10 ประการ เพื่อเร่งการเผาผลาญอาหาร

 

ข่าวด่วน สำหรับน้องๆชาว Dek-d.com ที่อยากรักษาสุขภาพ วันนี้พี่นัทมีเคล็ดลับดีๆเพื่อเร่งการเผาผลาญอาหาร มาฝากกันจ้า

10 ประการ เพื่อเร่งการเผาผลาญอาหาร

          แซน วูดเวอร์ด ผู้มีบทความทางวิชาการเกี่ยวกับสุขภาพมากมาย รวมทั้งยังทำงานให้กับองค์กรเพื่อสุขภาพไม่หวังผลกำไรอย่างอเมซอน โพรมิสและเป็นนักเขียนประจำอยู่ในหนังสือพิมพ์ลอส แอนเจลิส ไทม์ได้แนะนำว่า ไม่ว่าคุณจะพยายามลดน้ำหนักหรือแค่ปรับตัวให้พร้อมรับมือ กับการทำงานของระบบการเผาผลาญที่ช้าลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น ต่อไปนี้ล่ะคือวิธีที่ได้ผลแน่นอนในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบนี้ และช่วยให้มีร่างกายสมส่วน


1. พยายามสร้างมวลกล้ามเนื้อ

          ดังเช่นที่กล่าวไว้แล้วเมื่อตอนต้น ว่าระบบการเผาผลาญจะทำงานช้าลงเมื่อเราอายุมากขึ้น ประมาณว่ามันจะทำงานช้าลงปีละ 2 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณทำได้เพื่อต่อสู้กับธรรมชาติ ชารี ลีเบอร์แมน ผู้เขียนหนังสือชื่อ Dare to Lose ให้ความเห็นว่า "กล้ามเนื้อนี่แหละคือตัวบ่งชี้ที่ดีที่สุดถึงระบบเผาผลาญพลังงานจากอาหาร ที่คุณกินเข้าไป ชี้ให้เห็นด้วยว่าคุณเผาแคลอรี่และเผาไขมันไปได้มากน้อยแค่ไหน" เธอยังแนะนำด้วยว่าถ้าคุณต้องการจะเร่งกระบวนการเผาผลาญให้ทำงานดีขึ้น อย่างน้อยก็ควรจะยกดัมบ์เบลหรือดึงแถบยางต้านแรงอย่างน้อยสัปดาห์ละสองครั้ง เพียงเท่านี้มันก็ช่วยได้มากเลยในการเร่งกระบวนการเผาผลาญ และข่าวดีก็คือระบบเผาผลาญของคุณที่ดีขึ้นนี้ จะยังคงทำงานหนักไปได้อีกหลายชั่วโมงทีเดียว ภายหลังจากออกกำลังมาแล้ว


2. เคลื่อนไหวอยู่เสมอ

          ถ้าบอกว่าต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ ใครๆก็รู้ แต่ก็ต้องย้ำกันไว้สักหน่อยล่ะว่าคุณควรจะเคลื่อนไหวแบบไม่ธรรมดา ด้วยการหาเวลาให้ได้สัก 30 นาทีหรือ 1 ชั่วโมง เพื่อมาเดินเร็วๆ, วิ่งจ็อกกิ้ง, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำหรือออกกำลังกายแบบแอโรบิกบางอย่าง ให้ได้ความถี่อาทิตย์ละ 3 ถึง 4 ครั้ง เรื่องนี้ลีเบอร์แมนคนเดิมบอกว่า "ใครๆต่างก็ไม่ชอบทำแบบนี้ทั้งนั้นแหละ แต่มันก็จำเป็นต้องทำค่ะ"


3. กินเป็นปกติ อย่าได้อดอาหารเป็นอันขาด

          ลดน้ำหนักได้แต่อย่าอดอาหาร ฟังดูอาจจะเพี้ยน ๆ หน่อยสำหรับใครก็ตามที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการกินให้น้อยๆเข้าไว้ แต่ความคิดแบบเก่า ๆ นี้กลับเป็นปัญหา ตรงที่ว่ามันกลับไปทำให้กระบวนการเผาผลาญทำงานได้ช้าลง ตามคำอธิบายของจูลี เบเยอร์ นักโภชนาการจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งกล่าวว่า"ทุกๆเซลในร่างกายเราก็ไม่ ต่างอะไรจากหลอดไฟ เมื่อเรากินอาหารไม่เพียงพอ หรือเปรียบกับได้รับเชื้อเพลิงน้อย เซลหรือไส้หลอดก็จะไม่เผาไหม้สว่างไสว ผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้แสดงให้เห็นว่า การรับประทานอาหารมื้อเล็กๆห่างกัน สามถึงสี่ชั่วโมงต่อมื้อ ก็จะช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดี และช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ด้วย


