สวัสดีค่าน้อง ๆ ชาวสายอาชีพทุกคน พี่แป้ง เชื่อว่าคงมีน้องๆ จำนวนไม่น้อยที่ต้องการที่จะเรียนต่อ "ปริญญาตรี" แต่ปัญหาสำคัญก็คือไม่รู้ว่าควรที่จะทำอย่างไร เตรียมตัวอย่างไร สอบอะไรบ้าง แล้วแต่ละวิชาที่ต้องสอบเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้าง พี่แป้งจะมาบอกขั้นตอนง่ายๆ ที่ต้องรู้กันเลยค่า น้องๆ จะได้ไม่เสียสิทธิ์ในการเรียนต่อปริญญาตรี
ขั้นที่ 1 หาเป้าหมายก่อน ต้อง Plan!!
หาตัวเองให้พบก่อนเลยว่าเราอยากเป็นอะไร อาจจะศึกษาได้จากส่วน คณะในฝันของเว็บ Dek-D ก็ได้นะคะ ถ้าสิ่งที่เราอยากเป็นมันสามารถไปต่อไปก็ไปเลยค่ะ แต่ถ้ามันไปไม่ได้กลับมาดูว่าเราเรียนสายอาชีพทางด้านไหนมา แล้วที่เราเรียนมามันสามารถต่ออะไรได้บ้างที่ใกล้เคียงที่สุด
ขั้นที่ 2 หาข้อมูลในการมุ่งหน้าสู่ฝัน
การเรียนในสมัยนี้ไม่เหมือนสมัยเอ็นทรานซ์ที่สอบรอบเดียวแล้วเลือกเอาว่าอยากเข้าที่ไหน ไม่มีการสอบตรง รอลุ้นรอบเดียว แต่เป็นการสอบเข้ามหาลัยที่มีทางเลือกเยอะ(เกิ๊นนนนน.....) ไม่ว่าจะเป็นสอบตรง, โควตา, เคลียร์ริ่งเฮ้าส์, แอดมิชชั่นกลาง และ รอบหลังแอดมิชชั่นกลาง อีก เพราะฉะนั้นน้องๆ ต้องสับสนแน่นอน โดยเฉพาะน้องๆ สายอาชีพที่ข่าวสารยังไม่ทั่วถึง (ขนาดสายสามัญก็ยังไม่ทั่วเล้ยย ><)
เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญนอกเหนือจากการหาความรู้ทางสายสามัญใส่หัวแล้ว ยังมีระเบียบการกองโต ๆ ที่เราต้องทำความเข้าใจกะมันอีก เพราะว่าแต่ละคณะ/มหาวิทยาลัยก็มีข้อกำหนดต่างกัน ซึ่งเกณฑ์ในการพิจารณาก็ต่างกัน สิ่งที่สามารถทำมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเข้าเรียนคือ
- เกรดเฉลี่ยสะสม (GPAX) 4 เทอม, 5 เทอมก็ว่ากันไปว่าเปิดรับช่วงไหน
- คะแนนสอบ GAT / PAT เปิดสอบ 2 ครั้ง รอบตุลาคม และ รอบมีนาคม
- คะแนนสอบ 7 วิชาสามัญ เปิดสอบรอบเดียวประมาณมกราคม (สมัครเดือนตุลาคม)
- คะแนนจากการสอบตรงที่ทางมหาวิทยาลัยจัดสอบเอง
- ผลสอบ O-NET ซึ่งจะเริ่มสมัคร 1-15 พฤศจิกายนนี้ค่ะ
- ความสามารถพิเศษ (ประเภทโควตา เช่น มีชิ้นงานประกวด)
- สัมภาษณ์
สิ่งที่ต้องทำคือนำระเบียบการมาเปิดแล้วไฮไลท์ว่าต้องใช้อะไรเป็นเกณฑ์บ้าง รู้แล้วก็ไปสอบ ซึ่งคะแนนที่สำคัญในรอบสอบตรงคือ คะแนน GAT / PAT และ 7 วิชาสามัญ แต่ 7 วิชาสามัญไม่ได้ใช้ทุกที น้อง ๆ สามารถตรวจดูได้ว่าที่ได้ใช้ได้บ้างจาก .... (คลิกที่รูปเลยจ้า)
ขั้นที่ 3 สมัครสอบเลย!!
สมัยนี้ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือ "การศึกษาคือการลงทุน" แต่เราสามารถประหยัดทุนของเราได้โดยการหาข้อมูลก่อน อย่างที่พี่แป้งบอกว่ามันต้อง Plan!! ถ้าเรารู้ว่าใช้อะไรก็สอบแค่นั้น เช่น จะสมัครสอบตรงของ ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะครุศาสตร์ฯ (ล่ะกัน) ต้องใช้คะแนน GAT, PAT 1, PAT 5 ส่วน PAT อื่นไม่ใช้ ก็ไม่ต้องสอบ ถ้าเข้าที่อื่นก็เพิ่มไป เช่นบางที่ใช้ PAT 6 ก็สอบไป
ซึ่งระเบียบการส่วนใหญ่จะออกมาก่อนที่จะเปิดรับสมัครสอบ เพราะฉะนั้นมีเวลาวางแผนค่ะ แต่ถ้าขี้เกียจหาข้อมูลเอง ก็เข้ามาเลยที่ http://www.dek-d.com/admission/direct/ มีข้อมูลรออยู่แล้วค่ะ ..... มีทุกอย่าง ฮ่า ๆ ๆ
ขั้นที่ 4 ผลออกแล้วก็ต้องสู้ต่อ
เมื่อเราสอบตามที่ทางมหาวิทยาลัยนั้นๆ กำหนดเรียบร้อยแล้ว และสอบผ่านด้วย!! คือมีสิทธิ์ที่จะเข้าเรียน มันยังไม่จบนะคะ น้องๆ ต้องยืนยันสิทธิ์และดูด้วยว่าถ้ายืนยันสิทธิ์แล้วจะตัดสิทธิ์ในการสอบที่อื่นหรือแอดมิชชั่นกลางหรือไม่ ถ้าตัดสิทธิ์น้อง ๆ ก็นอนอยู่บ้านรอเปิดเทอมได้เลยค่ะ แต่ถ้าไม่ตัดสิทธิ์จะสอบที่อื่นก็ได้ตามสบาย
แต่ถ้าสอบกี่ที่ๆ ก็ไม่ติดสักทีก็อย่าเพิ่งท้อใจไป เพราะยังเหลือรอแอดมิชชั่นกลางอยู่ซึ่งเปิดกว้างมาสำหรับน้อง ๆ สายอาชีพ แล้วตอนนี้ระเบียบการของแต่ละมหาวิทยาลัยก็ออกมาแล้วด้วย เข้าไปดูได้ค่ะที่ www.cuas.or.th ดูว่าคณะที่จะแอดฯนั้นใช้คะแนนอะไรบ้าง รับกี่คน คะแนนสูงต่ำเป็นอย่างไร แล้วทำให้น้อง ๆ วางแผนได้ดีค่ะ รอบแอดมิชชั่นกลางนั้นจะไม่มีการใช้คะแนน 7 วิชาสามัญ ถ้าน้อง ๆ คนไหนจะไม่สอบตรง รอแอดมิชชั่นกลางทีเดียวก็ไม่ต้องสอบหรอกค่ะ เปลืองเงิน >_<
ขั้นที่ 5 เริ่มเคว้างคว้างเมื่อไม่ติดที่ไหนเลย
น้องๆ ไม่ต้องห่วงว่าเพราะเป็นสายอาชีพจึงสอบไม่ติด เพราะสายสามัญบางคนก็ไม่ติดเหมือนกัน มันไม่ใช่เพราะเราเก่งไม่พอ แต่เป็นเพราะว่าเราเลือกคะแนนที่คะแนนไม่ถึง เพราะมีเยอะมากเลยนะคะคนที่ได้คะแนนแอดมิชชั่นกลาง 20,000++ แต่แอดฯ ไม่ติดเพราะเลือกคณะไม่ถูก ทางมหาวิทยาลัยบางที่ก็จะมีการเปิดรอบหลังแอดมิชชั่นค่ะ เพื่อเติมจำนวนเก้าอี้ที่ว่างตอนแอดมิชชั่นกลางให้เต็ม ถ้าใครอยากรู้เรื่องคะแนนอะไรสองหมื่นสามหมื่นก็เข้าไปศึกษาได้เลยที่ โปรแกรมคำนวณคะแนน
แต่ถ้าไม่ติดที่ไหนเลยก็มหาวิทยาลัยเอกชนค่ะ ซึ่งการเรียนการสอนไม่ได้ด้อยไปกว่ามหาวิทยาลัยรัฐบาลเลย แต่ค่าเทอมจะมากกว่าเพราะว่าทางมหาวิทยาลัยเอกชนบริหารด้วยตัวเอง ไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากทางรัฐบาลค่ะ
ขอให้น้องๆ รู้ไว้ว่า ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน สิ่งสุดท้ายที่เราเรียนคือ การมีงานที่ดี มีความมั่นคงในชีวิต ไม่ว่าจะเรียนที่ไหนแต่เป็นคนที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพ ยังไงก็มีแต่คนอ้าแขนรับเข้าทำงาน ค่ะ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการเรียนให้มากที่สุดนะคะ แล้ว พี่แป้ง จะรอดูความสำเร็จของน้อง ๆ อยู่นี่แหละค่ะ อย่าลืมว่าข้อสอบที่ใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่เหมือนกับของสอบของสถาบันที่เรียนปวช.มา เพราะฉะนั้นความขยันเท่านั้นที่ช่วยได้ อดทนหน่อยนะคะ เพื่อฝันของเรา เย้!!!
บทความดีๆ จากคอลัมน์สายอาชีพ ณ เว็บ Dek-D.com มีให้ติดตามกันอีกมากจ้า
4 ความคิดเห็น
เปิดคอร์สติวสอบเข้าสถาบันการบินพลเรือนสำหรับน้องๆที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่าและจบระดับปวช(สายอาชีพ)กับพี่ๆศิษย์เก่าสถาบันการบินพลเรือนพร้อมแนวข้อสอบเก่าและเจาะลึกแนวข้อสอบปีล่าสุด(ปี 56)
กับ 5 คณะ
1). หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิชาอิเล็กทรอนิกส์การบิน
(Bachelor of Engineer program in Aviation Electronics :AEE)
2). หลักสูตรเทคโนโลยีการบินบัณฑิต ประกอบด้วย 3 สาขา
(Bachelor of Technology in Aviation)
2.1) การจัดการจราจรทางอากาศ
(Air Traffic Management Program :ATM)
2.2) การจัดการท่าอากาศยาน
(Airport Management Program :APM)
2.3) การจัดการการขนส่งสินค้าทางอากาศ
(Air Cargo Management Program :ACM)
3).หลักสูตรฝึกอบรมนายช่างภาคพื้นดิน
(Aircraft Maintenance Engineer License :AMEL)
4).หลักสูตรการบำรุงรักษาเครื่องสื่อสารการบิน
(Communications Maintenance :CM)
5). หลักสูตรการบำรุงรักษาเครื่องวัดประกอบการบิน
(Aircraft Maintenance - Aircraft Instruments :AI)
ตอนนี้กำลังเปิดรับสมัครอยู่ครับ
www.echo-aviation.com
Tel: 081-735-7885, 081-835-4376