Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ขอวิธีหรือเคล็ดลับสอบ Eng9วิชาสามัญให้ได้อย่างน้อย 30 คะแนน ฉบับคนอ่อนวิชานี้มากๆ ด้วยครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

***ข้อสอบภาษาอังกฤษ ของ9วิชาสามัญมีทั้งหมด 80 ข้อ เฉลี่ยข้อละ 1.25 คะแนน
     ถ้าอยากได้ 30 หรือมากกว่านั้น ก็เท่ากับว่าต้องทำให้ได้อย่างน้อย 24 ข้อ***


          ก่อนอื่นขอเล่าพื้นฐานวิชาภาษาอังกฤษของตัวเองก่อนนะครับ เป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมากๆ ปริมาณคำศัพท์ในหัวถ้าไม่รวมพวก วัน เดือน เลข ผลไม้ สี อะไรพวกนี้ น่าจะมีคลังคำศัพท์อยู่ในหัวแค่ 100 กว่าคำ คิดว่าไม่น่าจะมากไปกว่านี้
          หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพ งั้นผมขอยกตัวอย่าง จำได้ว่าช่วงประถมหรือปรับพื้นฐานตอน ม.1 เนี่ยแหละ teacher สอนเกี่ยวกับการใช้ a,an จำได้ว่าช่วงแรกๆก็พอตอบได้อยู่ แต่ตอนนี้ลืมไปแล้ว นึกไม่ออกแล้วว่าใช้ยังไง จำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับมัน นอกจากจำได้ว่าเคยเรียน ทุกคนน่าจะเห็นแล้วว่าพื้นฐานภาษาอังกฤษของผมเป็นยังไง ขนาดง่ายๆแค่นี้ก็ยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามเรื่อง "แกรมม่า" กับผมเลย ผมพูดเลยว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย พวกคำอังกฤษ 8 ชนิดอย่าง noun pronoun  verb Adj Adv พวกนี้บางคำแปลเป็นไทยว่าอะไรผมก็ไม่รู้ แล้วแต่ละคำใช้ยังไงผมก็ยังต้องท่อง "คำไทยมี 7 คำ ที่ต้องจำในชั้นนี้ คำนามคือคำที่เรียกชื่อคน..." ท่องอย่างนี้เอา ถึงจะรู้ว่าคำนี้มันคืออะไรเพราะเห็นว่ามันคล้ายๆกัน มาถึงตรงนี้ทุกคนน่าจะรู้แล้วว่าความสามารถภาษาอังกฤษของผมต่ำระดับไหน

