สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ... ในยุคที่ข่าวสารต่างๆ ถูกส่งต่อกันไวในชั่วพริบตาเดียว แน่นอนค่ะว่า ข่าวสารที่เรารับรู้อาจไม่ใช่เรื่องจริงทั้ง 100% โดยเฉพาะเรื่องแชร์ลวงโลกที่สุดท้ายก็เล่นเอาเงิบ วันนี้ พี่เป้ ขอรวบรวมเรื่องแชร์ลวงโลก 3 เรื่องที่หลายคน(และพี่ด้วย)ก็น่าจะเคยหลงเชื่อหรือหลงแชร์มาแล้ว มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
appledaily.com.tw
เรื่องที่ถูกแชร์ : ผู้หญิงจีนคนหนึ่งศัลยกรรมหน้าสวยขึ้นจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่พอมีลูก ลูกดันไม่มีส่วนเหมือนหรือคล้ายพ่อแม่เลยแม้แต่นิดเดียว ดังนั้นฝ่ายสามีชื่อว่า เจียน เฟิง จึงฟ้องเพราะคิดว่าภรรยามีชู้ แต่ที่แท้จริง สามีไม่รู้ว่าภรรยาผ่านมีดหมอมาแล้ว จึงคิดว่าภรรยาสวยธรรมชาติ
เรื่องจริง : ภาพนี้เป็นภาพที่ถูกถ่ายเพื่อใช้โฆษณาคลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่งของไต้หวัน บุคคลในภาพทั้งหมดไม่รู้จักกัน หมายความว่าฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายไม่ได้เป็นอะไรกัน เด็กที่อยู่ในภาพก็ไม่ใช่ลูกของทั้งคู่
กลายเป็นเรื่องฮือฮาเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน เมื่อมีเว็บไซต์ในไต้หวันได้พูดถึงความจริงเกี่ยวกับภาพโฆษณานี้ที่คนทั้งโลก(และเว็บไซต์ดังระดับโลก)หลายเว็บเคยแชร์กันว่อนเมื่อช่วงปี 2013 ว่ามันเป็นเรื่องลวงโลก!! สิ่งที่ถูกแชร์กันคือ ผู้หญิงในภาพไปอัพเกรดความสวยจนไม่เหลือเค้าหน้าเดิมและไม่ได้บอกสามี สามีจึงคิดว่าเธอสวยธรรมชาติและยอมแต่งงานด้วย แต่พอมีลูกออกมา ลูกกลับไม่เหมือนพ่อหรือแม่เลย บางข่าวก็บอกว่า มีการตรวจ DNA ด้วย แต่ก็เป็น DNA ของพ่อแม่นั่นแหละ หรือบางข่าวก็เล่าไปกันใหญ่ว่ามีการฟ้องร้องเกิดขึ้น บ้างก็ว่าฟ้องร้องได้ บ้างก็ว่าศาลไม่รับฟ้อง สารพัดของข่าวลือต่างๆ เรียกว่างานมโนตีความใส่ไข่ล้วนๆ
จนในที่สุด ผู้หญิงในภาพนามว่า เยี่ย ว่าน เจิ้ง ซึ่งเป็นนางแบบชาวไต้หวัน ได้จัดแถลงข่าว โดยมีใจความว่า ภาพนี้เป็นการถ่ายโฆษณาสำหรับคลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอได้เซ็นตกลงยินยอมให้นำภาพไปใช้ในสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น แต่คลินิกศัลยกรรมกลับนำไปแชร์ในโลกออนไลน์และมีคนตีความคิดว่าเธอเป็นแม่ของเด็กในภาพ จนมีหลายคนเข้าใจเธอผิดและคิดว่าเธอไปทำหน้ามาใหม่จนสวยเช้ง แต่ความจริงเธอไม่เคยทำศัลยกรรม ไม่เคยแต่งงาน และไม่เคยมีลูก เรื่องนี้ทำให้เธอได้รับความเสียหายอย่างมาก ถูกเข้าใจผิด และเสียโอกาสในการทำงานหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายเธอจึงต้องออกมาเล่าความจริงให้โลกได้รู้
appledaily.com.tw
ยังไงล่ะ มีใครเคยแชร์ข่าวนี้บ้าง? พี่ไม่เคยแชร์แต่เคยอ่านข่าวนี้และเชื่อตามข่าวเหมือนกัน (แอบเงิบเบาๆ) น่าสงสารคนในเรื่องจริงๆ เลย เธอคงเสียหายมากจริงๆ จนต้องออกมาแถลงข่าว ... ป.ล. ว่าแต่น้องเด็กน้อยสามคนในรูปนั้นจะรู้สึกน้อยใจมั้ยอะว่าทำไมเอาหนูมาถ่ายโฆษณาแบบนี้ T^T
เรื่องที่ถูกแชร์ : หญิงชาวเกาหลี "ลีจองฮี" ถูกสามีที่เป็นพวกคลั่งศาสนาและมีจิตวิปริตทำร้ายและข่มขืนมาเป็นเวลาหลายปี แถมบังคับให้เธอหลับนอนกับผู้ชายมาแล้วหลายคน ไม่หมดแค่นั้น สามีของเธอยังข่มขืนลูกชายของตัวเองอีกด้วย แต่กลับไม่เป็นข่าวดังเพราะครอบครัวของสามีเป็นพวกมีอิทธิพล
เรื่องจริง : พูดสั้นๆ คือ เรื่องนี้ไม่จริง เป็นเรื่องแต่งที่เธอและลูกชายสร้างเรื่องขึ้นมาเพราะหวังได้รับ(เงิน)ความช่วยเหลือ
ส่วนตัวพี่ได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรกผ่านทางทวิตเตอร์ค่ะ มีแฮชแท็กชื่อว่า #HelpLeeJungHee เกิดขึ้น เพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือให้แก่ลีจองฮี เนื้อหาของเรื่องคือ เธอถูกสามีทำร้ายร่างกาย ข่มขืน บังคับให้นอนกับชายอื่นนับร้อยคน เพราะสามีเธอนั้นวิปริตทางเพศ บางทีก็วางยาให้เธอหลับนอนกับลูกชายตัวเอง!! แถมยังล่วงละเมิดทางเพศกับลูกชายแท้ๆ ของตัวเองอีก!! และสารพัดสิ่งที่สามีทำที่แบบว่า....อ่านแล้วถึงกับต้องทำหน้าเบ๊เลยทีเดียวว่า มนุษย์เราจะทำแบบนี้ได้จริงๆ เหรอ? มีการแปลข่าวนี้เป็นหลายๆ ภาษาเพื่ออยากจะบอกให้โลกรู้ถึงปัญหานี้และยื่นมือช่วยเหลือเธอ ฝ่ายเจ้าตัวก็เขียนจดหมายและทำคลิปออกมา(ในคลิปเธอและลูกชายใส่มาส์กปิดไม่ให้เห็นหน้า)เพื่อขอความช่วยเหลือ เรียกว่าเป็นอะไรที่ดราม่าสุดๆ สื่อเกาหลีเริ่มให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากขึ้น ตำรวจเริ่มสอบสวนแต่ก็ไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ (ลีจองฮีบอกว่า เธอและลูกชายนั่นแหละคือหลักฐาน) แต่แล้วก็โป๊ะแตก....
มีรายการหนึ่งเชิญเธอและลูกชายไปออกรายการสัมภาษณ์ ระหว่างที่ทีมงานออกไปข้างนอก เธอและลูกก็ได้คุยกันและหลุดพูดบางอย่างออกมาโดยไม่รู้ว่ามีไมค์ของรายการวางอยู่ มีคำพูดแปลกๆ ออกมา เช่น อย่าทำตัวน่าสงสัยสิ , ถ้าพวกเขาคิดว่าเรื่องของเราเป็นเรื่องโกหกล่ะ? ยังไงแม่ก็พูดโน้มน้าวคนได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ ระหว่างที่ทีมงานได้พูดคุยกับตัวลูกชายเกี่ยวกับการถูกล่วงละเมิดทางเพศ ตัวคนเป็นแม่กลับแอบยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง...มันแปลกๆ มั้ยล่ะ ทำให้ตอนนี้คนส่วนมากที่เคยเชื่อเรื่องนี้ก็เริ่มจะมองออกแล้วว่า นี่มันเรื่องลวงโลกชัดๆ และตอนนี้ก็แทบไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้แล้วค่ะ
อ่านจดหมาย(เรื่องแต่ง)ของเธอได้ที่นี่ คลิก
artodyssey1.blogspot.com
เรื่องที่ถูกแชร์ : หญิงสาวชาวพม่าคนหนึ่งดุด่าทำร้ายพ่อแม่ เวลาผ่านไป กรรมตามสนอง ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนไปจนมีรูปร่างคล้ายสุนัข สุดท้ายก็เพิ่งเสียชีวิตอย่างทุกข์ทรมานในปี 2556 ที่ผ่านมานี้เอง
เรื่องจริง : นี่มันรูปปั้น!!
เป็นเรื่องแชร์ลวงโลกที่ผ่านมาสักพักใหญ่ แต่ก็มักวนกลับมาให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ซึ่งคนแต่งก็มโนเป็นเรื่องราวว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งได้ทำบาปหนัก คือดุด่าทำร้ายพ่อแม่ แม่ไม่ให้เงินก็ใช้เท้าถีบแม่จนแม่หน้าฟาดกับพื้น กรรมก็เริ่มตามสนองเพราะร่างกายของเธอเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนสุนัข เริ่มเห่าและเดินสี่ขา ใช้ชีวิตลำบาก อยู่ด้วยความอับอาย ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ตลอดเวลา สุดท้ายก็เสียชีวิตลง บางข่าวนี่ล้ำมาก มีการตั้งชื่อให้คนในเรื่อง แถมบอกด้วยว่าพ่อแม่ชื่ออะไร อยู่หมู่บ้านชื่ออะไร เรียกได้ว่า แว้บแรกที่อ่านก็ต้องแอบเชื่อเบาๆ ว่าเหมือนจะเป็นเรื่องจริงนะเนี่ย
สุดท้ายเรื่องราวก็ถูกเฉลยว่า ภาพที่ถูกนำมาแชร์พร้อมแต่งเรื่องเป็นละครนั้น เป็นงานศิลปะของศิลปินชาวออสเตรเลีย ชื่อว่า แพทริเซีย พิคคีนีนี ที่เน้นสร้างประติมากรรมสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างหน้าตาคล้ายคน คืออยากเห็นหน้าคนต้นคิดเรื่องนี้จริงๆ เลยนะเนี่ย จบข่าว!!
artodyssey1.blogspot.com
artodyssey1.blogspot.com
บางเรื่องเราแชร์เพราะสงสารหรือเห็นใจจริงๆ สุดท้ายกลับมาพบว่าเป็นเรื่องลวงโลกนี่ก็เล่นซะไปต่อไม่ถูกเลย ดังนั้นจึงเป็นบทเรียนได้ดีเลยค่ะว่า ก่อนแชร์อะไร จะต้องลองคิดถึงความสมเหตุสมผลของเรื่องนั้นก่อนว่า(น่าจะ)มีโอกาสเป็นไปได้จริงๆ หรือไม่ หากอันไหนไม่ชัวร์ การไม่แชร์ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรค่ะ
บทความประกอบ :
15 ความคิดเห็น
แต่ละอัน.................สยอง!!!!!
รูปปั้นเหมือนจริงมากค่ะ มันคงไม่แปลกที่บุคคลทั่วไปจะเข้าใจผิด...เนอะ
กำลังมานเข้าอยู่เห็นรูบนี้แล้วแทบอ้วก
มโนกันแจ่มมากแต่ละอัน ซึ่งเราก็เชื่อไปได้ แย่ๆๆๆๆ (ด่าตัวเองนะเนี่ย)
ข่าวสุดท้ายอ่ะ จะบอกว่าเราเชื่อนะเว้ยยย คือแบบพูดกับพ่อนี่ค่ะตลอด 5555
อันที่สามเราเห็นมันติดอยู่ที่หน้าประตูของพระอาจารย์ ที่สำคัญมันข้อสอบ!!!!! เราก็ตอบผิดไง ไอ่เราก็นึกว่าเรื่องจริงเสียคะแนนไปฟรีๆ
โลกโซเชียลไม่มีคำว่าจริงใจหรอก
ที่เห็นแชร์กันเยอะๆเมื่อไม่นาน ก็รูปปั้นกับเรื่องศัลยกรรมคะ มีอีกเรื่องนะคะเรื่องที่เด็กเหวี่ยงแม่ที่พิการอยากได้โทรศัพน์(ไม่เป็นเรื่องจริงค่ะน้องออกมาพูดแล้วสงสารน้องมาก)
ข่าว1ตอนแรกเราก็เชื่อนะ5555 แต่แบบไม่ได้เห็นลงเป็นเว็บไซต์ เห็นตอนคนมาคอมเม้นประมาณว่า 'นี่ไงคนเกาหลีศัลยกรรม พอมีลูกเดี๋ยวก็รู้' เราก็เพิ่งรู้ว่าคนจีนเหมือนกัน แล้วรู้สึกไม่ชอบคนที่เม้นแบบนั้นมากว่า ไม่รู้จริงแล้วยังมาพูดอ่ะ แล้วทำให้เราเข้าใจผิดอีก555
จะบอกว่า.....เรื่องที่สอง น้องฎาเคยอ่าน และเชื่อ และอาจจะเผลอกดแชร์ไปแล้ว แฮะๆ
แต่ดู๊ดู!! คนเรามันก็หลอกกันได้นะ
อันที่หนึ่งกะสามเคยอ่านผ่านๆ เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้างตามประสาคน แต่อันที่สองนี่ไม่เคยได้ยินจริงๆ ค่ะ ทำไปได้เนอะคนเรา เรื่องที่สามนี่ฝังใจหลอนไปนานเลย
อันสุดท้ายนี้...โรงเรียนเรานำมาแปะหน้าเสาธงเลยค่ะว่าทำชั่วได้ชั่ว...ถั่วลิสงเอ๊ย...แล้วตรูก็เชื่อ... (ตอนนั้นอยู่ป.6 ค่ะ) แต่ก็รู้ว่าเขาแปะเพราะไม่อยากให้เด็กทำชั่ว...พึ่งมารู้ตัวตอนกลับไปเยี่ยมครูป.ที่โรงเรียน....