นักเขียนแนวแฟนตาซีแต่ละท่าน มีวิธีสร้างตัวละครอย่างไรบ้างครับ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
14 ความคิดเห็น
ผมใช้สูตรของ เอฟ. สกอตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์ (F. Scott Fitzgerald) คนเขียน The Great Gatsby (ชื่อไทย รักเธอสุดที่รัก) ครับ... แต่ใช้กับแฟนตาซีนะ คือตัวละครทุกตัวต้องจบเรื่องราวของเขามาแล้ว ก่อนจะเข้าเรื่องที่เราจะเขียนครับ เพราะจุดนี้ควรเป็นจุดพีคที่สุดของเรื่อง เวลาเท้าความจะได้ไม่ยาวมาก (ไม่ยัดข้อมูลใด ๆ เลย) ฟิตซ์เจอรัลด์คนเขียนเขาเข้าใจตัวละครเพราะจบแล้วทุกตัว ก็หยิบสิ่งที่ชัดที่สุดมาให้คนอ่านได้ครับ เล่มก็บาง ๆ ครับแต่เป็นสุดยอดงานวรรณกรรมเลยครับ สรุปคือ ประวัติความเป็นมา ความสามารถ นิสัยใจคอ ตัวละครทุกตัวก่อนที่จะมาถึงเรื่องของเราจะต้องจบมาก่อนแล้วครับ อย่าสร้างตัวละครและสร้างพล็อตพร้อมกัน อย่างใดอย่างหนึ่งควรจบแล้วถึงจะสร้างอีกอย่างได้ครับ
ไอเดียนี้จัดว่าเด็ด เผ็ดในตัวเองมาก ขอจดไปใช้นะครับ
เราทำคล้าย ๆ กับคุณ Louis แต่จะร่างพล็อตในหัวก่อน แล้วเขียนประวัติตัวละครแบบละเอียดตามนั้นเลย จากนั้นค่อยสลับมาแก้พล็อตที่ร่างคร่าว ๆ ให้สมบูรณ์ค่ะ เอาเข้าจริง พล็อตดำเนินเพราะตัวละครเลย ยืนยันว่าวิธีนี้ช่วยให้เขียนง่ายขึ้น ยิ่งมองผ่านมุมมองตัวละครก็จะเข้าหัวเขาได้ขึ้นด้วยค่ะ
+ ทำไฟล์ไว้ เปิดข้างกันเวลาเขียน
เนื้อเรื่องหลักเป็นอย่างไร...? ต้องการตัวละครแบบไหน? หาตัวละครที่เราอยากวางใส่พล็อตเรื่อง...
> บุคคลิก > ปม, ปัญหาชีวิต > รูปลักษณ์ > รายละเอียดเพิ่มเติม
คร่าวๆ ก็ประมาณนี้ เลือกบุคคลิกที่ต้องการเสร็จแล้ว ก็ใส่สาเหตุว่าทำไมเขากลายเป็นคนแบบนี้ พบเจออะไรมาก่อนในอดีตบ้าง
บางทีก็ใช้เรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยาใส่ลงไป อย่างเช่น... คนที่ร่าเริงเข้าขั้นบ้า เฮฮา มีแต่เสียงหัวเราะ นั่นอาจเพราะเขาแค่ต้องการกลบแผลใจ เขาไม่ได้มีชีวิตสุขสบายอย่างที่คิด... อะไรทำนองนี้...
#ขั้นตอนค่อนข้างเรียบ
เริ่มโดยมองจากเนื้อเรื่อง แล้วให้เนื้อเรื่องสร้างเซ็ตติ้งให้กับตัวละครใช่ไหมครับ ขอถามเพิ่มอีกหน่อย คุณว่าสำคัญไหมที่ตัวละครหลักต้องมีความ unique ที่ชัดเจน เช่นเป็นเด็กคนเดียวที่รอดชีวิตจากจอมมาร มีเพียงบาดแผลรูปสายฟ้าที่หน้าผาก และ ควรสร้างเซ็ทติ้งให้ตัวเอกเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนเรื่องราวหรือเปล่า เช่นต้องการล้างแค้น ขอบคุณครับ
เอกลักษณ์คือสิ่งที่จำเป็นค่ะ อย่างน้อยต้องมี 1 อย่างที่ตัวละครโดดเด่นออกมา ไม่งั้นจะกลายเป็นจืด
"ตัวเอก" ควรเป็นจุดกลางของเรื่องราวและควรมีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง อย่างน้อยๆ 50-60% (กรณี 80-100% ต้องเรียกว่า "โลกหมุนรอบตัวเขา") แต่ควรมีขอบเขตสักนิด อย่าให้เขามีความสำคัญเกินไป เขียนให้สมเหตุสมผลกับตัวตนของเขาที่ตั้งใจไว้... ถ้าจะให้เขารับบทบาทสำคัญในภายหลัง ก็ต้องเขียนให้เห็นถึงการพัฒนาให้ได้
ทุกครั้งเราจะเริ่มจากการสร้างคาแรคเตอร์ตัวละครขึ้นในหัว จินตนาการเอาว่าหน้าตานิสัยความชอบความเกลียดต่าง ๆ ของตัวละครนั้นเป็นอย่างไร และพยายามทำความเข้าใจกับลักษณะของตัวละครนั้น ๆ ให้ได้มากที่สุด จากนั้นถึงจะเริ่มเขียนมันออกมาเป็นตัวอักษร
นิยายส่วนใหญ่ของเราจะใช้ตัวละครที่เราสร้างทิ้งเอาไว้ ไม่ใช่วางพล็อตแล้วถึงค่อยมาสร้างตัวละครที่หลัง แต่เป็นสร้างตัวละครสต็อกเอาไว้ก่อน เมื่อเขียนพล็อตเสร็จก็ค่อยมาเลือกตัวละครที่เหมาะกับบทนั้น ๆ ออกมาใช้ค่ะ
อันนี้คือหยิบจากสต็อกตัวละคร แล้วเวลาเราดำเนินเรื่องไปเรื่อย ๆ มีปัญหาเรื่องตัวละครเปลี่ยนจากตอนเริ่มต้นจนกลายเป็นคนละคนหรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ
ไม่เคยมีปัญหาแบบนั้นนะคะเพราะเราวางคาแรคเตอร์เอาไว้ค่อนข้างละเอียด
เริ่มจากชื่อ เรามักชอบใช้ความหมายของชื่อเป็นตัวเริ่มต้น
อ้างอิงจากเรื่องที่แต่งอยู่ แนวเกมออนไลน์
นางเอกชื่อ เฟิงหลง แน่นอนความหมายคือมังกรสายลม ความหมายโดยนัยคือ สายลมที่หมายถึงอิสระ และมังกรที่เป็นตัวแทนของอำนาจบารมี ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่ตัวละครตัวนี้กำลังโหยหาอยู่
การสร้างประวัติ เรายึดหลักการที่เคยมีใครคนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า 'โลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ'
ดังนั้นตัวละครที่สร้างมาแม้จะฉลาดเป็นกรด ความจำดี เก่งไปทุกอย่าง แต่ก็มีปมด้อยในใจลึกๆ บางทีก็ใส่สิ่งที่เรื่องจริงเราไม่มีหรือทำไม่ได้ลงไป แล้วใช้การเดินเรื่องแบบflashbackเป็นครั้งคราวเพื่อในนักอ่านค่อยซึมซับปมด้อยต่างๆอย่างช้าๆ
ได้โครงคร่าวๆก็เริ่มสวมบทตัวละครนั้นแล้วเอาไปตอบคำถามในมุมมองของตัวละครนั้นๆอีก 10-20 ข้อ
เอาจากในลิงค์นี้เลยค่ะ ของพี่น้ำผึ้ง
https://www.dek-d.com/writer/47947/
อันนี้คือมีโลกตั้งอยู่แล้ว สร้างตัวละครเข้าไปโลดแล่นในเรื่อง โดยมีเป้าหมายของตัวละครเป็นตัวกำหนดพล็อตแบบยืดหยุ่น เน้นลักษณะนิสัยของตัวละครต่อคนอ่านให้ชัดเจน ผมเข้าใจแบบนี้ถูกไหมครับ เห็นคนใช้วิธีนี้กันมาก ปัญหาที่ผมพบกับตัวเองเวลาวางตัวละครแบบนี้คือ พอจบเนื้อเรื่องช่วงหนึ่งแล้วจะคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรต่อ
เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับ
ถ้าไปต่อไม่ได้แสดงว่าตัวละครนั้นเขาเล่นบทบาทบนเวทีนั้นจนหมดแล้ว ก็ควรให้จบตรงนั้นครับ
แล้วถ้าอยากเขียนเรื่องเดิมต่อก็ให้เปลี่ยนภาค แล้วให้ตัวละครอื่นเป็นมุมมองหลักแทน แล้วตัวเอกเดิมค่อยโผล่มาเสริมน่าจะดีครับ
ตัวอย่างเช่น Half A King ภาค1 2 3 ตัวเอกเปลี่ยนตัว ซึ่งทำให้แต่ละภาคสมบูรณ์แบบมาก
โดยที่ตัวเอกเดิมมีบทบาทเยอะแต่ไม่ใช่มุมมองหลัก
เพราะจุดศูนย์กลางของเหตุการณ์มันเปลี่ยนจุดไปที่ตัวเอกประจำภาคแล้ว
ลืมบอกไป ก่อนหน้านั้นเรามีวางพล็อตเอาไว้ด้วย อย่างเปิดเรื่องยังไง และจะจบยังไง ส่วนตรงกลางปล่อยฟรี แล้วหาทางพายเรือไปยังปลายทางโดยไม่ไหลลงทะเล หนทางอาจจะยากลำบาก แต่ถ้าบริหารความคิดได้ดี ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยไปได้
ยังไงก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน บางคนอาจจะรุ่งด้วยวิธีแบบนี้ บางคนอาจจะร่วง ไม่มีใครที่รู้ถ้าไม่ได้ลองทำ
เราเริ่มจากกำหนดสถานการณ์หรือเหตุการณ์นั้นๆเอาไว้แล้วจดเป็นข้อมูลออกมาก่อนค่ะ พอได้ข้อมูลมาแล้วลองใส่ตัวละครที่เหมาะสมกับสถานะการณ์หรือเส้นเรื่องที่เราวางไว้เข้าไป เพิ่มบทที่เหมาะสม สร้างรายละเอียดลงbgให้ตัวละคร ความเห็นส่วนตัวนะคะเราว่าตัวละครที่มีบุคลิกชัดเจนจะเพิ่มความน่าสนใจมากขึ้นค่ะ
เป็นคนที่เริ่มสร้างตัวละครจากพล็อตสินะครับ ในกรณีของคุณ ตัวเอกจะเพิ่มความยุ่งยากให้กับสถานการณ์ หรือ คลีคลายสถานการณ์ครับ
มีทั้งสองค่ะ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีทั้งป่วนให้วุ่นวายมากขึ้นกับเป็นตัวที่คลี่คลายปมหรือปัญหาของตัวละครอื่นค่ะ
อืม...ต้องดูก่อนว่าเรื่องที่เขียนเป็น Character base หรือ Plot base ถ้าอย่างแรกจะพยายามเขียนออกมาให้ละเอียดที่สุด ตาม sheet ที่เราเคยนำมาลงบ่อยๆ แหละค่ะ
เวลาเราสร้างตัวละครมาสักตัวเราจะกำหนด concept มาก่อนค่ะ เช่นว่า ตัวนั้นตัวนี้เป็นอย่างไร บางตัวกำหนดคู่หรือโยงกับอีกตัว ว่าคู่นี้กำหนดให้เป็น ก้อนหินกับดอกไม้ คู่นี้เป็นเลือดและเนื้อที่เข้ากันไม่ได้ AKA: คู่รักระทมประจำเรื่อง
บางทีเราก็จะนึกมาจากตัวละครแบล็คกราวน์ในเรื่องที่เคยอ่านมา เช่น มีตัวหนึ่งเอา concept มาจากพระรองที่นกไปในเรื่องเจ้าจันท์ผมหอม 'เจ้าหล้าอินทะ' ในเรื่องเล่าถึงว่าเป็นผช.ที่เจ้าจันท์รัก ขับกลอนร้องเพลงเพราะแต่พ่อแม่เจ้าจันท์กลับเห็นว่าไม่เหมาะกับลูก เพราะหล่ออย่างเดียวมาช่วยดูแลบ้านเมืองไม่ได้เลยให้แต่งกับพ่อเลี้ยงที่เป็นเศรษฐีชาวปะหล่องต่องสู่แทน
แล้วเราก็เลยเอา concept 'หล่ออย่างเดียว เคี้ยวไม่ได้' นั่นแหละมาวางคาร์แรกเตอร์ เป็นตัวเอกนิยายเราพอเติมกะปิน้ำปลาออกมาก็ครบเครื่องดีค่ะ
ใช้คอนเซ็ปแบบนี้ไม่เคยสังเกตุ จะรู้จักแต่การใช้กิมมิคกำหนดภาพจำของตัวละคร เป็นไอเดียที่น่าสนใจดีครับเดี๋ยวไปลองอ่านจากเรื่องต่าง ๆ ดู
ตอบยากเลยค่ะ เพราะการสร้างตัวละครของเราไม่ได้มีหลักการ/แบบแผนที่ชัดเจน
แต่โดยมากแล้วสิ่งที่ตัวเอกทั้งหมดจะมีคือบางสิ่งที่ช่วยให้เรื่องดำเนินต่อ ไม่ว่าจะด้านนิสัย หรือเป้าหมายอะไรก็ตาม เราเขียนแบบที่นางเอกเดินเรื่องโดยส่วนใหญ่ หลายเรื่องของเราเรื่องดำเนินไปเพราะความขี้สงสัย หรือถ้าไม่ใช่ความขี้สงสัย ก็เป้าหมายบางอย่างของตัวละคร เช่น จะตามหาพ่อ อะไรงี้
เราไม่ได้กำหนดตายตัวว่าจะสร้างตัวละครก่อนหรือพล็อตก่อน และโดยมากจะเริ่มขึ้นมาแค่ว่า อยากได้พล็อตแนวไหน ตัวละครแนวไหน ได้แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาทั้งคู่พร้อมๆ กันให้ไปทางเดียวกัน แต่ละตัวจะมีประวัติพื้นหลังบางอย่างที่เข้ากันกับพล็อต และอยู่ในเซ็ตติ้งเงื่อนไขที่ถูกกำหนดขึ้นมาเองอีกที นิยายเราค่อนข้างมีเซตติ้ง เงื่อนไขต่างๆ ละเอียดค่ะ
เราไม่สามารถสร้างอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาก่อนได้อย่างชัดเจน เพราะตัวละครบางแบบเราไม่สามารถทนเขียนได้ ถ้าให้แต่งน่ะแต่งได้ แต่จะไม่รอดเพราะเซ็งตัวเอก เบื่อตัวเดินเรื่อง เราเลยเลือกจะทำพร้อมๆ กันมากกว่าค่ะ
และเรื่องการวางนิสัยอะไรต่างๆ เราจะเจาะลึกยันวิธีการพูด บางคนพูดสุภาพ บางคนห้วน บางคนมีวิธีการเรียงประโยคแบบนึง บางคนเรียงอีกแบบเพราะให้ความสนใจหรือ priority ต่างกัน หลายตัวละครเป็น เหตุผล vs ความรู้สึก หน้าที่ vs ความต้องการ
ปมหลังของตัวละครที่เป็นตัวเดินเรื่องเราไม่ค่อยเล่นให้หวือหวา หลายเรื่องเหมือนเป็นเด็กที่เกิดมาในครอบครัวปกติ เราไม่ค่อยมีฐานะครอบครัวที่แปลกให้ตัวละครเท่าไหร่ สถานะการเงินตัวละครจะกลางๆ ไปทางดีส่วนใหญ่ แต่ในความปกติเราจะหาเรื่องบางอย่างเพื่อบิดให้แปลกไป ส่วนใหญ่จะเล่นความสัมพันธ์ของนางเอกกับใครสักคนในบ้าน มีเรื่องนึงของเรานางมีปมกับย่า อีกเรื่องมีปมกับอา อีกเรื่องมีปมกับแม่ตัวเอง (แต่เรื่องนั้นเจ้าตัวไม่มีพ่อ) ส่วนใหญ่ที่ไม่หวือหวาเพราะตัวเอกเราโดยมากก็เป็นคนธรรมดา มีโลภโกรธหลงปกติ 5555 เราอยากสร้างบนพื้นของความธรรมดามากกว่าค่ะ
เขียนตัวละครเรียบ ๆ แล้วมี Unique ที่ทำให้เขาเป็นตัวเอกของเรื่องหรือเปล่าครับ แล้วใช้ไอเดียยังไงในการขับเคลื่อนเรื่องเหรอครับ ให้มีตัวละครอื่นพาลากไป หรือผลักดันจากตัวเอกเอง
พิมพ์ยาวๆ แล้วดันขึ้นเออเร่อต้องพิมพ์ใหม่หมดเลยค่ะ T__T
มีค่ะ ทุกเรื่องเราจะมีจุดเด่นบางอย่าง ถ้ายกแบบง่ายๆ ที่สุดก็เช่นพลังของตัวเอกอะไรแบบนั้น บางเรื่องของเราจะใช้จุดเด่นที่นิสัย หรือทัศนคติ มีเรื่องนึงที่นางเอกเราทำตัวลีบเหมือนขี้กลัวตลอดเวลาและยอมคนหนักมาก คนนั้นเป็นเด็กในสลัมที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก จู่ๆ ก็ต้องมาเข้าสังคมชั้นสูงกะทันหัน วิธีคิดต่างๆ ก็จะต่างออกไปจากตัวละครส่วนใหญ่ที่โดยมากเป็นคนชั้นสูง หรือไม่ก็คนที่เกิดมาแบบไม่ได้มีความขัดสนอะไรมากมาย
ส่วนการขับเคลื่อนที่แล้วแต่เนื้อหาพล็อตที่วางไว้ บางเรื่องตัวเอกเป็นคนขับเคลื่อนด้วยตัวเอง บางเรื่องไม่ใช่ตัวเอกแต่เป็นตัวละครอื่นที่ผลักตัวเอกให้เดินค่ะ (ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นตัวร้ายอะไรแบบนี้)
ผมเป็นสาย "เริ่มจากตัวละคร"
ทุกวันนี้มีตัวละครในจักรวาลอยู่ราว ๆ 500 - 600 ตัว
แล้วแทบไม่มีตัวไหนที่คิดขึ้นมาแบบส่ง ๆ
ทุกตัวมีประวัติ มีเรื่องราวความเป็นมาแบบละเอียดมากบ้างน้อยบ้าง
แต่ไม่มีแบบไม่กี่บรรทัดจบหรือไม่กี่ย่อหน้าจบ
เฉลี่ยจะอยู่ราว 20-30 หน้า (A4 word) (ต่อตัว)
ตัวที่มากสุดในตอนนี้คือเกือบ 70 หน้า
แล้วเกือบ 70 หน้านี่คือยังไม่จบดีด้วย ยังมีส่วนที่ต้องเสริมเสริมเติมแต่งอีก
ส่วนจะมีวิธีในการออกแบบตัวละครยังไง...
