รู้หรือไม่!? การติดโซเชียลมีเดียมากไป ทำให้เราเครียดได้เหมือนกัน

    สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ทุกวันนี้เราใช้โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสื่อสารระหว่างกันตลอดเวลา ไม่ว่าจะกับพ่อแม่พี่น้องที่อยู่บ้านเดียวกัน หรือจะกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียน ที่มหา'ลัย ที่เจอกันบ่อยๆ อยู่แล้ว และที่สำคัญก็คือเอาไว้ติดต่อและพูดคุยกับเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่ค่อยได้เจอ เพื่อนต่างชาติ ฯลฯ พี่นิทาน ว่าโซเชียลมีเดียช่วยให้เราขยับเข้ามาใกล้กันขึ้นเยอะเลยนะคะไม่ว่าตัวจะอยู่ห่างกันแค่ไหน แต่น้องๆ เคยสำรวจตัวเองกันบ้างไหมคะว่าเราติดโซเชียลมีเดียมากเกินไปมั้ย?

 
Photo: Pixabay

    ในวันหนึ่งวันเราเข้าเฟซบุ๊ก (และอื่นๆ) กันกี่ครั้ง และในแต่ละครั้งเราเสียเวลากับมันไปเท่าไหร่ และรู้มั้ยว่านี่เป็นหนึ่งในสาเหตุของความเครียดเช่นกัน ในสมัยนี้อาจมีน้อยคนที่ไม่ใช้โซเชียลมีเดียเลย เพราะแม้แต่คนอายุเยอะๆ อย่างปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเราบางคนยังเล่นไลน์กันเป็นเลย แน่นอนว่าอะไรก็ตามที่มีประโยชน์ก็มักจะมีโทษให้เราเหมือนกัน และเมื่อเราใช้โซเชียลมีเดียมากเกินไป หรือใช้อย่างเกินจำเป็นจนกลายมาเป็นวิถีชีวิตประจำวันเราก็อาจเป็นสาเหตุของความเครียดได้ค่ะ เรามาดูตัวอย่างและเหตุผลกันเลยดีกว่า


โซเชียลมีเดียทำให้เรา 'อิจฉา' คนอื่น


Photo: Pixabay

    เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกวันนี้เราเสพข่าวสารในเรื่องต่างๆ จากโซเชียลมีเดีย ทั้งข่าวการบ้านการเมือง, ข่าวดารา บันเทิง, เพลงอัพเดตหรือหนังใหม่ๆ ฯลฯ บางครั้งเราก็ได้ฟังเพลงใหม่ๆ หรือรู้ข่าวโปรโมชั่นลดราคาจากโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อน หรือเพื่อนบางคนอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เราอยากไปนู่นนี่เหมือนเขา อยากไปเที่ยวทะเล อยากใส่ชุดสวยๆ หุ่นดี แบบที่เพื่อนลงรูป และเมื่อเราเสพเยอะเข้าความรู้สึกเหล่านั้นอาจเปลี่ยนมาเป็นความ 'อิจฉา' หรือความหมั่นใส้ได้โดยไม่รู้ตัว 

    หลายคนยอมรับว่าการเช็กเฟซบุ๊กทุกๆ วันก็ทำให้เราเครียดอย่างไม่รู้ตัว เพราะบางครั้งสิ่งที่เราเห็นมากๆ อาจทำให้เรารู้สึกอยากมีแบบนั้น แต่อาจจะมีไม่ได้ ทำไมคนนั้นดูรวยกว่าเรา สวยกว่าเรา แต่งตัวดีกว่า ทำไมหวานกับแฟนจัง (แล้วทำไมเราโสด) ฯลฯ หลากหลายเหตุผล และนั่นก็ชัดเจนว่าเรากลายเป็นสนใจใน 'สิ่งที่คนอื่นมี'  มากกว่า 'สิ่งที่เรามี' จนทำให้เรานำมาเปรียบเทียบกับตัวเองและรู้สึกแย่


