สวัสดีค่ะน้องๆ ชาว Dek-D.com ประเด็นเรื่องรูปลักษณ์ยังเป็นสิ่งที่คนพูดกันอยู่เสมอเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นสีผิวหรือรูปร่าง ที่มีทั้งการเหยียดบ้าง เปรียบเทียบบ้าง สาเหตุหลักๆ ก็คือค่านิยมและความคิดที่สังคมกำหนดขึ้นมา จนบางครั้งเราอาจลืมไปว่าใครคนนั้น (ที่ถูกเหยียด) เขาก็มีความภูมิใจในตัวเองอยู่แล้ว วันนี้ พี่นิทาน นำเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่เพิ่งเจอเหตุการณ์คล้ายกันไปค่ะ
คู่รักชาวอเมริกันจากรัฐโอไฮโอออกมากล่าวหาช่างภาพที่พวกเขาจ้าง เนื่องจากช่างภาพคนนี้ 'เหยียด' พวกเขาในเรื่องรูปลักษณ์ 'อ้วน' หลังจากเห็นอัลบั้มภาพตอนงานหมั้นที่โดนช่างภาพตัดต่อให้ผอมลงทั้งที่ไม่ได้ขออนุญาตก่อนด้วยซ้ำว่าพวกเขาอยากให้ทำหรือเปล่า
ข่าวนี้เพิ่งจะออกทางทีวีไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้เองค่ะ ว่านางเคที่ (Katie Liepold) ว่าที่ภรรยาเจอช่างภาพคนนี้ในเฟซบุ๊ก เธอมีชื่อว่า Linda Silvestri แล้วได้คุยตกลงกันว่าจะจ้างลินดามาถ่ายรูปงานหมั้นและงานแต่งงาน โดยค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะอยู่ที่ $600 (ประมาณ 19,108 บาท) ในแพ็กเกจเหมารวมถ่ายรูปวันงานหมั้นและอีก 2 ชั่วโมงในงานวันแต่งงานในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
แต่เรื่องราวก็ไม่ได้สวยงามตามที่คิด เมื่อช่างภาพมาถ่ายรูปวันหมั้นของคู่รักไปและส่งภาพมาให้ดูเมื่อรีทัชอะไรเสร็จแล้ว แต่เคที่กับว่าที่สามีก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ารูปที่ถ่ายไปถูกตัดต่อให้ดู 'ผอมลง' กว่าตัวจริงของพวกเขา เคที่ให้สัมภาษณ์กับข่าวช่อง News 5 ว่า "ช่างภาพตัดต่อให้เราสองคนผอมลง เหมือนเอาน้ำหนักพวกเราออกไปประมาณ 30 ปอนด์" (ประมาณ 13 กิโลกรัมกว่าๆ)
ถึงภาพจะดูผอมลงนิดเดียวแต่คู่รักก็ไม่ได้ขอให้ช่างภาพทำซะหน่อย ดังนั้นการกระทำแบบนี้จึงเหมือนแอบเหยียดเบาๆ ในเรื่องอ้วน เคที่บอกอีกว่าที่ลินดา (ช่างภาพ) ทำแบบนี้มันเหมือนการ Fat-shaming กันชัดๆ เลย ซึ่งคำว่า Fat-shaming มีความหมายประมาณว่า การทำให้คนอ้วนรู้สึกอับอาย ทั้งๆ ที่พวกเขาก็ไม่ได้เดือดร้อนซักหน่อยว่าเขาจะอ้วนยังไง ดังนั้นเคที่จึงพยายามติดต่อลินดาเพื่อ 'ยกเลิก' การจ้างถ่ายภาพที่งานแต่งของเธอ
เมื่อติดต่อไปแล้ว ลินดาก็คืนเงินตามที่บอกตอนแรกว่าสามารถ 'ยกเลิก' การจ้างได้ไม่ว่าจะกรณีใดๆ แต่ก็ไม่ได้คืนค่ามัดจำสำหรับการถ่ายรูปงานหมั้นที่ถ่ายไปแล้วเป็นจำนวนเงิน $150 หรือประมาณ 4,777 บาท นอกจากนั้นเคที่ก็ให้สัมภาษณ์อีกว่า 'ลินดากล่าวขอโทษที่ตัดต่อรูปโดยไม่ได้อนุญาตแล้ว' แต่เรื่องมันก็ไม่จบแค่นั้นค่ะ เมื่อวันถัดมาเคที่ไปเห็นโพสต์ที่ลินดาเขียนว่าเธอลงในเพจถ่ายรูปงานแต่งว่า...