เอาไว้ก่อนครับ สักดึก ๆ หน่อยจะมาตอบเพิ่ม
นี่อยู่ข้างนอก ใช้มือถืออยู่ จิ้มไม่ถนัด
คิดว่าถ้าบอกคงยาวกว่านี้มากแน่ ๆ
เป็นอีกคนที่ใช้วิธีเขียนเรื่องของตัวละครให้จบก่อนค่อยเอามาใช้ คิดว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจ
สำหรับผมนะครับ
1. คิดรูปลักษณ์
2. กำหนดลักษณะนิสัย
3. แต่งภูมิหลังที่ส่งผลต่อลักษณะนิสัย
4. สร้างโลกที่ภูมิหลังเหล่านั้นสามารถเกิดขึ้นได้
5. โยงองค์ประกอบบางส่วนในภูมิหลังเข้ากับพล็อตหลัก (เช่น เจอคนที่เคยรู้จัก ครบรอบวันเหตุการณ์สำคัญ)
ที่เหลือค่อยๆปรับแต่งไปครับ
ตัวละครใช้อะไรเป็นแรงขับเคลื่อนเรื่องไปข้างหน้าครับ แล้วมีความ Unique ประมาณไหนครับ หรือว่าไม่จำเป็นสำหรับการสร้างตัวละคร
บทสรุปของภูมิหลังแต่ละตัวจะกำหนดเป้าหมายของตัวละครที่จะนำมาใช้ในพล็อตหลักครับ
ผมไม่ทราบว่าคำว่า Unique ของจขกท. ต้องพิเศษหรือเฉพาะเจาะจงขนาดไหน
แต่ของผมก็เป็นเป้าหมายทั่ว ๆ ไป เช่น อยากเด่นอยากดัง อยากรวย ฯลฯ ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมาย
ดังนั้นช่วงแรกของเรื่องเลยใช้ตัวละครอื่นมาดำเนินเรื่อง สร้างอุปสรรคให้ตัวเอก แล้วค่อยผลักให้พวกมันมาดำเนินเรื่องเองในช่วงหลังครับ
ซึ่งตัวละครอื่นที่ว่านี้ไม่จำเป็นต้องเป็นตัวร้ายเสมอไป
ทั่วไปก็แบ่งเป็น2วิธีครับ
1.คิดเรื่องก่อนค่อยหาตัวละครใส่ให้เรื่องสนุก
2.คิดตัวละครก่อน แล้วเรื่องดำเนินไปตามจุดประสงค์ของตัวละคร
ผมเคยทำทั้ง2แบบครับ ตอนคิดเรื่องก่อน เรารู้ว่าจะเกิดเหตุการณือะไร
มีเวทีเตรียมพร้อมแล้ว ที่เหลือก็มองหาหรือสร้างตัวละครที่เหมาะสมกับเวทีนั้น
มันทำให้เรื่องลงตัวดีนะ คือวางบทมาแล้วอะ ยังไงมันก็เกิดเหตุการณ์นี้ จบแบบนี้ แล้วตัวละครควรเป็นคนแบบไหนล่ะถึงจะทำให้มันเกิดขึ้นได้
Plotเราก็จะคงที่มั่นคงไม่มีหลุด
ส่วนตอนที่คิดตัวละครก่อน มันโดดเด่นขึ้นมาเลย คนๆนี้ชัดเจนมาก แล้วค่อยคิดตอ่ไปว่าเขาจะเจอเรื่องอะไร เมื่อเจอเหตุการณ์นี้แล้วเขาจะทำตัวยังไง
บางทีตัวละครเป็นคนสร้างเรื่องเอง เราไม่ใช่คนคุม เขาเดินลุยไปเลยให้เราวิ่งตาม เพราะเขาชัดเจนกับตัวเองแล้ว เราไม่ต้องคิดและคิดยัดให้ไม่ได้ด้วย ยังไงเขาก็จะทำแบบนั้น เหตุการณ์มันก็ดำเนินไปตามเขา
แบบนี้สนุกนะครับ มีหลายครั้งที่ตัวละครทำเราทึ่ง เราไม่ได้คิดเหตุการณ์เลยแต่เขาพาเราไปเอง
มันก็ได้ทั้ง2แบบแหละ ลองให้หมดค่อยหาว่าแบบไหนที่เราชอบดีกว่า
การเขียนแบบนี้คุณพบว่าตัวละครคนละเรื่อง ตัดสินใจเหมือน ๆ กันในสถานการณ์ที่เหมือนกันหรือเปล่าครับ ตัวละครคนละเรื่องแต่กลับมีนิสัยแบบเดียวกันหรือเปล่าครับ
ไม่นะครับ แต่ละตัวค่อนข้างชัด
เคยนึกฉากเดียวกันแล้วลองเอาตัวละครหลายๆตัวมาใส่ดูก็ได้ปฏกิริยาต่างกันไป
บางเหตุการณ์ตัวละครอาจตอบสนองคล้ายกันแต่คำพูดหรือท่าทางก็จะแตกต่างไปตามบุคลิกเฉพาะตัว
เช่น ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน
แต่ตัวนึงลุกขึ้นเงียบๆ พุ่งเข้าใส่เลย อีกตัวพูดประโยคเท่ๆค่อยสู้ อีกตัวดูน่าสมเพซแต่ยืนหยัดทั้งที่กลัว อีกตัวยกคำพูดเปรียบเปรยเป็นเหตุเป็นผลแล้วจึงสู้ อีกตัวทำท่าทางล้อเล่นแต่ดวงตาคมกล้า ฯลฯ
ของผมมีนางเอก2-3เรื่องนิสัยคล้ายๆกัน แต่พอลงรายละเอียด เจอเหตุการณ์จริงกลับปฏิกิริยาไม่เหมือนกันเปี๊ยบสักคน
ก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่มันทำไปตามธรรมชาติของเขาเอง คือเห็นแล้วเรารู้สึกว่าใช่ ตัวนี้จะทำแบบนี้
แนะนำวิธีการวางประวัติตัวละครและใส่ความเป็นมนุษย์ไปเรื่อย ๆ ครับ ถึงผมจะเรียนมาแบบครูพักลักจำก็เถอะ 555
วิธีแรกที่ผมทำคือออกแบบนิสัยตัวละครด้านเดียวมาก่อน แล้วจึงค่อยใส่เหตุผลรองรับ ภูมิหลังว่าทำไมเขาจึงเป้นคนนิสัยแบบนั้น แล้วมันจะไปสัมพันธ์กับการกระทำทั้งหมดของตัวละครในเรื่องทันที อย่างนี้แล้วเราจะรู้เลยว่าตัวละครนิสัยนี้จะต้องตอบโต้กับสถานการณ์นั้นอย่างไร จัดการกับเรื่องราวอย่างไร นอกจากนี้ก็เน้นความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ (ซึ่งอาจจะใส่บทพรรณนาเวิ่นเว้อไปบ้างถ้าเกิดอยากให้มันเหนือความจริงไปอีกขั้น) จากบทสนทนา การกระทำ ความคิด เพื่อให้คนอ่านรู้สึกหลงรักตัวละครของเรามากขึ้นครับ
สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
เริ่มจาก
อยากเล่าเกี่ยวกับอะไร อยากเล่าในเหตุการณ์ไหน ตัวละครอะไรที่จะทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้ นั่นล่ะครับคือการสร้างตัวละครของผม
ตัวละครมีใคร เป็นอะไร ยังไง มีปมอะไรเป็นแรงผลักดัน ใส่บุคคลิกและนิสัยเพิ่มเติมเข้าไปเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมครับ
ทางนี้สร้างตัวละครที่ผ่านการฝึกฝนมาเเล้วค่ะ เป็นตัวละครที่ผ่านเหตุการณ์จนเป็นเขาในปัจจุบัน เช่นเป็นอัศวิน เขาก็จะได้รับการฝึกฝนมาตั้งเเต่เด็ก ถูกฝึกถูกสอนด้วยอาจารย์ที่เคร่งครัด นิสัยเลยเอาจริงเอาจัง พอโตมาก็ได้เป็นถึงรองหัวหน้า จากนั้นก็เอาเขามาผ่านสถานการณ์ต่างๆ การเเสดงออกเเต่ละครั้งก็ยึดสิ่งที่เป็นตัวเขา สิ่งที่เขาน่าจะทำโดยไม่ให้หลุดกรอบมาก เเละบางครั้งอาจทำให้พลิกเปลี่ยน หรือตัวละครพัฒนาขึ้นโดยใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ต่างๆที่เราคิดขึ้น
เช่นจากคนดีก็กลายเป็นคนเลวได้ เเม้ตอนที่เป็นคนเลว ก็ยังมีความดีอยู่ ยังจดจำอุดมคติเเละรู้ตัวว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ดี เเต่เพราะเหตุการณ์การบางอย่างมันพลิกให้เขากู่ไม่กลับ
ไม่ได้ขาแฟนตาซีจ๋า เคยแต่งอยู่เรื่องเดียว ขอแจมด้วยแล้วกันนะคะ
เราสร้างจากสารพัดต้นตอเลยค่ะ อาจจะเกิดแนวคิดของเรื่องก่อน ค่อยหาตัวละครที่เหมาะสมมาเป็นตัวแสดง อาจจะเกิดจากอยากได้นิสัยอะไรบางอย่างของตัวละครที่อยากหยิบขึ้นมา อาจจะเกิดจากอยากเขียนสัตว์ตัวหนึ่งเลยสร้างตัวละครที่เหมาะจะมาเป็นเจ้าของสัตว์ตัวนั้น อาจจะอยากสร้างอุปกรณ์อะไรขึ้นมา แล้วหาตัวละครสักตัวที่เหมาะจะใช้ของสิ่งนั้น ฯลฯ
ข้างบนนั่นเป็นจุดเริ่ม จึงเป็นนิสัยหลักที่ตัวละครนั้นๆ พึงมี จากนั้นค่อยย่อยลงไป คราวนี้คำนึงถึงปมขัดแย้งเป็นหลักแล้ว ส่วนมากเราจะชอบให้ตัวละครมีการเรียนรู้และการเปลี่ยนแปลง เพราะงั้นต้องสร้างสิ่งที่เบื้องต้นตัวละครเป็น และเมื่อผ่านจุดขัดแย้งนี้ไปได้และเติบโตขึ้น คนเขียนอยากให้เป็นไปในแนวทางไหน ก็ค่อยสร้างขึ้นมา
มาถึงตรงนี้ บุคลิกใหญ่ๆ ได้มาแล้ว ค่อยสร้างให้ภูมิหลังเข้ากับบุคลิกพวกนั้น (รวมทั้งความชอบไร้สาระของตัวละครด้วยค่ะ อันนี้คนเขียนชอบเอง เช่น มีงานอดิเรกสนเข็ม ชอบตัดเล็บน้องหมา หรือชอบกินปลาทอดน้ำปลา อะไรเทือกๆ นี้ 555) แต่ถ้าตัวละครไหนที่ไม่ได้มีปมขัดแย้งที่ต้องเรียนรู้หรือข้ามผ่าน ก็ให้เป็นตัวประกอบที่ส่งเสริมเนื้อเรื่องให้เป็นไปในแนวทางที่ต้องการ
ไม่ว่าจุดใหญ่ที่กำเนิดตัวละครคืออะไร แต่เมื่อได้มาแล้ว เรามักจะสร้างพร้อมกับองค์ประกอบอื่นไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นปมขัดแย้ง ฉาก ให้ไปในทางเดียวกันหมด (ยกเว้นแต่ว่า เรื่องนั้นๆ เขียนขึ้นโดยอยากเขียนฉากเป็นหลัก ก็จะเขียนฉากขึ้นมาก่อน แล้วค่อยหาตัวละครที่เหมาะสมยัดเข้าไป)
เอาเข้าจริงก็พูดยากว่าสร้างแบบไหน เราทำทุกอย่างเกือบจะพร้อมกัน แต่ละเรื่องก็ไม่เหมือนกันเลย เขียนมาหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็กำเนิดต่างกันไปน่ะค่ะ
เหมือนกันเลยค่ะ เราก็สร้างแบบนี้ 5555555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?