          จึงอยากทราบว่า เวลาแค่ 2 เดือน จะทำไงให้สอบวิชาสามัญEngได้อย่างต่ำ 30 คะแนน เป้าหมายคือจะเข้าพวกคณะในกสพท. ครับ เวลาในการเตรียมตัวเหลือนิดเดียว แล้วไหนจะยังมีวิชาอื่นอีกอย่างพวก คณิต ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ที่ก็ต้องเอาเวลามาทุ่มกับพวกนี้พอสมควรเหมือนกัน แต่วิชาพวกนี้ผมไม่ค่อยกังวลนะครับ คิดว่าพอไหวอยู่ แต่วิชาภาษาอังกฤษนี่สิ ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ออกตัวก่อนนะครับว่าตอนนี้ไม่ได้เกลียดวิชานี้ ค่อนข้างเฉยๆ ตอนแรกผมเรียนอยู่ต่างจังหวัด(มีเด็กทั้ง รร. ไม่ถึง 100 คน)แล้วย้ายมาแถวๆ กทม. ช่วง ป.2ตอนอยู่ต่างจังหวัดจำได้ว่า รร.เก่า จน ป.1 สอนแค่ท่อง A-Z อย่างเดียว อย่างอื่นไม่สอนเลย พวกตัวเลข วัน เดือน ภาษาอังกฤษคืออะไรไม่สอน พอย้ายมาเรียนแถวๆ กทม. ตอน ป.2 เจอข้อสอบวิชาอังกฤษเข้าไปผมงงเลย อ่านไม่ออก ทำอะไรไม่ได้เลย หลังจากนั้นผมก็ไม่สนใจวิชานี้อีกเลยครับ
          เดือนที่แล้วเคยไปร้านหนังสือแล้วหยิบหนังสือ Basic GRAMMAR ดร.ศุภวัฒน์ มาอ่านตรงที่เค้าแปลไทยก็พอเข้าใจอยู่นะครับ ไม่ได้งงอะไรเท่าไหร่ จะทำยังไงดีครับ ต่อจากนี้ผมวางแผนไว้ว่าจะท่องศัพท์วันละ50คำ(จัน-ศุก) เสา-อาทิตย์ก็ทวน(ศัพท์3,000คำของ oxford)แต่คำนวณดูแล้วก็ได้แค่ 2,000 กว่าคำ ถ้าให้ท่องมากกว่านี้ ในเวลาแค่นี้ คิดว่าน่าจะไม่ไหว สมองน่าจะ Error แล้วครับ เลยคิดว่าจะหันไปเน้น Gramma ดีมั้ยเพราะช่วง ม.5 จำได้ว่า(จำได้ว่าอีกแล้ว) ครูเคยบอกว่า Gramma ถ้าเรารู้รูปแบบ ไม่ต้องรู้ศัพท์ก็พอทำได้ เลยคิดว่าจะหันมาเน้นด้านนี้ดีมั้ย จะเริ่มอ่านหนังสือ Basic GRAMMAR ดร.ศุภวัฒน์ ตั้งแต่วันนี้เลย(แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะทิ้งศัพท์นะครับก็ยังคงท่องอยู่แค่คิดว่าคงจะพึ่งมันมากไม่ได้) แล้วไหนจะยังมี vocab กับ Error อีก คืออะไรก็ไม่รู้ ทุกคนคิดว่าอย่างน้อย 24 ข้อ 30 คะแนน พอจะมีหวังมั้ยครับ ไปหาข้อมูลในเน็ตมาวิชานี้หลายคนไม่แนะนำให้เริ่มจากการจำแต่ควรเริ่มจากการฟัง เช่น เริ่มดูหนังEngซับไทย หรือฟังเพลงภาษาอังกฤษอะไรแบบนี้
          ส่วนตัวคิดว่า ถ้าอยากเรียนอังกฤษให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดก็น่าจะต้องทำอย่างนั้น แต่ในเวลาที่เหลือ 2 เดือนกว่าๆในตอนนี้ถ้าทำแบบนั้นไม่น่าจะทันเพราะต้องเผื่อเวลาไปอ่านวิชาอื่นด้วย จึงอยากมาขอคำแนะนำในนี้ ใครมีวิธีดีๆแนะนำทีครับ

ปล.จขกท ได้ตั้งกระทู้แบบนี้กับอีกเว็บนึง แต่เห็นว่าเว็บนี้นักเรียน นักศึกษา และคนที่ทำงานด้านการศึกษาเล่นเยอะดี เลยมาตั้งในนี้ด้วย ถ้าเห็นว่าเนื้อหามันเหมือนกันก็ไม่ต้องตกใจนะครับ

แสดงความคิดเห็น

6 ความคิดเห็น

เจเคกิโลกลิ้ง 7 ม.ค. 63 เวลา 23:48 น. 1

ไปฝึกฟังอะไรพวกนี้ไม่ทันหรอกค่ะ เวลาเท่านี้ ต้องเอาแต่พื้นฐาน ที่มันจำเป็นในการต่อยอดข้อสอบ พวก article tense gerund if clause infinitive phrase อะไรพวกนี้ที่เขาสรุปให้จำ มาทำความเข้าใจ แล้วจำเฉพาะพวกตัวที่ออกสอบ คนที่ได้พื้นฐานก็จะไปตะลุยโจทย์ กรณีนี้ให้ไปตะลุยสรุปพื้นฐานให้เข้าใจก่อน แล้วค่อยๆ ไล่ทำข้อสอบมอต้นก่อน ถ้าทำได้ค่อยขยับมามอปลาย ไปทีละขั้น


