(((เคยคิดมั้ยว่าเราจะเรียนฟิสิกส์ เคมี ไปทำไม)))
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
21 ความคิดเห็น
ก็ใช้ได้นะครับ
เอาไว้ช่วยปกป้องโลกไม่ให้ถูกทำลายจากสภาวะโลกร้อนไง
*0*
เราก้อเรียน สายวิทย์ อ่า
อย่า !~ ว่าเเต่เรียน ฟิสิกส์ เคมี ไปทามไม
อยากรุว่าเกิดมาเราจะเรียนทามไมดีก่า
เรียนเยอะเเยะ ถามหน่อยได้ใช้บ้างไหม
?????
ทามไมเราม่ายเรียนเเบบเมืองนอกล๊า
เทอม เดียวพอ
เเร้นถามหน่อย ทามไมเราต้องเรียน
พื้นฐาน ถึง 12 ปี ป.1-ม6
เรียนทามไม เรียนตั้ง 12 ปี
เเต่ม่ายได้ใช้ หากิน
ที่ใช้จิงๆก้อเเค่ 4 - 6 ที่เราอยุ่ มหาลัย
การเรียนของไทยเรา โครตโบราณ
ล้าหลังสุด ด  ,,,,,
ปล.ความคิดส่วนตัว
คนอื่นม่ายเกี่ยว
อย่าปากดี ขอร้อง ,,,,
ใช้หลักสมมติ ของฟิสิกส์ไงค่ะ
ทุกอย่างสมมติ  อะไรประมาณนี้
PS. อนาคต :: เภสัชศาสตร์ 6 ปี มหาลัยนเรศวร ^^
เราเรียน มหาลัย คณะ นิเทศศาสตร์
ไม่มีคณิตให้ลงสักตัว
ที่สั่งสมมามากมายศูนย์เปล่า
เดวก็จะจบละ
ตอนทำงานก็คงไม่ได้ใช้
เอาเหอะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ในตอนเรียน
ที่เรียนมา ยากมากมาย โจทย์ข้อหนึ่งยาวเป็นกิโลๆ
555
เหนื่อย!!!!~
อาจไม่ได้ใช้จริงในชีวิตประจำวันทุกเรื่องหรอก
แต่เราว่ามันทำให้ได้ฝึกคิดดีนะ
ได้รู้อะไรหลายๆอย่างด้วย ดีออก ฮ่าๆ
แต่คิดแล้วก็น่าปวดหัว เนื้อหาเยอะจริงๆ
แบบว่าเรียนสายวิทย์มาเงี่ย
ถ้าเราเอ็นเข้าสายวิทย์พวกแพทย์ วิศวะ วิทยาศาสตร์มันต้องใช้ต่อยอดจ๊ะ
วิศวะ - ฟิสิกส์
แพทย์ - ชีวะ/เคมี
เป็นต้นนะ เราเองก้อเรียนสายวิทย์มาบอกตรงๆว่าเราไม่ชอบเลย
แต่ที่เรียนเพราะทางเลือกตอนเอ็นอ่ะ ร้เลยว่าคิดผิดมากๆๆๆๆ
เพราะมันฉุดเกรดอย่างรุนแรง T^T
ฉะนั้นอยาจะเตือนน้องๆที่จะขึ้นม.4ว่เลือกตามความชอบและความถนัดของตนเอง
ไม่งั้นจะเหมือนพี่ที่มานั่งเสียดายกับเกรด6เทอม แต่พี่ไม่รู้ว่าGAT-PAT ของน้องจะต้องใช้เกรดร.รหรือเปล่า เพราะไม่ได้ติดตามข่าว - -"
นะนะฝากไว้ด้วย
จริงๆวิศวะ เน้นคณิตกับฟิสิกส์นะ บางคณะอาจมีเคมีด้วย
แก้คำว่า คณะ เป็น สาขา
แล้วถ้าเราไม่เรียนกัน..เราจะใช้อะไรในการพัฒนาเทคโนโลยีหล่ะ...
