Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำไม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ทำไม

คนเราถึงเกิดมากันนะ?

ถ้าเกิดมาเพื่อมีชีวิตอยู่ ที่ไม่ใช่ของตัวเอง

.

Why should i continue living?

คำถามนี้ที่ถามออกไป

20%ได้ตอบว่า อยู่เพื่อครอบครัว พ่อแม่

เราก็ได้แต่สงสัยว่า

มีชีวิตอยู่นี่ ไม่ได้มีเพื่อตัวเองสินะ

มีชีวิตอยู่ เพื่อให้คนอื่นมีความสุข ที่ได้เห็นเราแบบที่เค้าอยากเห็น

.

ไม่ใช่

เราไม่ได้ต้องการแบบนั้น

ชีวิตที่ไม่ใช่ของตัวเองหรือ

ถ้าแม้แต่ชีวิตนี้ยังไม่ใช่ของตัวเอง แล้วเรามีอะไรเป็นของตัวเองกันบ้างนะ?

.

ฝีมือ? ความสามารถ? ลักษณะนิสัย? รูปร่างหน้าตา?

สิ่งเหล่านี้เกิดมาได้ยังไง

ก็เพราะสภาพแวดล้อมหรือเปล่านะ?

.

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้พาเราไปวาดรูปหรือเรียนดนตรี เราก็อาจจะไม่ได้มาทางด้านนี้หรือเปล่านะ?

.

.

ตั้งแต่เกิดมา ทำอะไรที่เป็นตัวเองไปหรือยัง?

.

แล้วการทำอะไรที่เป็นตัวเองมันคืออะไรกันล่ะ

.

.

.

เอาคำถามง่ายๆก่อนดีกว่า

คำถามที่มักจะโดนถาม

เป็นร้อยครั้ง ทั้งคนอื่นถาม และถามตัวเอง

.

.

ทำไมไม่ทำตัวให้เป็นคนปกติ?

.

.

..คนปกตินี่.. เป็นยังไงกันนะ

.

ทำไมเราถึงรู้ว่า เราแบบนี้ไม่ปกติ เราแบบนี้ปกติ

มีอะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินกัน?

.

แต่ก็นะ มนุษย์เป็นสิ่งที่ต้องทำตัวให้เหมือนๆกันนี่นา

เป็นสิ่งที่กลัวความแตกต่าง

.

สิ่งที่แตกต่างจากพวก ก็จะกลายเป็น ไม่ปกติ

.

.

เหมือนเราไง

ที่แตกต่างไปจากเราคนเดิม เราคนเมื่อก่อน

.

เราคนที่เราจำไม่ได้

.

เราคนที่หายไป

แสดงความคิดเห็น

>

26 ความคิดเห็น

varunyanee 6 เม.ย. 62 เวลา 23:16 น. 1

เคยถามตัวเองตอนเด็กๆ ....


คำตอบ...จากหลักพุทธศาสนา...


เกิดมาชดใช้กรรมเก่า และสร้างกรรมใหม่


พระพุทธเจ้า...อยากตัดวงจรนี้


จึงค้นหาทางที่จะหลุดพ้น .....


สำเร็จ และเผยแพร่ //อันนี้ สั้นๆนะ เป็นหลักปรัชญา


คนเราจึงไม่เหมือนหรือไม่เท่าเทียมกัน ตามแรงกรรม

1
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:44 น. 1-1

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นมากๆนะคะ ดิฉันดีใจค่ะที่ได้อ่านข้อความของคุณ

0
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:45 น. 2-1

ขอบคุณมากค่ะสำหรับความคิดเห็นสั้นๆแต่ได้ใจความนี้ ดิฉันจะพยายามเรียนรู้หาหนทางต่อไปนะคะ

0
Tdeuy 6 เม.ย. 62 เวลา 23:21 น. 3

คนเรามักกลัวว่าตนเองจะแตกต่างจากผู้อื่น

เมื่อแตกต่างจึงถูกมองว่า แปลก

คนโดยส่วนใหญ่จึงไม่พยายามที่จะแตกต่าง


เหมือนไปงานศพ

ทำไมต้องแต่งดำ ใส่สีฟ้าได้ไหม

เมื่อใดที่ใส่ นั่นแหละคือ แปลกและแตกต่าง


คนเราถึงไม่ค่อยหลุดออกนอกกรอบเสียที

อยู่แต่ในกรอบ

แต่ถ้าหลุดได้ โลกมันคงกว้างขึ้น


แล้วทำไมเราต้องมาอ่านและตอบด้วยเนี่ย55

5
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:25 น. 3-1

อย่าสงสัยว่าทำไมต้องมาอ่านแล้วตอบด้วยเลยค่ะ ดิฉันดีใจมากที่ได้อ่านทุกๆความคิดเห็น ขอบคุณนะคะที่สละเวลามาตอบกระทู้นี้

0
Tdeuy 6 เม.ย. 62 เวลา 23:28 น. 3-2

เครียดหรือคะ

ไม่สบายใจก็บอกได้นะ

0
who am i, who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:41 น. 3-3

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับคำพูดเล็กๆน้อยๆที่มอบให้กับคนแปลกหน้าอย่างดิฉัน พูดจากใจจริงดิฉันไม่รู้จะตอบคำถามของคุณยังไงค่ะ แต่ก็ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ถาม

