อาจารย์มหา'ลัยดังเผย 5 วิธีสุดเจ๋งเพื่อให้ตัวเองฉลาดขึ้น!!

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่พิซซ่า มีบทความดีๆ จาก BBC มาฝากค่ะ เป็นงานวิจัยทางจิตวิทยาที่สนับสนุนให้คนเราพัฒนาตัวเองให้ฉลาดขึ้น มาลองดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างและน่าลองทำมั้ย


     โรเบิร์ต สเติร์นเบิร์ก (Robert Sternberg) แห่งมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ (Cornell University) บอกว่า ระบบการศึกษาทุกวันนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสอนให้เราคิดในทางที่จะเกิดประโยชน์กับเราไปทั้งชีวิต "ข้อสอบส่วนมากวัดได้แค่เกรดในโรงเรียนเท่านั้น" เขากล่าว "มีหลายคนที่เกรดสวยมากๆ แต่ขาดทักษะความเป็นผู้นำ บางคนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคเฉพาะทางแต่กลับไม่มีสามัญสำนึกและจริยธรรม หลายคนที่เป็นประธานหรือรองประธานบริษัทใหญ่ๆ ก็ขาดความสามารถที่ควรมี" สเติร์นเบิร์กและคนอื่นๆ จึงรณรงค์ให้มีการศึกษาแบบใหม่ ที่จะสอนให้คนได้คิดอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปพร้อมๆ กับได้ความรู้ตามปกติ ซึ่งแนวคิดนี้สามารถช่วยพวกเราทุกคนให้เขลาน้อยลงได้


1. ต้องรู้จุดบอดของตัวเอง


     แม้จะมีเกรดสูงๆ หรือชนะการแข่งขันบ่อยๆ ก็อย่าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนทั่วไป เพราะเราย่อมมองแต่สิ่งที่เราคิดว่าช่วยสนับสนุนประโยชน์ให้กับเราเท่านั้น (คิดว่าตัวเองฉลาดกว่าโดยมองแค่เกรด ทั้งที่จริงๆ มีตัวชี้วัดอีกมากมายนอกจากเกรด) แต่เราจะไม่เห็นจุดบอดหรือข้อเสียของเราเลย ซึ่งทำให้เรากลายเป็นคนที่อาจตัดสินอะไรได้ไม่เที่ยงตรงพอเพราะมีอคติ ซึ่งเรามักไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเรากำลังมีอคติอยู่ แต่โชคดีที่นักจิตวิทยาบอกว่าเราสามารถฝึกฝนให้มองเห็นจุดบอดของตัวเองได้ เพื่อที่จะทำให้เราเป็นคนรอบคอบและมีเหตุมีผลมากขึ้น โดยไม่ยึดแค่ความคิดของตนฝ่ายเดียว หรือมองแค่สิ่งที่เห็นด้วยกับเรา


2. ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง

 

     อเล็กซานเดอร์ โป๊ป กวีชื่อดังสมัยศตวรรษที่ 18 กล่าวว่า "มนุษย์ไม่ควรอายที่จะยอมรับว่าตัวเองทำผิดไป เพราะนั่นหมายความว่าวันนี้เราฉลาดกว่าเมื่อวานแล้ว" ซึ่งนักจิตวิทยาปัจจุบันยอมรับแนวคิดนี้ด้วยเพราะนั่นคือการเปิดใจ คนบางคนไม่สามารถเปิดใจยอมรับความผิดพลาดของตัวเองได้ แต่คนที่ยอมรับได้เร็วและเต็มใจยอมรับ ยิ่งแสดงว่าเป็นคนรู้จักคิด และนั่นคือสิ่งที่จะทำให้คนๆ นั้นพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้เรื่อยๆ


3. เถียงกับตัวเอง


     ถ้าไม่รู้ว่าจะเถียงกับตัวเองยังไง ให้เริ่มที่การเลือกหัวข้อมาหัวข้อหนึ่ง จากนั้นคิดในทางตรงข้ามกับความคิดปกติ แล้วเริ่มให้เหตุผลเถียงไปมากับตัวเอง การทำแบบนี้ช่วยให้เราคิดแบบมีอคติน้อยลง และช่วยทำลายอีโก้ที่เยอะเกินไปได้ด้วย นอกจากนี้ก็ลองเอาตัวเองไปอยู่ในมุมมองคนอื่น แล้วคิดผ่านมุมมองนั้นเพื่อให้เห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจนขึ้นมากกว่าการมองจากมุมของเรามุมเดียวมาโดยตลอด


4. ลองคิดว่า "ถ้าเกิด..."


     แม้ปัจจุบันนี้การเรียนแบบท่องจำจะน้อยลงกว่าแต่ก่อน แต่ระบบการศึกษาก็ยังไม่สนับสนุนให้เรามีความคิดสร้างสรรค์และมีทักษะสำหรับชีวิตจริงมากเท่าใดนัก ดังนั้นอีกวิธีที่จะช่วยให้เรามีความคิดมากขึ้นคือการลองตั้งคำถาม "ถ้าเกิด" เช่นวิชาประวัติศาสตร์แทนที่จะสอนเนื้อหาอย่างเดียว ก็น่าจะให้นักเรียนเขียนเรียงความว่า "ถ้าเกิดเยอรมนีชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนนี้โลกจะเป็นยังไง" หรือจะเริ่มที่ตัวเองก็ได้ โดยตั้งคำถามเลยว่า "ถ้าเกิดวันนี้แฟนเราหายไปจะเป็นยังไง" หรือ "ถ้าเราตื่นมาอยู่ในร่างคนอื่นที่ไม่ใช่เพศเดียวกันจะเป็นอย่างไร" มันอาจดูมโนไร้สาระแต่มันก็ช่วยให้เรารู้จักสร้างสมมติฐานและรู้จักประเมินผล แถมยังช่วยเปิดมุมมองให้คิดนอกกรอบด้วย


5. อย่าลืมเรื่องเช็คลิสต์


     หลายคนคิดว่าการทำอะไรเป็นประจำทุกวันไม่ต้องจดขั้นตอนไว้ก็ได้ เพราะยังไงก็เคยชินแล้ว แต่เคยมีผลสำรวจว่า ป้ายเตือน 5 ข้อสั้นๆ ให้หมอไม่ลืมล้างมือให้สะอาดที่ติดอยู่ตามเสาในโรงพยาบาล Johns Hopkins ช่วยให้อัตราการติดเชื้อลดจาก 11% เหลือ 0% ใน 10 วัน นอกจากนี้ กระดาษจดขั้นตอนการนำเครื่องบินขึ้นหรือลงของนักบิน ก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่ช่วยชีวิตมาแล้วหลายต่อหลายคน ดังนั้นอย่าดูถูกพลังของเช็คลิสต์ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญในงานนั้นและทำงานนั้นทุกวัน แต่กระดาษเช็คลิสต์ใบน้อยๆ ก็ช่วยให้ไม่พลาดได้เป็นอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ควรทำเช็คลิสต์ไว้เสมอ


     ถ้าเราฝึกฝนตามขั้นตอนเหล่านี้เรื่อยๆ เราก็อาจค้นพบพรสวรรค์ที่ไม่เคยเจอมาก่อนก็ได้ "ความฉลาดไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลข IQ สูงๆ แต่มันคือความสามารถในการหาคำตอบได้ว่าคุณต้องการอะไรในชีวิตและพบวิธีที่จะทำให้มันสำเร็จ" สเติร์นเบิร์กกล่าวไว้ ฉะนั้นน้องๆ ทดลองตามนี้ดูนะคะ แล้วบอกด้วยล่ะว่าดีขึ้นจริงๆ มั้ย
 


ข้อมูลจาก
www.bbc.com/future/story/20150422-how-not-to-be-stupid
ภาพจาก
io9.com, voidofbreath.tumblr.com
bluegape.com, www.wilderness-voice.com
www.uxbooth.com
 
พี่พิซซ่า
พี่พิซซ่า - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

髪さま Member 26 เม.ย. 58 16:29 น. 5

ถ้าเกิดเยอรมันนีชนะสงครามโลกครั้งที่สอง

ประเทศไทยก็จะเจริญก้าวหน้า

เหมือนพวกญี่ปุ่น เกาหลีในตอนนี้

เพราะตอนนั้นไทยเป็นของญี่ปุ่นอยู่

ถ้าพวกอักษะ(เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น)ชนะ

ไทยก็จะชนะไปด้วย

เด็กไทยก็จะได้เรียนภาษาอื่นๆ

ที่อาจจะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ

อย่างทุกวันนี้...

หรือวัยรุ่นไทยอาจจะเกลียดพวกจีนเกาหลีด้วย

(เพราะเป็นศัตรูกับญี่ปุ่น)

5
อยากให้ลองนึกดู 26 เม.ย. 58 21:33 น. 5-1
"ถ้า..... " แล้วมันเป็นจริงได้มั้ยละ ควรแก้ปัญหาแบบข้อ 1 เลย สำรวจว่าตัวเรายังควรพัฒนาเรื่องอะไร (ไม่ใช่นั่งบ่น แบบโทษชะตาตัวเอง โอเคนะ) คหสต นะ เราว่าเมืองไทยเนี่ยไม่พัฒนาเพราะไม่ยอมคิดแบบพัฒนาไง คิดแต่ว่า ถ้ายังนั้น ถ้าอย่างนี้ ลองเปลี่ยนความใหม่เป็น ทำยังไงเราจะเป็นอย่างนั้น เช่น ต้องทำยังไงถึงจะมีบ้านเมือวเป็นระเบียบเหมือนประเทศที่พัฒนาอย่างญี่ปุ่น คิดแบบนี้ได้ประโยชน์กว่าเยอะนะ ว่ามั้ย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

14 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
髪さま Member 26 เม.ย. 58 16:29 น. 5

ถ้าเกิดเยอรมันนีชนะสงครามโลกครั้งที่สอง

ประเทศไทยก็จะเจริญก้าวหน้า

เหมือนพวกญี่ปุ่น เกาหลีในตอนนี้

เพราะตอนนั้นไทยเป็นของญี่ปุ่นอยู่

ถ้าพวกอักษะ(เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น)ชนะ

ไทยก็จะชนะไปด้วย

เด็กไทยก็จะได้เรียนภาษาอื่นๆ

ที่อาจจะไม่ใช่ภาษาอังกฤษ

อย่างทุกวันนี้...

หรือวัยรุ่นไทยอาจจะเกลียดพวกจีนเกาหลีด้วย

(เพราะเป็นศัตรูกับญี่ปุ่น)

5
อยากให้ลองนึกดู 26 เม.ย. 58 21:33 น. 5-1
"ถ้า..... " แล้วมันเป็นจริงได้มั้ยละ ควรแก้ปัญหาแบบข้อ 1 เลย สำรวจว่าตัวเรายังควรพัฒนาเรื่องอะไร (ไม่ใช่นั่งบ่น แบบโทษชะตาตัวเอง โอเคนะ) คหสต นะ เราว่าเมืองไทยเนี่ยไม่พัฒนาเพราะไม่ยอมคิดแบบพัฒนาไง คิดแต่ว่า ถ้ายังนั้น ถ้าอย่างนี้ ลองเปลี่ยนความใหม่เป็น ทำยังไงเราจะเป็นอย่างนั้น เช่น ต้องทำยังไงถึงจะมีบ้านเมือวเป็นระเบียบเหมือนประเทศที่พัฒนาอย่างญี่ปุ่น คิดแบบนี้ได้ประโยชน์กว่าเยอะนะ ว่ามั้ย
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
mummywasabi Member 28 เม.ย. 58 16:43 น. 10

เราจะฝึกยังไงให้รู้จุดบอดของตัวเองหรอคะ 0.0  อยากรู้มากๆเลยค่ะพวกอคติที่เราเป็นโดยไม่รู้ตัว หรือข้อเสียของเราที่เราไม่สังเกตุเห็นด้วยตัวของเราเองอ่าค่ะ?

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Memoris S'Misa Member 2 ส.ค. 58 14:55 น. 14

แน่นอน

ข้อที่ง่ายที่สุดสำหรับเราคือข้อที่ 3. เถียงกับตัวเอง

1.ต้องรู้จุดบอดของตัวเอง : ข้อนี้ขอบอกเลยว่า รู้มากแต่ไม่หมดสักเท่าไหร่ ถ้าจะถามว่าจุดบอดคืออะไร ความขี้เกียจของเรานี่แหละจุดบอดสำคัญ 555+

2.ยอมรับข้อผิดพลาดของตัวเอง : อันนี้ดูเหมือนจะง่าย แต่มันยากสำหรับเรา 555+ เรายอมรับนะว่าเราเรียนไม่ค่อยจะเก่งเท่าไหร่ แต่ความฝันของเราสูงจึงต้องพยายาม 

3.เถียงกับตัวเอง : อันนี้ใครๆเขาก็ทำกัน (มั้ง) แต่มันมีค่ามาก โดยเฉพาะเวลาเถียงกับตัวเองในเวลาซื้อของและเงินไม่พอ 555+ และตอนเถียงกับตัวเองในเวลาเรียนหรือสอบ -w- (ข้อนี้เราทำบ่อย)

4.ลองคิดว่า "ถ้าเกิด..." : อันนี้เป็นข้อที่เราคิดเกือบทุกๆวัน โดยเฉพาะตอนสอบ

"ถ้าเกิดเราสามารถมีพลังสิงร่างคนอื่นได้จะเป็นยังไงนะ"

นี่แหละสิ่งที่เราคิด 555+ 

5.อย่าลืมเรื่องเช็ดลิสต์ : อันนี้ไม่เคยคิดแฮะ อืม... ถ้าจะถามว่าตอนนี้เราชอบลืมไม!? 

ขอตอบว่าชอบลืมมาก โดยเฉพาะเวลาสอบ ตอนนี้เราลืมเนื้อหาเกือบหมด พอสอบเสร็จเราคืนอาจารย์หมด 555+ (เกี่ยว)

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด