ความเป็นตัวเองและความพยายาม เคล็ดลับความสำเร็จของ “ปูเป้” #BNK48


 
Spoil
  • ตอนประกาศเซ็มบัตสึ ปูเป้แอบคิดในใจว่า หรือซิงเกิ้ลนี้จะไม่มีเราแล้วนะ?
  • ปูเป้เคยโดนบอกว่า "เกรี้ยวกราดจนน่ารำคาญ"
  • เห็นปูเป้เป็นสายฮาแบบนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนจริงจังเหมือนกัน!

________________

 
          การกลับมาอีกครั้งของสาวๆ BNK48 กับเพลงใหม่ชวนแดนซ์อย่าง “Jabaja” รอบนี้ได้สาวสวย คาแรคเตอร์สดใสมาเป็นเซ็นเตอร์ถึงสองคน นั่นก็คือ ปูเป้ และ ฟ้อนด์ (ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์ คลิกที่นี่) วันนี้พี่แสตมป์จะพาน้องๆ ชาว Dek-D ไปพูดคุยกับปูเป้กันว่า อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้ปูเป้ก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดนี้ได้ บอกเลยว่าสาวคนนี้ นอกจากจะสวย ร่าเริง สดใสแล้ว เธอยังมีแง่คิดดีๆ อีกเพียบเลยแหละ!    

 

 
ความรู้สึกที่ท่วมท้น จากการได้เป็นเซ็นเตอร์อย่างไม่คาดฝัน 
  
          เอาจริงๆ ความรู้สึกแรกตอนประกาศ เค้าประกาศเรียงตามลำดับที่ได้ แล้วก็มันข้ามชื่อเราไป ตอนนั้นคือเราไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นเซ็นเตอร์ ในความคิดตอนนั้นก็คือสงสัยในซิงเกิ้ลนี้จะไม่มีเราแล้ว เหมือนแบบว่ามันถึงเวลาผลัดเปลี่ยนแล้วใช่มั้ย พอเห็นชื่อเซ็นเตอร์เป็นฟ้อนด์ขึ้นมาก่อนก็คิดแล้วว่ามันไม่ใช่ตัวเองหรอก ไม่ใช่แน่ๆ แต่พอเป็นรูปหน้าตัวเองออกมาก็คือตกใจ จริงๆ ตอนนั้นดีใจที่ตัวเองมีรูปออกมา มากกว่าดีใจที่ได้เป็นเซ็นเตอร์อีก เราก็ไม่ได้โฟกัสที่การเป็นเซ็นเตอร์ แต่ดีใจที่ว่าเรายังอยู่นะ จริงๆ แล้วเหมือนรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ประเภทของคนที่เป็นเซ็นเตอร์เท่าไหร่ เหมือนเป็นพวกสายซัพพอร์ทมากกว่า ก็เลยงงนิดนึงว่า เอ้ะ ทำไมถึงเป็นเรานะ    

 
หน้าที่และความรับผิดชอบที่มากับตำแหน่งเซ็นเตอร์เพลงหลัก 
 
           รู้สึกว่าการเป็นเซ็นเตอร์เพลงหลักกับเพลงรองต่างกันมาก คือเพลงรองเราไม่ต้องไปเดินสายโปรโมท ไม่ต้องเป็นแนวหน้าในการไปรับสื่อ แต่ว่าพอเป็นเพลงหลักก็เหมือนทุกสายตาจะจับจ้อง ถ้าเราทำอะไรผิดหรือไม่ดีนิดนึงอาจจะโดนตำหนิได้ง่าย การเป็นเซ็นเตอร์ก็เหมือนเอาสปอตไลท์มาลงที่เรามากขึ้น แต่จะว่ากดดันมั้ยมันก็ไม่ใช่ขนาดนั้น แค่อาจจะรู้สึกค่อนข้างลำบากใจนิดหน่อย เวลาทำอะไรก็ต้องระวังมากขึ้น

 

 
เคล็ดลับความสำเร็จของปูเป้คือ "ทำทุกวันให้เต็มที่"
 
          คิดว่าเหตุผลในการได้รับเลือกเป็นเซ็นเตอร์ในรอบนี้ หลักๆ เลยน่าจะเป็นเพราะว่าตัวเพลงมันเหมาะกับคาแรคเตอร์เรา เพราะเพลงนี้ไม่ได้สดใสในแนวแบบน่ารัก แต่เป็นสดใสที่สนุกสนาน ผู้บริหารเขาน่าจะเห็นว่าเหมาะกับเราดี
         
          กว่าที่จะมาเป็นเซ็นเตอร์ จริงๆ ช่วงหลังๆ นี้ไม่ได้ลำบากอะไรมาก ก็ทำทุกอย่างเป็นปกติ เราก็ซ้อมร้อง ซ้อมเต้น ทำงาน แค่ทำทุกอย่างที่ทำอยู่เป็นปกติเรื่อยๆ ไม่ได้หนักขึ้น ไม่ได้หักโหม เราไม่ได้พยายามอะไรมากเกินไปขนาดนั้น เราก็ทำเต็มที่เป็นปกติของเราอยู่แล้ว แค่ทำทุกวันให้เต็มที่อย่างสม่ำเสมอ

 

 
เคยมีคนบอกว่า "เกรี้ยวกราดจนน่ารำคาญ"
 