0
Tdeuy 6 เม.ย. 62 เวลา 23:43 น. 3-4

พูดสักนิดก็ยังดี

นึกถึงคำแรกที่อยากเอ่ย

อาจจะยากหน่อย

ถ้าพูดออกมาได้คำหนึ่ง

คำที่สองจะตามมาเอง

0
ผ่านมา 7 เม.ย. 62 เวลา 06:48 น. 3-5

ดิฉันคิดว่า เราสามารถแปลกและแตกต่างภายใต้มารยาททางสังคมได้ค่ะ

0
FreudM 6 เม.ย. 62 เวลา 23:23 น. 4

ผมอยู่เพื่อช่วยเหลือใครสักคน ผมไม่สนว่าช่วยเหลือแล้วก็จะมีประโยชน์หรือไม่ และได้อะไรกลับมา แม้ทุกอย่างจะเหมือนเดิม ไม่มีค่า แม้การช่วยเหลือผู้อื่นจะเป็นความว่างเปล่า แต่ช่วยก็คือช่วย ไม่สนว่าผลมันจะคืออะไรและออกมาเป็นอย่างไง แค่รู้ว่าเขาได้รับก็พอ


คนอย่างคุณคือคนที่อ่อนแอ ไม่เข้มแข็งพอ ผมบอกได้แค่นี้ ไม่งั้นคุณคงไม่โทษโลกใบนี้ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร


ไปช่วยโลกใบนี้ คุณจะได้รับกลับมา

3
FreudM 6 เม.ย. 62 เวลา 23:26 น. 4-1

แล้วก็อย่าลืม ไปหาหมอตามนัดด้วยล่ะ คุณจขกท.

0
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:38 น. 4-2

ขอบคุณนะคะสำหรับความคิดเห็น จริงๆแล้วดิฉันไม่ได้มีความคิดโทษอะไรไปมากกว่าตัวเองแล้ว แต่พอมาอ่านที่ตัวเองเขียนไว้อีกครั้งก็เหมือนโทษโลกใบนี้จริงๆด้วย ซึ่งมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยเหมือนที่คุณว่าเลยค่ะ แต่การโทษตัวเอง ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรไปกว่าการโทษอย่างอื่นเลยสินะคะ

0
FreudM 6 เม.ย. 62 เวลา 23:52 น. 4-3

ถูกต้อง ทุกความผิดพลาด ทุกความทรมานที่โลกนี้เหวี่ยงมาหาเรา มันเกิดมาเพื่อเรา ไม่มีอะไรต้องโทษ ไม่ต้องโทษใคร เดินหน้าต่อไป ทำสิ่งที่ตัวเองตั้งใจต่อไป แค่นี้เราก็แข็งแกร่งขึ้นแล้ว เราโตมากับเรื่องเลวร้าย ถ้าโลกนี้เป็นยูนิคอร์นเราคงไม่โตขึ้นขนาดนี้แน่นอน และทั้งหมดทั้งมวลมันมีไว้ใช้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น คนที่เขาอ่อนแอกว่า คนที่เขาเจอเหมือนเรา เพียงแต่เราสามารถช่วยเหลือคนทั้งโลกได้ จนกว่าทุกสิ่งที่เราเคยเจอมาจะหายไป และไม่มีใครต้องทุกข์ทรมานเหมือนเราในวันนี้ในที่สุด นี่แหละคือสาเหตุที่ทุกคนเกิดมา

0
ปล่อยอึ่ง 6 เม.ย. 62 เวลา 23:30 น. 5-2

มันใช่เลย

ตอนบ่ายสามยังคิดอยู่ว่า "กูจะกลับไปรีไรต์นิยายนะ"

กลับมาหกโมงเย็นแล้วเป็นไงล่ะ "วันนี้ใครตั้งบอร์ดอะไรบ้างเอ่ย"

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-06.png

0
Tdeuy 6 เม.ย. 62 เวลา 23:35 น. 5-3

ไม่ต้องรอถึงหกโมงเย็นหรอกค่ะคุณปล่อย

มันเริ่มตั้งแต่ตื่นยันนอนเลยhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:47 น. 5-5

ขอบคุณมากๆเลยนะคะสำหรับความคิดเห็นนี้ ดิฉันได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นจากข้อความของคุณ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่สละเวลามาตอบกระทู้นี้

0
Tdeuy 6 เม.ย. 62 เวลา 23:42 น. 6-1

แหม อย่าพูดเช่นนั้นเลยค่ะ

ตรงเกิ้น

เขาอาจสับสนอยู่

0
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:58 น. 6-2

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะคะ จริงๆคำถามนั้นดิฉันก็อยากถามทุกๆคนเหมือนกันค่ะ แต่เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ถามตัวเองอยู่ประจำจนเหนื่อยแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นเหนื่อยด้วยเลยค่ะ ขอโทษนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่สละเวลามาอ่านกระทู้นี้

0
Tdeuy 7 เม.ย. 62 เวลา 00:03 น. 6-3

คุณอาจขาดกำลังใจ หรือรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับชีวิต

จึงอยากหาคนคุยด้วย เรามองว่า ถ้าคุณพูดออกมาเลย

มันจะเกาตรงจุดที่คันนะคะ

0
Tdeuy 7 เม.ย. 62 เวลา 00:08 น. 6-5

เอ่อคือ น้องอัป เกาตรงจุดที่คัน

มันเป็นประโยคทั่วไปมากเลยนะ


พี่ไม่ทำงานในกรอบนะ

เดี๋ยวขายอีบุ้คเล่มต่อไปได้ จะไปซื้อแฟรนไชส์น้ำมาเป็นของตัวเองดีกว่า

พี่โคตรจะรักอิสระ

0
ปล่อยอึ่ง 7 เม.ย. 62 เวลา 00:18 น. 6-6

อ้อ บางคนมันต้องตรงๆ บางคนมันต้องอ้อมๆ 50 50 ผมคงต้องลองเสี่ยงเลือกสักทางล่ะครับ


...


