17 เรื่องน่ารัก ที่ทำให้รู้จัก "มิวสิค BNK48" มากขึ้น พร้อมคาแรกเตอร์ใหม่ในบทของ "แอน" จาก Faces of Anne

"มิวสิค BNK48" ชวนชมภาพยนตร์  Faces of Anne  พร้อมอัปเดตชีวิตและแนวคิดเพิ่มพลังบวก

ช่วงนี้น้องๆ ชาว Dek-D.com คงได้เห็นการโปรโมตภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่เห็นแค่ภาพโปสเตอร์ก็น่าสนใจแล้ว นั่นคือภาพยนตร์เรื่อง Faces of Anne นั่นเอง ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉายวันที่ 13 ตุลาคมนี้ทุกโรงภาพยนตร์ และวันนี้พี่ซาร่าก็มีโอกาสได้พูดคุยกับตัวแทน “แอน” คนหนึ่งที่รับบทโดย “มิวสิค BNK48” ที่จะมาเล่าให้เราฟังว่า Faces of Anne เป็นภาพยนตร์แนวไหน เกี่ยวกับอะไร พร้อมทั้งอัปเดตชีวิตส่วนตัวให้เรารู้กันอีกด้วย ตามมาเลย

1. ภาพยนตร์เรื่อง Faces of Anne เป็นเรื่องของหญิงสาวชื่อแอนที่ตื่นขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้อะไรเลยนอกจากว่าตัวเองคือ “แอน” แถมยังถูกไล่ล่าโดย “เวนติโก” ส่วนจะเป็นยังไงต่อต้องไปติดตามหาคำตอบพร้อมกันในโรงภาพยนตร์ (แหม…สิคเล่าอีกนิดก็ไม่ได้ 55+)

2. มิวสิคคิดว่าภาพยนตร์เรื่อง Faces of Anne ให้อะไรกับคนดูหลายอย่างมากๆ เช่น เรื่องของ “ตัวตน” ของเราว่าเป็นยังไง คืออะไรกันแน่ และที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เรารู้จักตัวเองดีพอหรือยัง เป็นต้น ก็อยากให้ทุกคนลองไปชมภาพยนตร์กันค่ะ

3. ถ้าถามว่านอกจากงานบันเทิงตอนนี้ มิวสิคอยากทำอะไรอีก ขอบอกว่ามีเป็นล้านสิ่งเลยล่ะ และตอนนี้ก็เป็นช่วงที่มิวสิคกำลังค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยลองทำ  ใครมีอะไรน่าสนใจแนะนำมิวสิคได้นะ

4. แต่ถึงเพื่อนๆ จะยังไม่ได้แนะนำอะไร นี่คือ action plan คร่าวๆ ของมิวสิค... เช่น เรียนเป็นบาร์เทนเดอร์ เรียนเย็บผ้า อยากเรียนภาษาสเปน เรียนภาษาเกาหลี ฯลฯ และยังมีอีกเยอะมากกกกกก

5. พี่ซาร่าแอบถามต่อว่า “ทำไมต้องเป็นภาษาสเปน” มิวสิคบอกว่า เคยเล่นเกมหนึ่งตอนเด็กๆ แล้วมีบทพูดในเกมเป็นภาษาสเปน ซึ่งมันฟังดูมีเสน่ห์ เลยอยากลองเรียน แต่ถ้าพูดถึงเรียนภาษาก็ยังอยากลองเรียนภาษาเกาหลีด้วย เพราะอยากมีโมเมนต์นั่งดูซีรีส์โดยไม่ต้องอ่านซับ ไม่ต้องรอคนแปล 

6. มิวสิคบอกว่าตัวเองเป็นคน introvert มากๆ (หลายคนน่าจะคิดแบบนี้เหมือนกัน) คือถ้าไม่นับช่วงเวลาทำงานหน้ากล้อง ก็จะได้เห็นมิวสิคหลบอยู่มุมห้องนั่งเล่นมือถือ คือถ้าต้องทำงานก็จะใช้พลังของ extrovert ในตัวประมาณ 20% หากไม่ได้ทำงานก็จะเป็น introvert ไปเลย 80% เรียกว่าพอถึงเวลาพักก็จะใช้เวลาฮีลตัวเองเยอะเป็นพิเศษ!

7. เวลาเหนื่อยมากๆ มิวสิคจะบอกตัวเองว่า “เดี๋ยวก็ได้กลับไปที่ห้องแล้ว” เพราะห้องเป็น safe zone สำหรับมิวสิค เวลาที่ผ่านช่วงเวลายากๆ ก็จะบอกตัวเองเสมอว่าเดี๋ยวก็จะได้กลับห้องแล้ว จะได้พักผ่อนแล้ว มิวสิคบอกว่า “สภาพเหมือนอดทนด้วยเฮือกสุดท้าย” 

8. ถ้าต้องเลือกใครสักคนอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจให้กัน สำหรับมิวสิคในช่วงเวลาที่ผ่านมาก็คือ "เมมเบอร์ BNK48" นั่นเองที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด เป็นคนที่ผ่านเรื่องราวต่างๆ มาด้วยกัน และเข้าใจมิวสิคมากที่สุด 

9. ที่เป็น introvert ขนาดนี้เพราะมิวสิคบอกว่า ตอนเด็กๆ เป็นเด็กขี้อายมาก ขี้กลัว ไม่ค่อยพูด ตอนนี้โตขึ้นมากแล้วแต่ก็ยังรู้สึกว่าขี้กลัวอยู่ แต่เริ่มกล้าพูดความรู้สึกตัวเองมากขึ้น 

10. ถึงจะขี้อายแต่ตอนเด็กๆ ก็ชอบร้องชอบเต้น แต่ไม่เคยนึกว่าตัวเองมาไกลถึงการทำงานในวงการบันเทิงแบบตอนนี้เลย ตอนเข้าวงการใหม่ๆ คุณแม่มิวสิคเองก็ยังลังเลว่ามิวสิคจะทำได้ไหม แต่สุดท้ายมิวสิคก็พิสูจน์ตัวเองได้ดีมากเลย

11. จุดเปลี่ยนสำคัญคือตอนสมัคร BNK48 มิวสิคบอกว่าตั้งใจมากๆ ว่าจะต้องทำให้ได้ เพราะอยากสู้หรือพยายามทำสิ่งที่ชอบ ตอนนั้นคิดไว้ว่าถ้าปีแรกไม่ผ่าน ก็จะมาสมัครอีกเรื่อยๆ จนกว่าจะผ่าน พร้อมสู้ชีวิตมาก แต่ก็นั่นแหละค่ะ… สอบผ่านตั้งแต่ปีแรกเลยทีเดียว!

12. จากที่ทำงานมาหลากหลาย มิวสิคบอกว่าถ้าให้เลือกที่ชอบที่สุดคือ “การพากย์เสียงโฆษณา” ชอบที่สุดเลย! โดยเขาจะมีโจทย์มาให้ เช่น โฆษณารถยนต์ ต้องการความเป็นวัยรุ่น ต้องใช้โทนเสียงที่สดใส มันสนุกและท้าทายมากๆ 

13. แต่ถ้าให้เลือกเป็นประเภทงาน มิวสิคบอกว่า ถ้าเป็นงานที่คิดว่าทำได้เรื่อยๆ ไปจนอายุเยอะก็ยังทำได้อยู่คงเป็นงานแสดง แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ชอบแต่คงทำได้ไม่นานคงเป็นการเต้น (ห่วงข้อเข่าเสื่อมแหละ 555+) มิวสิคบอกว่า ใช่เลย! เป็นเรื่องของกระดูกและกล้ามเนื้อนี่แหละที่ไม่ค่อยจะไหว… (โถถถถ)

14. ที่คิดว่าไม่น่าไหวเพราะมิวสิคบอกว่า ช่วงที่เป็นไอดอลต้องใส่ส้นสูงเต้นตลอด ทำให้มีอุบัติเหตุข้อเท้าพลิกบ่อยๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของงานนี้ และด้วยความที่ The show must go on! ทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไป แถมตอนนั้นก็สนุกจนลืมเจ็บด้วย จนกระทั่งตอนนี้แหละที่เริ่มรู้สึกว่าไม่น่าจะไหวแล้ว (หัวเราะ) 

15. มิวสิคมีเป้าหมายสูงสุดของการทำงานในวงการบันเทิงอยู่อย่างหนึ่ง โดยอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้มากพอก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น คืออยากทำมากแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ นั่นคือการแสดง “ละครเวที” มิวสิคบอกว่า ละครเวทีเป็นศาสตร์ขั้นสูงของการแสดงเลยที่ต้องใช้ทักษะหลายๆ อย่าง เลยยกให้เป็นเป้าหมายสูงสุดของการทำงานในวงการบันเทิงเลย 

16. ผ่านมาจนถึงวันนี้ สิ่งที่มิวสิคไม่เคยลืมและยังขอบคุณเสมอคือ “แฟนคลับ” ที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด มิวสิคบอกว่าแฟนคลับมีคุณค่าทางจิตใจมาก มิวสิคจะไม่มีวันมาถึงจุดนี้ได้เลยถ้าไม่มีพวกเขา แม้บางวันเหนื่อยมากหรือเจอเรื่องที่รู้สึกว่าไม่ไหวจนลืมที่จะรักตัวเอง แต่ก็ยังมีแฟนคลับที่มาช่วยดูแลให้ทำให้รู้ว่าพวกเขารักเรามาก คอยสนับสนุนทุกอย่าง รู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความประทับใจนี้ ขอบคุณแฟนคลับทุกคนมากๆ จริงๆ 

17. สุดท้ายนี้ มิวสิคอยากชวนทุกคนไปชมภาพยนตร์ Face of Anne พร้อมกันวันที่ 13 ตุลาคมนี้ อยากให้ทุกคนได้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทั้งแสง สี เสียง สิ่งที่แฝงมากับเนื้อเรื่อง และทุกๆ สิ่งในโรงภาพยนตร์ มาดูกันเยอะๆ นะคะ