ลำดับเหตุโศกนาฏกรรมมือปืนกราดยิงกว่า 50 ชีวิตที่เมืองออร์แลนโด้ #OrlandoShooting

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com วันนี้ พี่นิทาน จะขออัพเดตข่าวที่กำลังเป็นที่พูดถึงอยู่ตอนนี้นะคะ กับเหตุการณ์สุดสลดที่เกิดขึ้นที่เมืองออร์แลนโด้ รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ที่มีมือปืนกราดยิงในผับเกย์และคนเสียชีวิตกว่า 50 คน... ด้วยสาเหตุที่คาดเดาว่าเพียงเพราะเขามีความรู้สึก 'เกลียด' เพศที่สาม ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างอ่อนไหวและพูดยากเหมือนกันค่ะ เรามาดูกันดีกว่าว่าเหตุการณ์นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

ป้ายหน้าผับ Pulse ที่เกิดเหตุ
Photo credit : CNN
   
    เหตุการณ์สุดสลดใจนี้เกิดขึ้นที่ผับที่ชื่อว่า 'Pulse club' ผับเกย์ชื่อดังในเมืองออร์แลนโด ฟลอริดา เมื่อเวลาตี 2 ของวันอาทิตย์ (วันที่ 12 มิ.ย. 2559) มีชายคนหนึ่งก่อเหตุใช้ปืนกราดยิงผู้คนในผับก่อนจะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิตในภายหลัง โดยยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ระทึกขวัญนี้มีถึง 50 ราย และผู้บาดเจ็บประมาณ 53 ราย เหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดในสหรัฐอเมริการองจากโศกนาฏกรรม 9/11 เลยค่ะ

    ก่อนเหตุการณ์ร้ายแรงจะเกิดขึ้น ที่ผับ Pulse นี้ก็กำลังจัดปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนานเช่นเคยเนื่องจากเป็นคืนวันเสาร์ที่มักจะมีคนมาปาร์ตี้กว่า 300 คน โดยปกติผับนี้จะเป็นที่รู้จักทั้งในชาวเพศที่สามและคนทั่วไปอยู่แล้ว และระหว่างปาร์ตี้นั้นไม่มีใครคิดว่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะทุกคนกำลังสนุกสนาน และเมื่อมีคนเริ่มได้ยินเสียงปืน บางคนก็ยังคิดว่าเป็นเสียงเอฟเฟกต์จากเพลงในปาร์ตี้ ลองนึกภาพเวลาเราอยู่ในปาร์ตี้ในผับที่มืดและเสียงดัง แถมอยู่ในบรรยากาศที่ทุกคนกำลังมีความสุข ไม่มีใครรู้ตัวจนกระทั่งมีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากในผับ และตามด้วยเสียงกระหน่ำยิงของปืนที่ดังขึ้นติดต่อกันเรื่อยๆ

    
ผู้รอดจากเหตุการณ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่าเสียงปืนนั้นดังยาวนานจนจบเพลงเลยก็ว่าได้ ผู้รอดชีวิตบางคนให้สัมภาษณ์ว่าเห็นหลายคนล้มลง และเห็นบาดแผลผู้ถูกยิงเป็นรูใหญ่ ผู้คนต่างพากันหลบหนีออกจากผับ แต่ด้วยความที่คนเยอะมากจึงทำให้การหนีออกมาเป็นเรื่องที่ยากลำบาก บางคนต้องหาที่หลบหนี ซ่อนตัวในห้องน้ำบ้าง และบางคนถึงขนาดต้องใช้ศพคนที่ตายเพื่ออำพรางไม่ให้คนร้ายเห็น ภายหลังตำรวจรายงานว่า ผู้หลบหนีบางคนได้ใช้ช่องแอร์เป็นทางหนีอีกทาง จนในที่สุดเมื่อตำรวจมาถึงจึงร้องเรียกทุกคนว่า 'ใครที่ยังมีชีวิตอยู่ให้ยกมือขึ้น' ในระหว่างนั้นผู้รอดชีวิตต่างก็พยายามติดต่อกับครอบครัวและแจ้งเหตุการณ์ไปยังหน่วยงานต่างๆ 
    หลังเหตุการณ์ชุลมุนเริ่มสงบลงตำรวจพบตัวคนร้ายหลบหนีซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำในตึกก่อนจะยิงจนเสียชีวิตในที่สุด...

แล้วใครคือคนร้าย?

 
ใบหน้าของคนร้าย Omar Mateen
Photo credit : CNN
   
    คนร้ายมีชื่อว่า Omar Mateen อายุ 29 ปี เป็นชาวอัฟกานิสถานที่เกิดที่นิวยอร์ค ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในบริษัทชื่อดัง และตำรวจเชื่อว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ISIS เพราะระหว่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมีคนโทรเข้าไปที่เบอร์ 911 และประกาศตนว่าเขามีความนับถือกลุ่มก่อการร้าย ISIS (ไม่ทราบแน่ชัดว่าใคร แต่คิดว่าน่าจะเป็นเขาเอง) หลังจากโดนตำรวจยิงเสียชีวิต ได้มีการอพยพผู้คนที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์เดียวกับเขาออกไปพักที่อื่นชั่วคราวก่อน เนื่องจากกลัวว่าเขาจะซ่อนระเบิดหรือวางแผนก่อการร้ายอื่นๆ เพิ่มเติม โดยภายหลังตรวจพบว่าไม่มีระเบิดหรืออาวุธใดๆ อื่น ตำรวจกล่าวว่าเหตุการณ์ร้ายแรงนี้มีการวางแผนมาอย่างดี โดยมาทีนได้แฝงตัวเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้ร่วมปาร์ตี้ พอได้จังหวะเขาจึงออกไปเอาอาวุธที่รถ และกราดยิงผู้คนในนั้น

 
ภาพการฝึกฝนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
Photo credit : CNN
 
    ตำรวจยังรายงานอีกว่าก่อนหน้านี้ ในปี 2013 และ 2014 มาทีนเคยถูกตำรวจสอบปากคำเนื่องจากสงสัยว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อการร้ายระเบิดพลีชีพในสหรัฐอเมริกา แต่ภายหลังไม่พบหลักฐานใดๆ จึงถูกปล่อยตัวไป
 
    ครอบครัวของมาทีนมาจากประเทศอัฟกานิสถาน พวกเขาเล่าว่ามาทีนเคยเห็นชายสองคนจูบกันและรู้สึกโมโหมาก แต่ไม่คิดว่าเขาจะมีความเกลียดชังเพศที่สามรุนแรงถึงขนาดนี้ และไม่ทราบด้วยว่ามาทีนมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย ISIS หรือไม่ แต่มาทีนไม่น่าจะเป็นคนคลั่งศาสนาขนาดนั้น นอกจากนั้นเมื่อปี 2009 มาทีนเคยแต่งงานกับหญิงชาวอุซเบกิสถาน แต่ก็ต้องหย่าร้างกันไปในปี 2011 เนื่องจากมาทีนเป็นคนอารมณ์รุนแรงและมีอาการเหมือนเป็นโรคไบโพลาร์ (Bipolar - โรคอารมณ์สองขั้ว) และชอบทำร้ายร่างกายเธอ สาเหตุที่มาทีนก่อการร้ายครั้งนี้น่าจะมาจากอาการป่วยทางจิตใจ เธอคิดว่ามาทีนไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ISIS หรือเป็นพวกหัวรุนแรงในศาสนาเช่นกัน 

    หลังจากเหตุการณ์น่าสลดใจได้เกิดขึ้น ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บได้ถูกนำส่งโรงพยาบาลและประกาศขอรับบริจาคเลือดเพิ่มจากประชาชน เหตุร้ายนี้ถือว่าเป็นอีกเหตุการณ์ที่สะเทือนใจมากและไม่ควรจะเกิดขึ้นจากความเกลียดชัง บาร์บารา เจ้าของผับ Pulse กล่าวว่า "ที่ Pulse นี้เคยเป็นสถานที่ที่มีแต่ความรัก ทุกคนมาเพื่อความสนุกสนาน และพนักงานที่นี่ก็ทำงานร่วมกันมากว่า 15 ปี รวมไปถึงทุกคนที่มาปาร์ตี้ในคืนนี้ Pulse เป็นอีกที่หนึ่งที่สนับสนุนความรักของทุกคนไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม เหตุการณ์ที่น่าสลดใจครั้งนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น และเราก็เสียใจมากๆ ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บทุกคน เราเสียใจไปไม่น้อยกว่าพวกคุณเลย"

Photo credit : pixabay 

คนเราไม่ควรถูกเกลียดเพราะความแตกต่าง

    ปัจจุบันทุกคนคงเห็นกันอยู่ว่าโลกเรามีอะไรที่เปลี่ยนไปมากมายแค่ไหน และอีกเรื่องหนึ่งที่ยังคงเป็นเรื่องที่คนหลายๆ กลุ่มยังคงเรียกร้องสิทธิเพื่อจะมีที่ยืนในสังคม เพื่อได้รับการยอมรับและสิทธิที่เท่าเทียมกันนั่นก็คือสิทธิของ 'เพศที่สาม' หลายประเทศทั่วโลกสนับสนุนความรักของเพศที่สามและมีกฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกันแต่งงานได้ 

     ความจริงไม่ควรมีกฎว่าเพศไหนต้องแต่งกับเพศไหนตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ ในเมื่อความรักสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา และกับเพศไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ตราบใดที่ไม่ไปเดือดร้อนใคร แต่พี่ก็เชื่อว่าเรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลาแ ละกับบางประเทศที่ไม่ได้ถูกปลูกฝังให้แสดงออกทางความรักหรือการคบหากันนั้น ก็อาจจะยิ่งยากที่จะยอมรับความรักของเพศที่สาม แต่ในที่สุดแล้วก็อยากให้ทุกคนมองถึงความจริงที่ว่าความรักไม่เคยทำร้ายใคร และการที่ทำลายความรักด้วยความเกลียดชังนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในมนุษย์ด้วยซ้ำ จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมากที่ต้องเห็นข่าวที่น่าเศร้าแบบนี้เพียงเพราะความเกลียดชังในสิ่งที่คนไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง...
   
     ความรักไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความเข้าใจมาก และการที่คนเพศเดียวกันมีความรักต่อกัน ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่ยากที่จะเข้าใจเลย

   
    ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ และขอให้ความรักเป็นสิ่งที่ยังคงทำให้โลกหมุนไป และทำลายความเกลียดชังได้สักวันค่ะ...


 
ข้อมูลจาก
http://money.cnn.com/
http://edition.cnn.com/
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

ART_U Member 13 มิ.ย. 59 17:46 น. 1

รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเลย...คนเราไม่ควรถูกตัดสินเพียงเพราะ "แตกต่าง" 

.

.

ขอไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตทุกคนด้วยค่ะ 

0
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

ART_U Member 13 มิ.ย. 59 17:46 น. 1

รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเลย...คนเราไม่ควรถูกตัดสินเพียงเพราะ "แตกต่าง" 

.

.

ขอไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตทุกคนด้วยค่ะ 

0
กำลังโหลด
Feeltheburn 13 มิ.ย. 59 20:38 น. 2
พอมีเคสแบบนี้คนก็มักจะหาข้อแก้ตัวอย่างแรกเลยว่าคนลงมือมีอาการทางจิต ซึ่งถ้าอ่านดูดีๆจะเห็นว่าใช้คำว่ามีอาการเหมือน ซึ่งหมายถึงเค้ายังไม่ได้รับการวิฉิจฉัยจากแพทย์ และปฏิเสธความเชื่อมโยงกับกลุ่มไอสิส ซึ่งคำให้การนี้มาจากครอบครัวเขา แค่เอฟบีไอบอกว่านายคนนี้ถูกเรียกหลายครั้งเพราะถูกสงสัยว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้าย อเมริกาคนถูกยิงตายเคสแบบนี้เป็นว่าเล่นแต่ไม่ยอมแก้ปัญหา gun control เอะอะก็โยงเรื่องจิตเวช
2
อะบาบูบี 13 มิ.ย. 59 20:42 น. 2-1
แต่เราว่าคนที่จะมากราดยิงคนได้ จิตใจก็ไม่น่าปกติละนะ ส่วนมากจะต้องมีผิดชอบชั่วดียับยั้งบ้าง แต่ถ้าทำได้ขนาดนี้ คงจิตผิดปกติจิงๆอะเราว่า
0
กำลังโหลด
หรรษกานต์ 21 มิ.ย. 59 09:27 น. 3
Gun control เป็นเรื่องคนส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจ จริงๆแล้ว การที่จะมีปืนไว้ครอบครองไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะค่ะดิฉันเป็นคนนึงที่ มีไว้ป้องกันตัวเอง ต่อให้รัฐบาลจัดการเรื่อง gun control จริงอย่างที่ว่า คนร้ายหรือผู้โจรผู้ร้ายทั่วก็สามารถหาปืนเถือนมาครอบครองได้อยู่ดี แต่คนดีๆหาไม่ได้เพราะถ้ามีจะผิดกฏหมาย ลองดูใกล้ๆ นะค่ะบางรัฐ ของอเมริกา ห้ามประชากรในรัฐมีปืนไว้ในครอบครอง แต่ ก็ยังมีข่าว คนผิวสี คนเม็ก ยิงกันล่ำไป มันอยู่ที่จิตใจคนแล้วล่ะค่ะ ว่าคุณที่มีปืนมีสามัญสำนึกในการใช้อย่างไร การที่เราเป็นซิติเซนอเมริกัน ควรที่จะเคารพ กฏรัฐธรรมนูญ ของอเมริกาด้วย ทั้ง27 1 ใน 27ของรัฐธรรมนูญ The Second Amendment (Amendment II) to the United States Constitution protects the right of the people to keep and bear arms !!!
0
กำลังโหลด
กำลังโหลด