ในตอนที่ผมตั้งกระทู้คลิกเบท (หรือกระทู้ไหนๆ) แน่นอนว่ามันจะต้องมีทั้งความเห็นที่ดีและไม่ดีปนมาแน่นอน ถ้าไม่พร้อมจะรับ ก็ต้องพิจารณาตัวเองว่าควรจะตั้งกระทู้ตั้งแต่แรกไหม


ในกรณีของเจ้าของกระทู้ เนื้อหากระทู้ที่เขาเขียน ผมมองว่าเขาไม่ได้สับสนอะไรขนาดนั้น เขายังมีสติที่ดีครบถ้วน ค่อนข้างจะใจเย็นอยู่ด้วย กระทู้แบบนี้มันเหมาะกับความเห็นแบบนี้อยู่แล้วครับ


เนอะ คุณเจ้าของกระทู้

0
Tdeuy 7 เม.ย. 62 เวลา 00:23 น. 6-8

ไม่รู้สิ คิดดูก่อน

แหม มันตรงกะแม่น้องขนาดนั้นเลยรึ


อย่าพูดถึงไข่มุกได้ไหม ของโปรดเลย

อยากพุ่งออกไปซื้อตอนนี้จริง ๆ

0
Evirdkung 6 เม.ย. 62 เวลา 23:30 น. 7

เป็นเหมือนกับปรัชญาชีวิตเลยนะ ความหมายดีมากเหมือนกัน เหมือนที่มีคนสองคนเคยพูดไว้

"The body is a Bodhi tree, the mind is a mirror bright, never stop dusting and wiping, lest dust alight. This is my pursuit of the path of Buddha."

"ให้ร่างกายเป็นต้นโพธิ์ ให้จิตใจเป็นกระจกส่องสว่าง เราไม่เคยหยุดปัดฝุ่นและเช็ดไม่ให้ถูกฝุ่นชะล้าง นี่คือการแสวงหาเส้นทางของพระพุทธเจ้า" คนแรกได้พูดออกมา


"By origin, there is no Bodhi tree, Nor is there a mirror bright, Originally there is not a single thing Where does dust alight?"

"แรกเริ่มแล้วไม่มีแม้แต่ต้นโพธิ์ ไม่มีแม้แต่กระจกส่อง แต่เดิมไม่มีสิ่งใด แล้วฝุ่นจะมาจากไหน?"


น่าจะหมายถึงจริงๆ แล้วตัวเราไม่มีอะไรเลย ทุกสิ่งที่เรารู้ตัวมีแต่การปรุงแต่งเท่านั้น

2
FreudM 6 เม.ย. 62 เวลา 23:39 น. 7-1

มาจากร่างกายของมนุษย์ส่วนหนึ่ง

0
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:49 น. 7-2

ขอบคุณมากนะคะสำหรับความคิดเห็น เป็นคำพูดที่ดีจังเลยค่ะ ดิฉันดีใจนะคะที่ได้คุณเอาสิ่งดีๆมาฝาก

0
เด็กน้อยถลาลม 6 เม.ย. 62 เวลา 23:35 น. 8

ถามกลับด้วยดีกว่าค่ะว่ากินยาตามที่หมอบอกไว้ไหม อย่ากินขาดๆนะคะ เพราะเดี๋ยวจะไม่ดีขึ้น


เชื่อว่าหลายๆคนก็มีคำถามคำเดียวกันอ่ะว่า "จะอยู่ไปทำไม ในเมื่ออยู่แล้วไม่มีความสุข"


เรามองว่าความสุขคนเรามันมีความพอใจในสิ่งที่ตัวเองได้รับค่อนข้างต่างกันนะ ลองตั้งเป้าหมายอะไรที่มันเล็กๆทำง่ายๆดีไหมคะ


เช่น วันนี้เดินผ่านร้านกาแฟ เราตั้งเป้าหมายว่าเราอยากจะยิ้มให้ใครสักคนหนึ่งในร้าน ดีไม่ดีเขาอาจจะยิ้มตอบกลับมาก็ได้


เราว่าการตั้งคำถามมากไปก็ไม่ดีนะคะ เราว่าลองใช้ชีวิตให้มีความสุขอ่ะ มันก็ชีวิตมีความสุขละ ลองคุยกับคนที่หายจากโรคนี้แล้วก็ดีค่ะ


พยายามลดอะไรที่มันถ่วงในใจออกไปค่ะ คำพูดคนรอบข้าง ความคิดที่ทำให้ตัวเองทุกข์ บรรยากาศรอบข้าง ลองไปอยู่กับคนที่มีพลังบวกดูค่ะ อะไรๆก็แฮปปี้



มีเพื่อนคนนึงเขาเคยมาถามเราคำถามเดียวกันกับที่เราเขียนไว้ด้านบน เราก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน555 แต่เรารู้แค่ว่า ชีวิตนี้เราตั้งเป้าหมายไว้ว่า ก่อนจะตายเราจะพยายามทำชื่อตัวเองให้ขึ้นวิกิพีเดียให้ได้อ่ะ55 ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ว่าจะไปบินไปต่างประเทศ ไล่ตบจูบดาราสักสามสี่คน ก็น่าจะชื่อออกข่าวและขึ้นวิกิพีเดียละ555



5
เด็กน้อยถลาลม 6 เม.ย. 62 เวลา 23:38 น. 8-1

เผื่อคิดว่าล้อเล่นนะคะ เราพูดจริงๆนะคะว่าเราจะทำ เราบอกกับทุกคนรอบข้างไว้หมดแล้วด้วย ภายในห้าสิบปีนี้ ถ้าเจอผู้หญิงสายตาสั้นชาวไทย ทำแบบนี้ที่กล่าวมา นั่นแหละค่ะ เราเอง55

0
Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:52 น. 8-2

ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับความคิดเห็น ดิฉันรู้สึกดีใจที่ได้อ่านข้อความของคุณค่ะ รู้สึกภูมิใจในตัวคุณด้วย ว่าช่างเป็นคนที่น่ารักจังเลย ขอบคุณอีกครั้งที่สละเวลามาตอบกระทู้นี้นะคะ

0
เด็กน้อยถลาลม 7 เม.ย. 62 เวลา 00:40 น. 8-4

@จขกท. ให้กำลังใจคนอื่น ชมคนอื่นว่าน่ารักแล้ว อย่าลืมให้กำลังใจตัวเองนะคะ

@FreudM ถ้าเป็นแล้วส่งเมสเสจมาบอกด้วยค่ะ ฮา

0
FreudM 7 เม.ย. 62 เวลา 01:03 น. 8-5

ผมอยากได้ก่อนล่วงหน้า แต่ก็เอาเถอะ จัดไป


ขอเปลี่ยนจากดารากลายเป็นนักเขียนที่สัมภาษณ์ออกรายการแล้ว แล้วกันนะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Who am i, Who i am 6 เม.ย. 62 เวลา 23:54 น. 9-1

ขอบคุณมากๆค่ะ เขาว่าการกอดทำให้สบายใจขึ้น แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าแค่อ่านคำว่ากอดก็ทำให้สบายใจขึ้นได้แล้ว เรียกว่าเป็นการกอดออนไลน์รึเปล่านะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่สละเวลาเข้ามาอ่านกระทู้นี้

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Who am i, Who i am 7 เม.ย. 62 เวลา 00:01 น. 10-1

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับความคิดเห็นนี้ ดิฉันดีใจมากนะคะที่ได้อ่านว่าคุณให้กำลังใจดิฉัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่สละเวลาเข้ามาอ่านและตอบกระทู้นี้ค่ะ

0
Narisa ณริสา 7 เม.ย. 62 เวลา 00:18 น. 12

กอดๆๆๆค่ะ ทุกคนมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาค่ะ 


จริงๆแล้วเราว่ามนุษย์เราแตกต่างกันด้วยสังคม สภาพแวดล้อม แต่มนุษย์ส่วนมากจะมีเซฟโซนเป็นระบบป้องกันในตนเองค่ะ


สำหรับเรา แต่ละคนมีมาตราฐานแตกต่างกันไป อยู่ที่ใครจะมอง และอยู่ที่เราอยากจะเป็นยังไง


เมื่อเราเจอเรื่องแย่และหนักที่สุด เราก็จะกลายเป็นคนใหม่ ที่ไม่ว่าอะไรหนักขนาดไหนก็ทำอะไรเราไม่ได้ เราก็จะลืมเราคนเก่าที่อ่อนแอในตอนนั้นไปค่ะ


สู้ๆนะคะหากเจอเรื่องร้ายมา คิดเสมอว่าต้องผ่านไปได้ค่ะ เราเก่งอยู่แล้ว ทำได้ๆสู้ๆค่ะ

0
Cat runner <3 7 เม.ย. 62 เวลา 00:55 น. 13

ผมคิดว่าแต่ละคำถามที่จขกท.ถาม มันอยู่เหนือการควบคุมครับ


เพราะตอนเป็นเด็กเรายังคิดไม่เป็น ทำให้พ่อแม่ต้องควบคุมเรา


เมื่อโตมาเราเริ่มควบคุมความคิดเป็น ก็เริ่มเกิดคำถาม


แต่ผมคิดว่าเราควรเติมประโยคนี้เข้าไปทุกครั้งที่มีคำถามครับ "เราควบคุมได้ไหม?"


คนอื่นตัดสินเรา เราควบคุมมันได้ไหม?


ถ้าเราควบคุมได้ เราควรทำอย่างไรกับมัน?


ถ้าเราควบคุมไม่ได้ เราควรทำอย่างไรกับมัน?