"ทุกคนอาจสงสัยว่าทำไมฉันถึงปรับขนาดธุรกิจถ่ายรูปของตัวเองให้เล็กลง คือเมื่ออาทิตย์ก่อนฉันถ่ายรูปคู่รักน้ำหนักเกินคู่หนึ่งในงานหมั้น พอเห็นความเรื่องมากและจุกจิกหลายสิ่งของพวกเขาก็เดาได้ว่าคู่นี้คงเป็นตัวปัญหาแน่ๆ อย่างแรกเลยคือพวกเขาเอาหมา 4 ตัวมาด้วย เป็นหมาดื้อๆ ไม่เชื่อฟัง ที่เขาอยากเอามาอยู่ในรูปที่ถ่ายริมทะเลสาปที่มีเป็ดอยู่เยอะๆ นอกจากนั้นพวกเขาก็อยากให้รถกระบะของตัวเองมาอยู่ในภาพด้วยเหมือนกัน แต่รถกระบะมันจอดอยู่กลางแสดงแดดจ้าๆ และแถวนั้นก็ไม่มีที่ร่มอะไรทั้งนั้น มีแต่ปัญหาทั้งนั้นเลย
เธอ (เคที่) ชอบรูปที่ถ่ายมา และขอเอาแฟลชไดรฟ์มาเซฟรูปพวกนั้นไป ทั้งๆ ที่ตอนตกลงกันก็บอกอยู่แล้วว่ายังไงก็จะส่งรูปพวกนี้ไปให้เป็นซีดี แต่ก็ไม่เป็นไร จากนั้นฉันเลยส่งข้อความหาเธอเพื่อเสนอให้เธอยกเลิกการจ้างได้ถ้าไม่พอใจ เนื่องจากเธอชอบรูปทั้งหมดแค่ 25% จาก 110 รูปที่ถ่ายมา และฉันก็บอกเธออีกว่า ฉันอยากให้เธอมีความสุขกับรูปพวกนี้ รวมไปถึงรูปที่ฉันจะถ่ายให้ในวันแต่งงานด้วย
แต่ปัญหาก็ไม่จบแค่นั้น เพราะเธอก็ยังบ่นมาอีกว่าฉันไม่ได้รีทัชเอาเศษดินและเศษหญ้าออกจากกางเกงว่าที่สามีเธอ และเธอก็ไม่ชอบรูปที่ถ่ายกับรถกระบะเพราะแสงจ้าไป ทั้งๆ ที่ฉันเตือนพวกเขาไปแล้วด้วยซ้ำ
ฉันหวังว่าต่อจากนี้ใครก็ตามที่จะได้ร่วมงานกับคู่นี้อีกก็ขอให้โชคดีแล้วกัน อีกอย่างนึงคือมันไม่ใช่เรื่องง่ายนะที่อยู่ๆ จะมาหวังให้ภาพงานหมั้นงานแต่งตัวเองสวยเหมือนใน Pinterest ถ้าแค่จะเอาหัวมาใกล้ชิดกันก็ยังทำไม่ได้เลย
ในรูปที่โพสต์นี้เธอไม่ชอบภาพแรกเพราะฉันจัดท่าให้เธอยืดคางออกมา ส่วนภาพที่สองเป็นภาพที่ทั้งคู่สามารถเอาหัวมาติดกันได้มากสุดแบบไม่ต้องเบียดกัน... และท้ายที่สุด เธอให้คะแนนรีวิวฉันในเพจแค่ 2 ดาวเท่านั้น ด้วยเหตุผลที่ฉันไม่คืนเงินที่ถ่ายงานหมั้นไปจำนวน $150 แต่ไม่เป็นไร ได้คะแนนรีวิวยังดีกว่าต้องมาร่วมงานกับคนแบบเธออีกในอนาคต วันนี้พอละสำหรับการด่าคน"
อ่านแล้วก็ได้เห็นอีกมุมหนึ่งเหมือนกันนะคะ แต่ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตกลงแล้วใครถูกใครผิดกันแน่ ถ้าเกิดว่าคู่รักเรื่องมากจริง ช่างภาพก็ไม่น่าเอาเรื่องรูปลักษณ์ของพวกเขามาตำหนิเช่นกัน หลังจากเคที่เห็นโพสต์นี้แล้ว เธอก็ตอบกลับโดยการออกรายการข่าว News 5 และพูดว่า "การที่แสงไม่ดีหรือรูปเบลอไม่ใช่เพราะความอ้วนนะคะ" เพราะในรูปที่เธอได้มานั้นนอกจากแสงไม่ดีแล้ว ยังมีภาพเบลอ และภาพที่ถ่ายจากมุมประหลาดๆ เยอะมากเช่นกัน
ลินดาออกมาขอโทษ