ถ้าเกิดตอนนี้ไม่เรียน..ประเทศไทยอาจจะยังอาศัยกระท่อมในการอยู่อาศัย
ความคิดเห็นส่วนตัว
ไม่จริงเลย ใครที่บอกว่าไม่ได้ใช้ความรู้ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ในชีวิตประจำวันน่ะ ตลอดเวลาเราก็ต้องใช้ความรู้พวกนี้อยู่แล้ว แต่เราใช้โดยไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง เพราะมันใกล้ตัวมากๆๆๆ เช่น ฟิสิกส์ก็เรียนรู้ปรากฏการณ์ต่างๆในธรรมชาติ เช่น แสง เสียง ไฟฟ้า แรง ที่พูดเนี่ยไม่ใช่มานั่งคำนวณๆๆๆๆแล้วก็คำนวณอย่างที่เราเจอในห้องเรียนนะ แต่เป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เช่น หลอดไฟทำงานยังไง โทรทัศน์เกิดภาพบนจอได้ยังไง ทำไมเครื่องบินถึงบินได้ ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง เกิดขึ้นได้อย่างไร เค้าส่งจรวดส่งดาวเทียมขึ้นไปได้ยังไงและส่งไปทำไม เค้าจะสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทยดีหรือไม่ดีอย่างไร น้องจะสนับสนุนหรือคัดค้านด้วยเหตุผลอะไร เห็นมั๊ยเกี่ยวข้องกับเราหมดเลย เคมีก็ชัดเจนเหมือนกัน เพราะคนเรานั้นทุกวันก็สัมผัสกับสารเคมีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสบู่ ยาสีฟัน เครื่องสำอาง ยา แล้วก็สารอาหารต่างๆ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต คืออะไร ทำไมเราต้องกินเข้าไป เคมีภัณฑ์ที่เราใช้กันอยู่มันมาจากไหน ทำได้ยังไง เช่น พวกยางหรือพลาสติก สารพิษต่างๆ เช่น ปรอท ตะกั่ว มีพิษยังไง มาจากไหน พวกสารจำพวกรดหรือเบสในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำส้มน้ำมะนาวทำไมถึงเปรี้ยว กรดด่างอันตรายอย่างไร มีสารเคมีอะไรที่ควรระวัง หรือชีวะยิ่งไปใหญ่เลย ร่างกายเราทั้งนั้น ถ้าไม่เรียนแล้วจะรู้มั๊ยว่าร่างกายเราทำงานอย่างไร เราหายใจไปทำไม หัวใจเต้นได้ยังไง คนเรารู้สึกนึกคิดได้ยังไง ร่างกายคนเราเติบโตได้อย่างไร ประจำเดือน อสุจิเกิดขึ้นได้อย่างไร ทำไมต้องหน้าเจ็ดหลังเจ็ดด้วย ทำไมคนเราถึงเกิดมาได้ ทำไมเราถึงมีรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ มีโรคประจำตัวอย่างนี้ แล้วเราจะป้องกันโรคนี้ไม่ให้ถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้อย่างไร วิตามินต่างๆสำคัญกับร่างกายอย่างไร แล้วเราจะได้จากแหล่งไหนบ้าง เห็นมั๊ย ใช้ในชีวิตประจำวันทั้งนั้น เพียงแต่เราลืมไปว่าเราเรียนจากวิชาพวกนี้แหละ ธรรมชาติรอบตัวเรา ทั้งคน สัตว์ พืช โลก ดวงดาว มหัศจรรย์ขนาดไหน อย่ามองอะไรแคบๆแค่ว่าไม่ได้ใช้เรียนต่อในมหาลัยหรือการทำงานเท่านั้น เพราะมันคือความรู้ที่ทำให้เราเข้าใจโลกรอบตัวมากขึ้น และอีกอย่างการเรียนวิชาทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์มันฝึกให้เราคิด วิเคราะห์ มองอย่างเป็นระบบ คือมันฝึกให้เราจัดระบบความคิด (โดยไม่รู้ตัว) นั่นเอง ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้ได้กับทุกศาสตร์ รวมทั้งในชีวิตประจำวันของเราด้วย
ไช้ทำไห้สมองเราได้คิดเวลาทำข้อสอบได้ไม่ส่งข้อสอบเปล่าไงไอน้อง
เดวเรียนมหาลัยแล้วจะรู้คับบบบบ
แต่ละวิชามันคงมีประโยชน์ในแต่ละด้านต่างๆกันแหละครับน้อง
ลองถามตัวเองสิครับถ้าเราชอบเลขเรียนเลขไปทำไม ตอบได้มั้ย?
ก้อเหมือนๆกันแหละครับ
คำถามอะไรที่เรายังตอบให้ตัวเองไม่ได้แล้วจะให้คนอื่นช่วยตอบได้อย่างไรล่ะครับ7
คห.2
เป็นคำพูดของพวกที่ไม่เคยอยู่เมืองนอก แต่กระแดะ นำเอาแต่ด้านที่ตัวเองคิดว่าดีอยากให้เอามาใช้
สาเหตุมาจากความติ่งหูของมัน อยากสบาย
ถ้าไม่อยากเรียนจริงๆ วิชาพวกนี้ ก็อย่าเรียนสายวิทย์สิ จะได้ไม่เจอ ถึงเจอก็น้อยมาก แทบจะไม่ได้สัมผัสอะไรกับมันเลย
สำหรับผมก็ ไม่ถึงกับใช้แบบเป็นอาชีพเลย ( ผมมันพวกเพ้อฝัน เซอร์ๆ) แต่ว่า รู้ๆไปก็ดี ดีกว่าม่ะรุ้นะ
พอเวลามีคนถาม อะไรที่เำกี่ยวกับฟิสิกส์ เคมี  (รวมชีวไปด้วย) จะได้โชว์ เต้ป(เทพ)
เอ้ะ ไอนี่รุ้ได้ไงว้า.. (สมมุตว่าเราเป็นถามนะ 55)
ภายในอนาคต ลูกๆของท่านอาจมาถามว่า ทำไม ลูกบอลตกพื้นละ ง่ายๆเลย  ทำไม เครื่องบินได้อ่ะ 
ทำไม ทำไม และก็ ทำไม - -    (Eลูกช่างถาม)
ผมก็ บ่จี้ พวกวิชานี้ เคยคิดเหมือนกันว่า  จาเรียนทำไมว้า นั่งคุยกับเพื่อนในห้อง
คิดไปคิดมา การเรียนพวกนี้ทำให้รู้หลายๆอย่างที่ยังไม่รู้  ว้าว (เหมือนเก่งเลย ผมเนี่ย - -)
แต่ก็นะ 555
ความคิดเห็นผมนะ ที่เราเบื่อ เพราะว่า ความเยอะของมัน เคมี อะไรก็ไม่รุ้ เยอะมาก ฟิสิกส์อีก จำทั้งสูตร ทั้งทฤษฎี  จึงทำให้เรียนไม่ทัน 
เรามัน จำไม่เก่ง ไม่เต้ป เรามันอัลไซเมอร์ เรามันบ้าฟ(สิ่งมีชีวิต ที่หลุดจากปากบ่อยๆ)
      คนส่วนใหญ่ ที่เรียนทันนะ จะเป็นพวกที่เรียนมาก่อน หรือไม่ก็ เด็กขี้สงสัย ครูครับ อย่างนั้เป็นยังไง ยังไงๆ
โอ้ แม่เจ้า    !!(ยืมคำเขามา 55)  โดยความเป็นวัยรุ่น ไม่ชอบทำไร นานๆ  อ่านหนังสือปุ้บ ไม่ถึง 5นาทีบางคน เปิดผ่านๆแล้วก็เบื่อไปเลยด้วย
ซ้ำ จึง ทำให้ สอบไม่ผ่าน สอบไม่ผ่านแ้ล้ว เครียด  พอเครียดเสร็จ ก็เบื่อ... โอ้ชีวิต  นี่แหละ วัยรุ่น
ในปัจจุบัน เขาเรียนกันไปสอบเสียมากกว่า(มั้ง)  ผลเกิดจาก เบื้องบน ทำให้ข้อสอบยาก และยากมากๆ  ออกทุกบท(มั้ง)
ดูจากวิชาเฉพาะ ที่ผมไปสอบนะ  Anet ไม่รุ้ไม่ได้ไปสอบ  ผมไปสอบวิชา วิศว เล่นๆ ชริวๆ แก้เซง  เข้าไปสอบนะ  หนังสือ ช่วยคุณได้น้อย
มากๆ  การอ่านเอง ทำให้ไม่รุ้แนว และ  อ่านไป ออกไม่ตรงเลย  จึง ทำให้วิชามาร เกิดขึ้น ไม่มีสำนัก เกิดจากจิตสำนึกภายในคิดว่า เราทำ
ไม่ได้        ดิ่งๆๆๆๆ  ครับ  และก็ sleep  มันเป็นสูตรสำหรับคนทำไม่ได้  ก็นะ
เหตุเช่นนี้ จึงทำให้หลายๆคน คิดว่า เรียนไปทำไม (แต่ว่า พื้นฐานวิศว สำหรับคนเรียน ก็ต้องใช้นะ อย่าว่ากัน 555)
ก็สู้ๆ ครับ  ถ้าคิดว่าเรียนไปทำไม ก็ลองหาสิ่งที่ดีที่สุด ที่ชอบที่สุดสำหรับตัวคุณ แล้ว ตั้งใจ พยายามอยู่กับมัน
คนเรา มันก็ดีคนละอย่าง  ก็สู้ๆครับ จะได้เศรษฐกิจดี -- ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน ผลของงานอยู่ที่ การกระทำ--
ทุกอย่างที่เรียนมามันก็เป็นพื้นฐานในการเรียนมหาลัยแหละ
จะบอกว่าไม่ได้ใช้คงจะไม่จริงซะทีเดียว
เลข กะ วิทย์ มันช่วยให้เรามีกระบวนการคิดที่ดี ไม่ว่าจะเรียนสาขาใดก็ตาม
ไม่เรียนแล้วจะทำอะไรล่ะ
^___^
ต้อง ใช้ เหอะ ใน ชีวิตประจำวันน่ะ
สอดแทรก เยอะ แยะ
แต่บางอันที่เจาะลึก อาจไม่ค่อยได้ใช้ไง
ชีวะ นี่ยิ่งใช้อ่ะไม่เรียน ชีวะ จะมีหมอไหมอ่ะ ป่วยมา ก็ตายเลยดิ
เอิ๊กๆๆ
ถึงไม่เป็นหมอ เราก็ใช้วิชาชีวะในการดูแลสุขภาพร่างกายของเรา ดูแลต้นไม้ที่เราปลูก การดูแลสัตว์เลี้ยง การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ การป้องกันโรค รู้ว่าเด็กเกิดมาได้อย่างไร ฯลฯ
ส่วนเคมี รู้ว่าอาหารเสริมมีสารอาหารอะไรแล้วได้จากการทานอาหารอะไรแทนได้บ้าง การชั่ง ตวง วัด สารเคมีต่างๆ การแก้พิษเบื้องต้น เช่น โดนน้ำกรด สามารถใช้ด่างมาเจือจางล้างออกได้ ฯลฯ
เอ้อ คิดแบบเด็กๆ
เรียนไปเป็นพื้นฐาน ไงครับ  เพื่อไปต่อในมหาวิทยาลัย
ถ้าคุณไม่ได้เรียนพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ คุณก็ไม่มีสิทธิสอบ ไม่สิทธิเข้าเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์
สำหรับคนที่รู้ตัวเอง ไม่อยากเรียนสายวิทย์ ก็เข้าสายศิลป์ ก็เรียนตามที่ตัวเองชอบและถนัด
สำหรับหลักสูตร 12 ปี  นั้น เป็นหลักสูตรเพื่อพัฒนาสมอง  อย่างเป็นลำดับ  ความรู้ที่คุณมี ใน 12 ปีของการเรียน มันก็ตกผลึก
ลองเปรียบเทียบ ถ้าคุณไม่เรียน แต่เลี้ยงควาย 12 ปี กับคุณ เรียนในโรงเรียน 12 ปี  คุณจะเลือกอันไหน
ถ้าคนไหนเขาใช้สมองเรียน
เขาไม่บ่นแบบนี้หรอกคับ
อืม
อ่านแล้วฮาดี
คิดได้ไงเนี่ย
55++
Oh, just a nutty question...
"True success is not in learning but in its application to benefit of mankind..."
Repeat it 10 times a day and perhaps จขกท will be cleverer than ever!
Science is Sexy...
ไม่มี อนุบาลก็อ่าน  ก.ไก่ ไม่ออก
ไม่มี ประถมก็บวก  เลข 2 หลัก เก็บไว้ในใจแล้วทดไม่เป็น
ถ้าไม่มีมัธยมต้น ก็คงไม่รู้ว่าโครงงานวิทย์ฯ  มันเป็นไง
ก็คงไม่รู้ว่า  พหุนามเป็นไง
และถ้าไม่มีม.ปลายก็คงไม่รู้ว่า Na ไวต่อน้ำ หากไปเจอที่ไหน ลองเล่น ระเบิดตู้ม ต้าม !
เพราะฉะนั้น ทุกปีการศึกษาทุกชั้น ป. ม. นั้นสำคัญหมด
เคยคิดเหมือนกัน แต่ทำไงได้  เลือกเรียนมาแล้วนี่ !
แต่บางทีก็ยัดเยียดเกินไป ควรเรียนแค่พื้นฐานของแต่ละวิชาพอ ส่วนขั้นสูงของเนื้อหาแต่ละวิชา ควรเป็นวิชาเลือก
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?