4. ละเว้นน้ำตาล

          แน่ล่ะ แม้จะไม่มีน้ำตาล คุณก็ยังเลือกกินอาหารอร่อยๆได้ "เพราะเมื่อใดที่คุณกินน้ำตาลเข้าไป นั่นคือระบบการเผาผลาญจะถูกเปลี่ยนไปเป็นระบบเก็บกักไขมันอย่างรวดเร็ว" ตามที่ลีเบอร์แมนพูด ในเมื่อเธอเป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องการบริโภคอาหารน้ำตาลต่ำ ด้วยหลักความคิดว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปตามปกตินี้ แม้ไม่มีน้ำตาล มันก็แตกตัวออกเพื่อช่วยรักษาระดับนำตาลในเลือดอยู่แล้ว


5. ไม่อดอาหารเช้า

          เป็นความจริงที่ไม่ค่อยจะมีใครคำนึงถึงเท่าไหร่เลยว่า คนที่กินอาหารเช้าที่ถูกสุขลักษณะเป็นประจำมักจะสะโอดสะองกว่าพวกที่ไม่กิน ลองคิดแบบนอกกะลากันดูหน่อยเป็นไร ถ้าหากคุณจะกินอาหารเช้าที่เป็นสลัดผักหรือว่าข้าวซ้อมมือ อาหารแบบนี้แหละที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญได้ดีนัก ทั้งยังมีเส้นใยอาหารมากกว่าอาหารประเภทอื่นด้วย


6. กินเผ็ดเข้าไว้

          คงไม่ต้องถึงกับควันออกหู แต่ถ้าคุณชอบอาหารไทยอยู่แล้วก็ย่อมถือว่าเดินมาถูกทาง แม้แต่ลีเบอร์แมนเองก็ยังพูดเลยว่า"อาหารเผ็ดๆนี่แหละ ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญดีนัก" ไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูเถอะว่าใครบ้างในวงข้าวของคุณ ที่กินเผ็ดแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆ นั่นแหละกระบวนการเผาผลาญของเขากำลังทำงานอย่างหนักอยู่


7. ดื่มชาเขียว

          มิแชลล์ สเตรฟ ผู้ฝึกซ้อมกีฬาจากเนบราสกาให้ความเห็นว่า"มีวิธีค่อนข้างทำลายสุขภาพตั้ง หลายอย่างที่จะช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ อย่างการดื่มกาแฟแก่ๆสักแก้ว หรือการรับนิโคตินเข้าร่างกาย แต่ดิฉันไม่ได้บอกว่าคุณต้องสูบบุหรี่นะ" แต่ลีเบอร์แมนเองก็ให้คำแนะนำที่น่าสนใจในเรื่องนี้เช่นกันว่า แทนที่จะดื่มเครื่องดื่มผสมคาเฟอีนมากๆแล้วต้องพบกับผลข้างเคียงค่อนข้าง อันตราย ก็น่าจะใช้ชาเขียวร้อนแทน ซึ่งชาเขียวที่ว่านี้จะกระตุ้นระบบเผาผลาญได้นานกว่าและมีประสิทธิภาพ มากกว่ากาแฟเสียอีก



8. อย่าลืมดื่มน้ำ

          อย่าได้ละเลยการดื่มน้ำเป็นอันขาด การดื่มน้ำอยู่เป็นประจำนี้สำคัญมากกับการขับของเสียออกจากร่างกายในระหว่าง การเผาผลาญไขมัน แม้น้ำเย็นก็ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญได้เล็กน้อย เนื่องจากร่างกายจะใช้ความร้อนมาเพื่อทำให้อบอุ่นขึ้น แล้วมันจะมาจากไหนล่ะถ้าไม่ใช่ระบบการเผาผลาญแล้วได้ความร้อนเป็นผลพลอยได้


9. หลีกเลี่ยงความเครียด

          จงอยู่ให้ห่างความเครียดให้มากที่สุด ตามที่ลีเบอร์แมนพูดคือ"เพราะความเครียดสามารถเพิ่มน้ำหนักให้คุณได้ โดยเฉพาะไขมันตรงหน้าท้อง" ทำไมคุณลีเบอร์แมนถึงพูดเช่นนั้น ก็เพราะทั้งความเครียดทางกายและจิตใจมันจะไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ ติโซลออกมาน่ะสิ และเพราะเจ้าคอร์ติโซลนี่มันมีอำนาจชลอกระบวนการเผาผลาญให้ช้าลงด้วย เราจึงควรทำทุกอย่างเพื่อให้ไม่เครียดหรือเครียดน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
 

10. นอนหลับมาก ๆ

          นักวิทยาศาสตร์ได้ทำวิจัยมาแล้วหลายครั้งในหมู่ผู้นอนหลับ พบว่าใครก็ตามที่นอนน้อยกว่าวันละเจ็ดหรือแปดชั่วโมงจะมีโอกาสน้ำหนักขึ้น ได้มาก ยิ่งกว่านั้นเราก็รู้ด้วยว่ากล้ามเนื้อจะถูกเสริมสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยในช่วง ชั่วโมงท้ายของการนอนก่อนจะตื่น ตามคำกล่าวอ้างของเบเยอร์ ถ้าจะทำตามข้อแนะนำข้อที่ 1 ไปพร้อมๆกับข้อนี้ด้วย ก็จะช่วยได้มากในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

 

พี่นัทก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่าการนอนมากๆก็ช่วยเผาผลาญอาหารได้เหมือนกัน แบบนี้ต้องรีบไปนอนซะแล้วเรา ฮ่าๆ ล้อเล่นนะจ๊ะน้องๆชาว Dek-d.com ก็อย่าลืมปฏิบัติตามอย่างพอเหมาะล่ะกันนะจ๊ะ เพื่อสุขภาพที่ดีจ้า 

     
พี่นัทขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารลอส แอนเจลิส ไทม์ส  โดย ซูแซน วูดเวอร์ด และ ภาพประกอบจาก wegohealth.ning.com ,nataliedee.com
 


พี่นัท

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

35 ความคิดเห็น

♪BlAck~AlicEღ Member 25 ต.ค. 52 03:23 น. 1

สงสัยต้องนอนให้เร็วขึ้นแล้วล่ะค่ะ
เรานอนดึกมากๆเลย



รบกวนฝากอะไรหน่อยนะค่ะ


อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น
เพราะบางที มันอาจจะพาเราไปในทางเดินที่ดีกว่านี้
แต่ว่า ผมเกิดกลายเป็นเด็กขึ้นมา
ทั้งๆที่ไม่ต้องการให้ใครช่วยเหลือแท้ๆ
ก็มันช่วยไม่ได้นี้นา ทางเดียวที่จะกลับไปเป็นเหมือนดิมได้
คือการตามหามุคุโร่..
และแล้วการตามหามุคุโร่ก็เริ่มต้นขึ้น


ฝาแฝดที่อยู่กันมาตั้งแต่เด็กอย่างพวกเราคงจะไม่มีวันที่จะจากกัน
ผมเคยคิดแบบนั้นล่ะกัน ก่อนที่รินจะจากผมไป
เธอช่วยคนที่ผมรักเอาไว้ แต่เธอกลับต้องหายไปแทน
แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว ผมไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นสักหน่อย
แล้วเราจะได้พบกันอีกไหมครับ พี่ริน?...
พี่สอนให้ผมได้รู้ว่า คําว่าฉันมีชีวิตอยู่เพื่อเธอมันหมายความว่าอะไร..

ฝากมายหน่อยนะค่ะ



0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
$WeeT_PuMPK!N~ Member 25 ต.ค. 52 19:15 น. 10

มิหน้าล่ะ พยายามลดปริมาณอาหาร แล้วก็ไม่ได้ส่งผลอะไรมากมายจริงๆ
ดื่มน้ำเยอะๆ+ออกกำลังกายเยอะๆใช่มั๊ยคะ
(แต่วันๆนึงก็เดินเยอะมากเลยนะ ทำไมไม่ลดเลยอ่า ขาใหญ่ด้วย)

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Bam 26 ต.ค. 52 18:40 น. 15
เอ้ย เฮ้ย เฮ้ยยย

อันนี้ ตู คุ้นมากๆๆๆๆ เลยอะ

อ่านแค่หัวข้อ แล้วลงมาดูชื่อคนลงบทความ

กะไว้แล้ว

ต้องใช่ ต้องใช่แน่ๆ
0
กำลังโหลด
123 26 ต.ค. 52 18:51 น. 16
ชาเขียวโออิชิ(ยี่ห้ออื่นก็เหมือนกัน)น้ำตาลเยอะมาก

ถ้าคิดจะลดน้ำหนักก็พยายามเลี่ยงๆเข้าไว้
0
กำลังโหลด
_JeW_ Member 26 ต.ค. 52 19:06 น. 17
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีดีนะคะพี่นัท 
จิวได้ยินมาว่าถ้าดื่มน้ำคำ กินข้าวคำ
จะทำให้การย่อยช้าลง...ดูดซึมก็ช้าลง...
จริงรึเปล่านี่...O_o
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Charming 26 ต.ค. 52 21:41 น. 20
เมื่อก่อนอดข้าวเช้าเพื่อลดน้ำหนัก
น้ำหนักก็ลดนะไม่มากหรอก
แต่ผลที่ได้คือหิวเร็วและเรียนช่วงเช้าไม่รู้เรื่องเท่าไร
ก็เลยเปลี่ยนวิถีการกินใหม่
กินครบทุกมื้อแต่จะลดปริมาณอาหารลดอย่างละครึ่งจากที่เคยกิน(พยายาม)
แต่ข้าวเช้าไม่ต้องลดปริมาณเพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน(จริง)
ข้าวเที่ยงก็ลดครึ่งหนึ่งจนเพื่อนๆบ่นว่ามันจะกินน้อยไปถึงไหนคิดถึงชาวนาบ้าง(อ้าว-_-)
ข้าวเย็นกินน้อยและกินสลับกับสลัดผักบ้างมื้อ
อย่าลืมออกกำลังกายด้วย อาทิตย์ละ 2 ครั้ง
เราทำไปเรื่อยๆแบบใจเย็น จาก60 เหลือ 56 ตกใจแทบแย่(ตั้งใจว่าจะลดอีก)
ยังไงก้เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด