Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ปี2ลงชุมชน คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ทั้งหมดที่จะได้อ่านในกระทู้นี้เป็นเพียง “คหสต” ของผู้เขียน เด้อ สัมผัสจากสิ่งที่ได้รับรู้ และตกตะกอนด้วยตัวผู้เขียนเอง ซึ่งในความเป็นจริงธรรมชาติมนุษย์ ทุกคนต่างรับรู้ในสิ่งเดียวกัน แต่ทุกคนมักจะเรียนรู้ในสิ่งที่แตกต่างกันเป็นธรรมดา จึงไม่แปลกที่มุมมองของแต่ละคนที่จับประเด็นได้ มันย่อมแตกต่างกัน บ้างอาจมองว่าโลกสวยก็ได้ แต่นั่นคือความจริงในมุมมองของแว่นเราที่เราสวมใส่ ก่อนอื่นเราอยากขอให้เปิดใจของคุณที่จะเรียนรู้ไปพร้อมๆกับบทความนี้ก่อนน้า เพราะมันคือคณะที่ไม่เหมือนคณะทั่วๆไป การเรียนการสอนทุกอย่างมันคือการก้าวข้ามกรอบความคิดเดิมๆทั้งสิ้น มันต่างจากโรงเรียนมัธยมทั่วไปที่ทุกคนเคยเรียนเลย
 
ติดตามกระทู้ชีวิต ปี1 เทอม 1 ได้ที่ https://www.dek-d.com/board/view/3696977/
ติดตามกระทู้ชีวิต ปี1 เทอม 2 ได้ที่ https://www.dek-d.com/board/view/3774844/
 
และแน่นอน เด็กคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ปี 2 ทุกคนจะต้องลงชุมชน บ้าบอ ตกใจกับตารางเรียนตั้งแต่แรกเจอ ขีดยาวเป็นช่วงๆ เป็นอาทิตย์ ลงชุมชนไปทำอะไร ทำทุกวันเลยหรอ ไม่มีเรียนเลยหรอ 55555 จะบอกว่าเรายังมีเรียนนะจ๊ะ มีเรียนแบบในห้องเรียนอ่ะ ในตารางเรียนยังคงมีการจัดตารางแบบทั่วไป เทอม1 ส่วนใหญ่จะยังคงอยู่ในห้องเรียน แต่เทอม2 ก็จะลงชุมชนมากขึ้น

1. การเรียนการสอน 
ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆก็จับเราไปลงชุมชนเลยนะ ทางคณะก็มีให้เครื่องมือ, ทฤษฎีเล็กๆน้อยๆก่อนลงชุมชนเช่นกัน

เห็นละก็แอบตกใจที่มีให้ไปเชียงดาว จ.เชียงใหม่ ประมาณอาทิตย์หนึ่ง ไปเอาเครื่องมือการลงชุมชนทั้ง 7 ชิ้น นี่มันเครื่องมือที่สังคมสงเคราะห์ใช้นี่นา เราก็มีเรียนด้วยหรอ จะบอกว่าสนุกมากที่ได้ไป มันต่างกัน ที่จับประเด็นได้ตอนนั้นคือ สภาวะมันต่างจากที่เรียนที่รังสิตมาก ทำให้ได้เรียนรู้อย่างหนึ่งเลยว่าสภาพแวดล้อมมันมีผลต่อการเรียนรู้จริงๆ ที่รังสิตสิ่งเร้ามันเยอะ เรียนเสร็จก็ต้องคิดต่อกลับหอจะทำอะไร เย็นนี้จะกินอะไร จะไปที่ไหน ทำให้สิ่งที่เราโฟกัสมันไม่ใช่แค่ห้องเรียน เนื้อหาที่เรียน แต่มันมากกว่านั้น ซึ่งพอเปลี่ยนสถานที่นั่งรถไฟไปเชียงดาว หลายๆอย่างเลยนะที่คณะจัดให้เราชอบมาก อาจจะดูลำบากหน่อยที่ต้องนั่งรถไฟชั้น3 แต่สำหรับเราคนที่ไม่เคยไปไหนไกลขนาดนี้และนั่งยาวนานถึง 14 ชั่วโมงขนาดนี้ ความสัมพันธ์มิตรภาพ เพื่อนๆในคณะบางคนเจอแค่เฉพาะตอนเรียน แต่นี่เราไปกินอยู่ด้วยกัน อาหารกับข้าวอร่อยเลิศมาก แต่ละมื้อน้ำพริกชาวเหนือจัดเต็ม สภาพอากาศ ทุกอย่างเหมาะแก่การเรียนรู้เราจริงๆ วันท้ายๆได้ไปลงชุมชนใกล้เคียงที่นั่นด้วย เราถูกแบ่งกันเป็น 3 กลุ่ม ไปสัมภาษณ์คนในชุมชนใกล้เคียงที่มีความแตกต่างกันมากๆ ทั้งนี้เป็นความตั้งใจของพี่ๆเขาแหละ อ้อ ลืมบอกเลยว่าเราไปกันที่มูลนิธิมะขามป้อมนะ นำโดยพี่ก๋วย ผู้ก่อตั้ง
โอเค จบกันไป 5555 จริงๆคือเรื่องที่จะเล่ามีเยอะมากจนไม่รู้จะเล่าอะไรดี หลักๆคืออยากให้เปิดใจมากกว่า บอกตรงๆว่าสไตล์การเรียนของที่นี่มันค่อนข้างแปลกมากๆถึงมากที่สุด ใครที่ไม่คุ้น รับไม่ได้ ปิดกั้นก็มี แต่เราก็ไม่ได้อยากตัดสินใครนะ คงเป็นเพราะข้อจำกัด หรืออาจจะไม่ได้ปิดกั้นอะไร เป็นเรื่องปัจเจกมากๆ ที่สุดแล้วคณะก็ย้ำเราเสมอว่าเราจะไม่ตัดสินใครใครเพียงการกระทำที่เราเห็นแค่ภายนอก (เราถูกปลูกฝังตั้งแต่ปี1แล้ว)
 
อนึ่งนี่คือคุณสมบัติที่ดี ที่กระบวนกรทุกคนควรมี และไม่ใช่เพียงกระบวนกรหรอก คนทุกคนในสังคมเลยต่างหาก เราคิดอย่างนั้นนะ เอาจริงๆคือไม่ได้ขายนะ แต่ทุกๆอย่างตั้งแต่ที่เรามาเรียนที่นี่ ไม่รู้ว่าเพื่อนสัมผัสมันได้รึเปล่า แต่เราสังเกตตัวเองมาตลอด มันได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ทั้งในสิ่งที่จับต้องได้ และจับต้องไม่ได้ นั่นคือ ความคิดทัศนคติของเราเอง เราว่าปี2 คงเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงตัวเองอะไรหลายๆอย่าง

 
2. วิชาเรียน
วิชาเรียนแปลกๆมีอีกเยอะ 5555 แบบว่าอย่างเรียนวิชาNature LSE206 ก็นัดเลยนะ 9โมงวันพุธหน้า เจอกันที่สวนรถไฟ อ.พาเดินไปทั่ว กระจายทุกคนไปยังมุมที่สบาย ให้ทำตามโจทย์ที่กำหนด บลาๆ อุบไว้ๆให้ทำอะไร หรือว่าพาไปตลาดไท สอนเรื่องCommunity Map Empathy Map ทำแผนที่เดินดิน ทฤษฎีแว่น ความจริง เยอะมากกกกกก (ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้อ่านไม่ต้องเชื่อเราหมดนะ อันนี้เป็นในมุมของผู้เขียนเท่านั้น ถ้าอยากรู้จริงๆต้องลองมาสัมผัส 55555)