          ทุกวันนี้จะเรียกว่าหาตัวเองเจอมันก็ไม่ใช่ขนาดนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ความเป็นตัวเองมันเริ่มออกมาเอง เหมือนเราผ่อนคลายมากขึ้น เหมือนยิ่งอยู่นานขึ้นมันก็จะยิ่งรู้ลิมิตว่าอันนี้ทำได้แค่ไหน มันก็จะผ่อนคลายขึ้น เราก็ค่อนข้างที่จะรู้ความชอบของแฟนคลับ  รู้ใจว่าเขาต้องการอะไร แล้วมันเป็นสิ่งที่เราทำได้โดยที่ไม่ฝืนใจทำ ก็เลยทำให้รีแลกซ์มากขึ้น

          ช่วงแรกๆ ก็คือได้คาแรคเตอร์เกรี้ยวกราดใช่มั้ยคะ พอเห็นว่ามีแฟนๆ ชอบ เราก็เหมือนพยายามแสดงให้คาแรคเตอร์นี้มันชัดจนกลายเป็นว่าบางคนรำคาญไปเลย ตอนนั้นเราก็กลับมาคิดว่าถ้าเป็นเรามองคนนี้ก็คงรำคาญเหมือนกันว่า เออ จะโวยวายอะไรขนาดนั้น 555 บางทีเค้าก็ไม่ได้ดูว่าความเกรี้ยวกราดมันตลกแต่มันดูน่ารำคาญ เราเลยกลับมามองตัวเองใหม่ ทุกวันนี้ก็เลยเป็นตัวเองมากขึ้น คือเกรี้ยวกราดน้อยลง  

 

 
ถ้าเป็นเรื่องงาน ปูเป้คนตลกจะกลายเป็นปูเป้คนจริงจัง!
       
          หลายคนอาจจะติดภาพว่าเราเป็นคนตลก เราก็ตลกนะ แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจริงจังด้วยเหมือนกัน เอาจริงๆ เป็นคนจริงจังกับพวกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยซ้ำ เป็นพวกชอบเก็บรายละเอียด คือมันก็จะมีมุมที่จริงจังมากๆ กับมุมที่ปล่อยตัวเองเลย นิยามตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นคนชิลรึเปล่า หรือเป็นคนจริงจัง เหมือนจะเป็นผสมกัน ถ้าเป็นพวกเรื่องรายละเอียดท่าเต้นต่างๆ เป็นคนที่เก็บรายละเอียดเนี้ยบเหมือนกัน เวลาเห็นใครเต้นผิดเราก็จะต้องบอกหน่อยให้เค้าเปลี่ยน เอาจริงๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนจริงจังเรื่องงาน แต่เรื่องอื่นก็ปล่อยไป ไม่ซีเรียสเท่าไหร่
 
 
 
ทุกคนมีข้อดีข้อเสีย อยากให้มองหาข้อดีของตัวเองให้เจอ
 
          คนเราเวลาอยู่กับคนอื่นมันไม่มีใครเป็นตัวของตัวเองได้ร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเอาคนใหม่ออกมาวางข้างนอกตอนเจอคนอื่น แบบนี้มันก็ไม่ใช่ อะไรที่มันไม่ใช่ตัวเอง มันอยู่กับเราได้ไม่นานอยู่แล้ว ยังไงเวลาผ่านไปความเป็นตัวเองมันจะค่อยๆ เริ่มออกมาอยู่ดี ถ้าเรารู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะอยากให้คนอื่นมาชอบ ค่อยๆ ศึกษากันและกันไปดีกว่า แล้วก็ค่อยๆ ยอมรับในความเป็นตัวของแต่ละคนกันไป  
         
          จะมีบางคนที่อาจจะไม่ชอบตัวเอง แบบฉันไม่ชอบตัวเองที่เป็นแบบนี้เลย ก็อยากจะให้มองหาข้อดีในความไม่ชอบนั้น จริงๆ คิดว่าทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียหมดแต่ว่าเราแค่มองหามันไม่เจอหรือเปล่า ถ้าเรามองหาข้อดีเจอแล้วดึงมันออกมาก็อาจจะทำให้คนรอบข้างสามารถชอบเราได้ เข้าหาเราได้ง่ายขึ้น หรือสนใจเราได้ คนเราไม่ได้แย่ทั้งหมดอยู่แล้ว เราก็มีทั้งด้านดี ด้านไม่ดี อยู่ที่ว่าใครจะดึงมันออกมาได้เท่านั้นเอง


 
          อ่านมาถึงตรงนี้ พี่แสตมป์เชื่อว่าหลายๆ คนคงได้เปิดโลกสู่อีกมุมมองหนึ่งของปูเป้ และต้องสัมผัสได้ถึงความพยายามและความจริงใจของสาวน่ารักคนนี้กันแน่ๆ น้องๆ คนไหนที่กำลังค้นหาตัวเองหรืออาจจะไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ก็ลองเอาข้อคิดดีๆ จากปูเป้ไปปรับใช้ได้กันได้ น้องๆ ชาว Dek-D คนไหนมีมุมน่ารักๆ ของสาวปูเป้ที่อยากแชร์ให้เพื่อนๆ ฟัง มาเล่าให้ฟังในคอมเมนต์ได้เลยนะ




 
พี่สแตมป์

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น