คำตอบแต่ละคนคงแตกต่างกัน


ส่วนตัวตนที่หายไป ผมคิดว่าเป็นตัวตนที่ไร้การควบคุมของเราครับ ตัวตนที่ไร้เดียงสาของเรา


ผมจะยกตัวอย่างการใช้ง่ายๆนะครับ


เช่น ผมรู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยให้กำลังใจใคร แต่ก็ควบคุมกดปุ่มโพสต์ได้


เป็นกำลังใจให้อีกคนครับ <3














0
ซึมเศร้าไร้ผล 7 เม.ย. 62 เวลา 02:02 น. 14

"บทมันได้"


เชร้ดดด ถ้าคนป่วยซึมเศร้ามันจะพิมพ์อะไรได้สุดยอดขนาดนี้อย่าหายเลย อาการหนักขึ้นแล้วไปแต่งนิยายสักเรื่องดีกว่า นี่มันคาร์แรคเตอร์ผู้หญิงขี้อายพูดน้อยชอบนั่งคนเดียวอยู่ข้างหลังที่มุมห้องชัดๆ แล้วตอนกินข้าวหรือเข้าห้องน้ำก็ชอบแยกตัวไปคนเดียว ไม่ชอบคุยเรื่องซุบซิบหรือเรื่องผู้ชาย ว่ากันว่าคนที่มีความแตกต่างจากคนอื่นมักจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ท่าจะจริง คุณวาดรูปด้วย? คุณบอกว่าคุณเคยเรียนวาดรูป โหพออ่านที่คุณเขียนแล้วภาพผู้หญิงนอนหลับตากลัวหัวลอยขึ้นมาเลยวุ้ย


พล็อตนี้แนวรักก็โดน แนวแฟนตาซีก็ใช่ หรือถ้าจะเป็นแนวเอาตัวรอด ใช่แล้วแนวเอาตัวรอดทำให้คนพบความหมายของชีวิต โหสมองแล่นเลยว้อย


บทมันได้!!! นี่ถ้าอายุน้อยๆหน่อยมีเวลาให้ขัดเกลาเยอะๆล่ะก็ เดี๋ยวนะ ...






(เอามือกอดอกทำสายตาเย็นชาใส่) ฮึ่ม ก็พิมพ์ออกมาได้ไม่เลวอยู่หรอกแต่ถ้าอายุเกิน 20 ไปแล้วล่ะก็ทักษะการเขียนระดับนี้ไม่เท่าไหร่หรอกนะ


(หรี่ตามองพลางแสยะยิ้ม) ยังไม่มีแฟนสินะ มาแนวนี้โสด 100% พออายุเยอะแต่ไม่มีแฟนก็เลยเริ่มเพ้อ ผู้หญิงที่ขึ้นคานเป็นกันเยอะ ถ้าไม่เลี้ยงสัตว์อีกหน่อยก็จะเริ่มเลี้ยงสัตว์และคุยกับสัตว์เลี้ยง


(แบะไหล่พลางส่ายหัว) หึ คุณช่างไม่เข้าใจเอาซะเลยนะ คนที่สมควรจะได้รับการปลอบโยนจากผู้อื่นน่ะ มีแต่เด็กๆหน้าตาน่ารักหรือไม่ก็ผู้หญิงหน้าตาดีเท่านั้นแหล่ะ! ถ้าไม่รีบลุกแล้วเดินล่ะก็ระวังจะโดนเหยียบนะ จิตแพทย์เป็นอาชีพ ไม่ใช่พ่อพระ ไปหาแล้วต้องเสียเงิน นี่ยังไม่นับว่าบางทีมันจิตกว่าเราอีก


คนที่เราควรจะเสียเงินคุยด้วยน่ะ ถ้าไม่ใช่ที่ปรึกษาก็ต้องเป็นสาวทรงโตถึงจะถูก!!!

4

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

มีข้อความหยาบคาย ใช้ภาษาไม่เหมาะสม

คนหล่อมืออาชีพ 7 เม.ย. 62 เวลา 10:28 น. 14-2

คนเขาเจ็บเป็นนะครับ พิมพ์อะไรละอายด้วย อย่าให้ผมพูดว่าคุณขาดการอบรมหรือไร้มารยาทเลย แต่จขกท เขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยครับ กรุณาอย่าทำตัวไร้มารยาทแบบนี้


ไม่สิ ถ้ามาแบบนี้ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเธอแล้ว ลองไปพินิจตัวเองดูนะ เก็บไปคิด ว่าตัวเองทำอะไรลงไป คำพูดของเธอมันร้ายแรงแค่ไหน


ถ้า จขกท เป็นอะไรไป จะทำยังไง

0
คนหล่อมืออาชีพ 7 เม.ย. 62 เวลา 10:30 น. 14-3

ถ้าคิดได้แค่นี้ก็อย่าเข้ามาครับ จขคห อยู่กันสงบๆ เถอะ


ถ้าไม่รีบลุกแล้วเดินล่ะก็ระวังจะโดนเหยียบนะ - ทำไมรู้สึกว่าคำนี้มันแอบให้กำลังใจ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

หอยทากกินบะหมี่ 7 เม.ย. 62 เวลา 06:49 น. 15

เคยถกประเด็นกับเพื่อน เรื่อง "คนที่ตั้งคำถามกับตัวเอง ตั้งคำถามกับคนรอบข้าง ว่า 'คนเราเกิดมาทำไม/เกิดมาเพื่ออะไร' ต้องเป็นคนแบบไหนนะ?"