ไปหาพวกสรุปแกรมม่ามอต้นมาก่อนไหม ถ้าอ่อนขนาดนั้น สรุปมอต้นก่อน พอได้สักหน่อยก็เอาสรุปมอปลายมาเทียบ

ระหว่างทางน่าจะเจอศัพท์อยู่แล้ว ก็จดและจำได้พร้อมกันไปเลย มีสมุดเล่มนึงสำหรับแกรมม่า อีกเล่มจดศัพท์ แล้วแบ่งทวนระหว่างเดินทาง อย่าลืมแบ่งเวลาวิชาอื่นด้วย


ไม่รู้จะได้ไหม ลองเสนอตามนี้นะ



1
Amnesiaa 9 ม.ค. 63 เวลา 17:21 น. 2

เราเข้าจะเข้าระบบกสพท แนะนำครับว่า 9วิชาอิ้งนั้นเน้นบทความเยอะและยาว ควรข้ามไป พาร์ทที่ควรทำได้คือ สนทนาครับ ต้องจำศัพท์เยอะๆครับและอีกพาร์ทคือเติมคำเน้นแกรมม่ากับศัพท์ครับ

1
genius2 9 ม.ค. 63 เวลา 21:44 น. 2-1

ตอนนี้พยายามจำศัพท์วันละ 50 คำอยู่ครับ ระยะเวลา2เดือน น่าจะได้ 2,000 ถ้าให้จำมากกว่านี้คิดว่าสมองน่าจะไม่ไหวแล้ว ไม่รู้แค่นี้จะพอไหม แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

