วิธีอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยแบบไฟลนก้น จาก นศ.พ. #dek62 #dek63
วันนี้เราอยากจะแชร์วิธีการอ่านหนังสือสอบเข้ามหาลัยแบบไฟลนก้น
เราขอแนะนำตัวเองก่อนเลยว่าตอนนี้เป็น
เราเป็นนักศึกษาแพทย์ั้ ชั้นปีที่1 มหาลัยภูมิภาคแห่งหนึ่ง
ตอนมัธยมเราเป็นเด็กเรียกว่าเป็นเด็กหลังห้องเลยก็ได้ เพราะเกรดที่โรงเรียนก็ได้ช่วง 3.6 นิดๆ ก็ถือว่าได้น้อยเพราะเพื่อนในห้องเดียวกันก็ได้เกรดสูงกว่าเราแทบทุกคนและเราก็เป็นคนที่แทบไม่อ่านหนังสือเลย จะเรียกได้ว่าอ่านแค่1วันก่อนสอบปลายภาคหรือกลางภาคอะไรอย่างนี้ แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่าเราเป็นคนที่เรียนพิเศษช่วงปิดเทอม แต่หลังจากเรียนเสร็จก็ไม่ได้กลับมาทวน ตามสเต็ปคนขี้เกียจเหมือนเดิม5555
ซึ่งก่อนสอบ GAT-PAT เราก็ไม่ได้อ่านหนังสือไปสอบเลย พอทำข้อสอบเราก็รู้สึกว่าเราทำข้อสอบไม่ได้เลยฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ต้องอ่านหนังสือแล้ว
เราเลยเริ่มที่จะดูวันที่สอบกับเวลาที่เหลืออยู่ ก็คือหลังจากที่สอบ GAT-PAT สัปดาห์ต่อไปก็มีสอบ
O-NET สัปดาห์ต่อไปก็สอบวิชาเฉพาะแพทย์
อะไรประมาณนี้ ซึ่งเราก็จะมีเวลาให้อ่าน ช่วงที่เว้นระหว่างสอบ ประมาณ 5-6 วัน ก็ใช้เวลาระหว่างนั้นในการอ่านสอบแต่ละครั้ง เราสรุปมาได้คร่าวๆ ว่าต้องทำอะไรในตอนที่ไฟลนก้นมากๆ5555555(แนะนำว่าอย่าอ่านใกล้แบบเรา55)
1.กำหนดเป้าหมายว่าเราอยากเข้าคณะอะไร ที่ไหน
2. ดูคะแนนสูง-ต่ำ ในปีที่แล้ว แล้วประเมินว่าเรา สามารถที่จะทำคะแนนให้ถึงได้ไหม
พี่ประเมินตัวเองโดยพี่ลองทำข้อสอบเก่าดูว่าได้คะแนนเท่าไหร่ แล้วดูว่าขาดกี่คะแนน ตอนพี่ทำเสร็จ แล้วมาดูเทียบกับ minปีที่แล้ว พี่ก็ยังห่างจากmin สิบกว่าคะแนน
3.กำหนดคะแนนที่เรา"ต้องได้" กี่คะแนนในแต่ละวิชา ดูน้ำหนักคะแนนในแต่ละวิชาเพราะแต่ละวิชาน้ำ หนักคะแนนก็ไม่เท่ากัน
สมมุติ คะแนน min ปีที่แล้วคือ 60 คะแนน
พี่ก็จะบวกไปอีก 2-5 คะแนนจาก min ปีที่แล้ว
พี่ก็ตั้งไว้เลยว่าต้องได้ สังคม 65+ ไทย75+ อิ้ง80+
ชีวะ55+ เคมี50+ คณิต 50+ ฟิสิกส์45+
เฉพาะแพทย์ 200++ (น้ำหนักคะแนนแต่ละวิชาไม่เท่ากัน)
4. ดูว่าเราถนัดวิชาไหน อ่อนวิชาไหน ควรอ่านเพิ่มวิชาไหน(พี่ดูจากคะแนนที่ลองทำข้อสอบ)
สำหรับพี่คือ พี่ถนัดพวกวิชาสายภาษาและก็วิชาชีวะ พี่เลยเลือกที่ไม่อ่านในวิชาที่ถนัด พี่ก็เลยเน้นอ่านพวกวิชาสายคำนวณเพื่อที่จะเอาวิชาพวกนั้นมาดึงคะแนนให้ขึ้น แต่ก็จะทิ้งวิชาที่เราถนัดไม่ได้นะ พี่ก็อ่านถวนนิดๆหน่อยๆ (ถ้าน้องมีเวลามากก็แนะนำให้อ่านแต่ละวิชาเยอะๆหน่อย อย่าทำแบบพี่555)
5.*ดูวิชาที่สอบว่าคณะที่เราอยากเข้า ต้องใช้คะแนน อะไรบ้าง ดูว่าแต่ละวิชาจะออกบทไหนบ้างและก็ดูว่าบทไหนที่ออกเยอะ ออกน้อย ควรเก็บคะแนนบทไหน
เพราะวิชาเดียวกันแต่สอบแต่ละอย่างจะออกไม่ เหมือนกัน สมมุติ O-NET ออกบทนี้ แต่ PAT ไม่ออกบทนี้
6.ดูวันที่สอบแต่ละวิชา แล้วจัดตารางอ่านหนังสือ
พี่คือช่วงนั้นอ่านวันละ 14-16 ชม เพราะในเดือนนั้น สอบแกทแพท โอเนต ถนัด สามัญ ติดๆกัน ทุก เสา-อา มีเวลาอ่านแค่จันทร์-ศุกร์ ยังไงพี่ก็อ่านไม่ทันแน่ๆ
พี่ก็เลยทำข้อสอบเก่าพร้อมดูเฉลยไปพร้อมกันเลย(วิชาคำนวณพี่ดูในยูทูป)
พวกฟิสิกส์(สามัญ)งี้จะมีข้อที่ออกซ้ำทุกปีอยู่เกือบ10ข้อ พี่ก็ฝึกทำสิบข้อนั้นให้ไม่พลาดแน่ๆ ถ้าเจอในห้องสอบ แค่นั้นก็ได้40คะแนนแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่บุญกรรม5555 ว่าออกที่ทำได้ไหม หรือมั่วถูก
คณิตพี่ก็ทำคล้ายๆฟิสิกส์เลยคือ ทำข้อสอบเก่าพร้อมดูเฉลยไปด้วย แต่จะเน้นบทที่ออกมากๆ เช่นสถิติ
แกทเชื่อมโยง(ถนัดแพทย์)บอกก่อนเลยว่าไม่เคยทำข้อสอบเชื่อมโยงเลย พี่ก็นั้งทำหนังสือGat เชื่อมโยง ของ อ.ขลุ่ย ทุกวันวันละ3-4 ข้อ
(ขอขิงหน่อยว่าได้ร้อยเต็มนะจ๊ะ โอเย้~)
จริยธรรมแพทย์ อันนี้ก็มีคอนเซปง่ายๆ
กฏหมาย>ศีลธรรม> ... อันนี้เราก็ลืมแล้วว่าเรียงยังไง555 ให้น้องๆลองไปหาดูในเนต น่าจะมีอยู่
เชาว์ ก็ฝึกทำตามพวกหนังสือ ถนัดแพทย์ แต่ต้องทำทุกวัน เพราะว่าเราจะได้รู้ว่าออกประมาณนี้เราต้องทำยังไง
อิ้ง อันนี้เป็นวิชาถนัด เราก็เลยจำพวก Vocab ไปเพราะยังจำที่ยากๆไม่ได้
ไทย เราเลือกที่จะไม่อ่าน เพราะตอนลองทำข้อสอบคะแนนออกมาพอใจแล้ว
สังคม อันนี้เราไม่อ่านมาก เพราะเราสนใจเกี่ยวกับ ปวศ การเมือง แต่แรกอยู่แล้ว พอมีความรู้อยู่บ้าง
ชีวะ ก็อ่านหนังสือของพี่เต้น อันนี้แนะนำเลยยย
เคมี อันนี้คือวิชาที่เราไม่ถนัดเลยยยย ก็เลยไม่ค่อยได้อ่าน555 คะแนนก็ตามสภาพเลยจ้าาา
วิธีการอ่านแต่ละวิชาก็แล้วแต่คนเพราะแต่ละคนก็ถนัดแต่ละวิชาไม่เหมือนกัน ลองไปปรับใช้กันดู
7. วันก่อนสอบ 1 วัน พี่ก็อ่านตามปกติ แต่จะเข้านอนเร็วก็คือ ไม่เกิน 3 ทุ่ม จะตื่นมาแต่เช้า เพื่อที่จะมาอ่านสรุป ที่เขียนไว้ ละก็อ่านสรุปที่มีคนทำไว้ในแอป Clear แอปนี้พี่แนะนำเลยให้โหลดมาใช้
ก่อนเข้าสอบอย่าลืมอุปกรณ์ที่สำคัญต่างๆ แนะนำให้ใส่นาฬิกาเข้าไปด้วย บางห้องอาจจะไม่มีนาฬิกาไว้ให้ เราจะไม่ได้กังวล
เทคนิคก่อนเข้าสอบ พี่จะกินกาแฟก่อนตอนเช้าแต่อย่ากินเยอะจนใจสั่นนะ เหมือนเคยอ่านมาว่าจะทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น(อันนี้พี่ไม่ชัวร์นะ) แต่สำหรับพี่คือหัวมันไบรท์มากๆ
*ใครไม่เคยกินกาแฟมาก่อนก็อย่ากินนะ*
ดื่มน้ำก่อนเข้าห้องสอบ และสุดท้ายให้น้องเดินเข้าห้องสอบด้วยความมั่นใจ
8. คะแนนออก ให้น้องดูว่ามันสูงพอที่จะยื่นคณะที่เราอยากเข้าไหม แล้วก็มาเลือกอันดับในแต่ละอันดับดีๆว่าเราอยากเข้าที่ไหน
เช่น
อันดับ1 คณะxxx มหาลัยxxx
อันดับ2 คณะxxx มหาลัยxxx
อันดับ3 คณะxxx มหาลัยxxx
อันดับ4 คณะxxx มหาลัยxxx
อันดับ1 จะเป็นคณะ/มหาลัยที่อยากเข้า min อาจจะมากกว่าคะแนนเรา แต่ที่เราลงไป เผื่อคะแนนminปีเราจะลดลงมา
อันดับ2 จะเป็นคณะ/มหาลัยที่เราประมาณ min
อันดับ3 จะเป็นคณะ/มหาลัยที่เรา ประมาณmean
อันดับ4 จะเป็นคณะ/มหาลัยที่เรา ประมาณ max
อันนี้เป็นวิธีที่พี่ใช้เลือกนะ พี่เรียงว่ายังไงพี่ก็มีที่เรียนแน่ๆ อันนี้ก็แล้วแต่คนจะเรียงอันดับ 1 2 3 แต่อันดับ4พี่แนะนำว่าให้เลือกคณะที่เรามีโอกาสติดสูง
แล้วแต่ความสบายใจแต่ละคนเลย อาจจะชอบเสี่ยงน้อย เสี่ยงมากแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล555
9. ผลสอบออก ถ้าติดคณะที่เราอยากเรียนเราก็เตรียมพอร์ทสำหรับสัมภาษณ์ แนะนำให้ทำพอร์ตไว้ตั้งแต่ก่อนสอบ โชคดีที่พี่มี portfolio เพราะโรงเรียนบังคับให้ทำในวิชาแนะแนว5555
10. เตรียมตัวสัม ให้ดีๆให้ดูว่าคณะที่เราจะเรียนจบไปทำอะไร ทำไมถึงอยากเรียน อะไรต่างๆนานา ให้เราซ้อมตอบคำถามไว้เลย จะได้ไม่ตื้นเต้น ปกติจะไม่ค่อยมีคนตกสัมกัน นอกจากจะตอบแบบพิลึกเกินไปอะไรอย่างงี้55555
พี่อยากให้น้องๆเอาวิธีที่พี่ใช้ไปปรับให้เหมาะสมกับตัวเอง และก็ไม่อยากให้อ่านด้วยเวลาที่ลนก้นแบบพี่เพราะมันจะเครียดและก็กดดันมากๆ
สามารถปรับใช้ได้กับทุกคณะที่น้องๆอยากเเข้า
สุดท้ายนี้พี่ก็ขอให้น้องๆทุกคนโชคดี
6 ความคิดเห็น
ขอบคุณมากครับ อยากสอบถามเพิ่มเติม มีเฟสหรือไลน์ไหมครับ
ถ้าน้องอยากถามหรือสงสัยอะไร ถามได้ในคอมเม้นได้เลยครับ เผื่อคนอื่นมีคำถามคล้ายๆกันครับ
วิธีฝึกอังกฤษ ฉบับคนอ่อนมากครับ
วิธีการเริ่มเรียนภาษาเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือ
เริ่มจากฟังครับ
ไม่ใช่เริ่มจากการอ่าน หรือการท่อง เราทำแบบนั้นจะแทบไม่ได้อะไรเลย
วิธีที่พี่ทำก็คือ พี่เริ่มจากการฟังเพลงภาษาอังกฤษ
แบบถ้าเราฟังเพลงไหนแล้วรู้สึกชอบ พี่ก็เริ่มที่จะโหลดเนื้อเพลงมาแล้วก็แปล หรือไม่ก็อ่านคำแปล
วิธีนี้จะทำให้น้องจำคำศัพท์เพิ่มได้แบบไม่รู้ตัว แล้วก็ได้เจอแบบพวกโครงสร้างประโยคในเพลง
ก็ให้ลองหา พวก Subject verb adv. อะไรพวกนี้ดู
แล้วก็ลองดูว่ามันอยูุ่ tenseหรือเป็นรูปประโยคแบบไหน อะไรอย่างงี้
แล้วก็ดูหนังที่เป็น Soundtrack แล้วค่อยเปิดซับไทยเอา การดูหนังจะฝึกพาร์ท Conversation ได้แบบมากๆๆๆๆๆ เลย แบบเราอ่านchoice ในข้อสอบมันจะมีความรู้สึกแบบ มันตอบข้อนี้แน่ๆ แบบแทบไม่ต่้องแปลเลย
แล้วถ้าน้องคนไหนได้อังกฤษประมาณหนึ่งแล้ว แบบฟัง พูด อ่าน เขียนได้แล้ว ก็อยากจะให้น้องเริ่มจากท่องคำศัพท์ พี่แแนะนำให้เน้นท่อง Verb ให้มากๆ
แบบ ถ้าเราไม่รู้คำศัพท์ที่เป็นประธานกับกรรมของประโยค แต่เรารู้ว่ากิริยามันทำอะไร เราก็รู้คร่าวๆแล้วว่าประโยคนั้น มันสื่อถึงอะไร
สำหรับเทคนิคการทำ error อันนี้พี่แนะนำไม่ได้เพราะอันนี้พี่เรียนกับที่เรียนพิเศษ 55555
อยากให้น้องๆเช็คตัวเองว่าเก่งพาร์ทไหนแบบ reading conversationหรือ error
พอรู้ว่าเราอ่อนพาร์ทไหนก็ไปเน้นพาร์ทที่เรายังอ่อนอยู่
เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ
อยากทราบคะแนนพี่จังครับ
รอบ กสพท คะแนนรวมได้ 60 นิดๆครับ
แต่พี่ใช้โควต้าพื้นที่ครับ เป็นแพทย์เพื่อชาวชนบทครับ ก็เลยใช้แค่คะแนน 7สามัญในการคัดเลือกครับ
คะแนนรวมวิชาสามัญกี่คะแนนถึงติดหมอชนบทครับ
แล้วแต่ละมหาลัยครับ ว่ามีการแข่งขันสูงไหมคะแนนแตกต่างกันครับ น้องไปหาคะแนนเก่าดูได้นะลองเสิร์ชหาดู ว่าอยากเข้ามหาลัยไหน
พี่คะหนูเหลือเวลาอีกแค่5 เดือนกว่าๆ หนูควรจะสู้ต่อมั้ยคะ
หนูรู้ว่ามันมีเวลาน้อยมากๆ หนูฝันอยากเป็นหมอมาตลอด3ปี แต่หนูไม่เคยจะทำอะไรให้ความฝันมันเป็นจริงได้เลย
หนูเรียนมาด้วยตัวเองตลอด ไม่เคยเรียนพิเศษเลยค่ะ
แต่หนูเข้าใจในจุดที่ตัวเองเป็นอยู่ค่ะ หนูจะสู้พวกที่เรียนพิเศษได้มั้ยคะ แล้วดันมาเริ่มช้ากว่าคนอื่นอีกหลายเท่า หนูควรจะปล่อยให้มันเป็นไปตามที่มันควรจะเป็นดีมั้ยคะ ///แงงงงง - -
น้องจะสู้ต่อหรือไม่สู่ต่ออันนี้ขึ้นอยู่กับตัวน้องครับ
ให้น้องลองคิดว่าถ้าปีนี้น้องไม่ติดหมอ แล้วน้องจะเสียดายไหม ถ้าคิดว่าตัวเองเสียดายแน่ๆ น้องก็แค่ฮึบสู่ เหลือเวลาอีกตั้ง 5เดือน
น้องก็แค่แบ่งเวลาดีๆ และก็อ่านให้"ตรงจุด"
ตอนนั้น พี่ฮึบสู้ตอนช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนสอบ เพราะพี่คิดไว้แล้วว่าถ้าพี่พลาดพี่ต้องเสียใจกับมันมากแน่ๆ พี่ก็เลยมีไฟอ่านหนังสือขึ้นมา
ที่น้องถามว่าจะสู้เพื่อนที่เรียนพิเศษได้ไหม
พี่ว่าการที่เรียนพิเศษก็ไม่ต่างอะไรกับการอ่านเองเหลือเรียนในห้องเรียนเลย เพราะถ้าไม่กลับมา
ถวนที่เรียนมาก็แทบจะไม่ได้อะไร
แต่ที่ต่างก็คือที่เรียนพิเศษเขาจะรวบรวมแนวข้อสอบเก่า อะไรต่างๆพวกนี้ และก็รวบรวมเทคนิคต่างๆไว้ให้
ซึ่งพวกข้อสอบเก่ากับเทคนิค มันก็หาได้ตามเนตทั่วๆไปนี้ละ
เรียนใน youtube ฟรีก็มีเยอะมาก แล้วก็สอนดีไม่ต่างจากที่เรียนพิเศษดังๆเลย น้องลองหาดู เพราะพี่ก็อาศัยเปิด youtube ดูนิละ พวกเรื่องที่พี่ไม่เข้าใจ
สู้ๆครับ แล้วที่เราสู้มามันจะเห็นผลแน่นอนครับ
น้ำตาจะไหล ขอบคุณนะคะ ฮีลหนูได้เยอะเลยยย 55555
พี่ติดที่ไหนคะ หนูจะตามพี่ไปเลยยยย(ถ้าหนูทำได้นะ) > <''
มหาลัยประจำภูมิภาคครับ ใบ้แล้วครับ555
หวังว่าจะได้เจอกันนะครับ สู้ๆ
ใบ้กว้างมากค่ะพี่ หนูอุตส่าห์จะไปหาที่ Open House เลยนะเนี่ยยย55555
ไม่เป็นไรก็ได้ค่า ถ้ามันจะเจอสักวันมันก็ต้องเจอค่าาา
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำแล้วก็กำลังใจนะคะ ขอให้เป็นหมอที่มีความสุขนะค้าาาาาา :)
หวังว่าจะได้เจอกันครับและก็หวังว่าจะได้มาเป็นรุ่นน้องที่คณะครับ
เดี๋ยวจะมีงานopen house ของ สพท ครับ
อยากให้น้องๆลองไปดูครับ อาจจะเจอพี่ในงานครับ
เป็นงานopen house โรงเรียนแพทย์ทั่วประเทศครับ
อ่าน 5-6 วัน คะแนนขึ้นมาสิบกว่าคะแนนเลยหรอคะ เก่งจัง ทำได้ไงสุดยอดมาก ไม่ได้เรียนเก่งอยู่แล้วจริงๆหรอคะ อัพคะแนนได้รวดเร็วมากจริงๆ นับถือเลยย
พี่เรียนพิเศษช่วงปิดเทอมตลอดครับ อาจจะเป็นเพราะได้รับบุญเก่าที่มาจากช่วงปิดเทอมด้วยครับ55555555 พี่ก็อยู่ห้องกิ๊ฟ(โรงเรียนประจำจังหวัด) ครับแต่คือที่ท้ายๆๆๆๆของห้องเลยครับ
พี่ไม่ใช่คนเรียนเก่งครับ แต่พี่คิดว่าพี่เป็นคนหัวดีครับ อ่านรอบสองรอบก็จำได้ครับ
บวกกับพี่เก็งข้อสอบตรงที่ออกปีของพี่พอดีครับ
ยังไงพี่ก็อยากให้น้องๆเอาวิธีอ่านของพี่ไปปรับใช้ครับ อันนี้พี่คือเขียนเพื่อมาบอกวิธิอ่านที่พี่คิดว่าเห็นผลที่สุด อยากให้น้องๆไปปรับใช้ครับ
จากพี่ทำทั้งหมดนี้ภายในเวลา2-3 สัปดาห์
ใน2-3 สัปดาห์พี่อ่านหนักมากๆครับ
ประมาณ14-16 ชั่วโมงต่อวันเลยครับ
อยากให้น้องๆ ไปปรับใช้ในเวลา5 เดือนที่เหลืออยู่ให้มันเหมาะสมตัวเองที่สุดครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ สู้ๆ
และอีกอย่างก็คือพี่ถนัดวิชาสายภาษา กับสายสังคมเป็นทุนเดิม ก็เลยดึงคะแนนพี่ขึ้นได้มากๆเลย
ช่วงนั้นพี่ก็เลยเน้นอ่านพวกวิชาคำนวณ ครับ
คะแนนก็เลยอัพขึ้นมามากเลยครับ
อ่านวิชาคำนวณประมาณวันละประมาณ10-12 ชม
วิชาสายภาษา1-2 ชม
ชีวะ เคมี 1-2 ชม
อยากให้น้องๆลองหาวิชาที่ตัวเองถนัดดูครับ
วิชาตัวไหนตัวเองอ่อนก็ไปเน้นวิชาที่อ่อนครับ
พี่ติดรอบไหนหรอคะ
แล้วเวลาที่ใช้เตรียมสอบจริงๆกี่เดือนคะ
รอพี่ตอบนะคะ
ติดรอบ2 ครับ ใช้เวลาเตรียมตัวจริงๆคือประมาณ1 เดือนครับ(ถ้าหักลบวันไปสอบกับวันพักก่อนสอบจะเหลือประมาณ20วัน)
ก่อนหน้านั้นคือไม่ได้ทำอะไรเลยครับตอนช่วง ม.6 จะมีก็แค่พี่เรียนตอนปิดเทอมช่วงซัมเมอร์ทุกปีครับ ของน้าบีม อ.อุ๊ ฯลฯ
อยากให้น้องวางแผนดีๆ ว่าจะอ่านอะไรก่อนอะไรหลัง อ่านวิชาไหนมาก บทไหนมาก อย่ามาหักโหมอ่านมากๆวันละสิบกว่าชั่วโมง แบบพี่ตอนช่วงก่อนสอบ สู้ๆครับ
เห็นหลายคนงงที่เราเขียนว่า
อ่านช่วงก่อนสอบ 5-6 วัน
ต้องอธิบายว่าปีพี่ตารางสอบ GAT-PAT O-NET กาพท สามัญ มันจะสอบแต่ละสัปดาห์ต่อกันเลย
พี่ก็จะเหลือเวลาอ่านตอนระหว่างสัปดาห์ที่ใช้ในอ่านสอบ ประมาณ20วัน นะถ้าจำไม่ผิด ไม่ใช่แบบอ่าน5-6 วันสอบละติดหมอ
อันนั้นไม่ใช่คนละ55555555
และก็พี่ข้ามไปอ่านสามัญเลย ไม่ได้อ่าน o-net เพราะสามัญมันยากกว่ามากๆๆๆๆ
ถ้าเราทำสามัญได้เราก็ทำo-netได้ (ตอนนั้นพี่คิดอย่างนั้นนะ5555)
ขอบคุณครับ สำหรับเด็กซิ่วใช้ได้ไหมคับ
ผมมีเวลาเกือบ1ปีแต่อังกฤษผมอ่านออกเเต่แปลไม่ได้และไม่รู้คําศัพท์ควรทํายังไงและวิชาคณิตพอได้แต่จะมีปัญหาตรงพอทวนอีกบทก็จะลืมอีกบท
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?