อ้อ จะบอกว่า มันมี 5 วิชานะ เรียนทุกตัวแหละ ใน2เทอมเลย
LSE202 Learning Portfolio
LSE203 Arts and Drama for Transformation
LSE204 Media and Technology
LSE205 Community Engagement
LSE206 Nature and Sustainable Development
ยังคงconceptเดิมที่ไม่มีการสอบแม้แต่น้อย หากแต่เป็นการวัดผลโดยการส่งงาน
อย่างวิชาLSE202 วิชาพอร์ท ทุกสัปดาห์จะต้องส่ง Learning Log ในรูปแบบใดก็ได้ที่เป็นสิ่งที่เราพบเจอ/เรียนรู้ ถ้าเป็นรูปก็มีแคปชันหน่อย หรือ จะเขียนส่งกี่บรรทัดก็ได้ หรือว่าอัดเสียงส่งก็ได้นะ ได้หลากหลายรูปแบบเลย แล้วพอจบเทอมก็จะให้เขียนตามความยาวที่กำหนด เป็นLearning Journey ตลอดทั้งเทอมให้เขียนเล่ามา


ส่วนLSE203 ก็เรียนดราม่า ไม่ใช่ให้ทำละครเวทีอะไรนะ เหมือนจะเป็นละครเพื่อการเปลี่ยนแปลง ก็รู้สึกrelaxในการเรียนมากขึ้นนะ ถึงตัวเราเองจะไม่ค่อยกล้าแสดงออกเหมือนกัน แต่มีช็อตนึงนะที่เราประทับใจมาก พอดีคาบนั้นมีผู้ใหญ่มาดูการเรียนการสอน ละอ.ให้ทำท่าประหลาดๆทีละคน แล้วเราก็ไม่กล้าทำเว่ย สุดท้ายอ.ก็พยายามปรับวิธี โอเคหย่อนให้ จนสุดท้ายเราก็ผ่าน เท่าที่ได้ อย่างหวุดหวิดคาบนั้น 55555 แต่ก็ตอบโจทย์ไปอีก มันรู้สึกได้ตลอดอ่ะ ว่าที่นี่ปลอดภัยสำหรับเรา เรามีเซฟโซนของตัวเอง เพื่อนของเรา เราสามารถพูด เราปลอดภัยที่จะแสดงความคิดเห็นเรามากขึ้น

วิชาLSE204 ตรงตัวเลย Media หลักๆก็เรื่องการร้อยเรียงเรื่องราวการนำเสนอเรื่องราวในการถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆ เทคโนโลยีAR

ส่วนวิชาLSE205 ก็วิชาลงชมุชนนั่นแหละ มีในพาร์ทที่วิทยากรมาลง และลงพื้นที่จริง 
เอาจริงๆเราว่าคณะพร้อมที่จะหยิบยื่นทุกเครื่องมือที่เขามี ยื่นออกมาในทุกช่วงจังหวะที่เขาประเมินเราว่าเราจะได้ใช้มัน ซึ่งสิ่งที่น่าทึ่งมันก็เกิดขึ้น มันจริงๆนะ ช่วงเทอมสองแรกๆที่ลงชุมชนทำโปรเจคอ่ะ จะเล่าว่าเออ เขาแบ่งนศ.เป็น 4 กลุ่ม ลงพื้นที่ 4 ที่ กลุ่มละ 21-22คนประมาณนี้ มีตลาดน้อย แถวเยาวราช, ดอนตะโหนด จ.สิงห์บุรี, บางกะเจ้า และสลัมคลองเตย กทม. ส่วนตัวเราเองได้มาลงที่ตลาดน้อย พี่ที่จับกลุ่มให้ เขาไม่ได้จับมั่วๆนะ น่าจะมาจากการสังเกต เช่นกลุ่มเรามีเพื่อนสนิทกัน 7 คน ก็โดนแยก 2 2 3 กระจายไปยัง 3 กลุ่ม
เราก็มาอยู่ตลาดน้อยกับเพื่อน3คน พี่ที่เขาจัดกลุ่มให้ เขาก็ดูลึกอยู่นะ กลุ่มเรามี 7 คน เขาก็ดูย่อยอีกว่าเราสนิทกับใครบ้างใน 7 คนนี้ แล้วจัดเราให้

