ถ้าให้นึกถึงช่วงเวลาที่น้องๆ จบการศึกษาจากโรงเรียน ไม่ว่าจะ ป.6 ม.3 หรือม.6 น้องๆ จะทำอะไรให้กันเพื่อเป็นที่ระลึกดีคะ? พี่แก้วเชื่อว่าก็คงไม่พ้นการเขียนเสื้อ หรือแลกไลน์ แต่ถ้าย้อนกลับไปสัก 10-15 ปีที่แล้ว สิ่งที่เพื่อนทำให้กันได้ และฮิตมากๆ ก็คือ “เขียนสมุดเฟรนด์ชิป” ซึ่งจะเขียนธรรมดาก็ไม่โดนใจ ในยุคนั้นมันต้องมีกลเม็ดกันหน่อย แต่จะมีวิธีไหนบ้าง วันนี้พี่แก้วรวมมาให้ดูกันค่ะ
1. เฟรนด์ชิปต้องเป็นสมุดวาดรูป
ก่อนเริ่มเขียน แต่ละคนต้องมีเฟรนด์ชิปเป็นของตัวเองก่อนค่ะ สมัยนั้นก็มีให้เลือกหลายแบบหลายสไตล์ แต่ถ้าจะให้อินสุดๆ เริ่ดเว่อร์ๆ ต้องเลือกที่เป็นสมุดวาดรูป หน้าในเป็นกระดาษขาวโล่งๆ ไม่ต้องมีเส้น ไม่ต้องมีลาย ให้เพื่อนๆ ได้ออกไอเดียตกแต่งตามใจชอบ หรือจะมาเป็นกระดาษร้อยปอนด์ตัดแบ่ง ไม่ต้องรอคิว ไม่ต้องแย่งกันให้เหนื่อยใจ
2. ประวัติส่วนตัวละเอียดยิบ
ขาดไม่ได้จริงๆ สำหรับการเขียนประวัติส่วนตัว ต้องเขียนทุกคนเหมือนเป็นภาคบังคับ ถ้าให้เทียบก็เหมือนกับเราอัพโปรไฟล์ในเฟซบุ๊กนั่นแหละค่ะ ไล่ไปตั้งแต่ ชื่อ นามสกุล ฉายา วันเกิด ที่อยู่ สีที่ชอบ อาหารจานโปรด ยันนักร้องคนโปรด บางทีก็คิดนะ ว่าคนอ่านจะอ่านไหมเนี่ย!
ถ้าอยากให้อินกว่าประวัติส่วนตัวแบบธรรมดาๆ ก็ต้องคิดหาคำแปลกๆ เก๋ๆ มาใช้ อย่างวันที่ลืมตาดูโลก สถานที่พักพิงอิงแอบ ตอนนั้นก็ว่าเท่จะตาย แต่เชื่อเถอะค่ะ พอโตแล้วกลับมานั่งอ่านอีกที ก็ขำดีนะ
3. งานปากกาสีต้องมา
เฟรนด์ชิปหน้าของใครที่เขียนด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินธรรมดาๆ หรือดินสอ 2B นี่โดนมองว่าเอาต์มากๆ ถ้าจะดีค่ะ ต้องใช้ปากกาสารพัดสีละเลงให้สวยงาม ไม่อย่างนั้นก็สีไม้ สีเมจิก ระบายไปซะ ให้เฟรนด์ชิปแต่ละหน้าดูมีสีสัน เรียกว่าแข่งกันตกแต่งสุดฤทธิ์ อย่างกับจะพิชิตรางวัลเขียนดีมีเอนท์ติดยังไงยังงั้น
4. รูปโปรไฟล์ ต้องยูสไมล์ โฟโต้มี
ยุคที่ยูสไมล์ โฟโต้มีครองสยาม วัยรุ่นต้องเคยผ่านการถ่ายรูปในสตูดิโอแบบนั้นมาแน่นอน รูปสวย หน้าดี แล้วจะรออะไรละคะ ติดลงไปในเฟรนด์ชิปแทนการติดรูปนักเรียนที่แสนจะสุดสยองเลยจ้า หรือจะเก๋ๆ กว่านั้น แปะรูปสติ๊กเกอร์ก็ดูมุ้งมิ้งใช้ได้อยู่นะ

แหม...ถ้าเป็นปัจจุบันนี้ ไม่ต้องพึ่งรูปจากสตูดิโอแล้ว กล้องฟรุ้งฟริ้ง หรือรูปจากมือถือแต่งแอพฯก็เริ่ดได้
5. เขียนทั้งทีต้องมีวิธีอ่านยากหน่อย
เขียนเฟรนด์ชิปที ใช้เวลายิ่งกว่าท่องตาราธาตุเคมีซะอีก (อันนี้เรื่องจริง!) ต้องครีเอตหน้าของเราให้โดดเด่นและสวยงามที่สุด เผื่อคนที่เอาไปเขียนต่อ เค้าแอบเปิดมาเห็น จะได้ไม่อายใคร แล้วรูปแบบการครีเอตที่อินมากๆ ในยุคนั้น ไม่พ้นการเขียนแบบวนๆ เป็นวงกลม เป็นเหลี่ยมๆ หรือตีเส้นเป็นคลื่น แล้วเขียนไหลไปไหลมาตามนั้น เอาจริงๆ เขียนก็ยาก อ่านก็ยาก ก็ยังจะทำกันนะเนี่ย
6. กลอนใยไหม ไม่มีไม่ได้!
