Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

การเข้าประเทศญี่ปุ่นผิดกฏหมายกับโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เราคิดอยู่นานว่าจะลงโพสนี้ดีไหม บางครั้งความจริงก็ทำร้ายคนพูดเอาได้ง่ายๆ แต่มันก็อดที่จะอยู่เฉยให้ความเข้าใจผิดนี้ทำร้ายคนที่ไม่รู้ก็ไม่ไหวอีก
 

หลายคนอาจจะเคยได้ยินโครงการ WWOOF มาก่อน โครงการนี้เป็นโครงการที่ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามารถไปทำงานในประเทศอื่นเพื่อแลกกับที่พักและอาหารตามระยะเวลาที่ตกลงกัน ซึ่งก็มีในหลายประเทศด้วยกัน โดยใช้คำว่า “แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม” ไม่ใช่ “ทำงาน”
 
โดยในโพสนี้เราจะขอไม่พูดถึงประเทศอื่นนอกจากไทย-ญี่ปุ่น เพราะแต่ละประเทศก็มีกฏหมายภายในและระหว่างประเทศที่แตกต่างกัน*
 
สาเหตุที่อยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเมื่อหลายวันก่อนเราได้ดูรายการๆหนึ่ง(งดหลังไมค์ชื่อรายการนะคะ) มีการนำเสนอเกี่ยวกับการไปญี่ปุ่นโดยใช้คำว่า “แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม” โดยคนส่วนใหญ่ที่ไปจะไปด้วย Tourist visa (วีซ่าท่องเที่ยว) และทำงาน(ส่วนใหญ่เป็นในฟาร์ม)เพื่อแลกกับอาหารและที่พัก
 
โครงการนี้เราเคยมีความคิดที่อยากจะไปในสมัยม.ปลาย แต่ช่วงนั้นเราไปแลกเปลี่ยนกับทางโงเรียนแทน แต่พอมาตอนนี้เรากลับคิดว่าการทำแบบนี้ไม่น่าจะถูกกฏหมาย เราได้ทำการค้นคว้าจากอินเตอร์เน็ตมาหลายๆที่ก็มีความเห็นที่ขัดแย้ง บ้างว่าผิดบ้างว่าไม่
 

ด้วยความที่เป็นคนอยากรู้อะไรก็ต้องรู้ให้ได้ แถมต้องการการพิสูจน์อย่างแน่ชัด เราเลยได้ทำการส่ง e-mail ไปสอบถามทางสถานทูตญี่ปุ่นประจําประเทศไทยแต่ก็ยังไม่มีการตอบกลับ เราเลยพยายามโทรไปถามจากสถานทูตไทยประจําประเทศญี่ปุ่นแต่ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดนัก โดยทางเจ้าหน้าที่ได้บอกว่า ’มันกึ่งๆ’ ผิดน่ะก็ผิดอยู่แต่บางคนก็พยายามเลี่ยงๆด้วยข้อกฏหมายว่า ‘ทำงานแบบไม่ได้เงิน=ไม่ผิด’ เจ้าหน้าที่แนะนำให้เราโทรไปถามกับทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแทน (Immigration) สายแรกโทรไปที่ tourist consuling center ได้ความว่าผิดกฏหมาย พอเราถามเขาว่าสามารถออกหนังสือลายลักอักษรณ์ให้ได้ไหม? เขาเลยให้โทรไปที่ดูแลเรื่อง visa เราได้โทรไปสอบถามได้คำตอบว่า การเข้าเมืองโดยใช้วีซ่าท่องเที่ยวแม้จะทำงานที่’ไม่ได้เงิน’ก็ถือว่า’ผิดกฏหมาย’อยู่ดี และให้เราส่งอีเมลคำถามไปอีกครั้งจะได้ตอบด้วยอีเมล

หลายคนอาจจะคิดว่าโครงการนี้จะผิดกฏหมายได้ยังไง มีมาตั้งนานแถมชื่อเสียงก็ดี มีคนเคยไปก็เยอะ เราไม่ได้จะบอกว่าโครงการนี้ผิดนะคะ แต่คนส่วนใหญ่ที่คิดจะไปมักไปโดยวีซ่าที่ผิดประเภท วีซ่าที่ดูจะเป็นไปได้ง่ายที่สุดที่จะขอไปกันคือวีซ่าท่องเที่ยว แต่วีซ่านี้ก็อธิบายตัวมันเองด้วยชื่ออยู่แล้ว