ต่อนะ ช่วงนั้นเป็นช่วงทำโปรเจคเริ่มแรกๆ ทุกคนตันๆไม่มีแรงบันดาลใจในการทำ เรียกได้ว่าเกือบทุกคนในคณะก็ว่าได้เลยแหละ คนมันไม่ใช่ ไม่ชอบ ก็คือไม่ใช่อ่ะแหละ แต่สำหรับเราคงเฉยๆกับการลงชุมชนมั้ง ไม่ได้อะไร ก็คิดว่าน่าจะมีอะไรตื่นเต้นสนุกๆรออยู่ ยังไม่อยากเศร้าไปก่อน มันสัมผัสได้จริงๆนะว่าคณะพยายามหยิบยื่นทุกอย่างให้จริงๆ ตอนแรกที่มันตันๆก็ไม่มีเครื่องมือ จนเขาสอนเครื่องมือให้เยอะมาก problem tree, SWOT รวมถึงงานวิจัยต่างๆนานา ที่อ.ที่ปรึกษาประจำกลุ่มcheer upให้อ่านอยู่ตลอด เราว่าเขาSupportเราเต็มที่มากๆ มีเปิดโอกาสให้Debate คุยกันเยอะๆ เชิญguestข้างนอกที่ประสบความสำเร็จมาGuideบ้าง มาเติมแรงบันดาลใจบ้าง มาจุดไฟบ้าง ซึ่งอาจติดบ้างไม่ติดบ้างแล้วแต่คน ทุกคนแลดูเหนื่อยกับการทำโปรเจคนี้มากๆ แต่สุดท้ายต้องขอบคุณที่ทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจทำโปรเจคนั้นอีกครั้ง ว่ามันจะตอบโจทย์กับชุมชนแล้วจริงๆใช่มั้ย เราก็ไม่อยากเอาเวลาทั้งปีไปทิ้งกับชุมชนโดยที่ชุมชนเองไม่มีสิทธิ์มีเสียงบอกเลยว่าเขาต้องการหรือไม่ต้องการ จะต่างอะไรกับโครงการร้อยล้านของหน่วยงานที่ขึ้นต้นด้วยรัฐ ลงท้ายด้วยบาล และนี่คงเป็นจุดเริ่มต้นของการลงชุมชนของเรา ดีใจที่ได้แสดงความเห็น ได้มีจุดยืนความคิด แล้วทุกคนเลยเห็นพ้องต้องกัน สุดท้ายเราเลยไปจัดกระบวนการให้ชุมชนSWOTตัวเองออกมา หลังจากนี้มันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ไม่ต้องบอกนะว่าเป็นไง ไว้เข้ามาละจะเล่าให้ฟังเต็มๆ หรือทักมาถามมาคุยกันได้เน้อ อยากเล่าเหมือนกัน แต่ไม่เฉลย 55555
อันนี้นะ inbox มาได้เลยนะ เป็นเพจคณะกรรมการนักศึกษาของคณะจ้า มาถามรุ่นพี่ได้น้า
ttps://www.facebook.com/%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%93%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A8%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C-293935507682823/?hc_ref=ARQR0U6yVdtWbsLXbYXs30LrVCpwgJcdOblafA4MZQH0200YH-z5eTyS0YivvZgzLTQ&fref=nf

