แพงไหมล่ะ? 12 ค่าบริการต่างๆ ใน "ญี่ปุ่น" ที่แพงเวอร์จนขนลุก

7 ที่สุดการประดับไฟคริสต์มาสที่โตเกียว ใครจะไปญี่ปุ่นห้ามพลาด! (สวยมาก)


        สวัสดีครับน้องๆ ชาว Dek-D.com เจอกับ พี่โช และคอลัมน์ JaPON JaPAN (เจปงเจแปน)  วันนี้กลับมาพบกับบทความสนุกๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นกันอีกครั้งนะครับ วันนี้เป็นบทความเกี่ยวกับค่าครองชีพต่างๆ มาดูกันว่า ค่าตัดผม ค่าทางด่วน ค่าถ่ายรูป ค่านู่นนี่ที่เป็นเรื่องจิปาถะในชีวิตของคนญี่ปุ่นจะถูกหรือแพงกว่าบ้านเราอย่างไรบ้าง บอกเลยว่าใครไม่เคยไปญี่ปุ่นลองอ่านดูครับ ไปอ่านกันเลย!!


ราคาค่าถ่ายเอกสาร 

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : แผ่นละ 3 บาท

ในรูปเป็นร้านแบบถูกมากครับ แผ่นละบาทกว่าๆ หายากมาก แถมต้องถ่ายเองด้วย

      ถ้าในบ้านเรา เป็นที่รู้กันว่า ค่าถ่ายเอกสารคือ A4 แผ่นละประมาณ 50 สตางค์ ซึ่งในบางที่อาจจะถูกหน่อยเช่นตามหน้าโรงเรียนหรือร้านเข้าเล่มหน้ามหาวิทยาลัยที่ราคาเหมาก็อาจจะเหลือแผ่นละ 33 สตางค์ ถ้าที่ไหนแพงก็แผ่นละ 1-3 บาทเป็นต้น ส่วนที่ญี่ปุ่นนั้นส่วนมากอยู่ที่แผ่นละ 10 เยน หรือประมาณ 3 บาทครับ ถ้าที่ไหนถูกหน่อยก็จะประมาณ 5 เยนต่อแผ่นซึ่งหาราคานี้ยากมากนอกจากแถวๆ รอบๆ มหาวิทยาลัยเท่านั้น

และนี่คือหน้าตาของเครื่องที่ทำได้ทุกอย่างในร้านสะดวกซื้อ ทั้งถ่ายเอกสารขาวดำ สี สแกน แฟกซ์
ส่งจากมือถือ ส่งเมล ปรินท์รูปจากเฟซบุ๊ก ไอจี ทำได้หมด

        และอีกความต่างของการถ่ายเอกสารที่ญี่ปุ่นกับไทยคือ “การที่เราต้องถ่ายเอง” ไม่เหมือนบ้านเราที่นอกจากราคาจะถูกแสนถูกแล้วยังมีคนมาถ่ายให้อีก ที่ญี่ปุ่นถ้าเราถายพลาดก็ต้องยอมจ่ายเพิ่มเพื่อถ่ายใหม่ให้ได้แบบที่ต้องการ ส่วนเครื่องถ่ายเอกสารหาไม่ยากครับ ที่ร้านสะดวกซื้อเช่น 7-11, Family Mart, SunKus, Lawson มีหมดครับ แถมเลือกได้ด้วยว่าจะถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายสี ถ่ายแล้วส่งอีเมล ทำเป็นพีดีเอฟ สะดวกจริงๆ (แต่ก็แอบแพงแหละถ้าจะถ่ายมากๆ ) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ญี่ปุ่นเหล่าอาจารย์จะไม่ค่อยสนับสนุนให้ถ่ายเอกสารกัน ตามเครื่องถ่ายเอกสารจะมีป้ายเขียนเกี่ยวกับสิทธิทางปัญญาและไม่ให้ทำสำเนามากเกินไป

 

ราคาถ่ายรูปติดบัตร

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : 6 รูป หรือแผ่นนึงประมาณ 270 บาท


        พี่โชไม่ได้อยู่ไทยมาเกือบสิบปีแล้ว ราคาถ่ายรูปติดบัตรน่าจะอยู่ที่สัก 100-200 บาทต่อซักโหลนึงได้ใช่ไหมครับ ที่ญี่ปุ่นนั้นราคาจะอยู่ที่สักครึ่งโหล 900 เยนหรือ 270 บาทครับ

       ส่วนมากที่ญี่ปุ่นจะไม่ได้ถ่ายกันตามร้านเหมือนบ้านเรา เพราะส่วนมากจะถ่ายกันตามตู้ถ่ายรูปติดบัตรอัตโนมัติตามสถานีหรือในห้างเสียมากกว่า ถ้าไปร้านคือถ่ายรูปครอบครัวกันจริงจังไปเลย และแน่นอนเหมือนบ้านเรา เวลาถ่ายรูปติดบัตร รูปที่ออกมาหนังหน้าจะไม่ค่อยออกมาดูดีเท่าไหร่ เพราะตู้มักสาดแฟลชซะเห็นทุกรูขุมขน กล้องก็ซูมใกล้แบบไม่กะให้เราได้เกิดเลยทีเดียว บางทีอยากจะบอกกับคนออกแบบตู้ว่า รูปพวกนี้มันจะอยู่กับเราไปตลอด อยากให้ถ่ายได้หลายๆ รอบหน่อย สองสามรอบไม่พอจริงๆ แม้เดี๋ยวนี้หลายๆ เครื่องจะมีฟังก์ชั่นเพิ่มเงินเพื่อให้ทำหน้าขาว ลบสิว บีบหน้า ก็ตาม
 


      ตู้ถ่ายรูปก็จะเป็นประมาณตู้ถ่ายรูปสติกเกอร์ครับ มีกระจกให้ส่อง มีหลายภาษาให้เลือก พอเข้าไปในตู้ก็จัดแจงที่นั่งตามที่บอกให้เรียบร้อย เผอิญพี่โชไปได้สถานทูตไทยในญี่ปุ่น เห็นตู้ถ่ายรูปของญี่ปุ่นนี้เป็นเวอร์ชั่นภาษาไทยแล้วรู้สึกน่ารักมากเลยถ่ายรูปมาให้ดูกัน ฟังก์ชั่นหน้าขาวผ่อง แปลออกมาเป็นภาษาไทยได้น่ารักดีนะครับ


ราคาปั๊มกุญแจสำรอง

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : ดอกละ 180-300 บาท

        การปั๊มกุญแจเป็นกิจกรรมเล็กๆ ในชีวิตที่ทุกคนเคยเจอ ที่ประเทศไทย ราคาค่าปั๊มกุญแจต่อดอกคิดว่าประมาณ 20-50 บาทต่อดอก (เหมือนจะเจอ 40 บ่อยสุด ใครเพิ่งไปปั๊มมาลองมาอัพเดตราคาหน่อยครับ) ในขณะที่ญี่ปุ่น ร้านปั๊มกุญแจที่ญี่ปุ่น ราคาเท่าที่เจออยู่ที่ประมาณ 600-1,000 เยนหรือดอกละ 180-300 บาทครับ ส่วนสถานที่ปั๊มกุญแจนั้นก็เหมือนบ้านเราคือถ้าไม่ใช่ร้านกุญแจแถวบ้าน ก็จะเป็นพวกร้าน Mister Minit ที่อยู่ตามสถานี หรือตามชั้นใต้ดิน ชั้นจอดรถ ทางเข้าห้องน้ำของห้างสรรพสินค้าทั่วไป นึกออกใช่ไหมครับ ที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกันเลย


      แต่ที่ตื่นเต้นกว่านิดนึงคือ กุญแจญี่ปุ่นบางทีมีให้เลือกด้วยแหละว่าจะปั๊มกุญแจลายอะไร แน่นอนว่าราคากุญแจที่สวยงามและถูกลิขสิทธิ์ก็จะเพิ่มไปด้วย อย่างของพี่โชตอนนี้ใช้เป็นรีลัคคุมะครับ เวิ่นมาก

 

ราคาแก้ทรงเสื้อผ้า กางเกง

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : ตัดขา 300 บาท แก้ทรง 1000-2000 บาท 

mamanoreform.jp

      อันนี้ที่บ้านเราเป็นเรื่องปกติ ร้านเข้าทรงกางเกง ปะ ชุน ซ่อมเสื้อผ้า บางทีอยู่ริมถนน เป็นคุณป้าพร้อมจักรเย็บผ้านั่งเย็บอยู่เห็นได้ทั่วไป ราคาก็เช่นแก้ทรง 100-200 บาท ตัดขากางเกง 50-100 บาท เป็นต้น แต่ที่ญี่ปุ่น สมมติว่าเราไปซื้อกางเกงมาจากร้านเสื้อผ้า ทางร้านอาจมีบริการตัดขากางเกงให้ฟรี แต่ถ้าใครใช้ไปนานๆ อยากจะแก้ทรงก็ต้องไปหาร้านช่างเสื้อทำให้ครับ ราคาค่างวดก็แพงใช่เล่น ยกตัวอย่างเช่นพี่โชจะเอากางเกงไปเข้าทรงทำให้เป็นขากระบอกเล็กสองตัว ช่างเสื้อญี่ปุ่นก็เอากางเกงไปวัดและตีราคามาให้ที่ตัวละ 6,000 เยนหรือ 1,800 บาทครับ สองตัวก็ 3,600 บาท เป็นต้น คนขายถึงกับขนาดบอกกับพี่โชว่า “จริงๆ แล้วไปซื้อตัวใหม่อาจจะคุ้มกว่านะคะ” ซึ่งก็จริง นี่ล่าสุดพี่โชไปห้างอิเซตันครับ เอาเนคไทไปสองเส้น กะว่าจะทำเนคไทให้มันแคบลงดูไม่เป็นทรงคนแก่ คนขายเอาไปคำนวณราคาพร้อมบอกมาว่า เส้นละ 15,000 เยน (ประมาณ 4,500 บาท) เพราะเป็นงานฝีมือ ต้องใช้เวลาและความประณีตสูง ...นี่ถึงขั้นช็อก เผอิญมีเพื่อนที่เรียนด้านแฟชั่นพอดี ก็เลยให้เพื่อนไปช่วยทำให้ครับ เส้นละ 3,000 เยนหรือ 900 บาท แพงอยู่ดีแต่ก็ยอม



