พี่ๆคณะอก. สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอาหาร ม.อ.หาดใหญ่ ช่วยเข้ามาตอบหน่อยนะคะ

สายวิชานี้งานหลักคือโรงงาน รองลงมาคืองานขาย เงินเดือนน้อย กินเปอร์เซนต์การขาย ต้องมีรถยนต์ ถ้าไม่มีทำไม่ได้ รองลงมาคืองานออดิเตอร์ต้องมีประสพการณ์ทำงานโรงงานมาก่อน

งานโรงงาน งานหนัก เงินน้อย แบ่งเป็น2สายหลักๆอีกที 1สายผลิต 2สายตรวจสอบ ต้องขึ้นกะเช้าดึกด้วยนะ จะได้เงินเดือนเยอะๆงานสบายๆต่อเมื่อได้ตำแหน่งใหญ่ๆ เช่นผู้จัดการแผนก ผู้จัดการโรงงาน ไม่ใช่จะทำได้ทุกคนนะที่จะเป็นผู้จัดการ เพื่อนที่ทำทำมาหลายปียังไม่ได้เป็นผู้จัดการ เป็นแค่หัวหน้าผลิต เงินเดือน 2หมื่นกว่า ถือว่าน้อย ต้องเข้ากะดึก กะเช้าเหมือนทำงานเซเว่น แล้วไม่มีเก้าอี้ให้นั่งนะ ยืนตลอด ยิ่งอยู่ใกล้เครื่องจักรเสียงดังมากๆ เอาจริงๆนะพี่ว่าทำงานเซเว่นยังจะดีกว่าอีก หรือเป็นนักพัฒนาอาหารในโรงงาน ถ้าทำได้ เงินเดือนหลักล้าน แต่คนที่ทำได้ขนาดนี้มีน้อยมากๆ น้องต้องคิดค้นสูตรอาหาร เช่น ทำงานโรงงานปลาเส้น ก็ต้องคิดค้นปลาเส้นสูตรใหม่ๆ ทำมาแล้วก็ต้องขายดีด้วยนะ ถ้าขายไม่ดีถือว่าล้มเหลวอาจจะโดนเจ้าของบริษัทตำหนิ เผลอๆโดนบีบให้ออก ทำงานสายโรงงานขอบอกว่าสังคมเพื่อนร่วมงานแย่มากๆ

งานขาย ขึ้นอยู่กับว่าขายอะไร ก็ต้องจำของที่จะขาย ต้องตอบลูกค้าได้ ยิ่งขายได้เยอะก็ได้เงินเยอะ ต้องทำตามเป้าที่หัวหน้าวางไว้ เช่น เดือนนี้ต้องขายให้ได้อย่างน้อย 8 แสน ขายไม่ได้ตามเป้าหลายๆเดือนโดนบีบให้ออก ไม่ว่าน้องจะขายอะไรก็ต้องทำยอดขายให้ได้ ต้องมีรถด้วย ต้องออกต่างจังหวัดบ่อยๆ เรื่องขายอยู่ที่ดวงด้วยละ ตอนไปเสนอลูกค้าถามอะไรก็ต้องตอบได้หมด ต้องจำเยอะ

ออดิเตอร์ อยากเป็นการต้องทำงานโรงงานอาหารมาก่อน อย่างน้อย 2 โรงงาน ต้องไปตรวจสอบตามโรงงานต่างๆ ตรวจสอบมาตรฐานต่าง ต้องเดินทางบ่อยๆ ต้องมีความจำดีเพราะต้องจำข้อกำหนดต่างๆของมาตรฐานเยอะมากๆ ความจำไม่ดีเป็นไม่ได้

งานหลักของคนจบสายนี้คือ ทำโรงงาน ส่วนใหญ่คนที่จบมาก็ทำโรงงานนี่ละ แต่ทำได้ไม่เกิน 1ปี ส่วนใหญ่ลาออกมาทำงานนอกสายกันหมด

1. จากใจเลยนะครับ หลายต่อหลายคนภายนอกจะอวยว่าสาขานี้ดีมาก เงินเดือนดี หางานง่าย เป็นเพราะได้ยินจากคนมีชื่อเสียงที่จบด้านนี้มาแล้วประสพความสำเร็จ แต่คนทีทำได้จำนวนน้อยจริงๆ ก็อวยไม่ลง สงสารรุ่นน้องที่เข้ามา อาจารย์ก็บอกว่าดีนะตอนสมัครเข้ามา มีเอาประวัติรุ่นพี่ที่เป็นผู้จัดการงานฝ่ายผลิตมาเป็นตัวอย่างด้วย ตอนปฐมนิเทศ รุ่นน้องที่ได้มาดูคลิปมาก็ดีใจ เงินเดือนหลักแสน งานนั่งโต๊ะ ทำแต่เอกสารเป็นหลัก ใช่มันจริง แต่จะมีสักกี่คนทีทำได้

ผมจบ Food science เมื่อ 7-8 ปีแล้ว จบปี 57 รับ ปริญญา ปี 58 เพื่อนๆ พี่ๆ รุ่นน้อง พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าเรียนสาขานี้เลย

ในใจลึกๆ ของผมก็คิดแบบนี้เช่นเดียวกัน

2. อาหารเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องกินก็จริง แต่อาหารเป็นสิ่งที่ ทุกคนสามารถทำกินเองได้ ไม่จำเป็นต้องให้ food science ทำให้กิน จึงจะเห็นสาขาสายวิทย์อื่นๆ เข้ามาทำงานในสาย วิทยาศาสตร์อาหารเยอะมาก ส่งผลให้เกิดการแข่งขันสูงมาก

3. เนื่องจากตัวเลือกเยอะ ผู้ประกอบการก็กดราคา บางโรงงาน จบ ม.6 ขยันทำโอที ยังได้เงินเดือนเยอะกว่าคนจบ food sci เลยครับ ในขณะที่ เด็ก ฟู๊ดไซร์ ได้ 15 K ไม่มีโอที

4. โรงงานอาหาร งานหนัก จบสาขานี้ ต้องทำงานในไลน์ โรงงานของสดก็หนาวมาก หากเป็นโรงงงานพวกเครื่องดืม แปรรูป เบเกอรี่ ก็จะร้อนมากๆ ในขณะที่พวก วิศวะ บัญชี การเงิน จัดซื้อ คลัง นั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์ เด็ก food science ต้องทำงานอยู่ในไลน์ ต้องทนร้อนทนหนาว ไหนจะสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิต หรือสารที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องจักรต่างๆอีก ฯ

5. เรื่องสังคมการทำงาน คืองานโรงงาน คือแหล่งรวมความเสื่อมในสังคม เพราะหากคนดี มีสมอง มีทางเลือก มีการศึกษา ไม่มีใครเลือกมาทำงานเป็นพนักงานหรอก บางคนเรียนไม่จบ ไม่มีวุฒิ ก็เลยมาทำงานโรงงาน

6. ไม่เคยเห็นคนรวย หรือคนที่มีหน้ามีตาในสังคม คนไหนจบ food science เลยครับ อาจจะมีแต่ผมไม่เคยเห็น

7. ยอมรับว่าสาขานี้หางานง่าย อาจจะเป็นเพราะว่า โรงงานผลิตอาหารมีอยู่เยอะ คนหมุนเวียนเข้าๆ ออกๆ เยอะ (เพราะงานหนัก) แต่ค่าแรงจะได้มากหรือได้น้อยขึ้นอยู่กับดวงครับ พวกเพื่อนๆ ตอนนี้ หลังทำงานมา 7-8 ปี (ทั้งรุ่นที่จบ มี 106 คน) ก็ไม่เห็นใเลยครับ

8. แต่ส่วนตัวผมก็ต้องยอมรับนะครับว่า ที่สร้างบ้านได้ และใช้หนี้ต่างๆหมด ก็เป็นเพราะวุฒิจากสาขานี้แหละครับ ที่ทำให้ผมมีงานทำตลอด เพียงแค่แอบคิดว่าหากความสามารถเราขนาดนี้ ถ้าเลือกเรียนสาขาอื่น เช่น เภสัช พยาบาล บัญชี วิศวะ ครู หรือภาษา ตอนนี้น่าจะไปได้ไกลมากกว่านี้

9 อยากทำสายอื่น ก็เป็นauditor ซะสิ แต่ต้องผ่านงานโรงงานมาก่อน นอกจากว่าโชคดีหรือมีเส้นสาย งานออดิทก็ต้องเดินทางบ่อยๆไปต่างจังหวัด มีบ้านก็เหมือนไม่มี แต่แล้วแต่บริษัทจะส่งไปตรวจสอบโรงงานด้วย งานauditorก็เป็นเหมือนทนายทางด้านอาหาร ต้องจำกฏหมายด้านอาหาร ข้อกำหนดอาหาร เยอะมาก เงินเดือนก็แล้วแต่โชค แล้วแต่บริษัทที่ไปทำ แต่ละคนได้ไม่เท่ากัน

เรียนด้านนี้ก็ต้องทำงานโรงงาน คนที่จบด้านอาหารนี้มามีประสพการณ์ 7 ปี เงินเดือนก็แสนกว่าแล้ว รุ่นนึงที่มหาลัยจะมีคนทำได้คนสองคน ต้องมีความสามารถในด้านการจัดการ เช่น วางแผนการผลิตว่าวันผลิตอะไร จำนวนเท่าไร แจกงานให้ลูกน้องทำ ให้ลูกน้องมารายงานผล ผู้จัดการฝ่ายผลิตไม่จำเป็นต้องไปยืนที่ไลน์การผลิต ก็นั่งที่โต๊ะที่สำนักงานห้องแอร์เย็นๆ อาจจะต้องมีลงไปดูที่ไลน์การผลิตบ้างบางครั้ง คนที่เรียนเก่งเกรด4.00 เกรียตินิยมใช่ว่าพอทำงานแล้วจะเก่งนะ เพราะงานโรงงานไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเลย ต้องอาศัยความสามารถส่วนตัวสูง คนส่วนน้อยทีทำได้ โดยส่วนใหญ่คนทีทำงานโรงงานมา 3-4ปี หรือทำงานโรงงานมา 2 ที่แล้ว ถ้าเงินเดือนยังน้อยกว่า 20000 ส่วนใหญ่ก็พิจารณาตัวเองว่าไม่เหมาะกับงานนี้ เพราะทำไปก็ไม่รุ่งแล้ว งานนี้คงไม่ถูกกับตัวเอง ไปทำงานสายอื่นแทน งานสายอื่นที่เห็นๆก็มี

ทำงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ก็ดีไม่ต้องยืนที่ไลน์การผลิต นั่งอยู่ในออฟฟิตในโรงงาน ถ้าคุณเป็นระดับผู้จัดการแล้ว ก็ต้องคิดหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้บริษัท เพื่อให้โรงงานผลิตออกมา แล้วขายได้ ถ้าทำได้ รายได้งามๆเลย แต่รุ่นที่เราจบมาจะมีสักคนสองคนทำได้ ถ้าไม่คิดค้นสินค้าใหม่ๆออกมา นั่งทำงานไปวันๆ ไม่รุ่งแน่ เผลอๆโดนจ้างออก

ทำงานโรงงานต้องรู้ ISO9001 ,22000,FSSC,KPI การจัดการพลังงาน,BSCI ฯ Internal audit ระบบGHP&HACCP PCQI ซึ่งคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอาหารหลายๆมหาลัยจะไมไ่ด้สอน หรือสอนแต่ไม่ลงลึก จะเอาไปใช้จริงไม่ได้ ต้องไปศึกษาเพิ่มเองหรือไปลงเรียนเสียเงิน แล้วก็เสียเวลาด้วยอย่างมาก หลักสูตรคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีอาหารหลายๆมหาลัยเรียนแล้ววิชาส่วนใหญ่ไม่ได้เอาไปใช้จริง เหมือนจบแล้วโยนทิ้ง

ความก้าวหน้าในโรงงาน เงินเดือนโดยประมาณ

ตำแหน่งพนักงานปฏิบัติการ เงินเดือน 10000 - 18000

ตำแหน่งหัวหน้าแผนก เงินเดือน 15000 - 40000

ตำแหน่งผู้จัดการ 30000 - มากกว่าแสน

1 งานการตลาด ในโรงงานหรือบริษัทเกี่ยวกับอาหาร แต่ถ้าจะทำการตลาด แนะนำว่าไปเรียนการตลาด หรือบริหารการตลาด โดยตรงจะดีกว่าที่จะมาเรียนฟู๊ดซาย

2 งานขาย ขายพวกวัตถุดิบอาหาร เครื่องมือวิทยาศาส แต่ต้องมีรถยนต์ บริษัทมีค่าน้ำมันให้ แต่ตอนนี้คงไม่พอ เพราะน้ำมันแพง ถ้าขายได้น้อยไม่คุ้ม วันนึงต้องขับรถเป็น100กิโล เพราะรายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากเปอร์เซ็นต์การขาย เงินเดือนเซลก็มีให้ ส่วนใหญ่ไม่ถึงหมื่น ถ้ามีประสพการณ์บางบริษัทก็ให้หมื่นกว่า ถ้าชอบงานขายแนะนำให้เรียนบริหาร โดยตรงจะดีกว่าที่จะมาเรียนฟู๊ดซาย

3 ขายเครื่องกรองน้ำ ก็ต้องมีรถไปขายตามบ้าน เงินเดือนหมื่นกว่า ถ้าขายได้เยอะรวมแล้วก็ 2-3หมื่น ดีกว่าไปทำงานโรงงาน อันนี้มีเพื่อนจบมาแล้วไปเป็นคนขายเครื่องกรองน้ำ แต่ถ้าคิดจะทำด้านนี้นะ ไม่ต้องจบปริญญาตรีก็ได้

4 งานออดิตเตอร์ ต้องจบฟู๊ดซายมา และต้องเคยทำงานโรงงานมาก่อน หน้าที่ตรวจสอบตามโรงงานที่ได้รับมอบหมาย แต่ต้องจำข้อกำหนดกฏหมายด้วยนะ เยอะมากๆ เช่น GMP/HACCP และ ISO22000 อย.

5 งานราชการ ต้องจบฟู๊ดซายมา เข้ายากคนสมัครเยอะ รุ้จักคนที่ทำ เงินเดือน15000บาท

6 งานธุรการ ถ้าจะทำด้านนี้จบบริหารมาจะดีกว่า

7 call center รับโทรศัพท์ รับปริญญาตรีทุกสาขา แต่เรียนจบบริหารมาจะดีกว่า

ยังมีอีกหลายงานที่ทำได้ แต่ก็เข้าไปทำยาก และจะเจอคำถามตอนสมัครงานว่าทำไมไม่ไปทำงานโรงงาน หรือสายที่ตัวเองเรียนจบมา ถ้าน้องไม่ชอบทำงานโรงงานแนะนำให้ไปเรียนคณะอื่น แต่ละรุ่นที่เรียนจบมาแล้วก้าวไปถึงตำแหน่งผู้จัดการได้มีไม่ถึง 10% ส่วนใหญ่จะสุดที่ตำแหน่งหัวหน้าแผนก บางคนทำงานมา10ปี ยังอยู่ที่ตำแหน่งพนักงานปฏิบัติงาน เงินเดือนยังไม่ถึง 20000 บางมหาลัยมีให้นักเรียนไปดูงานที่มหาลัย หรือเป็นแคมป์ก็จะเอาประวัติของรุ่นพี่ที่จบไป ระดับผู้จัดการมาให้ดู พูดแต่ด้านดีๆทั้งนั้น

ทำงานโรงงานทำปีแรกจะยังได้ไม่เยอะ ถ้าเก่งๆ 7 ปี เงินเดือนแสนกว่าๆ อยู่ที่ความสามารถของคน เหมือนทนายในไทยมีเยอะมากแต่คนที่มีชื่อเสียงมีไม่กี่คน อาชีพอื่นๆก็คล้ายๆแบบนี้ทำงานใหม่ยังได้น้อย ที่เหลือขึ้นกับความสามารถ ทำงานโรงงานสำหรับคนไม่เก่งไม่มีความสามารถ ทำไป 7 ปี เงินเดือนก็ได้ไม่เกิน 3 หมื่น งานนอกสายก็งานพนักงานร้านอาหาร งานเซเว่น พนักงานต้อนรับโรงแรม พนักงานขายตามห้าง พนักงานธุรการ

เป็นคณะที่คนจบแล้ว ไปทำงานนอกสายกันหมด ไปเรียนวิศวะจะดีกว่า ถ้าชอบสายวิทย เลือกวิทย์เคมีดีกว่า