ฝากเพจตลาดน้อยด้วยยยย อิอิ https://www.facebook.com/TaladNoiPAR/


นี่แหละลงชุมชน มันได้ชิมลองหลากหลายรสชาติเลย ทั้งคราบน้ำตา รอยยิ้ม ความสุข ความเศร้า ดราม่า  ทุกรสจริงๆ ปกติคณะธรรมดาเขาจะให้นศ.ลงพื้นที่ชั้นปีสูงๆ แต่สำหรับเรา  เราลงมือปฏิบัติก่อน เพราะเราเชื่อว่าชั้นปีสามเราจะกลับไปเรียนทฤษฎี เมื่อเราเรียนเนื้อหาโดยที่ผ่านการทำมาก่อนแล้ว มันจะทำให้เราจดจำมันได้ดีกว่า เราเชื่ออย่างนั้นนะ

3. เครื่องมือลับ
อาจจะเล่าวกไปวนมา อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่อยากพลาดที่จะเล่าให้ฟัง คือการอบรมคอร์สที่ขึ้นต้นด้วยนพ ลงท้ายด้วยลักษณ์ รู้ๆกันในคณะนะเออ 55555 มันดีมากๆที่ไม่เคยมีคณะไหนจัด สำหรับคนที่รู้จักก็อุบไว้ก่อน อยากให้เข้ามาเรียน แล้วจะรู้เองจริงๆ มันคือเครื่องมือการรู้จักตัวเองและคนอื่นที่น่าทึ่งมากๆ และไม่น่าเชื่อเลยจริงๆที่มันทำให้มนุษย์LSEdเข้าใจกันมากขึ้น ช่วยได้ดีในการทำงานกลุ่มลงชุมชนของเรามากๆถึงมากๆๆๆๆๆๆ (อ้อ แล้วอย่าแอบไปทำควิซออนไลน์เชียวนะ ทำได้แหละ แต่มันก็ไม่ใช่ที่สุด ของจริงต้องมาอบรมตัวเป็นๆ ซึ่งเทคคอร์สข้างนอกก็จะเสียหลายพันจีจี)

จริงๆมีหลายอันมากๆเครื่องมืออ่ะ แต่ที่เราประทับใจอีกอันก็ session นึงที่เขาปูพื้นฐานให้เราตั้งแต่แรกคือ การแยกความรู้สึกกับความต้องการ เรื่องการสื่อสารอย่างสันติอ่า มันทำให้เราจำจนทุกวันนี้ ทุกคนเติบโตมาด้วยความแตกต่างกัน วิธีการแสดง พฤติกรรมต่างๆมันถูกกล่อมเกลาหล่อหลอมเราให้เป็นเราในทุกวันนี้ สำหรับเรามันคือเรื่องราวที่น่าสนใจมากๆนะ ที่จะเรียนรู้คนๆนึง มันน่าค้นหามากๆที่จะเรียนรู้เหตุผลของการกระทำพฤติกรรมของคนทุกคน

และนั่นเช่นกัน วิถีของคณะนี้ก็ถูกปรุงแต่งมาด้วยพื้นฐานความเชื่อชุดหนึ่ง มันไม่ผิดที่เราจะชอบหรือไม่ชอบ เข้าใจหรือไม่เข้าใจมัน และมันก็ไม่ผิดที่เขาจะใช้วิถีนี้มาใช้ในการเรียนการสอนเรา ใครเป็นคนตัดสินถูกผิด ดีไม่ดี สุดท้ายมันคือตัวเราหรือเปล่า แล้วทำไมตัวเราถึงตัดสินอย่างนั้น มองมันลึกเข้าไปอีกชั้น เราเองก็ถูกปลูกฝังในอีกความเชื่อหนึ่งเหมือนกัน
 
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว เราถึงขอให้ทุกคนเปิดใจอ่านตั้งแต่แรก และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจริงๆนะที่เราได้เรียนรู้ และเป็นเพียงความคิดเห็นของเราเพียงคนเดียวด้วย เราเชื่อว่ายังมีความคิดเห็นของคนอีกหลายๆคนที่ไม่ตรงกับเรา ทุกคนไม่ต้องเชื่อเรานะ ถ้าคุณอยากพิสูจน์และสัมผัสความจริง คุณมาลองด้วยตัวเอง Walk in เข้ามานั่งคุยกันที่คณะเลยก็ได้นะ ตอนนี้ตึกคณะเราใช้งานได้แล้ว
ชื่อตึก “สิริวิทยลักษณ์” อยู่ตรงข้ามศูนย์การเรียนรู้ ที่รังสิตเด้อ อาคารเปลือยๆ ไม่ใช่ไม่ทาสีนะ แต่ตึกเราสีนี้จริงๆ เราเรียนแค่ 4 ปีนะ อย่าหลง เราไม่ได้เป็นครูด้วยนะ แต่ถ้าใครอยากเรียนครู รับคณะเราอีกคณะไปลองพิจารณาดูก่อนได้ ยังไงก็วงการเพื่อนบ้านกันนะ


4. ช่องทางการเติบโต
นอกเหนือไปจากนี้ ชอบที่ที่นี่เปิดโอกาสให้เราทุกที่ทุกเวลาจริงๆ คือตอนนี้มีความกังวลจากนศ.ว่าจบมาจะมีงานทำมั้ย คณะก็หยิบยื่นอีก สำหรับคนที่สนใจด้านธุรกิจSE หรือกิจการเพื่อสังคม ก็มาลองทำโปรเจคได้ คณะมีจัดsessionเชิญพี่ที่ประสบความสำเร็จมาแชร์กัน ทุกวันพุธตอนเย็น ไม่เพียงแค่แชร์นะ ยังเป็นพื้นที่ที่ให้เพื่อนๆน้องๆพี่ๆมาเจอกัน ทำงานร่วมกัน แสดงตัวตน พัฒนาศักยภาพไปพร้อมๆกันด้วย


หรือใครสนใจเกม ก็มีโครงการธรรมศาสตร์บ้านปู ออกแบบเกมออกแบบสังคมให้ชิมลางกัน เป็นโครงการต่อเนื่อง2ปีให้เด็กม.4ทั่วประเทศสมัครเข้ามา ลองมาออกแบบบอร์ดเกมที่แก้ไขปัญหาสังคมในชุมชนตัวเอง

หรือใครสนใจเรื่องระบบๆหน่อย ก็มีโครงการก่อการครูให้ลองเข้าไปจอยๆ ดูงานก็ได้ หรือจะเป็นในรูปแบบฝึกงาน ทดลองงานช่วยงานมีค่าจ้างให้นาจา ราคานศ. หรือใครจะมุ่งหารายได้ระหว่างทำงาน บอกเลยไม่อั้น งานถอดเทป งานลงพื้นที่ งานช่วยวิจัย งานตำแหน่งด้านสื่อก็มีหลากหลายให้เราได้ลองฝีมือ พัฒนากันไป ใครถนัด หรืออยากฝึกอะไรก็ไปลองกันได้นะ แอบกระซิบว่าเราเคยไปช่วยโครงก่อการครู คือโคตรดี มันทำให้เรามีไฟอีกครั้งกับการศึกษาไทยบ้านเรา เป้าภายใน 5 ปี ครู 1เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เพียง 5,000 คนเท่านั้น ที่เราต้องการจุดไฟในตัวครูแกนนำให้ลุกโชนอีกครั้ง เพื่อปฏิวัติวงการการศึกษาไทย ซึ่งตอนนี้ถ้าวงในจะรู้ๆกันว่าความพยายามนี้ไม่เคยสูญเปล่าเลย ความร่วมมือจากหลายๆภาคส่วน //แอบเป็นกำลังใจให้ทีมทำงาน และพร้อมสนับสนุนทุกเมื่อเลยนะคะ คุณครู อาจารย์ทุกๆท่าน พี่ๆทุกๆคน เพื่อนๆด้วย

ติดตามเพจเฟซบุ๊กคณะได้เหมือนเดิมเลยเน้อ https://www.facebook.com/tu.lsed/
ไว้จะมาอัพเดทเพิ่มนะคะ
อัพเดทล่าสุดคือ 23/6/2561

 

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น