถ้าพูดถึงหล่อที่สุดก็คือคนนี้นะ (แซทเทิล) รวยที่สุดก็ต้องคนนี้ (คิไรส์) หรือถ้าเก่งมายากลก็จะเป็นคนนี้ (ดีอาร์) แต่ถ้าชอบการพนันก็เป็นทีวาย ทุกคนจะมีความแตกต่างค่อนข้างชัดเจนอยู่แล้ว ทำให้บางคนต่อให้ไม่บอกชื่อ แต่เห็นการกระทำก็รู้ได้ทันทีค่ะว่าเป็นใคร 555+
พี่จอย : อยากรู้ว่ามีผลงานเรื่องไหนที่ไม่ได้เป็นที่นิยมมาก แต่พี่แตมรู้สึกชอบเป็นพิเศษบ้างไหม
พี่แตม : น่าจะเป็นเรื่อง ‘Surprise! ยินดีด้วย คุณได้รับหวานใจเป็นไอดอล’ ค่า อาจจะไม่ได้แมสมากเท่าพวกเซ็ต 7 หรือ ไซโค แต่ก็ชอบเพราะเป็นเรื่องแนวใหม่ที่ไม่เคยเขียน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกคู่ขนาน นางเอกที่คลั่งไคล้ไอดอลชายคนหนึ่งมากๆ แต่จู่ๆ ได้วาร์ปไปอยู่ในร่างแฟนสาวของไอดอลคนนั้น ที่หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ แล้วอะไรจะเกิดขึ้น มันก็สนุกตรงที่ได้ทดลองสวมบทเป็นแฟนไอดอลด้วยค่ะ สานฝันตัวเองระดับนึง 5555555
พี่จอย : ตอนนี้พี่แตมไม่ได้ออกนิยายกับทางสนพ. แล้ว แต่ว่ามาทำมือ มันแตกต่างจากตอนอยู่สนพ. อย่างไรบ้างคะ
พี่แตม : เหนื่อยกว่ามากค่ะ 5555 เพราะต้องทำเองทุกอย่างเลยตั้งแต่เขียน ไปจนถึงทำรูปเล่ม ดีลกับโรงพิมพ์ โปรโมต และแพค ปกติออกนิยายปีละ 2-3 เล่มได้สบายๆ แต่พอมาทำเอง ปีละเล่มยังแทบไม่ไหวค่ะ แต่ข้อดีก็คือเราได้ทำตามใจตัวเองทุกอย่าง แล้วก็ไม่มีเดดไลน์ด้วยค่ะ อิสระสุดๆ
พี่จอย : อยากให้ช่วยแนะนำน้องๆ นักเขียนใหม่ที่อยากลองทำนิยายทำมือหน่อยค่ะ ต้องเตรียมตัวอะไรบ้างคะ อยากทราบรายละเอียดลึกๆ แบบอินดีเทลที่พี่แตมคิดว่าจะแนะนำให้น้องๆ มือใหม่
พี่แตม : มีเวลาสัก 1 อาทิตย์ไหมคะ จะเล่าให้ฟัง 555+ ล้อเล่นค่ะ อันดับแรกเราก็ต้องแต่งนิยายให้จบก่อนนะคะ หลังจากนั้นคืองานจ้างล้วนๆ ค่า เริ่มจากจ้างวาดปก ก็ต้องทำบรีฟส่งไปว่าเราอยากได้ปกแบบไหนยังไง จากนั้นก็จ้างคนทำอาร์ตเวิร์กรูปเล่ม จ้างคนเป็นบก.หรือเบต้ารี้ด แล้วก็จ้างพิสูจน์อักษรเพื่อให้งานของเราอ่านได้ลื่นไหลไม่มีสะดุดค่ะ ถ้ามีการแจกของแถมของพรีเมียมด้วย ก็ต้องหาร้านสำหรับทำพวกของแจกของแถมเพิ่มด้วยค่ะ จากนั้นจึงเริ่มติดต่อโรงพิมพ์ ที่แตมใช้บริการประจำก็จะเป็นไอดีออลค่า ที่นี่ดูแลดี มีของแถมเยอะ และราคาเป็นมิตร เราก็จะส่งสเป็กหนังสือไปให้เค้าค่ะ ซึ่งรายละเอียดตรงนี้จะเยอะมากๆ เช่น กระดาษปกแบบไหน กี่แกรม กระดาษสำหรับอ่านเอาแบบไหน (ส่วนมากจะเป็นกรีนรี้ด) มีหน้าสีกี่หน้า ของแถมกับเล่มมีอะไรบ้าง (เช่น ที่คั่นหนังสือ/โปสการ์ด/โปสเตอร์ ฯลฯ) จะใช้เทคนิกปกแบบใด (เคลือบมัน/เคลือบด้าน/โฮโลแกรม/พิมพ์บนฟอยล์ ฯลฯ) รวมถึงไทโปก็เลือกได้ว่าจะเอาแบบไหนค่ะ (ยิงสปอต์ยูวี/ปั๊มนูน/ปั๊มฟอยล์ ฯลฯ) ตรงนี้ต้องสื่อสารกับโรงพิมพ์ให้ดีและละเอียดพอสมควร แต่ยังไงเค้าก็จะมีเล่มตัวอย่างมาให้ดูก่อน ถ้าถูกต้องพอใจแล้วจึงค่อยสั่งพิมพ์ค่ะ โดยเราต้องเผื่อเวลาพิมพ์ประมาณ 1 เดือน (แต่ถ้าเป็นช่วงงานหนังสือโรงพิมพ์จะคิวแน่นนะคะ ต้องเมเนจเวลาและจองคิวไว้ให้ดีด้วยค่ะ) ส่วนการโปรโมตหลักๆ ก็คือเอานิยายไปลงในแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วอัพให้ได้ทดลองอ่านกันก่อน อย่างเช่นเว็บเด็กดีนี่เองค่า ช่วยให้งานของเรามีคนเห็นมากขึ้นด้วย จากนั้นเราก็ลงโปรโมตในโซเชียลของเราทุกช่องทาง ถ้ามีงบหน่อยก็บูสต์โพสด้วยน้า หรือจะหาแอคโปรโมทนิยายตามเฟสบุ๊ก ติ๊กตอก ทวิตเตอร์ ให้เค้าช่วยโปรโมตให้ก็ได้ค่าา จากนั้นก็รอเวลาได้หนังสือมาก็เอาไปแพคต่อ ใครมีงบก็สั่งทำกล่องพัสดุแบรนด์ของตัวเองได้เลย ใครไม่มีก็เอากล่องสำเร็จรูปได้เหมือนกัน ดังนั้นจะทำหนังสือเองต้องมีทุนทรัพย์และเวลาพอสมควรเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ส่งสนพ.ให้เค้าทำให้น่าจะสะดวกที่สุดค่า
พี่จอย : ล่าสุดเห็นพี่แตมไปแต่งเพลงด้วย ขออนุญาตชวนคุยเรื่องแต่งเพลง รักก็ไม่ได้ จบก็ไม่ลง กันดีกว่าค่ะ ตอนทางซูมตาแตกติดต่อมารู้สึกยังไงบ้างคะ
พี่แตม : พอดีเป็นคนที่รู้จักกันอยู่แล้วค่ะ เขาเห็นว่าเราเป็นนักเขียน น่าจะแต่งเพลงได้ เลยอยากให้ลองดูค่ะ เขาก็จะมีทำนองมาให้ พร้อมท่อนฮุคประมาณว่า “รักก็ไม่ได้ จบก็ไม่ลง ลบไม่พ้นจากหัวใจ ยิ่งห้ามเท่าไหร่ก็ยิ่งคิดถึงเธอเรื่อยไป…” ประมาณนี้ค่ะ โจทย์คืออยากให้สื่อถึงความรักที่ไม่สมหวัง คนสองคนรักกันแต่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุผลบางอย่าง แล้วสุดท้ายต้องยอมตัดใจทั้งที่รักมาก อะไรทำนองนี้ค่ะ เราก็เลยลองแต่งเนื้อที่เหลือดู แล้วทางนั้นก็มีเอาไปปรับแก้บางท่อน จนออกมาเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบันนี่แหละค่า
พี่จอย : ยังงี้ทำการบ้านยังไงบ้างคะ คนละฟีลกับเขียนนิยายไหม
พี่แตม : ก็วาดภาพในหัวก่อนค่ะว่าคนร้องต้องการสื่ออะไร ตอนแต่งก็นึกถึงว่าเป็นฟีลเพลงประกอบซีรีส์วาย ซึ่งพูดถึงความรักที่ถูกต่อต้าน ครอบครัวอาจจะไม่ยอมรับ ทำให้รักกันไม่ได้ อะไรทำนองนี้ แล้วก็เอาตัวเองเข้าไปสวมว่าถ้าเป็นเราจะทำยังไง จะรู้สึกยังไง ประมาณนี้ค่ะ ส่วนแรงบันดาลใจ ก็มาจากศิลปินในดวงใจอย่าง เจฟ ซาเตอร์ค่ะ พยายามอยากเขียนให้ได้ภาษาสวยแบบเขา เลยเปิดท่อนแรกด้วยกำแพงน้ำตาซะเลย 555+ สื่อถึงคนที่ผิดหวังมาเยอะมากๆ ถูกกีดดัน โดนสร้างกำแพงขวางกั้น จนทำให้กำแพงนั้นมีแต่น้ำตา อะไรทำนองนี้ แต่ยังห่างไกลคุณเจฟอีกเยอะค่ะ คนนั้นเค้าภาษาสวยอลังการมากมายจริงๆ