0
ท้อแท้ 9 ม.ค. 63 เวลา 20:52 น. 3

เราไม่ได้เก่งมากนะคะ แต่ว่าพอลองทำข้อสอบแล้วคือได้มากกว่า30คะแนนแน่ๆ ในฐานะที่ขี้เกียจอ่านเหมือนกันเราจะลองแชร์เทคนิคดูนะคะ จากเท่าที่อ่านดูเหมือนจะไม่มีพื้นฐานมากนัก เราเองดีหน่อยตรงที่พอมีพื้นฐาน แต่เราห่วยแกรมม่ามากๆถึงมากที่สุด ศัพท์พอไปรอด แต่ไม่ขนาดนั้น พาร์ทที่เราแนะนำให้เก็บคือ reading กับบทสนทนาค่ะ รีดดิ้งเนี่ย ไม่จำเป็นต้องอ่านหมดตั้งแต่เปิดโจทย์มานะคะ ให้อ่านคร่าวๆเร็วๆจับใจความค่ะว่าเนื้อหามีอะไรบ้าง จากนั้นเราจะชอบเขียนแปลเป็นภาษาไทยคล้ายเรื่องย่อและคอนเซปต์ลงข้างๆบทความค่ะ แล้วเราก็จะมาอ่านโจทย์ จากนั้นพอรู้ว่าโจทย์ถามอะไร ก็จะย้อนไปหา คือเวลาเราแปลไทยในหัวแล้วมันจะพอจำได้อ่ะค่ะ แต่ที่ยากคือต้องจำความหมายศัพท์ให้ได้จริงๆ บางทีโจทย์เขาก็หลอกค่ะ ถ้าแปลบทความยากหรือไม่คล่องเราแนะนำให้ลองหาพวกหนังสือเรียนอังกฤษของวิชาอังกฤษอ่านเขียนมาค่ะ เราไม่แน่ใจว่ามีทุกรรไหม แต่รรเราจะมีวิชาอังกฤษอ่านเขียน จะมีหนังสือเรียนที่แต่ละบทจะมีบทความมาให้ แต่ถ้าหาไม่ได้ลองหาบทความระดับกลางๆหรือข่าวภาษาอังกฤษในเน็ตแทนก็ได้ค่ะ ลองอ่านแล้วใช้กูเกิ้ลแปลคำที่ไม่รู้ดูค่ะ พยายามแปลเองก่อนนะ คำไหนไม่รู้จริงๆถึงใช้กูเกิ้ลแปล ทำเรื่อยๆวันละ1แพสเสจจะจำได้เองค่ะ พาร์ทคอนเวอร์ง่ายสุดแล้วค่ะ เราแนะนำจำพวกสำนวน(อีเดียม)ไปเลยค่ะ ไม่ต้องจำหมด เอาแค่หลักๆ แล้วก็พวกคำขึ้นต้นการสนทนาของฝรั่ง สำคัญสุดคือเราต้องรู้ว่า การสนทนานั้นพูดถึงอะไรกันอยู่ จากนั้นลองเขียนคอนเซปต์เป็นภาษาไทยข้างๆโจทย์ไว้ก็ได้ค่ะ การทำโจทย์ในพาร์ทนี้ให้จำไว้เสมอว่าต้องคล้องจองกับโจทย์เสมอ โจทย์หลอกยากค่ะต้องใช้สติดีๆ พวกเออเรอร์เนี่ย เอาตรงๆเรากากมากค่ะ แกรมม่าด้วย ฮือ เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำจำประเภทของคำจริงๆนั่นแหละค่ะ part of speech ลองทำโจทย์ของเว็บนี้ดูค่ะ https://www.englishgrammar.org/parts-of-speech-exercise/ เราว่ามันกลางๆดีค่ะไม่ยากไม่ง่าย อันนี้สำคัญมากนะคะ เออเรอร์ออกบ่อย เราเองก็พอคล่องค่ะ จริงๆมันก็พอแยกได้นะคะแต่ต้องแปลไทยออกจริงๆ แล้วกก็ต้องเปลี่ยนคำเป็น N V adj adv ให้เป็น อย่าง adv ก็อาจจะจำว่ามี -ly ตามหลังไรงี้อ่ะค่ะ การตอบของเราเน้นเรื่องการตัดช้อยส์ค่ะ ยิ่งตัดช้อยส์เก่ง ยิ่งมีโอกาศถูกเยอะค่ะ ตัดช้อยส์ให้เป็นแล้วจะเก่งมากๆ ส่วนตัวเรามีเรียนพิเศษตัวต่อตัวอยู่ กลับบ้านก็มานั่งหาแบบฝึกหัดจากเน็ตทำเอา หรือไม่ก็หานิยายอ่านค่ะ ล่าสุดเราอ่านเรื่อง remarried empress ไป 55555 ถือว่าฝึกภาษา ยังไงก็สู้ๆนะคะ

1
genius2 9 ม.ค. 63 เวลา 21:40 น. 3-1

สู้ตายครับระยะเวลา2เดือนที่เหลือ จะทำได้รึป่าวไม่รู้ แต่จะพยายามให้ถึงที่สุด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด555

0
genius2 9 ม.ค. 63 เวลา 21:38 น. 4

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแสดงความเห็นนะครับ จะนำไปปรับใช้ เจ้าของกระทู้อาจไม่ค่อยได้ตอบ แต่เข้ามาส่องกระทู้อยู่เรื่อยๆนะครับ ใครมีวิธีแนะนำอีก พิมพ์มาได้เลยครับ

0
genius2 9 ม.ค. 63 เวลา 23:40 น. 5

มาอัพเดทความรู้ของผมในตอนนี้นะครับ เมื่อกี้ได้ลองทำข้อสอบของปี55(เพื่อทดสอบความรู้ที่มีติดตัว) โดยขอแบ่งออกเป็น 5 พาร์ทนะครับ

พาร์ท1 เติมคำตอบที่อยู่ในหัวข้อLISTENING & SPEAKING >>> มีทั้งหมด30ข้อ ---แบ่งออกเป็น ข้อที่คาดว่าน่าจะทำได้(แต่จริงๆคือเดาว่าน่าจะเป็นตัวเลือกนี้ เดาล้วนๆ เดาจริงๆ โยง และใช้ตรรกะมั่ว ไม่มีความรู้ผสม555+) 7 ข้อ สุดท้ายถูก 1 ข้อ และข้อที่มั่วไปเลย(ดูโจทย์ ดูตัวเลือกแล้ว แต่หาทางโยง และใช้ตรรกะไม่ได้) 18 ข้อ สุดท้ายถูก 8 ข้อ *****สรุปพาร์ทนี้ได้ไป 9 ข้อ*****

พาร์ท2 Reading ที่มีบทความสั้นๆยังไม่ยาวมาก >>> มีทั้งหมด 7 ข้อ ทุกข้อมั่วหมด สุดท้ายถูก 1 ข้อ *****สรุปพาร์ทนี้ได้ไป 1 ข้อ*****

พาร์ท3 Reading แบบยาวเหยียด >>> มีทั้งหมด 23 ข้อ ---แบ่งออกเป็น ข้อที่คาดว่าน่าจะทำได้ 1 ข้อ สุดท้ายข้อนี้ไม่ถูก และข้อที่มั่วไปเลย 22 ข้อ สุดท้ายถูก 7 ข้อ *****สรุปพาร์ทนี้ได้ไป 7 ข้อ*****

พาร์ท4 เรียงประโยค >>> มีทั้งหมด 5 ข้อ ---ทุกข้อคาดว่าน่าจะทำได้หมด สุดท้ายถูก 2 ข้อ *****สรุปพาร์ทนี้ได้ไป 2 ข้อ*****

พาร์ท5 เติมคำตอบที่อยู่ในหัวข้อWRITING >>> ทุกข้อมั่วหมด สุดท้ายถูก 1 ข้อ *****สรุปพาร์ทนี้ได้ไป 1 ข้อ*****


สรุปว่า การลองทำข้อสอบครั้งนี้ จากทั้งหมด 80 ข้อ ทำได้ 20 ข้อ คิดเป็น 25 คะแนน ใช้เวลาทำ 1 ชม. 8 น. ถ้าเป็นการสอบจริงนี่คือหมดสิทธิ์ยื่น กสพท.ในรอบ3ไปแล้ว แล้วก็ถ้าเทียบอัตราส่วนระหว่างข้อที่ทำแล้วน่าจะถูก(แต่ก็โยงมั่ว) กับ ข้อที่มั่วไปเลย(หาทางโยงไม่เจอ) อัตราส่วนคือ 3:17 จะเห็นได้ว่ามั่วไปเลยแบบไม่ต้องคิดยังจะมีโอกาสถูกมากกว่า T^T ตอนนี้ขอทำไปแค่ 1 ฉบับก่อน เพื่อทดสอบความรู้เฉยๆ ฉบับที่เหลือขอเก็บไว้ทำตอนใกล้สอบ ขอไปท่องศัพท์กับไปฝึกแกรมม่ามากกว่านี้ก่อน ไว้จะมาอัพเดทคะแนนที่ทำตอนพร้อมกว่านี้อีกทีครับ


1
Nirun Kramer 10 ม.ค. 63 เวลา 03:04 น. 5-1

ถ้าหวังกับ 24 ข้อเท่านั้น + ไม่มีพื้นฐานเลย + ต้องอ่านวิชาอื่นด้วย เราว่าอิ้งทุ่มเอากับพาร์ทบทสนทนาค่ะ มันง่ายสุดแล้ว พยายามเก็บให้อย่างน้อย 90% พาร์ทอื่นก็ลองอ่านไปบ้างก็ดีแต่ไม่ต้องทุ่มมาก โดยเฉพาะรีดดิ้งค่ะ คนเตรียมตัวมาดียังกระอักเลือดได้เลย


แกรมม่าถ้าจะอ่านเอาสรุปแกรมม่าประถมมาดูก่อนเลยค่ะ จริง ๆ แกรมม่าที่เรียน ๆ กันตั้งแต่ประถม - ม.ต้น - ม.ปลาย - มหาลัย มันก็คือเรื่องเดิม ๆ นั่นแหละ แค่เพิ่มรายละเอียด เพิ่มความซับซ้อน เพิ่มข้อยกเว้นปลีกย่อยต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา เช่น ประถมเรียนเทนส์ง่าย ๆ ม.ต้นก็เอาเทนส์มาต่อยอดเป็น passive voice จากนั้นแกรมม่าทั้งหมดที่จะเรียนต่อไปก็มีพื้นฐานมาจากส่วนนี้ทั้งหมด If clause ก็คือการจับคู่ tense ในความหมายที่ต่างกัน reported speech ก็แค่การเปลี่ยน tense เพิ่มเติมคือจำว่าอะไรเปลี่ยนเป็นอะไร พวกการใช้ adj adv prop ที่ดูซับซ้อนทั้งหลายก็ต่อยอดมาจากกฏง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนที่เริ่มเรียนปูมาจากประถมทั้งนั้นค่ะ นอกจากนั้นเราแนะนำว่าลองฝึกแกรมม่าโดยเอาประโยคง่าย ๆ ที่พูดกันจนคล่องปากมาลองวิเคราะห์แกรมม่าดูสิคะ เช่น how are you today? ลองวิเคราะห์ย้อนกลับไปว่าทำไมต้องใช้ how เป็น what ไม่ได้เหรอ แล้วทำไม verb to be ถึงใช้ are ใช้ตัวอื่นไม่ได้เหรอ? ใช้ am is was were been ไม่ได้เพราะอะไร?

(เคล็ดลับพาร์ทบทสนทนาคืออย่าลืมอ่านคำอธิบายก่อนเริ่มบทสนทนาค่ะ ถ้ามันมีนะ หลายคนชอบข้ามกัน เพราะคิดว่าไม่สำคัญ แต่จริง ๆ มันช่วยในการตัดช้อยได้มากเลยนะคะ อย่างเช่นถ้ามันบอกว่าเป็นการสนทนาทางโทรศัพท์ หรือบอกว่าคุยกันที่โรงพยาบาลไรงี้ มันจะช่วยสโคปคำตอบให้เราได้ว่าต้องอยู่ในกรอบไหน)

0
tslalit 10 ม.ค. 63 เวลา 20:18 น. 6

เห็นคนแชร์กระทู้นี้ เลยถึงกับต้อง log in เข้ามาตอบครับ ผมเป็นคนที่ไม่เก่งอังกฤษมากคนนึงครับ แบบรู้จักคำศัพท์ยากๆ ก็น้อยกว่าคนอื่น แกรมมาอะไรก็ไม่เป๊ะขนาดนั้น พูดก็งูๆปลาๆ ยิ่งฟังนี่แล้วใหญ่ ถ้าไม่มีซับนี่คือแทบไม่รู้เลยว่าพูดอะไร 55555 ประมาณ 3 ปีก่อน ผมได้เขียนกระทู้สำหรับการเตรียมสอบภาษาอังกฤษ แบบคนไม่เก่งมากไว้ครับ ลองอ่านดูก็ได้ครับ https://www.dek-d.com/board/view/3755022/ สิ่งที่ผมอยากให้คุณเปลี่ยนความคิดคืออย่างนี้ครับ 1. อย่าตั้งเป้าหมายแค่เพียงผ่าน 30 คะแนน หรือถูกแค่ 24 ข้อครับ เพราะว่าถึงแม้คุณจะซ้อมมือจนได้ 30 คะแนน แต่พอคุณสอบจริง มันจะมีปัจจัยอื่นๆ ที่มารบกวนคุณจนได้คะแนนน้อยกว่าที่ซ้อมได้ครับ ผมอยากให้คุณตั้งเป้าให้มากกว่านี้ เช่นสัก 40 คะแนน 50 คะแนน ประมาณนี้ครับ 2. การที่อาจารย์ของคุณบอกว่า "Grammar ถ้าเรารู้รูปแบบ ไม่ต้องรู้ศัพท์ก็พอทำได้" ไม่ใช่ประโยคที่ถูกสักทีเดียวครับ สำหรับคนที่ไม่เก่งอังกฤษอย่างผมจะเข้าใจกันว่า การที่เราจะใช้ Grammar ให้ถูกกับสถานการณ์ได้นั้น คุณควรจะตีความประโยคนั้นให้พอเข้าใจก่อนว่ามันสื่อความอะไร จากนั้น การใช้รูปแบบประโยคที่ถูกต้องจะตามมาครับ Grammar มันมีอะไรมากกว่าการท่องว่า เจอแบบนี้ เติม s เติม ed ใช้ past tense นะ อะไรประมาณนี้ 3. ในช่วงเวลา 1-2 เดือนก่อนสอบนั้น ผมแนะนำว่าให้วางหนังสือ Basic Grammar หรือ Vocab ดูก่อนครับ แล้วคุณดูข้อสอบเก่า ลองทำดูเลย เราจะเห็นจุดติดขัดของเราว่าเราไม่รู้อะไร สำหรับในข้อสอบ 9 วิชา ผมคิดว่าคนที่ไม่เก่งอังกฤษน่าจะมีจุดติดขัดที่คล้ายๆ กัน Part 1 ที่เป็น Conversation เราอาจจะไม่รู้สำนวนการพูดบางอย่างที่ใช้ในการสนทนา ตรงนี้น่าจะใช้ Google ช่วยได้ แล้วจดใส่สมุด