แต่สิ่งที่ลินดาช่างภาพโพสต์ไปก็ถูกชาวเน็ตประนามกันเยอะเพราะมันไม่เหมาะสม พร้อมกับขอให้เธอลบออกและโพสต์อัปเดตหลังจากที่เคที่ไปออกข่าว ลินดาลบโพสต์นั้นออกพร้อมกับโพสต์อันใหม่ที่เขียนประมาณว่า ขอโทษที่ทำให้ทุกคนรู้สึกไม่ดี เธอไม่ได้ตั้งใจจะเหยียดรูปลักษณ์ใคร เพราะตัวเธอเองก็น้ำหนักเกินเหมือนกัน แต่ถึงยังไงก็ยังมีข้อความที่พูดถึงรูปลักษณ์ของคู่รักอยู่ดีค่ะ
ในข้อความ "Their weight was the issue that led to the difficulty in shooting the session..." ที่หมายถึงการที่คู่รักนี้น้ำหนักเกินก็เป็นปัญหาของการถ่ายรูป เลยทำให้การจัดท่าหรือคิดท่าต่างๆ ค่อนข้างยากกว่าปกติ ประเด็นนี้พี่ว่าพูดยากเหมือนกัน เพราะก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีขนาดตัวใหญ่เกินคนทั่วไป หรือน้ำหนักเกินก็สามารถทำให้การทำงานของช่างภาพไม่ราบรื่นได้จริงๆ
แต่อาจเป็นเพราะการสื่อสารของลินดาและปัญหาอื่นๆ เลยทำให้ตอนนี้ช่างภาพลินดาถูกโจมตีอย่างหนัก หลังจากที่คู่รักเคที่กับว่าที่สามีไปออกข่าวซะขนาดนั้น ลินดาก็โดนถล่มจนเธอต้องลบเว็บไซต์ตัวเองออก, ลบเฟซบุ๊กและยูทูปออกไปเลยค่ะ
แต่ถึงยังไง การที่ช่างภาพตัดต่อให้คู่รักผอมลงโดยไม่ได้รับการอนุญาตก่อนก็ถือว่าเสียมารยาทไปหน่อยค่ะ เพราะการที่เราเห็นรูปลักษณ์ใครเป็นแบบไหนและคิดว่าไม่สวยหรือไม่โอเค ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่พึงพอใจในตัวเอง ดังนั้นต่อให้ช่างภาพตั้งใจหรือไม่ หรือคู่รักจะเรื่องมากสุดๆ ยังไง ก็ถือว่าครั้งนี้ช่างภาพก็พลาดไปหน่อยนะคะเนี่ย ^^"
อ้างอิง
4 ความคิดเห็น
เอาตรงๆ นะ ใครผิดถูกไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือการที่ไปรีทัชรูปคนอ้วนให้ผอมโดยที่เขาไม่ได้ขอ ถือว่าผิดมาก
จะมีพวกแบบ ทำไมถ่ายภาพฉันออกมาอ้วนจัง. ถ่ายไม่ได้เรื่องเลย. ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้. ที่ภูมิใจในความอ้วนของตัวเอง มันส่วนน้อย. ช่างภาพเพียงแค่อยากให้รูปถ่ายออกมาให้คนจ้างพอใจ. ดูจากลายละเอียดงานแล้ว 2 ผัวเมีย ไม่ค่อยทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับช่างภาพ ก็ถือว่าเป็นผู้จ้างที่ไม่ดีเหมือนกัน. งานนี้เห็นใจช่างภาพ เพราะถูกโจมตีหนัก ต้องปิดเฟส งานหายหมด.
เพียงเพราะความคิดการร่วมงานไม่ตรงกัน. เฮ้อ
ช่างภาพเขาคงหวังดีมั้งคะ... (แต่อาจจะผิดมารยาทไม่ตรงกาลเทศะไปหน่อยเท่านั้นเอง)
ช่างภาพอาจจะอยากให้รูปดูดีแต่เธอที่กาลเทศะและเธอไม่รอบคอบ ส่วนสามีภรรยาอาจจะจุกจิกจริงหรือไม่ก็ตามส่วนนั้นยังคงไม่รู้ เอาง่ายๆเขาจะผิดหรือไม่ช่างภาพยังไม่รอบคอบพอการจะทำงานยิ่งลูกค้าจุกจิกต้องถามให้แน่ใจว่าต้องการงานแบบไหน