โดยหลังจากที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนระบบไปเป็น free visa 15 วัน การเข้าไปทำโครงการนี้จึงยากขึ้น เพราะการขอวีซ่ามากกว่า 15 วัน ถ้าไม่มีเหตุผลลองรับเพียงพอจะถูกสงสัยและอาจถูกซักถามอย่างละเอียด
บางคนอาจจะโชคดีผ่านการทำวีซ่าท่องเที่ยวไปได้แต่พอไปถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วต้องบอกสาเหตุที่มาที่ญี่ปุ่น ตอนนี้แหละค่ะที่จะมีปัญหา ถ้าบอกไปว่ามาโครงการ WWOOF แน่นอนว่าถูกส่งกลับอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะวีซ่าผิดประเภท ซึ่งบางคนเลี่ยงที่จะตอบตามจริง นอกจากนั้นก็ยังต้องโกหกเรื่องที่พัก หลายๆคนแนะนำว่าให้จองโรงแรมแล้วค่อยไปยกเลิก(แบบไม่เสียเงิน)เพื่อที่จะมีที่อยู่ให้ตม. แต่การที่จะไม่บอกความความจริงแล้วรอดผ่านไปก็แปลว่าสิ่งที่ทำนี้คงไม่ถูดต้อง ถ้าถูกคนไม่ต้องโกหก
 

ที่เราเขียนมาอาจจะไม่ถูกใจใครหลายคนไปบ้าง แต่อยากให้ลองนึกตามดูนะคะ ว่าสิ่งที่อาจจะมองดูผิดเผินว่าเล็กน้อยนั้นจริงๆแล้วมันน้อยจริงหรือ?

อย่างแรกเลย โทษต่อตัวเอง การเข้าเมืองแบบผิดกฏหมายนั้นที่ญี่ปุ่นเข้มงวดมาก โทษที่จะได้รับไม่ใช่แค่ส่งตัวกลับ แต่เป็นปรับเงิน หรือทั้งจำทั้งปรับ
สอง เสียสิทธิประโยชน์ของแรงงาน เมื่อเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำงาน ในเมื่อก็บอกเองว่านี่ไม่ใช่การเข้ามาทำงาน กรมแรงงานญี่ปุ่นจึงไม่เข้ามาดูแลควบคุม สิทธิที่จะได้รับการรักษาจากนายจ้าง(โฮส)ก็จะไม่ได้ ดีไม่ดีอาจจะถูกใช้แรงงานทาสก็ได้ กลายเป็น cheap labor
ต่อมาที่ผลเสียต่อสังคม ลองนึกดูสิคะว่าถ้าจะมีคนจากประเทศอื่นๆเข้ามาทำงานในไทยแบบนี้โดยไม่ขอค่าแรงจะเป็นยังไง คิดว่าคงไม่น่าดีใจนัก
ต่อให้ไม่ได้รับเงินเดือนแต่ก็ไม่ต่างจากการแย่งงานจากแรงงานของประเทศนั้นๆ ข้อนี้อาจจะมีคนเถียงว่าญี่ปุ่นขาดแคลนแรงงาน แต่ประเทศไทยเราเองก็ขาดแคลนแรงงานระดับล่าง(unskilled labor)เช่นกัน
ประเทศย่อมหวังประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศตน การที่คนเข้าไปในประเทศโดยไม่ใช่จ่ายเงินแต่ใช้ทรัพยากรณ์ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ประเทศนั้นๆอยากให้เกิด
 

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้ผิดหรือเปล่า อยากให้คิดว่า ถ้าเราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันถูกต้อง ทำไมเราจะต้องทำมันอย่างหลบๆซ่อนๆ
 

ปล. ด้วยความห่วงใย ถ้าใครอยู่ในญี่ปุ่นช่วงปีที่ป่านมาจะเห็นว่าที่นี่เข้มงวดมากขึ้นทุกทีกับการเข้ามาทำงาน ข่าวมีให้เห็นอยู่เรื่อยๆเรื่องสุ่มตรวจจับแรงงานเถื่อนและนักท่องเที่ยวผิดกฏหมาย อยากให้คิดถึงผลดีผลเสียกันนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่า
 


*ยกตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่นมีสนธิสัญญากับบางประเทศ (Australia, New Zealand, Canada, Republic of Korea, France, Germany, The United Kingdom, Ireland, Denmark, Taiwan, Hong Kong, Norway, Portugal, Poland, Slovakia, Austria, Hungary and Spain) เพื่อที่จะทำงานแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมโดยถูกกฏหมาย ด้วยวีซ่า Working Holiday

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น

saifna16 14 ก.ย. 60 เวลา 18:00 น. 1-1

อาจจะเพราะมีหลายคนบอกว่าไม่เป็นไรมั้งคะ สมัยก่อนเราก็คิดแบบนั้น คือใครได้ประโยชน์ก็บางครั้งก็อาจจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เล็กๆน้อยๆไม่เป็นไรหรอก แบบนี้ก็มีค่ะ


ขอบคุณที่ทำให้เรารู้ว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนคิดเหมือนกันนะคะ

นึกว่าจะโดนด่าเพราะหลายคนคิดว่ามันโอเคซะแล้ว

0