ยุคฮิต ยุคทองของกลอนใยไหม สาวๆ คนไหนไม่เคยซื้อ ไม่เคยอ่าน ไม่เคยเขียนกลอนในยุคนั้น โห...พลาดมากๆ เลยค่ะ จะเขียนเฟรนด์ชิปให้ซึ้งสุดใจ ให้ลองเลือกกลอนใยไหมมาสัก 1 กลอน นี่แหละ เฟรนด์ชิปสไตล์วัยรุ่นไทยยุคนั้นเลย
“แม้ห่างไกลสุดปลายฟ้า
ไม่อาจพบหน้าได้แต่คิดถึง
แต่เพื่อนก็ยังอาศัยอยู่ในห้วงคำนึง
ที่ครั้งหนึ่งเคยมีเรา”
- แมลงปอ -
7. เขียนเพลงฮิตสุดซึ้ง
จะจากกันทั้งที ต้องมีอะไรซึ้งๆ ส่งต่อกันบ้าง ถ้าใครไม่ชอบแนวกลอนใยไหมหวานๆ ก็ต้องเป็นเพลงชวนซึ้ง ที่ฮิตเหลือเกินในยุคนั้น ซึ่งเพลงก่อนจากลาของเพื่อนกัน มันมีอยู่ไม่กี่เพลงหรอกค่ะ เช่น
“จะเก็บเอารอยยิ้ม เก็บใส่กุญแจไว้ ใส่กล่องข้างในใจ เก็บไว้ให้นานเท่านาน”
“คำว่าเพื่อนนั้นมีความหมาย ไม่ยิ่งใหญ่แต่จริงใจให้เธอ”
“Close your eyes. Give me your hand, Darling…”
“ฉันอาจเป็นสายฝนเมื่อเธอร้อนใจ อบอุ่นเหมือนไฟเมื่อเธอเหน็บหนาว”
เจอเพลงแบบนี้ไป รับรองได้ว่า เฟรนด์ชิปหน้าที่เราเขียนนั้นอินเทรนด์ และประทับใจเพื่อนแน่นอน
8. บรรยายความเป็นมาอย่างกับเขียนไดอารี่
ยังๆ ยังซึ้งกันไม่พอค่ะ ถ้าจะให้หน้าเฟรนด์ชิปของเรามีดี เพื่อนเห็นต้องหยุดอ่าน ให้บรรยายความเป็นมาประหนึ่งเล่านิทานกาลครั้งหนึ่งมาเลยค่ะ เราเจอกันตั้งแต่ตอนไหน เกิดอะไรขึ้น ครั้งแรกไม่ประทับใจเธอเลย จนเพิ่งมารู้ว่าเธอเป็นยังไง ได้มาสนิทกัน เคยทะเลาะอะไรกันมา จะจากกันแล้วนะ โอ๊ย ขุดทั้งชีวิตความเป็นเพื่อน ไปจนถึงเรื่องน่าอายมาเล่าหมด แต่กลับมาอ่านอีกทีก็เพลินดีเหมือนกันนะ

เพื่อนที่เขียนให้ขนาดนี้ได้ เรียกว่าต้องรัก และมีวีรกรรมร่วมกันมาแบบสุดๆ
ถ้าได้ย้อนกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็เหมือนได้อ่านบันทึกความทรงจำของเรานั่นเองค่ะ ซึ้งๆ อ่ะ
9. วลีเด็ดภาษาอังกฤษต้องมี
พี่แก้วลองสังเกตดีๆ เฟรนด์ชิปแต่ละรุ่น แต่ละปี ก็มักจะมีวลีเด็ดภาษาอังกฤษแปะมาด้วยเสมอ เช่น Don’t forget me! Friend Forever! พอมีภาษาอังกฤษปุ๊บ หน้าเฟรนด์ชิปนั้นก็ดูชิคขึ้นปั๊บ ลองเอาไปใช้กันดูสิคะ แต่ถ้าตอนนี้ใครอยากลองเขียนเฟรนด์ชิปด้วยปีะโยคภาษาอังกฤษบ้าง แต่คิดคำไม่ออก พี่แก้วแนะนำว่าเข้าไปดูที่นี่ได้เลยค่ะ "20 ข้อความจาก Disney ไว้เขียนเฟรนด์ชิปแบบซึ้งๆ"
แม้เวลาจะเปลี่ยนไป เทรนด์เฟรนด์ชิปก็เปลี่ยนไปตาม แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนไปแน่นอน ก็คือมิตรภาพที่เรามีให้กัน รักษาสิ่งนั้นไว้ให้ดีนะคะ ส่วนใครจะลองไปซื้อสมุดเฟรนด์ชิปมาให้เพื่อนๆ ในยุคนี้เขียนดูบ้าง อย่าลืมเอา 9 วิธีนี้ไปปรับใช้ดูก็ดีเหมือนกันนะ แล้วน้องๆ ล่ะ ทำอะไรแบบเด็ดๆ ก่อนจบม.6 บ้างไหม หรือใครที่เคยมีเก็บเฟรนด์ชิปของพี่ๆ อยู่ ลองถ่ายรูปมาแชร์กันสิคะ















17 ความคิดเห็น
เฟรนด์ชิปคือความทรงจำที่ดีอย่างหนึ่ง เมื่อกลับมาอ่านแล้วก็มีความสุข
อ่านกระทู้นี้แล้ว ไปค้นหาเฟรนด์ชิปมาอ่านอีกรอบ
มู้ดักแก่...
เฟรนชิพตอนประถมเค้าเป็นแบบนี้นะ
ตอนนี้อยู่ม.6แล้วก็6ปีมาแล้วเนอะ 5555
น่ารัก ใสๆ ดูอบอุ่นดี #นึกถึงอดีต
ที่เราเคยทำบ่อยๆคงเป็นกวนตรีนเพื่อนด้วยการ....
- เขียนเป็นวงกลม
- เขียนชื่อคนที่มันชอบ
- เขียนเป็นสีรุ้งให้ตาลายเล่น
- เขียนรวมเรื่องที่เราแกล้งมันไปบ้าง
- พยายามเขียนวีรกรรมเด็ดๆระหว่างเรากับเพื่อน ไว้พอเพื่อนกลับมาอ่านจะได้อ๋อ...อินี่นี่เอง
นี่แหละวิธีเขียนอันดีงามของเรา 555+
แต่พอเขียนจบมันก็ลงท้ายว่า คิดถึง ทุกที

#คิดถึงนะ
โอยย คิดถึงสมัยนั้นจังแฮะ
จำได้ว่าตอนจบป.6จะย้ายรร.นี่สมุดเล่มเท่าบ้านยังเขียนกันไม่พอเลย 555 (สมุดของเราเป็นสมุด Deside สีดำล้วนทั้งเล่มเลยค่ะ เวลาเขียนนี่ลำบากสุดๆรสุด 555)
เมื่อก่อนเวลาไปถ่ายรูปที่ร้านนี่ต้องถ่ายเป็นรูปเล็กๆแล้วมาตัดเอาเอง เสร็จแล้วเก็บใส่เป๋าตังไว้ติดเฟรนชิบเพื่อน 555
เท่าที่จำได้ สมัยนั้นเขียนประวัติตัวเองซะละเอียดยิบ ประวัติ เบอร์โทร(เบอร์บ้านค่ะ -..-) อีเมล แถมมีที่อยู่มาให้อีก 5555 ที่สำคัญทุกคนจะลงท้ายด้วยประโยคแนวๆว่า อย่าลืมกันนะ เพื่อนกันตลอดไป อะไรทำนองนี้
แต่จำได้ดีเลยว่า เรากับเพื่อนคนนึงทะเลาะกันไม่คุยกันมาเป็นเทอม สุดท้ายมาคืนดีกันได้เพราะเราเอาเฟรนชิบไปให้เค้าเขียนให้ จำได้ว่าตอนนั้นกอดกันกลมเลยค่ะ (ร้องไห้ด้วย)
คิดถึงสมัยก่อนจังเลย ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เค้าจะยังเขียนให้กันอยู่รีเปล่า 5555
เวลาเขียนของเราคือ
1.นึกถึงช่วงเวลาที่มีต่อเพื่อน
2.นึกถึงเพื่อนๆ
3.ตั้งใจเขียน
4.วสดรูปตกเเต่งให้สวยๆ
5.อวยพรให้เพื่อน
ชอบมากค่ะ จะลองเอาไปใช้ดูนะคะ