ราคาอัดรูปต่อแผ่น

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : รูปละ 3 บาท

       ที่บ้านเราค่าอัดรูปอาจจะมีตั้งแต่ 3 บาทสำหรับขนาดธรรมดา บางร้านอาจได้จัมโบ้ด้วย ส่วนที่ญี่ปุ่นแผ่นละประมาณ 30 เยนหรือ 9 บาทครับ

       ซึ่งการอัดรูปที่ญี่ปุ่นนั้นก็มีให้เลือกว่าเราจะเอาไฟล์รูปหรือฟิล์มไปให้พนักงานอัดและตัดมาให้เรียบร้อยแบบบ้านเรา หรือจะเป็นแบบนั่งเลือกเองจากคอมพิวเตอร์ของทางร้านแล้วสั่งพรินต์ทันทีเลยก็ได้ ราคาก็คล้ายๆ กันครับ อันนี้ไม่มีอะไรมาก ผ่าน

 

ราคาตั๋วหนัง

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : 450-600 บาท

img.sunrise-inc.co.jp

     โดยทั่วไป ตั๋วหนังที่ญี่ปุ่นแบบธรรมดาๆ เลยก็ประมาณ 1,800-2,000 เยนหรือประมาณ 600 บาทครับ และหากเป็นนักเรียน อาจมีส่วนลด เช่นเหลือคนละประมาณ 1,500 เยนหรือ 450 บาทเป็นต้น อันนี้เป็นเก้าอี้แบบปกติเลยนะครับ ซึ่งระบบการจองก็ถ้าจะให้สะดวกและให้มั่นใจว่ามีที่นั่งก็ควรจะจองจากทางอินเตอร์เนตไปก่อนแล้วค่อยไปออกตั๋วที่โรงหนังเมื่อไปถึง สำหรับราคาป๊อปคอร์น น้ำดื่มอะไรต่ออะไรเป็นเซท รวมๆ แล้วต่อคนก็ 1,000-2,000 หรือ 300-600 บาทขึ้นอยู่กับว่าสั่งมากน้อยขนาดไหนครับ แอบรู้สึกว่าค่าขนมในโรงแพงเหมือนกัน



ราคาตัดผมต่อหัว

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : 900-1,200 บาท

       การตัดผมที่ญี่ปุ่นก็มีหลากหลายราคาให้เลือก ถ้าสำหรับผู้ชายแบบถูกๆ เลย ก็ไปพวกร้านตัดเสร็จใน 10 นาทีตามสถานีหรือย่านชุมชนต่างๆ ซึ่งไม่อาจจะเลือกช่างและทรงประหลาดๆ ได้ ราคาก็จะถูกมาก คือ 1,000 เยน หรือ 300 บาท ที่ญี่ปุ่นเรียกร้านพวกนี้ว่า just cut คือตัดให้อย่างเดียวจริงๆ ทำทรงวิลิศมาหราไม่ได้

      ในขณะที่ร้านตัดผมทั่วไปที่ดีขึ้นมาหน่อย เลือกทรงผมต่างๆ ตามแฟชั่นได้ ราคาไม่แพงมากไปในระดับที่วัยรุ่นพอจะจ่ายไหวคือ ตัดอย่างเดียว 3,000-4,000 เยนหรือ 900-1,200 บาทครับ ถ้าทำสีด้วย ดัดด้วย ก็จะอยู่ที่ราวๆ 5,000-10,000 หรือ 1,500-3,000 บาทต่อครั้งครับ 


ราคาค่าจอดรถต่อชั่วโมง

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : 30 นาที 90 บาท

       ราคาค่าจอดรถที่ญี่ปุ่นถ้าน้องๆ คนไทยเห็นอาจจะตาลุกวาวได้ เพราะแพงจริงๆ ครับ โดยเฉพาะในโตเกียว ย่านกินซ่ายิ่งแล้วใหญ่ คืออาจแพงกว่า 30 นาที ราคา 300 เยนหรือ 90 บาท ซึ่งถ้าจอดนานๆ หน่อยก็สมควรคิดราคาเหมาจะถูกว่า เช่น 12 ชั่วโมงเหมาไปราคา 3,600 เยน หรือ 1,000 กว่าบาทครับ ในย่านอื่นๆ หรือต่างจังหวัดก็จะถูกลงกว่านี้หน่อยนึง แต่ก็ยังใช้ระบบคล้ายๆ กันครับคือคิดทีละ 30 นาที ครึ่งวัน หรือทั้งวันเป็นต้น


        ดังนั้น ถ้าใครคิดจะจอดรถในญี่ปุ่นต้องวางแผนให้ดี ไม่เช่นนั้นค่าจอดอาจแพงมหาศาลได้ และการจอดริมถนนนั้น ในบางจุดจะมีอุปกรณ์คล้ายๆ มิเตอร์วางไว้แบบในรูปด้านล่างครับ

      แม้จะมีที่ว่าง อยู่ๆ จะไปจอดแบบฟรีๆ ไม่ได้นะครับ ต้องคำนวณค่าจอดกับเครื่องด้วย ต้องซื่อสัตย์ 

       เจ้ามิเตอร์นี้ก็จะนับว่าเราจอดไปกี่นาทีแล้วนับตั้งแต่เราเข้ามาจอด และที่ยุ่งยากน่าปวดหัวคือเจ้าเครื่องเหล่านี้มักกำหนดว่า ห้ามจอดเกินเวลาที่กำหนดไว้ เช่น ห้ามเกินหนึ่งชั่วโมง ถ้าจะจอดเกิน ต้องมาเลื่อนออกเลื่อนเข้าทีนึง การจอดแช่เกินหนึ่งชั่วโมงจะกลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตำรวจก็จะมาหาเราครับ 

 

ราคาค่าทางด่วนในเมือง

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : ขึ้นทางด่วนในเมืองเตรียมเงินราวๆ 1,000 เยน หรือ 300 บาท


wikipedia.org

      อย่างบ้านเราพี่โชจำได้ว่าทางด่วน (เฉลิมนครและศรีรัช) ในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ 25, 30, 40 จนมาถึง 50 ในปัจจุบัน ส่วนในญี่ปุ่นการขึ้นทางด่วนในเมืองหนึ่งครั้งเก็บเงินเรารวมๆ แล้ว 1,000 เยนหรือ 300 บาทครับ  ถ้าขึ้นผิดหรือหลงทางบอกได้เลยกุมขมับ ส่วนไฮเวย์หรือถนนในตามต่างจังหวัดที่เป็นทางหลวงขนาดใหญ่หลายเลนข้ามจังหวัด ที่ญี่ปุ่นมีเก็บเงินด้วยครับ สภาพถนนก็จะดีกว่าทางหลวงทั่วไปที่ขับฟรีและผ่านย่านชุมชน ทำเวลาหรือเร่งความเร็วไม่ได้ อันนี้ราคาก็จะคิดตามระยะทาง บอกราคายาก ก็เท่าที่เห็นจะเป็นหลัก 2,000-3,000 กว่าเยนหรือ 600-900 บาทครับ ซึ่งหากใช้บัตรเติมเงินก็จะมีส่วนลดพอสมควร บัตร ETC Card นี้จริงๆ จะเรียกว่าเติมเงินแบบบ้านเราจริงๆ ก็ไม่ถูกนัก เพราะจริงๆ แล้วมันใช้ระบบหักยอดจากบัตรเครดิตครับ พูดง่ายๆ คือเหมือนเป็นบัตรลูกของบัตรเคริตที่เรามี เลยไม่ต้องเติมเงินให้ยุ่งยาก แค่เสียบไว้ในรถก็ขึ้นทางด่วนได้ สำหรับใครที่ไม่มีบัตรนี้เวลาขึ้นทางด่วนก็ต้องเข้าช่องเก็บเงินที่มีคนนั่งทั่วไปแบบที่เห็นในบ้านเราครับผม

  

ราคาฟิล์มติดหน้าจอโทรศัพท์มือถือ

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : แผ่นละประมาณ 300-450 บาทขึ้นไป

       ที่ญี่ปุ่น ราคาฟิล์มติดหน้าจอโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ราวๆ 1,000 เยน หรือ 300 บาทขึ้นไปครับ ซึ่งอาจฟังดูเหมือนไม่แพงขนาดนั้น แต่เอาจริงๆ แล้วคนญี่ปุ่นหลายๆ คนจะไม่ซื้อราคาที่ถูกที่สุดครับ เพราะที่ญี่ปุ่น “ต้องติดฟิล์มเอง” ไม่มีร้านแบบมาบุญครองหรือร้านมือถือแบบบ้านเราที่มีพนักงานมือโปรมาติดให้ ดังนั้น คนญี่ปุ่นหลายคนจึงยอมซื้อฟิล์มที่แพงขึ้น โดยเฉพาะที่เขียนว่า “ติดเองแล้วไม่มีฟองอากาศ” “ติดทีเดียวเรียบเนียน” กันพอสมควร ราคาจึงอาจอยู่ที่ 2,000 เยนหรือ 600 บาทเป็นต้น 

       ซึ่งตอนนี้บางร้านที่ขายฟิล์มเริ่มมีบริการติดฟิล์มให้ลูกค้าครับ ถ้าจำไม่ผิดจะอยู่ที่ฟิล์มละ 500 เยนหรือ 150 บาทครับ พี่โชเองอยู่ญี่ปุ่นมานานพอสมควร เมื่อสมัยก่อนไม่มีบริการแบบนี้เราจึงต้องฝึกฝนการติดฟิล์มเอง พี่โชถึงขนาดกลับไปไทยและไปมาบุญครองเพื่อขอให้พนักงานร้านมือถือสอนวิธีติดฟิล์มไม่ให้มีฟองอากาศกันเลยทีเดียว  5555 ทั้งนี้ บางคนอาจบอกว่า เอ้ย ร้านร้อยเยนที่ญี่ปุ่นมีฟิล์มมือถือขายนะ 100 เยนหรือ 30 บาทเอง...แต่อย่างที่ว่า มันติดยากมากครับ แถมคุณภาพฟิล์มก็ไม่ค่อยดีด้วย กว่าจะไล่ฟองอากาศหมดเล่นเอาเหนื่อยครับ บอกเลย



ราคาขึ้นรถเมล์ต่อครั้ง

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : ราคาต่อครั้ง 60 บาท

      ราคารถเมล์ต่อครั้งที่ญี่ปุ่นคือประมาณ  200 เยนหรือ 60 บาทครับ บางสายอาจเก็บราคาเดียวตลอดทาง ส่วนบางสายในต่างจังหวัดอาจเก็บเพิ่มตามระยะทาง แม้จะดูแพงไปหน่อย แต่รถเมล์ญี่ปุ่นค่อนข้างตรงเวลามาก แถมขับรถดีสุดๆ เพราะกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้บริการคือเหล่าผู้สูงวัย ผู้พิการทางร่างกาย เด็กๆ จึงต้องค่อยๆ ขับ รถหลายบริษัทเลือกใช้รถแบบที่เรียกว่า non-step bus หมายถึง เวลาขึ้นรถหรือลงรถผู้โดยสารไม่ต้องก้าวหรือปีนป่ายให้ยุ่งยาก เหมาะสำหรับคนแก่หรือผู้มีปัญหาในการทรงตัว เพราะระดับรถและระดับถนนจะเท่ากันพอดิบพอดี ไม่ต้องกลัวว่าจะล้มลุกคลุกคลาน และที่สะดวกสบายมากๆ

       ช่วงนี้รถเมล์หลายคันที่ญี่ปุ่นเริ่มติดตั้ง wifi ให้ใช้บริการกันได้ ต่อง่าย ความเร็วก็โอเคยกเว้นตอนเด็กๆ วัยรุ่นขึ้นมาแย่งใช้ ถ้ามีแต่ผู้สูงอายุในรถ wifi จะเร็วมาก อันนี้พี่โชใช้ตลอดเลยเวลาขึ้นรถเมล์


ราคาตู้กดหยิบตุ๊กตา หรือ UFO catcher

ราคาทั่วไปในญี่ปุ่น : ครั้งละ 30 บาท หากหยอด 150 บาท จะได้ฟรี 1 ครั้ง

       ราคาตู้กดตุ๊กตาที่ญี่ปุ่นอยู่ที่ 100 เยนหรือ 30 บาทต่อครั้งครับ ซึ่งตู้ทั่วไปจะมีปุ่มเขียนว่า หากหยอด 500 เยน หรือ 150 บาท จะได้เล่นเพิ่มเป็น 6 ครั้ง

       ซึ่งขอบอกเลยว่า การหยิบตุ๊กตาให้ได้ในญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยาก หากอยากได้จริงๆ ให้ถามพนักงานเลยว่า มาช่วยวางตุ๊กตาได้ไหมให้หยิบได้ หรือถามวิธีกดว่าเหลืออีกประมาณอีกกี่ครั้งจะได้เป็นต้น เพราะจริงๆ แล้วตุ๊กตาได้ถูกคำนวณมาแล้วว่าเราควรต้องจ่ายเท่าไหร่จึงจะได้ไป

