สภาวะความเครียด เป็นสภาวะปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกวัน เพราะในแต่ละวันเราต้องเจอกับเหตุการณ์หลายๆ อย่าง ซึ่งบางครั้งอาการเครียดในแต่ละวันเมื่อสะสมเอาไว้มากๆ ก็อาจจะเป็นบ่อเกิดของอาการป่วยได้มากมายหลายโรค ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดต่างๆ ปวดหัว ปวดหลัง ปวดไหล่ ท้องไส้ปั่นป่วน อาหารไม่ย่อย ปวดกระเพาะ ท้องผูก นานไม่หลับ หรือในรายที่มีอาการเครียดสะสมมากๆ อาจทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้ และที่ร้ายแรงที่สุดคือ ความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้มให้เกิดโรคมะเร็งได้
... มีหลายคนบอกว่า ถ้าหากตกอยู่ในสภาวะเครียดแล้ว การผ่อนคลายที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งนั้นคือ "การกิน" ซึ่งตามหลักโภชนาการบ่งชี้ว่า เวลาเครียด ระบบฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกายจะเสียสมดุล สารอาหาร และพลังงานที่สำรองไว้ถูกดึงมาใช้จนหมด ด้วยสาเหตุนี้ร่างกายจึงต้องการวิตามินและเกลือแร่เสริม ดังนั้นในการเลือกรับประทานอาหาร เราควรเลือกทานอาหารที่อุดมด้วยวิตามินบี เพื่อเสริมระบบภูมิต้านทานและบำรุงระบบประสาทของร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินบี 6 ซึ่งช่วยผลิตสารเคมีในสมอง พบมากในเมล็ดทานตะวัน ปลาทูน่า แซลมอน ข้าวกล้อง และกล้วย
|
อาการอีกอย่างที่จะเกิดขึ้นเมื่อสภาวะความเครียดมาเยือนคือ
กล้ามเนื้อในร่างกายของเราจะเกร็งโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้นจำเป็นอย่างมากที่จะต้องรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและแมกนีเซียม
เพราะแร่ธาตุทั้งสองชนิดนี้จะช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท
และช่วยให้กล้ามเนื้อหายเกร็ง
อาหารที่มีแคลเซียมสูงจะสามารถหารับประทานได้ง่ายๆ เช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้
ปลาตัวเล็กๆ และโยเกิร์ต (กินได้ไม่อ้วนแถมยังมีประโยชน์ด้วยนะจะบอกให้) การที่เราเลือกรับประทาน
อาหารที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยก็จะช่วยลดอาการตึงเครียดได้เช่นกัน
โดยมีผลงานวิจัยหลายชิ้นที่ชี้ให้เห็นว่า
การที่เรารับประทานอาหารประเภทมังสวิรัติ จะช่วยลดระดับความเครียดลงได้
เช่นเดียวกับอาหารที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหาร
ซึ่งจะช่วยให้เรารู้สึกสบายท้อง และช่วยลดอาการท้องผูก
รวมไปถึงอาหารเครียดเกร็งต่างๆ ได้อีกด้วยล่ะค่ะ
|
ส่วนน้องๆ
Dek-D คนไหนที่อยากปรับอารมณ์ในแต่ละวันให้ดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว การรับประทานข้าวกล้อง นม กล้วย เนื้อสัตว์ปีกต่างๆ และถั่ว ช่วยได้ค่ะ เพราะอาหารกลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นให้สมองหลั่งสารเซโรโทนิน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและหลับสบาย ขณะเดียวกันก็ควรทานผักผลไม้สดซึ่งมีวิตามินซี อย่างเช่น บร็อกโคลี่ ส้ม ฝรั่ง และกะหล่ำปลี เพื่อชดเชยวิตามินซี ที่สูญเสียไปอย่างรวดเร็วจากอาการเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
และนอกจากการเลือกรับประทานอาหารจะช่วยลดอาการตึงเครียดได้แล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการกิน ก็จะช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคเครียดได้ด้วย โดยวิธีง่ายๆ ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินก็คือ
1. ตามหลักโภชนาการแล้ว
เราควรรับประทานอาหารเช้าภายในครึ่งชั่วโมงหลังตื่นนอน อาหารเช้าจะช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญในแต่ละวัน เพื่อส่งพลังงานไปเลี้ยงสมอง ซึ่งจะส่งผลดีทำให้ร่างกายรู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิในการทำงาน
2.
ในมื้อเช้าสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ "กาแฟ" เพราะการดื่มกาแฟตอนท้องว่างจะทำให้ร่างกายเฉื่อยชาและง่วงนอนทั้งวัน (อ้าว เป็นงั้นไป -*-)
3.
สำหรับผู้ที่รู้ว่าตัวเองตกอยู่ในสภาวะเครียด สิ่งที่ควรเลี่ยงคือ การดื่มกาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ ต่างๆ รวมทั้งอาหารที่ย่อยยาก เช่น เนื้อสัตว์ ของทอด ของหมักดอง เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร บวกกับสภาวะเครียดซึ่งกระตุ้นให้มีแก๊สในกระเพาะอาหารมากอยู่แล้ว ดังนั้นหากเราบริโภคอาหารที่ก่อให้เกิดแก๊สมากขึ้นไปอีก อาจทำให้ร่างกายของเราแย่กว่าเดิม
อ่านมาถึงจุดนี้แล้ว ถ้าน้องๆ Dek-D คนไหน ที่ยังใช้วิธีการกินแก้เครียดอยู่ล่ะก็ จะต้องปรับวิธีการกินและเลือกอาหารที่จะกินให้ถูกต้องด้วยนะคะ เพราะถ้าขึ้นกินมั่วซั่วไปเสียทุกอย่างล่ะก็ บางทีการกินก็อาจจะกลายเป็นที่เพิ่มความเครียดให้เราแทนก็ได้นะ
10 ความคิดเห็น
ขอบคุนสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
ขอบคุณค้ะ !
กำลังเครียดอยู่พอดีเลย
ชอบอ่ะ ขอบคุณมากเลย