แล้วก็ได้คำตอบที่ยอมรับโดยเอกฉันท์กันในวงว่า...


เป็นคนที่ว่างมากๆยังไงล่ะ


ถ้าชีวิตมีทุกอย่างอยู่อย่างสุขหรือสมบูรณ์อยู่แล้ว ก็จะเริ่มเกิดคำถามเชิงปรัชญาชีวิตขึ้นมาในหัวตัวเอง เอ คนเราเกิดมาเพื่ออะไรกันนะ ทำไมมนุษย์ต้องทำตัวปกติเหมือนคนอื่นด้วยล่ะ


คำตอบง่ายๆ เพราะคนถามว่างมากไงล่ะ


พอว่าง ไม่มีอะไรทำแต่มีข้าวให้กิน มีเน็ตให้ใช้ มีเสื้อผ้าดีๆให้สวมโดยที่ไม่ได้ต้องลำบาก ก็จะเริ่มตั้งคำถามประเภทนี้ขึ้นมา เอาง่ายๆ ฟุ้งซ่านนั่นแหละ


จขกท.ลองทำตัวให้ไม่ว่างดูนะ


อาจไม่ได้คำตอบของคำถามในแบบที่ต้องการ แต่อย่างน้อย คุณจะรู้ว่าทำไมคำตอบของทุกคนถึงเป็นเช่นนั้น


เพื่อนเราคนหนึ่งเป็นซึมเศร้า เขาตัดสินใจไปหาหมอ ด้วยเหตุผลว่า "กลัวตัวเองจะทนไม่ไหวแล้วฆ่าตัวตาย" เขาไม่อยากตาย เขาอยากหายจากอาการจิตตกที่เป็นอยู่


ไปหาหมอเถอะนะ ถ้าอยากหายจากอาการนี้จริงๆ


แล้วก็ลองหาอะไรทำ ให้สมองไม่ว่างดู อย่างเพื่อนเราคนนั้น หลังจากเป็นซึมเศร้าและได้รับคำแนะนำจากหมอ ตอนนี้เขามีงานอดิเรกคือแบกกล้องไปถ่ายรูปตามที่ต่างๆ เขาค้นพบความสุขของตัวเองด้วยตนเองแล้ว


หวังว่าจขกท.จะค้นพบมัน เป็นกำลังใจให้นะ

9
FreudM 7 เม.ย. 62 เวลา 10:35 น. 15-1

นี่ก็อีกคน อันนั้นมันกรณีพวกที่ว่างจริงๆ เป็นคนปกติ แต่นี่คือคนที่เป็นโรคซึมเศร้า เขาต่างจากเราครับ คนที่แบกรับภาระหน้าที่ ชื่อเสียง พรสวรรค์ หรือผู้นำดูแลปกป้องผู้อื่นต่างๆ นี่แหละตัวดีเลย เพราะจุดเริ่มต้นแรกของคนเป็นโรคซึมเศร้าล้วนเกิดจากความเครียด


ผมไม่ได้ว่าคุณนะ ผมชี้แจงให้เข้าใจถูกเฉยๆ

0
คนหล่อมืออาชีพ 7 เม.ย. 62 เวลา 10:37 น. 15-2

ฟรอยด์พูดถูกครับ จิตใจมันแบกภาระที่ต่างจากเรา ดังนั้นแล้ว ผมจะช่วยเหลือเธอทุกวิถีทาง ไม่ได้ว่าพี่นะ แต่เขากำลังลำบาก การพาจิตใจอันหนักอึ้งไปทำอะไรน่ะมันยากจริงๆ ครับ

0
หอยทากกินบะหมี่ 7 เม.ย. 62 เวลา 12:56 น. 15-3

-1 และ 2


พวกเราล้วนไม่ใช่จิตแพทย์ ทางที่ดีเราไม่แนะนำให้จขกท.ทำตามคำแนะนำของคอมเมนท์ผู้ใดในกระทู้นี้ด้วยซ้ำ


บอกแล้วนะ ว่าเรามีเพื่อนสนิทเป็นโรคซึมเศร้า และปัจจุบันนี้เพื่อนกำลังทำอะไรอยู่ คนทุกคนไม่เหมือนกัน แต่เมื่อมีปัญหาสุขภาพ ไม่ว่าจะสุขภาพกายหรือจิต ทางที่เราแนะนำจริงๆคือ ไปหาหมอค่ะ นั่นคือทางเลือกที่อยากให้จขกท.ทำนะ ถ้าไปหามาแล้วและรู้สึกว่าหมอช่วยอะไรไม่ได้ ลองเปลี่ยนหมอดู


และไม่ว่าคุณ F และคุณคนหล่อจะว่าเราหรืออไม่ เราไม่ถือหรอก มองว่ามันเป็นการแสดงความเห็น ไม่ได้มาโต้เถียงอะไรกัน น้อมรับทุกความเห็นต่าง ขอบคุณด้วยซ้ำที่ทำให้เราได้เห็นมุมมองอื่นๆ ขอบคุณค่ะ

0
FreudM 7 เม.ย. 62 เวลา 14:18 น. 15-4

คุณน่าจะพิมพ์แบบนี้ตั้งแต่แรก


และการทำงานอดิเรกผมก็ยอมรับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบำบัด เพียงแต่ที่คุณพูดมันสื่อออกมาว่าความคิดของคนปกติถูกต้องและควรใช้มันเข้าใจผู้ป่วยซึ่งถือว่าผิด


อีกข้อ อันนี้เถียงล้วนๆ แม้ผมจะไม่ใช่จิตแพทย์ แต่คำแนะนำของผมได้ผลแน่นอน

0
FreudM 7 เม.ย. 62 เวลา 16:15 น. 15-6

ฟังดูเหมือนโมโหเลยนะ แต่ก็เอาเถอะ


ถ้าถึงตอนนั้นผมก็จะช่วยคุณ

0
G.Tenju 7 เม.ย. 62 เวลา 16:43 น. 15-7

การแนะนำให้ลองทำตัวให้ไม่ว่างน่ะถูกต้องแล้วครับ


คนเป็นซึมเศร้าจะตกอยู่ในห้วงอารมณ์และความคิดได้ง่าย และเวลาที่อยู่ภวังค์พวกนี้เขาจะนึกถึงประสบการณ์ดีๆไม่ออกหรอก การหากิจกรรมอะไรสักอย่างทำมันจะหยุดการ 'จดจ่อกับอดีต' ได้ดีมากๆ แล้วจะมีผลพลอยได้ถ้ากิจกรรมนั้นมันทำให้ติดต่อกับผู้คนได้ด้วย รวมไปถึงมันจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า 'สมาธิฐานกาย' สติอยู่กับร่างกายมากกว่าสมอง นั่นจะทำให้หลุดจากอารมณ์แล้วกลับมาอยู่กับปัจจุบัน


แต่ถ้าจะมีอะไรผิดในโพสนี้ก็คงเป็นการสื่อสารที่ทำให้เข้าใจผิดกันแค่นั้น


คำตอบง่ายๆ เพราะคนถามว่างมากไงล่ะ

พอว่าง ไม่มีอะไรทำแต่มีข้าวให้กิน มีเน็ตให้ใช้ มีเสื้อผ้าดีๆให้สวมโดยที่ไม่ได้ต้องลำบาก ก็จะเริ่มตั้งคำถามประเภทนี้ขึ้นมา เอาง่ายๆ ฟุ้งซ่านนั่นแหละ


@FreudM

ถ้าอยากช่วยคนจริงๆ ขอเรื่องนึง ช่วยหยุดใช้คำพูดหยาบคาย/แซะ/เดาใจคนว่าเขาคิดอะไร เพราะผมนี่แหละผู้ป่วยซึมเศร้าที่คุณเกือบฆ่าไป 2 รอบ ผมป่วยมา 18 ปี หาทางรักษาให้ตัวเองมาตลอด และสิ่งที่ฆ่าผู้ป่วยได้ดีที่สุดคือพวกที่คิดว่า "ฉันคือคนดี ฉันคือความถูกต้อง และฉันจะช่วยเธอ"


เห็นผมพิมพ์ได้เยอะแยะพวกนี้เป็นเพราะผมพยายามสู้กับอาการของตัวเองมาตลอด ศึกษาจริงจัง ลงเรียนนูนนี่นั่น (ผมต่อมหาลัยไม่ได้เพราะถ้าเครียดแล้วจะสมองเสื่อมระยะสั้น) ทุกคนที่คุณพูดด้วยเขาอาจเป็นซึมเศร้าแต่ไม่เอ่ยปากออกมาก็ได้ อย่างน้อยก็อย่าทำให้ใครป่วยเพิ่มขึ้นมาก็พอ

0
หอยทากกินบะหมี่ 7 เม.ย. 62 เวลา 16:46 น. 15-8

คุณฟรอยด์ ขอบคุณค่ะ


เราแค่มองว่าเรากับคุณฟรอยด์มองคนละมุมเท่านั้น แต่เราก็ไม่ได้มองว่ามุมของคุณฟรอยด์ผิดหรือมุมของเราถูก เป็นการมองประเด็นคนละด้านที่พอมาถกกันแล้ว ก็ทำให้เข้าใจมุมมองของกันและกันมากขึ้น ไม่ได้มีเจตนาอื่น


คุณ G. Tenju

ขอบคุณค่ะที่ทำให้เรารู้ว่าตรงจุดไหนในคำพูดเราที่สื่อสารผิดพลาด เราจะกลั่นกรองให้มากขึ้น


คุณเก่งมากเลย ต้องพยายามมากจริงๆสำหรับการที่จะก้าวผ่านโรคนี้ได้ทีละขั้น เป็นกำลังใจให้นะคะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกโหวตลบโดยเพื่อนสมาชิกชาวเด็กดี เพราะมีเนื้อหาไม่เหมาะสม

สมเหมียว@lesserpanda 7 เม.ย. 62 เวลา 07:17 น. 16

คำตอบเราง่าย แต่ทำยากมาก


'เกิดมาเพื่อค้นพบความสุขสงบเล็กๆน้อยๆในทะเลทุกข์อันแสนกว้างใหญ่ไพศาลนี้'



ใช่ เรากำลังเผชิญกับสิ่งที่ว่าชีวิตไม่ใช่ของเราเอง ซึ่งก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจุดจบจะอยู่ตรงไหน แต่สิ่งที่เราทำได้คือสร้างโอเอซิสเล็กๆของเราเองและแน่นอนไม่มีใครรู้และไม่มีใครเข้าถึง


หาโอเอซิสให้ตัวเอง แล้วจะผ่านมันง่ายขึ้นลองดู55

0
ืnoom888 7 เม.ย. 62 เวลา 07:53 น. 17

การเกิดมาเป็นวัฐจักรของชีวิต แต่สิ่งที่เราคิด เราต้องการ มันมาจากตัวเรา หรืออาจจะมาจากภูมิหลังของชีวิต อาจจะมาจากชีวิตวัยเด็ก ครอบครัว สังคม จริงๆ-คำถามที่ว่าเกิดมาเพื่ออะไร ผมก้อเคยถามตัวเองมาตลอดเหมือนกัน หรืออยู่เพื่ออะไร แต่คุณรู้ไหมคำถามพวกนี้ ส่วนมากมันจะมาตอนคุณท้อแท้มากว่า เพราะสุดท้าย ถ้าหากคุณมีเวลามากพอกับการอยู่คนเดียว อยู่กับตัวเองจนเข้าใจตัวเองจริงๆ คุณจะรู้ว่าไม่ว่าคนรอบข้างคุณจะหวังให้คุณเป็นแบบไหน ยังไง หรือใครจะมองยังไง สุดท้ายตัวเราเองได้ทำสิ่งที่รัก ที่ชอบ อะไรที่ทำแล้วตัวเราเองมีความสุข นั่นแหละชีวิต...

0
Senpaitonkung 7 เม.ย. 62 เวลา 08:30 น. 18

ตัวผมเองก็เฝ้าถามตัวเองอยู่เหมือนกัน ว่าใใใใใ

ชีวิตคืออะไร?

มนุษย์เกิดมาเพื่ออะไร?

นรกสวรรค์ เทพพระเจ้า พระเจ้า มีตัวตนจริงเหรอ เเล้วถ้ามีตัวตนเขามีหน้าที่อะไรเขาเกิดมาเพื่ออะไร ทำไมถึงไม่มีความเท่าเทียมกัน ทำไมมันไม่ยุติธรรม

เเก่นเเท้ของทุกสรรพสิ่งคืออะไร?


ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเกินความเข้าใจของมนุษย์ ซึ่งมนุษย์คงไม่สามารถหาคำตอบที่เเน่ชัดได้ ตัวตนของเราที่เกิดมาอาจรู้ความหมาย เเต่เราไม่สามารถรับรู้ได้ นี่เป็นทษฎีของผมเอง


เอาจริง ๆ นะครับ ไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าเเท้จริงเเล้วเราอยู่ไปเพื่ออะไร ความเชื่อทางพุทธศาสนา ความเชื่อของนิติบุคคุล ความเชื่อทางวิทยาศาสตร์ เป็นเเค่ทษฎีที่คิดขึ้นเอง กำหนดกันขึ้นมาเอง ดังนั้นทุกทษฎีอาจจะถูกต้องเเละไม่ถูกต้อง

0
คนหล่อมืออาชีพ 7 เม.ย. 62 เวลา 08:31 น. 19

ไม่ได้เกิดมาเพื่ออะไรครับ แต่ชีวิตของเราจะมีความหมายก็ต่อเมื่อได้ทำอะไรสักอย่างครับ เช่นทำสิ่งที่รัก หรือช่วยเหลือปกป้องใครสักคน


ชีวิตคือการเดินทางเชื่อมโยงเรื่องราวในชีวิตให้เป็นโลกในแบบของตนเอง และคนที่เราได้พบพานนั่นแหละคือผู้เป็นพยานให้กับการเดินทางของเรา


เรามีตัวคนเดียว ไม่จำเป็นต้องถูกเลือก ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร เราเป็นเราเอง ทำเพื่อทุกคน ทำตัวเองให้ดี เพราะเราไม่ได้เกิดมาเพื่ออะไร จงทำเพื่อตนเองและผู้อื่น

0
thii-8 7 เม.ย. 62 เวลา 09:36 น. 20

ในเชิงปรัชญา นี่เป็นคำถามที่ติดอันดับต้นๆ 


ยังจำคำตอบของเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่งได้อยู่จนทุกวันนี้ เขาบอกว่า “ผมไม่สนใจหรอกว่าตัวเองเกิดมาทำไม แต่สนใจที่จะก้าวออกไปเพื่อทำให้มันดีขึ้นมากกว่า ตั้งใจจะใช้ชีวิตที่มีอยู่ให้คุ้มค่าและทิ้งอะไรไว้ให้โลกโดยที่ทำให้มันดีขึ้นกว่าตอนที่ได้พบมัน ผมเกิดมาเพื่อทำให้ความใฝ่ฝันที่ว่า…กลายเป็นความจริง”


เวลาผ่านไปหลายสิบปี ท่ามกลางความผันผวนทั้งหลายทั้งปวง เมื่อหันกลับไปมอง และเห็นเพื่อนได้ทำอย่างที่พูด บอกตามตรงว่ารู้สึกภาคภูมิใจกับการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ร่วมโลกกับผู้คนแบบนี้

0