       ดังนั้น ถ้าใครยังไม่เชี่ยวชาญ อย่าเพิ่งตะบี้ตะบั้นกดโดยไม่ถามพนักงานก่อน โดยเฉพาะถ้าตุ๊กตาวางอยู่อยู่ในตำแหน่งที่ประหลาดๆ เพราะคนก่อนหน้ามากดพลาดและทำให้อยู่ไกล ยิ่งยากที่จะคีบหรือตวัดได้ หากภาษาญี่ปุ่นแข็งๆ ลองถามพนักงานดูได้ครับว่าควรกดอย่างไรให้ได้ รับรองพนักงานช่วยใบ้แน่นอน 




        เป็นอย่างไรกันบ้าง หลายๆ อย่างในญี่ปุ่นอาจจะดูแพงมากเมื่อเทียบกับบ้านเรา แต่ก็อย่าลืมว่ารายได้ของคนญี่ปุ่นก็มากกว่าบ้านเราเช่นเดียวกัน อย่างเช่นค่าจ้างต่อชั่วโมงก็ประมาณสามร้อยบาท เงินเดือนแรกเข้าของเด็กที่เพิ่งจบมหาวิทยาลัยก็ประมาณหกหมื่นกว่าบาทขึ้นไปครับ แม้จะฟังดูมากหากมองจากเงินเดือนบ้านเรา แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะอยู่อย่างสุขสบายในญี่ปุ่น เพราะระดับราคานี้เป็นขั้นต่ำที่ทำให้เราพอมีพอกิน ซื้อข้าวของมาตอบสนองปัจจัยสี่ได้หากไม่ไปสร้างหนี้สินมากมายเกินตัว จริงๆ มีอีกหลายบริการและสินค้าที่บ้านเราแล้วก็ที่ญี่ปุ่นต่างกันมาก วันหลังถ้าชอบอ่านกันจะเอามาเขียนอีกนะครับ วันนี้พอแค่นี้ก่อน อย่าลืมติดตามบทความต่อๆ ไปของพี่โชเกี่ยวกับญี่ปุ่นนะครับผม

บทความข้อมูลประกอบ: http://www.nishiginzaparking.co.jp/price/

พี่โช
พี่โช - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายเรียนต่อนอก

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

A girl in the Jungle Member 3 มี.ค. 59 22:43 น. 6

ขอแชร์บ้างๆ ราคาแต่ละอย่าง เราฟังแล้วแบบ หึหึหึ นี่ขนลุกแล้วเหรอ? ;_;

มาแลกเปลี่ยนที่สวีเดน จะลองเทียบราคาให้ฟังเล่นนะ 55555 ใช้เรท 5 บาท = 1 sek เราบอกเฉพาะที่รู้นะ

- ค่าปั้มกุญแจ อันนี้ตกใจมาก ดอกละ 500 บาท หน้าตาปกติธรรมดาเนี่ยแหละ มีลายเหมือนกัน แต่ต้องเพิ่มเงิน
- ราคาตั๋วหนัง เราเพิ่งรู้สึกรักเมเจอร์ เอสเอฟแถวบ้านตอนมาแลกเปลี่ยนนี่แหละ ราคาปกติเลยก็ประมาณ 120 sek / 600 บาท ถ้าหนังโปรโมทมาแรงหน่อยก็บวกเพิ่มบ้าง แล้วโรงหนังคือเล็กมาก เก้าอี้ธรรมดา กากกว่าเก้าอี้ 120 บาทบ้านเราเยอะอะ รอบหนังก็น้อยมากเช่นกัน ถ้าไม่ใช่การ์ตูนของเด็กจะมีแบบ 6 โมงเย็นขึ้นไป ถ้าเรื่องไหนเงียบๆ นู่นจ้ะ รอบ 3 ทุ่มเท่านั้น 
- ค่าตัดผม อันนี้เราช็อคมวากก ต้องจองคิวก่อนด้วย มี drop-in แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ดูธรรมดามาก ตัดเฉยๆ 300-600 sek ประมาณ 1500-3000 บาท ค่ะ นับศูนย์ไม่ผิด เราเคยไปถามเรื่องย้อมสีผม ราคานักเรียนนะ 2200 sek หรือ 11,000 บาท เรานี่แข้งขาอ่อนเลยทีเดียว โฮสแม่เราเคยตัดผม+ดัดผม+ต่อผม 5000 sek... 25,000 บาท ..... เราแบบ ห่ะ? ยังมีบริการอื่นๆอีกมากมาย แต่ราคาล้มทั้งยืนล้วนๆ 55555

4
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

20 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Cannotitbeme Member 3 มี.ค. 59 21:29 น. 4
อยากให้ช่วยแนะนำที่เที่ยวช่วงฤดูร้อนให้หน่อยได้ไหมคะ เช่นเทศกาลดอกไม้ไฟมีจัดช่วงไหนบ้าง ว่าจะไปเที่ยวช่วงฤดูร้อนอ่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ
0
กำลังโหลด
STARBEADS Member 3 มี.ค. 59 21:30 น. 5

หึๆๆๆ ตู้หยิบตุ๊กตาทำเราเจ็บหนักมากๆคือมันเกือบได้แล้ว แต่ไม่ได้สักที ใครจะยอมละ ต้องเอาให้ได้สิ สุดท้ายแลกเหรียญทีละพันเยน แลกไป 5 ครั้ง กว่าจะได้ได้มาเป็นโมเดลอนิเมะ 3 ตัว ลาก่อน 5000 เยน ถ้าไปซื้อไม่รู้จะถูกกว่านี้มั้ย รู้งี้เอาไปหมุนกาชาปองดีกว่า เจ็บใจมาก

ป.ล.เจอพนักงานแต่งคอสเพลย์ด้วยแหละ

ฮือฮือ

0
กำลังโหลด
A girl in the Jungle Member 3 มี.ค. 59 22:43 น. 6

ขอแชร์บ้างๆ ราคาแต่ละอย่าง เราฟังแล้วแบบ หึหึหึ นี่ขนลุกแล้วเหรอ? ;_;

มาแลกเปลี่ยนที่สวีเดน จะลองเทียบราคาให้ฟังเล่นนะ 55555 ใช้เรท 5 บาท = 1 sek เราบอกเฉพาะที่รู้นะ

- ค่าปั้มกุญแจ อันนี้ตกใจมาก ดอกละ 500 บาท หน้าตาปกติธรรมดาเนี่ยแหละ มีลายเหมือนกัน แต่ต้องเพิ่มเงิน
- ราคาตั๋วหนัง เราเพิ่งรู้สึกรักเมเจอร์ เอสเอฟแถวบ้านตอนมาแลกเปลี่ยนนี่แหละ ราคาปกติเลยก็ประมาณ 120 sek / 600 บาท ถ้าหนังโปรโมทมาแรงหน่อยก็บวกเพิ่มบ้าง แล้วโรงหนังคือเล็กมาก เก้าอี้ธรรมดา กากกว่าเก้าอี้ 120 บาทบ้านเราเยอะอะ รอบหนังก็น้อยมากเช่นกัน ถ้าไม่ใช่การ์ตูนของเด็กจะมีแบบ 6 โมงเย็นขึ้นไป ถ้าเรื่องไหนเงียบๆ นู่นจ้ะ รอบ 3 ทุ่มเท่านั้น 
- ค่าตัดผม อันนี้เราช็อคมวากก ต้องจองคิวก่อนด้วย มี drop-in แต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านที่ดูธรรมดามาก ตัดเฉยๆ 300-600 sek ประมาณ 1500-3000 บาท ค่ะ นับศูนย์ไม่ผิด เราเคยไปถามเรื่องย้อมสีผม ราคานักเรียนนะ 2200 sek หรือ 11,000 บาท เรานี่แข้งขาอ่อนเลยทีเดียว โฮสแม่เราเคยตัดผม+ดัดผม+ต่อผม 5000 sek... 25,000 บาท ..... เราแบบ ห่ะ? ยังมีบริการอื่นๆอีกมากมาย แต่ราคาล้มทั้งยืนล้วนๆ 55555

4
กำลังโหลด
กำลังโหลด
อ่านแต่ไม่แสดงความคิดเห็น 4 มี.ค. 59 01:50 น. 8
ถ้าเทียบกับรายได้ของเขาถือว่าไม่เพงเท่าไหร่เลย จะแพงหน่อยก็ค่าจอดรถแหละ
0
กำลังโหลด
เด็กน้อยในวันฤดูใบไม้ร่วง Member 4 มี.ค. 59 16:16 น. 9

แต่ละอย่างเราเฉย ๆ ยิ่งค่าตัดผมเฉยมาก เพราะเราตัดที่ไทยก็ราคาราว ๆ นี้เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

ค่าตัวหนัง เราเฉยมาก เพราะราคาขนาดนี้เฉย อีร้อยกว่าบาทเมืองไทยก็ง่อยเหมือนกัน เราจ่ายคาแพงเป็นประจำเลยไม่รู้สึกว่าการจ่ายค่าตัวหนังระดับนั้นมันแพง (คือเข้าโรงหนังทีหมดเป็นพัน)

ค่ารถประจำทางกับทางด่วน ก็เฉย ๆ นะ เราจ่ายค่าสองแถวแถวนี้ จากเซนทรัลไปขนส่งห่างกันแค่สองโล จ่ายเกือบร้อย จิ๊บมาก ทางด่วนเราวิ่งก็ห้าร้อยขั้นต่ำ เลยเฉย ๆ

ค่าแก้ทรงกางเกง อันนี้เราเฉย ๆ เพราะส่วนใหญ่ถ้าจะเปลี่ยนทรงเราเลือกซื้อใหม่ ส่วนเนคไทด์ นี่เราแปลกใจ ญี่ปุ่นไม่มีไทด์แบบแคบขายหรอ ? มีแต่แบบกว้าง ๆ หรอ ? คือราคาแก้ไทด์ 4500 บาท ตีเงินไทยนี่ได้ไทด์ดี ๆ ดีแบบดีมาก ๆ เส้นหนึ่งเลยอะ และไทด์เล้ก(แฟชั่น) ไทด์กลาง ๆ และไทด์ใหญ่(คนมีอายุ) ก็น่าจะหาได้ไม่ยากนะ หรือว่าญี่ปุ่นเขามีไทด์แบบเดียวอะ ? แปลกใจ

เรารู้สึกไม่ว๊าวเลย เพราะแต่ละประเทศเอามาเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว แต่ในประเทศไทยที่ต้องว๊าวสุด ๆ คือ ตัดผม 800 บาท และได้ไม่ดีนี่แหละ เราแบบ เฮ้อ ราคาประเทศในบางอย่างน่าว๊าวกว่าเยอะ

0
กำลังโหลด
Zerzis Member 5 มี.ค. 59 09:51 น. 10

ค่าตู้หนีบตุ๊กตาแพงจริง แต่ว่าได้ง่ายกว่าของไทยนะ บางตู้อ่ะแค่ร้อยเยนก็ได้แล้ว (ตุ๊กตาตัวใหญ่)

พวกตุ๊กตาจะได้ง่ายพวกโมเดล เราเคยเล่น 1000 เยน ได้ตุ๊กตามา 5 ตัว

ถ้ามีอันที่เราอยากได้จริงๆก็บอกพนักงาน เขาก็มาจัดให้ เราจะเล่นได้ง่าย 

ปล.พนักงานน่ารักมากกกกกกกกกก เขาจัดให้เราหลายรอบจนเราคีบได้ 5555 เย้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Parfait(s) Member 7 มี.ค. 59 04:47 น. 12

มาแชร์แถวนี้บ้าง (ซานฟรานซิสโก)

- ค่ารถเมล์ ~90 บาท

- ดูหนัง ~ 400 บาท

- ข้าวผัดไทยธรรมดาจานนึง ~ 300 บาท (ยังไม่รวมทิปกับภาษี)

- ค่าตัดผมยังไม่เจอต่ำกว่า 2 พันบาทนะ ถ้าอยากได้ร้านดีๆ ไว้ใจได้ (ร้านญี่ปุ่น / เกาหลี) ก็อาจต้องมากกว่านี้

- มีค่าประกันสุขภาพ ประกันนู่นนี่อีก ฯลฯ

- อพาร์ทเม้นต์แพงมากกกกก แบบสุดๆ

โคตรแพงอ่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
poppop22 Member 9 มี.ค. 59 19:06 น. 14

แพงไม่แพงมันวัดที่ค่าครองชีพ ไปดูรายได้ขั้นต่ำของคนญี่ปุุ่น

เทียบกับคนไทยดู แล้วจะรู้เองว่ามันแพงหรือปกติ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
LoLLiPo:p Member 25 ส.ค. 59 22:07 น. 17

ค่าถ่ายเอกสารที่ญี่ปุ่นเราว่าแพงแล้วนะ ที่อังกฤษร้านทั่วๆไปแผ่นละ 5 ปอนด์!! (ราวๆ-250บาท) เรานี่ถึงกับถามป้าร้านถ่ายเอกสารซ้ำ ป้าแกก็บอก ก็ห้าปอนด์ไงจ้ะ  

อา..จ่ายไม่ลงเลยทีเดียวเสียใจ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
มิมุเมะโมะ Member 27 เม.ย. 60 20:43 น. 19

ของเราเจอ ร้านถ่ายเอกสารแผ่นละ ขาวดำ15-20บาท สี30บาท ย้ำ! แผ่นละ! ย้ำอีกที!! แผ่นละ!!

ตอนนั้นเผลอตัวไปปริ้น5แผ่น 5หน้า เสียโง่ไป100 แบบ โห กระดาษก็บาง แค่จับก็ยับ มือชื้นหน่อยคือขาดอะ

.......

เคยปั้มกุญแจ2ดอก100นึง แบบ พอมาเล่าให้เพื่อนฟังคือ เพื่อนบอกว่าโดนโกงแล้ว ปกติดอกละ20บาทเอง

....

สองเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในสถานที่เดียวกัน


0
กำลังโหลด
Naewku Member 16 ก.ค. 60 23:05 น. 20

ง่ายเขามีเศรษฐกิจที่ดีกว่า หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว เลยแพงกว่า แต่แค่ค่าเงินต่ำกว่า 1บาทก้อ 3เยนกว่าๆนี่แหละคับ


0
กำลังโหลด
กำลังโหลด