Part 2 ที่เป็น Reading เราอาจจะไม่รู้คำศัพท์ยากๆที่อยู่ในบทความ เราก็ควรจะหาความหมายคำศัพท์นั้น แล้วจดใส่สมุด เราอาจจะอ่านประโยคในบทความไม่แตกเพราะเราไม่รู้ Grammar เราก็ไปเปิดหนังสือ Grammar แล้วดูว่ารูปแบบการใช้ตรงกับหัวข้ออะไร ดูรูปแบบการใช้และตัวอย่างประโยคให้เข้าใจ ตรงนี้ก็น่าจะช่วยได้ Part 3 ที่เป็น Writing ตรงนี้อาจจะต้องใช้บุญเก่านิดนึง ผมไม่แนะนำสำหรับคนที่ยังเป็นมือใหม่ในการสอบภาษาอังกฤษ หลายคนเข้าใจว่า Part นี้แค่ท่อง Grammar จับสูตร Grammar ในห้องสอบก็ได้คำตอบที่ถูกต้อง ถ้าคุณทำจริงๆ จะรู้ว่ามันมีอะไรมากกว่าแทนสูตร Grammar อีกเยอะครับ คนที่ทำ Part นี้ได้ดีไม่ใช่คนที่ท่อง Grammar เก่ง แต่เป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษคล่องครับ สิ่งสุดท้ายที่จะฝากคือ อย่าลืมว่าการเรียนภาษาอังกฤษมันไม่ได้จบแค่สอบ Entrance เข้ามหาวิทยาลัย แต่ยังต้องเจอในการเรียนในมหาวิทยาลัยต่อไปเรื่อยๆ ยิ่งคุณจะเข้าคณะที่เป็นพวก กสพท. อย่างแพทย์ ทันตะ เภสัช เอกสารการเรียนและตำราก็เป็นภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ การเรียนภาษาอังกฤษแบบคลำทางแบบนี้จะช่วยให้ อย่างน้อยที่สุด คุณอาจจะไม่ได้มี Skill ภาษาอังกฤษที่เท่าคนกับคนอื่น แต่คุณจะมี Skill ในการคลำทางอ่านตำราภาษาอังกฤษต่อได้อย่างไม่ยากลำบากนัก (กล้าพูด เพราะเรียนหมอปี 2-3 ด้วยการอ่านตำราประมาณนี้มาแล้ว 55555)

0