ต้อง 'สร้าง' ภาพลักษณ์ตัวเอง 


Photo: Pixabay

    อีกเรื่องหนึ่งของโซเชียลมีเดียที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อความรู้สึกของเราก็คือ 'การสร้างภาพ' ให้คนอื่นมองเราว่าเราเป็นคนแบบไหน ชอบอะไร แชร์อะไร อัพสเตตัสเกี่ยวกับอะไร มีความเห็นอย่างไร หลายคนยอมรับว่าโพสต์รูปและสเตตัสบางอย่างเพื่อทำให้ตัวเองดูดี และหลายคนไม่ได้ยอมรับ แต่ก็มีความหวังลึกๆ ในทุกครั้งที่โพสต์อะไรออกไปว่าจะได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ในโซเชียล ที่จริงแล้วก็เป็นพื้นฐานของมนุษย์ที่อยากให้ใครๆ ยอมรับ แต่ถ้าเราคาดหวังหรือพยายามมากเกินไปก็อาจจะเครียดโดยเปล่าประโยชน์

    ลองนึกถึงเพื่อนที่ชอบโพสต์รูปไปเที่ยวสวยๆ ใช้ของแพงๆ ดูกัน หลายครั้งคนแบบนี้ก็ทำให้เราอิจฉาอย่างแรง แต่ลองมองอีกมุมว่าเคยเห็นเขาโพสต์รูปตอนเครียด ตอนชีวิตพังบ้างไหม? ลงรูปกินข้าวกล่องเซเว่น หรืออะไรทำนองนี้บ้างไหม? บางคนก็ไม่เลย สิ่งที่เขาทำให้เราเห็นมันก็เป็นแค่ด้านหนึ่งเท่านั้น และคนส่วนมากมักจะเลือกโพสต์เรื่องดีๆ และโดดเด่นในชีวิต แทนที่จะลงเรื่องแย่ๆ และดูไม่น่าสนใจ จริงไหมคะ 


ไม่มีคำว่าส่วนตัว 


Photo: Pixabay

    สมัยนี้มีเน็ตไอดอลเกิดกันเยอะมาก และไม่แปลกที่เด็กๆ วัยรุ่นจะอยากเด่นอยากดังไปตามๆ กัน เวลาเราเข้าไปดูโปรไฟล์ของคนดังๆ แต่ละคนเราจะเห็นว่าส่วนมากพวกเขามักจะชอบไลฟ์ ชอบโพสต์รูป ชอบได้รับความสนใจจากผู้คน โพสต์ต่างๆ มักเปิดเป็นสาธารณะและใครๆ ก็เข้าถึงได้ แต่เรื่องนี้ก็สามารถเป็นภัยกับเจ้าของเฟซบุ๊กหรือสื่อนั้นๆ ได้เช่นกัน เพราะยิ่งมีคนสนใจและเข้ามาดูมาก ยิ่งเราเปิดเผยมากว่าทำอะไร ไปไหนก็เช็คอิน แน่นอนว่าถ้ามีใครปองร้ายเราอยู่เขาก็น่าจะมาตามหาเราไม่ยาก แต่ในขณะเดียวกันบางคนก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของตัวเองเป็นพิเศษ เช่นผู้ใหญ่บางคนไปสมัครงาน แต่หลังจากนั้นไม่ได้รับการตอบรับเข้าทำงานเพราะฝ่ายบุคคลที่บริษัทนั้นไปแอบส่องเฟซบุ๊กแล้วพบว่าเขาเป็นพวกหัวรุนแรก, เคยโพสต์บ่นเรื่องการเมือง, และเหตุผลอื่นๆ เป็นต้น ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นโซเชียลมีเดียแล้วย่อมแปลว่าความเป็นส่วนตัวค่อนข้างน้อยทีเดียวเลยค่ะ 


เรื่องของ 'สถานะ' ความรัก


Photo: Pixabay

    อาจฟังดูเหมือนไร้สาระแต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวนะคะ เพราะบางคนจริงจังกับเรื่องความรักความสัมพันธ์มากเกินไป จนเอา 'ชีวิตจริง' มารวมกับ 'โลกโซเชียล' ยกตัวอย่างเช่น เรากำลังคบหาดูใจใครสักคนอยู่ แต่เขาไม่เคยโพสต์รูปเรา รูปคู่ หรือเล่าอะไรเกี่ยวกับเราลงโซเชียลมีเดียแม้แต่นิดเดียว แต่ในขณะเดียวกันในชีวิตจริงๆ เขาก็เอาใจใส่เรามากพอแล้ว หรือบางครั้งเราอยากขึ้นสถานะ 'กำลังคบหาดูใจ' กับเขา แต่เขาบอกว่าไม่ชอบ เรื่องแค่นี้ก็ทำให้คนเราเครียดได้เช่นกันค่ะ (ทั้งที่ไม่ได้สำคัญเท่าไหร่เลย) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าเราใช้โซเชียลมีเดียจริงจังแค่ไหน ถ้ามันทำให้เราเครียด คาดหวัง และเสียใจกับอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล ก็ให้คิดซะว่ายึดติดกับความเป็นจริงดีกว่า ในโซเชียลมีเดียมันก็แค่สื่อๆ หนึ่งเท่านั้นเอง 


ดราม่ากับแฟน


Photo: Pixabay

    เคยมีผลสำรวจวิจัยของ American Academy of Matrimonial Lawyers องค์กรทางด้านกฎหมายในอเมริกาพบว่ากว่า 80% ของคู่รักที่แต่งงานกันแล้วต้องเลิกกันเพราะโซเชียลมีเดีย ยกตัวอย่างเช่น ภรรยาจับได้ว่าสามีแอบคุยแชทเฟซบุ๊กกับสาวคนอื่น หรือกลับไปเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าในเฟซบุ๊ก, คอมเมนต์รูปของแฟนเก่าหรือผู้หญิง/ผู้ชายคนอื่น และอื่นๆ ที่เราพอจะนึกกันออก ถึงแม้ว่าการติดต่อกับใครก็ตามในโลกโซเชียลจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ต่างๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าใช้งานอย่างไม่ถูกต้อง หรือการสื่อสารพูดคุยกลายเป็นประเด็นในความสัมพันธ์คู่รักก็อาจจะต้องใช้งานให้เหมาะสมมากกว่าเดิม ที่จริงแล้วเรื่องการที่เรายังติดต่อหรือเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าหรือกิ๊กเก่าอยู่ในโลกโซเชียลมันก็เป็นเรื่องของส่วนบุคคล แต่ถ้าแฟนเราหรือคนรู้ใจรู้สึกไม่ชอบใจ อันนี้ก็อาจจะต้องไปคุยกันให้รู้เรื่องกันอีกที เคารพพื้นที่ส่วนตัวกัน และเข้าอกเข้าใจกันแต่พอดีนะคะ 

 
Photo: Pixabay

    อ่านมาถึงตรงนี้แล้วมีข้อไหนที่ตรงกับน้องๆ บ้างไหมคะ? เชื่อว่าส่วนมากต้องเคยรู้สึกแบบนี้กันอยู่แล้ว แต่ถึงยังไงการใช้งานโซเชียลมีเดียก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนสมัยนี้ทั้งในแง่ของการติดต่อทำงาน การเรียน และการติดต่อเพื่อความสัมพันธ์ต่างๆ (แน่นอนว่าโซเชียลมีเดียก็ช่วยให้เราหายเหงาได้เยอะ) และการติดโซเชียลมีเดียก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจนเกินไป เพียงแต่ถ้าเรารู้ถึงข้อเสียของมันและรู้ตัวว่าเกิดอาการเครียดหรือรู้สึกหงุดหงิดใจมากกว่าเดิม เราก็ควรหาทางแก้ไขโดยการใช้งานให้พอดีๆ ไม่มากเกินไป เอาเท่าที่ติดต่อสื่อสารและทำงานได้ อย่าเอาตัวตนของเราเข้าไปอยู่ในนั้นจนเกินไป และอย่าลืมหาเวลาไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ เล่นกีฬา ทำสิ่งที่ชอบหรืออะไรก็ตามที่ไม่ต้องใช้โซเชียลฯ มากนัก (แต่ไม่ต้องอัพรูปลงทุกอย่างนะว่าเราทำอะไร 555) 

อ้างอิง
https://www.huffingtonpost.com/
https://www.realbuzz.com/
http://time.com/
https://www.psychologytoday.com/
พี่นิทาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

เรโกะ จิทาคุ Member 18 พ.ย. 60 15:15 น. 1

ดีนะ หนูแยกออก อย่างแฟน ก็แค่คนๆหนึ่ง ไม่ใช่คนรัก ในเกม ยังทะเลาะกันอีก เรื่องความรักในเกมและโลกจริง เทกันหมดหน้าตักเลยเนอะ? คิดว่าพวกเขาเป็นคนจริงใจกับเรารึไง? คอยจับผิดกัน แบบนี้ก็ล้มอยู่นั่นแหละ ล้มแล้วต้องลุก ถ้าล้มอยู่อย่างนั้นก็จมอยู่กับสิ่งที่เสียความรู้สึกนั่นแหละ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด