ตอนนี้ยังรับราชการดีมั้ยคะ

มีน่ะมีค่ะ แต่จะโตมั้ยนี่อีกเรื่อง งานส่วนใหญ่มันทำคนเดียวไม่ได้อ่ะ มันต้องประสาน ต้องโคกับฝ่ายอื่น ถ้าทุกคนที่ต้องโคกัน มีใจ มีอุดมการณ์แบบเดียวกับคุณก็ดีไป ถ้าหัวหน้าคุณคิดแบบคุณด้วยยิ่งดีใหญ่ แต่ส่วนใหญ่มักไม่ค่อยเป็นแบบนั้น ระบบมันมักทำให้คนมีไฟ ไฟมอดได้ง่ายน่ะค่ะ

ถ้าจะเป็นข้าราชการต้องผ่านการสอบ ก.พ. ภาค ก. ก่อนค่ะ

หลายหน่วยงานให้สอบภาค ข. กับภาค ค. ก่อนถึงค่อยไปสอบภาค ก. ทีหลัง

ไม่มีนะคะแบบเดินเข้าไปสมัครงานในหน่วยงานราชการและรับทำงานเลย

มีแต่พวกเด็กเส้นเด็กฝากที่เป็นลูกหลานของคนในหน่วยงานเท่านั้นนะคะ

ที่เข้าไปทำงานโดยไม่ต้องสอบเหมือนคนอื่น

ยังดี เข้ายากมากๆด้วย เงินดีกว่าทำงานเอกชน

อยากให้อนาคตมีข้าราชการน่ารักๆแบบนี้เยอะๆจัง แต่ที่เลารู้มาเอกชนเงินดีกว่าราชการไม่ใช่เหรอ

คหสต.

รับราชการก็ไม่แย่นะครับ มีสวัสดิการ slow life

ปล. เอกชนไม่ได้มีแค่ call center นะครับ // เวลาเปรียบเทียบงานควรเปรียบเทียบงานแบบเดียวกันครับ เช่น 

1) call center/ประสานงานของเอกชน vs งานรับโทรศัพท์/ประสานงานในหน่วยราชการ

2) งานฟรอนต์เอกชน vs งานฟรอนต์ราชการ

เป็นต้น

อีกสิบปีหรือร้อยปีถ้ารัฐยังคงอุ้มระบบราชการไว้ก็ไม่มีงานอะไรมั่นคงเท่าข้าราชการแล้ว เงินเดือนก็มี สวัสดิการการก็เบิกได้ มีลูกมีสามีภรรยาก็เบิกค่าใช้จ่ายค่าเลี้ยงดูบุตรค่ารักษาพยาบาลและค่าเล่าเรียนบุตรได้ แต่ประกันสังคมก็ได้เหมือนกัน เรทก็ต่างกันประมาณหนึ่ง ประกันสังคมลูกจ้างจ่ายครึ่ง บริษัทจ่ายครึ่ง เงินเดือนเยอะจริงแต่หักค่าประกันสังคม กับสวัสดิการราชการ เงินเดือนน้อยนะ แต่เบิกรพ.รัฐได้ตามสิทธิอาจจะมีส่วนต่างนิดหน่อย หักเงินเข้ากองทุนก็ขริง แต่เกษียณมาเงินก็เป็นของเรา ถ้าไม่ทำผิดกฎหมาย ระเบียบราชการ หรือทุจริต ก็ไม่สามารถเชิญออกได้ บางคน40-45 ยังทำงานเอกชนอยู่มันก็มี ถ้าเจ๋งจริงเก่งจริงบริษัทไม่ปล่อยไปง่ายๆนะ บางคนถึง55ก็มี

เข้ายากจริงไหม อยู่ที่ว่าจะเข้าไปทำอะไร กระทรวงไหน หรือหน่วยงานไหน

ถ้าจะเป็น ข้าราชการเลยทันที ไม่ยาก มีสองสองแบบ

1 สอบภาค ก ของกพ.ไว้ แล้วพอหน่วยงานไหนเปิดสอบ ก็ไปสอบภาค ข ภาค ค จนครบขึ้นบัญชีรายชื่อ รอเรียก โชคดีก็ได้ใกล้บ้าน ไกลบ้านก็เหนื่อยหน่อย แต่พอสักพักก็ทำเรื่องย้าย ใกล้บ้านขี้นเรื่อยๆ

สำหรับวิธีการสอบแบบนี้

ข้อดี ผ่านภาค ก ของกพ.แล้ว เอาไปยื่นสอบที่ไหนก็ได้

ข้อเสีย เสียเงินสอบสองรอบ

2 บางหน่วยงานไม่ต้องสอบภาค ก ของ กพ. เพราะหน่วยงานเปิดเอง แล้วก็มีภาค ข ภาค ค เหมือนกัน 

สำหรับวิธีการสอบแบบนี้

ข้อดี เสียเงินสอบครั้งเดียว

ข้อเสีย น้อยหน่วยงานที่จะเปิดแบบนี้ นานๆจะมีมาที แต่รับทีจะรับเยอะมากๆ เป็นพันๆคนก็มี

ข้าราชการ ข้อดี เบิกสวัสดิการได้ หักเงินเข้ากบข.เกษียณมาเงินก็เป็นของเรา บางที่มีบ้านพัก เกษียณแล้วยังได้บำนาญ (กำลังปรับปรุงระเบียบใหม่อยู่ไม่แน่ใจว่าจะตัดปีไหน)

ข้อเสีย เงินเดือนน้อย และเบิกบางรายการได้น้อยกว่าหน่วยงานอื่น

ส่วนต่อมาคือ พนักงานราชการ อันนี้ง่ายกว่าอันบน

เปิดสอบ สอบครั้งเดียว สอบผ่านรอขึ้นบัญชี รอเรียกไปทำงานได้เลย ไม่ยุ่งยาก สอบครั้งเดียว เสียเงินครั้งเดียว ไม่ต้องผ่าน กพ. เงินเดือนเริ่มต้น 16,000 - 18,000 (แล้วแต่หน่วยงาน)

แต่!!!!!! พนักงานราชการไม่มีสวัสดิการ เบิกอะไรไม่ได้เลย

ต้องจ่ายประกันสังคม หักทุกเดือน เบิกก็เบิกกับประกันสังคม ได้สิทธิตามนั้น

ข้อดี เงินเดือนเริ่มต้นสูง ไม่ต้องเสียเงินสอบหลายครั้ง ทำงานครบ1 หรือ 2 ปี แล้วแต่ระเบียบหน่วยงาน จะมีการเปิดสอบภายใน สามารถสอบเลื่อนเป็นข้าราชการได้ ใส่เครื่องแบบกากีเหมือนกัน

ข้อเสีย เงินเดือนได้ไม่เต็ม เบิกสวัสดิการไม่ได้ ถ้าไม่เปิดสอบก็ต้องทำรอไปจนกว่าจะเปิด

ส่วนลูกจ้างหน่วยงานราชการอันนี้ไม่มีข้อมูลว่าเข้ายังไง เท่าที่จะรู้คือ หน่วยงานเปิดเอง พวก อบต. เทศบาล แขวง เขต ต้องสอบเข้าเหมือนกัน ส่วนเรื่องสวัสดิการอะไรแบบนี้เราไม่ค่อยรู้ รอเม้นท์อื่นๆเนาะ

หน่วยงานต่อมาคือ ส่วนรัฐวิสาหกิจ จะเรียกว่า

พนักงานรัฐวิสาหกิจ

หน่วยงานนี้มีไม่กี่ที่ ธนาคาร ไฟฟ้า ประปา สื่อสาร

รัฐวิสาหกิจ คือ รัฐครึ่งหนึ่งเอกชนครึ่งหนึ่ง ทำเงินให้รัฐบริหารแบบเอกชน

วิธีสอบมีสามแบบสองสไตล์ แล้วแต่หน่วยงาน

1 ต้องผ่านภาค ก ของกพ. (สำหรับธนาคาร)

2 ต้องผ่าน Toeic 550 - 600 **เฉพาะผู้ที่จะใช้วุฒิสอบบรรจุในระดับปริญญาตรี ปวส.ไม่ต้องใช้** (สำหรับไฟฟ้าและประปา)

3 ไม่ต้องผ่านอะไรเลย แต่ใช้ได้แค่วุฒิปวช.หรือปวส.เท่านั้น บรรจุได้เฉพาะพนักงานระดับปฏิบัติการ ไม่สามารถสอบตำแหน่งนักวิชาการได้

ข้อดี ของการสอบแบบนี้ ถ้าใช้วุฒิปวช.หรือ ปวส.ง่ายไม่ต้องสอบหลายอย่างเรียกบรรจุเลย แต่ถ้าใช้วุฒิปริญญาตรีไม่มีสอบเยอะสอบยากสอบซ้ำสอบซ้อน 55555 (ปล.อันนี้อารมณ์ส่วนตัวล้วนๆ555)

ข้อเสีย ใช้เงินค่อนข้างเยอะในการสอบถ้าใช้วุฒิปริญญาตรี ถ้าไม่มีวุฒิปวช.หรือ ปวส.ต้องไปเสียเงินเรียนเพิ่มอีก ปล.

จบ ม.6สามารถเรียนต่อปวส.ได้นะ สอบถามวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้งเอกชนและรัฐใกล้บ้านได้เลยค่ะ (ส่วนตัวเราก็เรียนแบบนี้แล้วไปต่อปริญญาตรีอีก2ปีจบพร้อมเพื่อนที่เรียนมหาลัย4ปีระบบปกติ) แต่ถ้าตำแหน่งที่เราต้องการให้ใช้วุฒิปวช.(เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว) จะมีเอกสารยินยอมการลดวุฒิการศึกษาจากหน่วยงานให้กรอก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่ระเบียบของแต่ละหน่วยงาน

ข้อดี เบิกสวัสดิการได้ ค่ารักษาพยาบาลเหมือนข้าราชการแต่ได้เยอะกว่าเพราะไม่มีเพดาน (เฉพาะโรงพยาบาลรัฐ) หากพ่อแม่เป็นข้าราชการเกษียณรายการไหนที่เบิกหน่วยงานเดิมไม่ได้ เอาส่วนต่างมาเบิกที่ลูกที่ทำงานเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจได้ (เฉพาะโรงพยาบาลรัฐ) สามารถเบิกโรงพยาบาลเอกชนได้ แต่จำกัดวงเงินต่อปีแล้วแต่หน่วยงาน มีโบนัสทุกปีเหมือเอกชน ระบบการบริหารงาน ระบบการทำงาน ระบบการบริการประชาชนจะทันสมัยกว่ารัฐ (ปล.แต่ก็ค้างบ้างเหมือนกันอยู่ดี 55555)

ข้อเสีย ไม่มีระบบบำนาญ เกษียณไปรับเงินก้อนพร้อมกับสิทธิบัตรทอง30บาท และเงินผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาท55555 ปล.เงินก้อนที่ได้ก็เป็นเงินที่หักเข้ากองทุนสำรองเลีเยงชีพทุกเดือนนั่นแหละ แต่ไม่ได้บังคับว่าจะต้องหักเท่าไหร่ ฝากเยอะก็ได้เยอะ ฝากน้อยก็ได้น้อยหน่วยงานสมทบให้เหมือนกันกับราชการแต่ได้ก้อนเดียวโดดๆ

ส่วนต่อมาคือ ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ (ส่วนตัวทำอยู่ตอนนี้)

สอบเข้าตามระบบ ใช้วุฒิปวช. ถ้าไม่มีก็ใช้ปวส.แล้วเซ็นต์ยินยอมลดวุฒิ อันนี้ก็แล้วแต่หน่วยงาน สอบข้อเขียนเสร็จสัมภาษณ์สอบได้ก็คือได้เลย สอบไม่ได้อาจจะไม่มีการขึ้นบัญชีไว้แล้วแต่นโยบายแต่ละปี

ข้อดี การสอบแบบนี้ง่ายเร็วไม่เสียเวลา ไม่ต้องเสียเงินสอบไม่มีการเก็บเงิน (สำหรับหน่วยงานเราหน่วยงานอื่นไม่รู้)

ข้อเสีย เปิดสอบทีรับน้อย หลักสิบ มากสุดที่เคยเห็นคือ 25

ข้อดีของการเป็นลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ คือ เบิกสวัสดิการได้เหมือนกัน ไม่ต้องจ่ายประกันสังคม เบิกได้ของตัวเอง สามี/ภรรยา และบุตร เบิกค่าเล่าเรียนบุตรได้ เบิกค่าเลี้ยงดูบุตรได้ แต่จะเป็นอีกเรทหนึ่งอาจจะได้ครึ่งหนึ่งของพนักงานรัฐวิสาหกิจ พวกค่าห้องถ้าแอดมิท แยกย่อยบางรายการ แต่ค่ารักษาพยาบาลแบบOPDกับค่าเล่าเรียนแบบนั้นจะได้เรทเดียวกัน พอบรรจุได้ครบ1ปี สามารถเข้าสอบเลื่อนขั้นเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจได้สอบได้จนถึงอายุ 55 ปี แต่ทำงานได้จนถึงอายุ 60 ปี เกษียณแล้วได้บำเน็จเหมือนกัน แต่จะเป็นเรทที่น้อยเพราะไม่ได้มีการหักเงินเข้ากองทุนใดๆรับเงินเดือนเต็มๆ

ข้อเสีย ส่วนใหญ่หน่วยงานจะไม่มีบ้านพักให้ ไม่ได้รับโบนัสเหมือนพนักงานรัฐวิสาหกิจ เงินเดือนมีจำกัดเพดาน เกษียณได้เงินน้อย เปิดสอบปีละครั้ง รับไม่ค่อยเยอะมาก

เราดีใจนะที่ จขกท. รักในงานบริการ แต่ส่วนตัวเราก็รักและชอบงานบริการเหมือนกัน ระหว่างนี้เราอยากให้จขกท.ไปหัดการรับมือกับอารมณ์ของผู้อื่น เพราะเวลาที่ประชาลนเข้ามาติดต่อมีหลายแบบ บางครั้งมีแม้กระทั่งถูกขู่กรรโชกในสำนักงานก็มี บางครั้งจะไปเจรจาขอให้ชำระหนี้ถูกขู่ด้วยอาวุธก็หลายครั้ง (บางรายต้องเอาตำรวจไปด้วยเลย) คนที่ทำงานในระบบราชการ จะโดนว่าโดนตำหนิเยอะและบ่อยมากซึ่งบางอย่างเราก็ไม่สามารถแก้ไขได้เนื่องจากอาจจะเป็นนโยบายหรือข้อบังคับบางอย่างเนอะ ถ้ากังวลว่าจะไม่มั่นคง มั่นคงแน่นอน เงินเดือนอาจจะน้อยหน่อยแต่ก็ขึ้นทุกปีนะ ขึ้นน้อยหน่อยแต่ก็ขึ้นนะ 55555

ส่วนข้อเสียของการทำงานราชการทั้งหมดทุกแบบคือ ย้ายเก่ง! 5555 จขกท.ต้องเป็นคนไม่ติดบ้านนะ เพราะเราจะเลือกที่ทำงานไม่ได้ อาจจะโชคดีได้ทำในกทม.แต่บรรจุเขตไหนไม่รู้ อาจจะไกลบ้านมากๆจนต้องเช่าที่พัก พอทำไประยะหนึ่งพอสอบเลื่อนขั้นได้หรือได้เลื่อนขั้นก็ต้องย้ายที่ทำงานอีก ก็คือย้ายเรื่อยๆๆๆ 55555 เว้นแต่จะดวงดีมากๆๆ บรรจุใกล้บ้านและทำได้จนเกษียณ มันก็มี แต่ มีน้อย ต้องย้ายกองย้ายแผนกไปเรื่อยๆ งานที่รับผิดชอบก็เปลี่ยนตามเรื่อยๆ

ส่วนข้อแนะนำในการสอบ ไปหาข้อสอบเก่าๆเท่าที่จะหาได้ หรือซื้อหนังสือติวตามร้านหนังก็ได้ เลือกดีๆหน่อยนะ ทำไปเรื่อยๆทำทุกวัน ทำให้แตกฉาน 5555555555

เน้นทำข้อสอบเยอะๆ อันไหนผิดก็จดไว้แล้วก็ทบทวนเรื่อยๆ ก่อนสอบบางหน่วยงานจะมีบอกว่าสอบอะไรบ้าง ใล้คะแนนส่วนไหนกี่ % อย่างสอบกพ.แบ่งเป็นกี่พาร์แบบไหนบ้าง อย่างนั้นแหละ

ถ้ายังอยู่ม.ปลาย ไม่ต้องกังวลเรียนอะไรก็ได้ในมหาลัย จบนิติก็เป็นนิติกรในหน่วยงานราชการได้ สายตรงอย่างรัฐศาสตร์ก็ดี จบด้านบริหารธุรกิจก็ได้ จบวิศวะก็เป็นวิศวกรสาขาต่างๆในระบบราชการได้ จบสายวิทยาศาสตร์สายการแพทย์ก็เป็นข้าราชการได้เหมือนกัน แถมมีค่าเวรด้วย 555555 อยู่ที่ว่าอยากเรียนอะไรและต้องรักสิ่งนั้นมากๆด้วย อย่างที่จขกท.ยกตัวอย่างว่าชอบเป็นประชาสัมพันธ์ ก็มีเปิดสอนเฉพาะโดยตรงอยู่นะเคยเห็นผ่านๆ จะเรียนอันนั้นก็ได้ ลองหาข้อมูลต่อดูนะ

สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ <3

งานลูทีนนะ- ถ้าไม่ขี้เบื่อ และไม่ถนัดการแอดวานช์อะไร เพราะมีรู้ทให้อยู่แล้ว

ส่วนตัวมีความเห็นว่าข้าราชการรับใช้ประชาชนบังหน้าเท่านั้น

มีการเมืองภายในแบ่งพรรค์แบ่งพวกรุนแรงแบบไม่สนผลลัพธ์เลยว่าจะเสียหายยังไง

เอกชนขัดแข้งขัดขากันยังไง ปลายทางคืองานยังเสร็จอยู่- ราชการไม่ใช่

ขอบคุณพี่ๆทุกคนมากเลยนะคะ ฮรึกกก

ถ้าเป็นงานบริการ สนง. เขต มักจะเป็น ขรก. ปฏิบัติงาน ที่วุฒิต่ำกว่าป.ตรี และเงินเดือนน้อยจนไม่พอใช้ครับ หรือ ไม่ก็ พนักงานราชการ พนักงานจ้างเหมาบริการ

งานบริการที่ทำแล้วโต ก็ไม่เชิงครับ

ตามสถิติ ก.พ. แล้ว ขรก. ส่วนใหญ่จะเกษียณกันที่ระดับชำนาญการ ซึ่งสูงกว่าระดับปฏิบัติการที่บรรจุเข้าไปเพียงขั้นเดียว

ข้อดีก็คือ ความมั่นคง ในแง่ ศก ขึ้นลงทั่วไป ขรก. ไม่กระทบมาก ทั้งบางส่วนงานก็งานเข้าหนักเช่น ด้านสาธารณสุข ทั้งของ กทม และของประเทศ แบบงานหนักเงินเท่าเดิม

ส่วนตัวอยากให้ลองขอไปฝึกงานหรือลองทำจ้างเหมาดูก่อนเพราะ หน้างานจริง เราอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้

ส่วนตัวทำราชการอยู่ บอกเลยว่า ระบบเอกสารวุ่นวายเน้น การจัดวาง ผิดถูกมากกว่าสาระเนื้อหา

แจกงานมั่วซั่ว ทำให้เกิดงานซ้ำซ้อน โดยไม่จำเป็น หลายคนโดนงานที่ไม่เกี่ยวข้อง ได้ภาระงานเพิ่มทั้งที่เป็นงานของฝ่าย/แผนกอื่น

ทำงานได้ดี มายความว่าได้งานเพิ่ม ส่วนประเมินเงินเดือนก็ทำใจว่า ไม่ได้เยอะกว่าคนอื่น คนที่ได้เยอะคือเข้าหานายเก่งๆ