พี่จอย : อะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการทำงานชิ้นนี้คะ
พี่แตม : การแต่งเนื้อร้องให้คล้องจองและสัมผัสลื่นไหล ฟังแล้วไม่สะดุดหรือฝืนๆ ค่ะ แล้วก็อยากให้มีท่อนที่ทำให้คนจดจำ ร้องตามได้ง่าย และทัชใจคนฟังมากที่สุด ทุกอย่างรวมเป็นความกดดัน ทำให้ยากมากๆ เลยค่า
พี่จอย : แล้วประทับใจอะไรที่สุดคะ
พี่แตม : ประทับใจที่เพลงออกมาเพราะค่ะ 555+ ตอนนี้ยอดวิวก็ทะลุหมื่นแล้ว ดีใจมากๆ ยังไงก็ฝากทุกๆ คนไปช่วยปั่นวิวด้วยนะคะ เพลงเพราะๆ ฟังสบายๆ ฝากเข้าไปอยู่ในเพลย์ลิสต์ของทุกคนด้วยค่า แปะลิงค์ซะเลย ขอบคุณล่วงหน้าเลยค่า ฟังแล้วรู้สึกยังไงคอมเมนต์ติชมกันได้นะคะ
พี่จอย : คิดว่าเนเจอร์ของการแต่งเพลงและแต่งนิยาย แตกต่างหรือเหมือนกันยังไงบ้างคะ
พี่แตม : แตกต่างมากค่ะ โดยเฉพาะความยาวของเนี้อหา 555+ แต่งเพลงจะคล้ายๆเป็นเรื่องย่อของนิยาย แต่เอามาทำให้สั้นลง และคล้องจองกัน ส่วนนิยาย จะเนื้อหายาว ไม่จำเป็นต้องคล้องจองกันค่า
พี่จอย : ในอนาคต พี่แตมมีแผนอยากจะทำงานด้านอื่นๆ เพิ่มบ้างไหมคะ ตอนนี้มีวางแพลนนิยายเรื่องใหม่เอาไว้แล้วหรือยัง
พี่แตม : ตอนนี้ก็สนใจเกี่ยวกับงานด้านภาษานี่แหละค่ะ เช่น editor,พิสูจน์อักษร,หรือโค้ชชิ่งการเขียนนิยายให้กับคนที่สนใจ ส่วนนิยายเรื่องใหม่คิดว่าต้นปีหน้าจะออก [7'boys] ค่า เตรียมตังค์กันไว้ได้เลย แล้วเจอกันนะคะ
พี่จอย : สุดท้ายอยากฝากอะไรถึงนักเขียนรุ่นใหม่บ้างคะ
พี่แตม : ฝากถึงทุกคนๆ ให้ตั้งใจทำให้เต็มที่นะคะ อย่าเพิ่งท้อ ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ดี ก็ไม่ต้องเครียดว่าทำไมงานเราขายยาก ไม่มีคนสนใจ บางทีก็มีปัจจัยหลายๆ อย่างร่วมด้วย ไม่ใช่เพราะงานเราไม่ดี ให้ลองหาคนมาช่วยอ่านเยอะๆ หรือนำมาลงให้คนอื่นๆ ทดลองอ่านในเวบเด็กดีก่อนก็ได้ค่ะ แล้วก็สุดท้ายขอฝากผลงานนิยายเรื่องใหม่ของแสตมป์เบอรี่ด้วยนะคะ Lust eyes ใต้พันธนาการของนายท่านค่า แล้วก็นิยายเรื่องอื่นๆ ของแตมรี่สามารถไปสั่งซื้อได้ที่นี่เลยค่ะ https://s.shopee.co.th/4VT6lv7I5E
***********
ปิดท้ายนี้อยากจะบอกว่าพี่จอยเคยไปขอลายเซ็นตอนพี่แตมมาโรงเรียนด้วยนะ ไปต่อแถวคนแรกเลย พี่แตมยืมปากกาพี่จอยไปใช้ด้วย ตื่นเต้นมากๆ วันนี้ได้กลับมาสัมภาษณ์อดีตไอดอลอีกครั้ง ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดถึงวันนั้น อยากบอกพี่แตมว่าขอบคุณมากที่เป็นแรงบันดาลใจและเป็นพลังบวกให้แฟนคลับคนนี้มาตลอดนะคะ ขอให้พี่แตมสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมาเรื่อยๆ นะคะ หนูจะรออ่านค่า ใครเป็นแฟนคลับพี่แตมห้ามพลาดนะคะ ย้ำชื่อชัดๆ อีกครั้ง ‘Lust Eyes ใต้พันธนาการของนายท่าน’ เปิดให้จองแล้ววันนี้ ไปค่ะ ลุย
พี่จอย
0 ความคิดเห็น